ตอนที่ 129 เฮาเฉีย
อธิบายเล็กน้อย
เฮาเฉีย เป็นตัวละครในเรื่องสามก๊ก ขุนพลคนหนึ่งของเตียวสิ้ว ในศึกของโจโฉและเตียวสิ้วครั้งแรก เมื่อโจโฉยกทัพมาตีอ้วนเซีย เตียวสิ้วเจ้าเมืองอ้วนเซียได้ยอมสวามิภักดิ์โดยดี โจโฉได้เข้าไปอาศัยในเมืองอ้วนเซีย แต่ไปหลงนางเจ้ซื้อผู้เป็นอาสะใภ้ของเตียวสิ้ว
เตียวริ้วโกรธมาก แต่ยังทำอะไรมิได้เพราะโจโฉมีเตียนอุยเป็นองครักษ์คู่กาย เฮาเฉียจึงเสนอวิธีให้มอมเหล้าเตียนอุยและขโมยทวนคู่ของเตียนอุยมา และเฮาเฉียคนนี้เองเป็นผู้เป็นผู้ไปขโมยทวนคู่ของเตียนอุยและขณะที่เตียนอุยเมาเหล้าไม่ได้สติ ทำให้เตียวคิ้วสามารถกำจัดเตียนอุยลงได้และทำให้ทัพโจโฉถูกตีแตกต้องถอยกลับฮูโต และโจโฉต้องเสียลูกชายและหลานชายไป แต่หลังจากศึกครั้งนั้น เฮาเฉียก็ไม่ถูกกล่าวถึงในสามก๊กอีกเลย)
พื้นที่เปิดโล่งยาว 100 เมตรปรากฏขึ้นอีกครั้ง เหลือเพียงหมอกเลือดและเศษไม้เล็กๆ ที่ล่องลอยเป็นฝุ่นผง
การปรากฏตัวของพยัคฆ์ขาวทำให้กองทหารม้าอูหวนจำนวนนับไม่ถ้วนตกตะลึงอีกครั้ง ทำให้การโจมตีโต้กลับทหารที่ซุ่มอยู่ของกองมัพหลุนฮุยถูกขัดจังหวะอีกครั้ง
” หวด หวด”
ลูกศรยิงออกไป พุ่งใส่ทหารม้าอูหวน
“ฟุ่บ ฟุ่บ”
เสียงร้องโหยหวนอันน่าสยดสยองดังขึ้นอีกครั้ง
“เจ้าแม่ทัพที่น่ารังเกียจไร้ยางอาย!” เสียงตะโกนดังขึ้นมา
ชายคนหนึ่งที่ไม่สวมเสื้อ แต่สวมผ้าคลุมหนังสัตว์และถือค้อนขนาดใหญ่วิ่งเข้ามา
“เร็วเข้า! โต้กลับด่วน! ตีโต้ไปพร้อมกับข้า! ใครกล้าหนี สังหารมันอย่างไร้ปราณี! ใครที่ไม่กล้าลุกขึ้นมาโจมตีพร้อมกับข้า ภรรยาและลูกของมันผู้นั้นจะถูกลดขั้นเป็นทาส วัวและแกะจะถูกยึดคืนทั้งหมด!” เสียงคำรามที่โกรธเกรี้ยวดังขึ้นมา
นี่คือเสียงคำรามจากดัน ที่อยู่ตรงกลางของกองทหารม้าอูหวน ในขณะนี้เขาดูเหมือนคนบ้าดวงตาของเขาแดงก่ำ
เขาเดินทางมายังปาหลุนฮุยด้วยความมั่นใจ เขาต้องการจะราชาพยัคฆ์ และนำเครื่องยิงหน้าไม้ 15,000 เครื่อง และฉกชิง “สมบัติ” ที่ราชาพยัคฆ์เฝ้าอยู่
แต่ตอนนี้เขากลับถูกซุ่มโจมตีโดยกองทัพที่ไร้ยางอาย
สิ่งที่ทำให้เขาเหลือเชื่อยิ่งกว่านั้นก็คือ ทหารส่วนใหญ่ของเขาถูกยิงและสังหารอย่างไร้ความปราณี พวกเขายังไปไม่ถึงเส้นผมของศัตรูด้วยซ้ำ
อย่างนี้จะไม่โกรธได้อย่างไร จะไม่ให้เข้าบ้าคลั่งได้อย่างไร
ทันทีที่ได้ยินเสียงตะโกนใบหน้าของทหารม้าอูหวนที่เหลือก็เปลี่ยนแปลงไป ภัยคุกคามครั้งนี้สร้างความเจ็บปวดให้พวกเขา นี้คือสิ่งที่ทหารม้าอูหวนกังวล พวกเขาจะหวาดกลัวที่จะถูกฆ่า ทั้งยังกลัวว่าภรรยาและลูกๆ ของพวกเขาจะถูกลดขั้นเป็นทาส และพวกเขายังกลัวว่าวัวและแกะของพวกเขาจะถูกริบ และนี้ทำให้พวกเขายิ่งหวาดกลัวมากขึ้นไปอีก
ในวินาทีต่อมา ทหารม้าอูหวนต่างส่งเสียงกรีดร้องและชักคันธนูและลูกธนู ออกมาเริ่มตีโต้
พวกเขาไม่ต้องการสูญเสียทรัพย์สมบัติอันเป็นประโยชน์ของพวกเขา นับประสาอะไรกับภรรยาของพวกเขาที่คงหนีไม่พ้นการประหารชีวิต
” หวด หวด”
” หวด หวด”
ลูกธนูบินแหวกอากาศอย่างต่อเนื่อง บางส่วนมาจากการซุ่มโจมตีของกองทัพหลุนฮุย และบางส่วนมาจากกองทหารม้าอูหวนที่ตอบโต้กลับ
ลูกศรทั้งสองฝั่งถูกยิงออกมา ซากศพปรากฏขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ
ในบรรดาศพนั้น มีน้อยมากที่เป็นศพของทการหลุนฮุยส่วนใหญ่จะเป็นศพทหารม้าอูหวน
เนื่องจากทหารของกองทัพหลุนฮุย มีอุปกรณ์ที่ดีกว่าและยังซ่อนตัวอยู่ในต้นไม้ จึงเป็นเรื่องยากมากที่จะยิงโดนพวกเขา
อย่างไรก็ตาม ทหารม้าหรู่หวนนั้นอยู่ใต้ต้นไม้สามารถมองเห็นได้กว้างกว่า จึงค้นพบลูกธนูที่ยิงออกมา แต่ก็ไม่สามารถยิงให้โดนทหารหลุนฮุยที่ซุบอยู่ได้
ยู่เฉินขดริมฝีปากของเขาด้วยความรังเกียจ
ไอ้โง่ ถ้าไม่มีการซุ่มโจมตี กองทัพของข้าจะไม่ตายเป็นจำนวนมากหรอกหรือ
เย่เฉินย่อมได้ยินเสียงคำรามด่าทอเขา แต่เย่เฉินก็ไม่สนใจที่จะตอบสนองต่อเสียงด่าทอนั้น
ถ้าแกจะบ้าก็บ้าไปคนเดียว ข้าไม่สนใจ
หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เยู่เฉินก็ขมวดคิ้วเมื่อมองไปยังชายที่วิ่งมาข้างหน้า
เมื่อเห็นแวบแรก เขาเหมือนจะไม่แข็งแรงมากนัก แต่ค้อนขนาดใหญ่ที่เขาถืออยู่นั้นมีน้ำหนักไม่เบาเป็นแน่
เห็นได้ชัดว่าพละกำลังของเขานั้นยอดเยี่ยมมาก ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่สามารถใช้อาวุธหนักขนาดนั้นได้
หืม?
ค้อนนั้นทำให้เยู่เฉินนึกถึงบางอย่าง
ทันใดนั้น เย่เฉินก็นึกบางอย่างได้จากนั้นเขาก็ตกตะลึง
ทันใดนั้นเสียงคำรามดุร้ายเหมือนสัตว์ปาออกมาจากปากของชายคนนั้น
“ข้าคือเฮาเฉีย แม่ทัพที่น่ารังเกียจ กล้าออกมาสู้กับข้าหรือไม่!”
“ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!” เสียงตะโกนที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าที่น่ากลัวดังขึ้นในจากปากของทหารหมุนฮุยในทันที
ชายที่อยู่ด้านหน้าของพวกเขาซึ่งดูเหมือนชนเผ่านอกด่านถึงกับกล้าดูหมิ่นท่านลอร์ดของพวกเขา กองพันหลุนฮุยจะไม่รู้สึกโกรธได้อย่างไร
“เฮาเฉีย… เจ้าคือเฮาเฉียใช่หรือไม่” เย่เฉินหรี่ตาลงก่อนจะถาม
“เจ้าแม่ทัพที่น่ารังเกียจ กล้าที่จะบอกนามของเจ้าหรือไม่!” เฮาเฉียจ้องมองไปยังเยู่เฉินจากนั้นก็เปิดปากและคำรามออกมา
เฮาเฉีย…
เขาไม่ได้ตามเดียวซิ่วหรอกหรอทำไมเขาถึงอยู่ที่นี้
ไอ้เจ้าโจรถ่อยนี้เป็นผู้ร้ายที่ขโมยาวคู่ของเตียนอุยไป และลอบสังหาร เตียนอุยตามบันทึกในประวัติศาสตร์ประวัติศาสตร์ ทำให้เตียนอุยเสียชีวิตและนี้คือแผนของเตียวซิ่ว
แม้ว่าตอนนี้เตียนอุยจะติดตามข้า แต่ประวัติศาสตร์นี้
จริงๆแล้ว ไอ้โจรถ่อยนี้ต้องตาย!
เมื่อคิดถึงเรื่องสิ่งนี้เยเฉินก็ชี้หอกสังหารในมือไปที่เฮาเฉียนและตะโกนอย่างเย็นชา
“แม่ทัพผิงเปยแห่งจักรวรรดิฮั่น นายอำเภอชั้นหนึ่ง เยู่เฉิน!”
“แม่ทัพผิงเปย?” หลังจากได้ยินคำพูดของเยเฉิน เฮาเฉียก็ผงะไป เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้คาดคิดว่าแม่ทัพผิงเปยจะซุ่มโจมตีพวกเขา
“ท่านผู้บัญชาการ! นี้ไม่ดีแล้ว! จักรวรรดิฮั่นส่งแม่ทัพผิงเปยขุนนางระดับสามมาโจมตีพวกเรา!” จู่ๆก็มีเสียงกรีดร้องออกมาจากปากของผู้นำคนหนึ่งของทหารม้าอูหวน
เมื่อได้ยินดังนั้น เขาที่กำลังโจมตีกองทหารหลุนฮุยที่ซ่อนอยู่ในต้นไม้ ก็หยุดชะงักและใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
“เป็นไปได้ยังไง! แม่ทัพที่แห่งจักรวรรดิฮั่นส่งมา ไม่ใช่กองซุนจ้านหรอกเหรอ ทำไมตอนนี้ถึงมีแม่ทัพผิงเปยอีกคน!”
ในขณะนี้ ชายหัวเล็กคนหนึ่งก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าประหม่า:
“ท่านผู้บัญชาการ แม่ทัพผิงเปยเป็นขุนนางระดับสามของจักรวรรดิฮั่นและสามารถนำทัพได้อย่างน้อย 300,000 นาย เราถอยไปก่อนดีหรือไม่?”
“ใช่ ท่านผู้บัญชาการ พวกเราอาจถูกฆ่าตายในการซุ่มโจมตีนี้ ตอนนี้พวกเราที่เหลือก็ไม่มีขวัญกำลังใจอยากสู้ต่อแล้ว รีบถอยกลับโดยเร็วดีกว่า” ผู้นำอีกคนกล่าวชักชวน
“บ้าเอ้ย! บัดซบ นี่มัน หากรบมันบนทุ่งหญ้า… ถ้าอยู่บนทุ่งหญ้า ข้าจะกระชากเส้นเอ็นและถลกหนังมันอย่างแน่นอน!” เขามองไปยังเย่เฉินอย่างเคร่งขรึมแล้วตะโกนออกมาอย่างโกรธเคือง