บทที่ 127 – หอคอยชั้น 10

 

มิวใช้เวลาไม่นานในการกำจัดศัตรูทั้งหมดแล้วก็ผ่านขึ้นหอคอยชั้นถัดไปแทบจะทันที หลังจากจัดการทุกอย่างในชั้นที่ 5 เสร็จ

มิวก็ขึ้นไปยังชั้นที่ 6 ของรางวัลจากชั้นที่ 4 กับ 5 คือผลไม้วิเศษหนึ่งลูก ที่เมื่อกินแล้วจะทำให้ได้พลังทุกด้านมากขึ้น

แถมยังสามารถช่วยคนที่อยู่ในอาการสาหัสเกือบตายกลับมามีชีวิตเหมือนกับเกิดใหม่ได้ด้วย

แต่จะไม่มีผลกับคนที่แข็งแกร่งแต่แรกอยู่แล้ว พูดง่ายๆ คือไม่มีผลอะไรกับมิว เอาเข้าจริงของรางวัลพวกนี้ไม่นับเป็นของมีค่าอะไรเลยด้วยซ้ำ

แม้มิวจะยกให้เทรต้า เทรต้าก็บอกไม่อยากได้ เพราะตัวเธอไม่ได้ช่วยมิวทำอะไรเลย จะรับอะไรมาก็กระไรอยู่

ดังนั้นมิวจึงเก็บไว้ให้คนอื่นในอนาคตแทน ซึ่งผลการฟื้นฟูถ้าหากมิวไม่มีดาบผู้กล้าเอริเนียอยู่กับตัวก็อาจจะมีประโยชน์ในตอนใกล้ตาย

แต่ดาบผู้กล้าเอริเนียสามารถตัดเอาผลลัพธ์ของการบาดเจ็บทั้งหมดออกได้ ทำให้เป็นการรักษาบาดแผลที่น่าจะโกงกว่าการฟื้นฟูมใดๆ บนโลก

ชั้น 6 คือโลกเดียวกันกับชั้น 5 แต่ย้อนเวลากลับไปอีกประมาณสิบกว่าปี.. ซึ่งมิวก็ได้ไปพัวพันกับเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย

แต่ว่านั่นก็ไม่สำคัญ.. ในตอนนี้มิวคิดถึงแค่เรื่องเดียวคือออกไปโลกด้านนอก เธออยากพักผ่อน.. เธอเหนื่อยแล้ว

หลังจากจับพลัดจับผลูอยู่หลายวันพอสมควร.. กลายเป็นว่ามิวได้เข้าใจความจริงของเรย์น่าว่าทำไมถึงเกิดมาแล้วไร้จิตสำนึก

ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า.. ดวงวิญญาณกับจิตสำนึกแม้จะเป็นสิ่งเดียวกัน แต่ก็ไม่ใช่สิ่งเดียวกันในเวลาเดียวกัน

จะว่าไงดีจิตวิญญาณคือร่างกายของตัวตนในโลกที่ไร้วัตถุ? อะไรประมาณนั้นนั่นแหละ ส่วนจิตสำนึกคือความคิดของดวงวิญญาณที่เกิดขึ้นมาแล้ว

หากความคิดคนเราปกติเกิดจากสมอง จิตใต้สำนึกก็คือกระแสความคิดที่อยู่ส่วนลึกของสมองซึ่งมาจากดวงวิญญาณ

เจ้าปีศาจจิตมรณะไม่ได้กลืนกินดวงวิญญาณคนอื่น แต่เป็นกลืนกินความคิดเหล่านั้นและเอามาหล่อเลี้ยงร่างกายตัวเองนั่นแหละนะ

แต่ว่าการที่มันจะกลืนกินจิตสำนึกได้มันต้องสัมผัสกับวิญญาณโดยใช้คลื่นความคิดของมันเอง..

และเรย์น่าเหมือนจะไม่มีดวงวิญญาณที่ว่านั้น แรกเริ่มเดิมทีเรย์น่านั้นควรจะตายไปตั้งแต่ตอนที่เกิดมาด้วยซ้ำ

กายที่ไร้วิญญาณมันก็เหมือนกับหุ่นกระบอกที่ไร้ชีวิต ซึ่งหากจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้ก็คงต้องโทษอย่างเดียวคือพระเจ้าไม่มอบวิญญาณมาให้เธอ

และในตอนนั้นเอง… โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์จึงยื่นข้อเสนอให้กับดัสก์พ่อของเรย์น่าว่าจะทำให้เรย์น่ามีชีวิตอยู่ต่อไป

โดยแลกกับการที่สักวันเธอต้องเข้าร่วมกับโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์และช่วยโลกจากปีศาจจิตมรณะที่รุกรานโลกอยู่ในตอนนี้

และนั่นเองจิตสำนึกเรย์น่าถึงมีอยู่ในตัวได้.. แต่เธอกับไร้ซึ่งวิญญาณ ตามปกติแล้วจิตสำนึกจะเกิดขึ้นหลังมีวิญญาณอยู่บนโลกนี้

แต่เรย์น่ากลับมีจิตสำนึกขึ้นมาได้โดยไร้วิญญาณ เรื่องนี้มิวก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเหมือนกัน แต่เหมือนโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์จะทำแบบนั้นได้

และเพราะว่าเรย์น่าไม่มีวิญญาณตั้งแต่แลก คลื่นความคิดของปีศาจจิตมรณะถึงไม่สามารถสัมผัสวิญญาณและดึงเอาจิตสำนึกของเรย์น่าไปได้

ทำให้เธอเป็นเพียงคนเดียวบนโลกที่ไม่ถูกทำให้กลายเป็นปีศาจจิตมรณะแน่ๆ นั่นแหละ..

แน่นอนว่าชั้นนี้เคลียร์ได้ด้วยการช่วยเหลือให้เรย์น่ามีชีวิตอยู่ไปจนถึงอีกสิบปีข้างหน้าเพื่อให้มิวได้ช่วยเธอตอนชั้นห้านั่นเอง..

ชั้น 6 ถูกเคลียร์ด้วยเวลาอันสั้นและปัญหาอันน้อยนิดหากเทียบกับชั้นก่อนหน้านี้ มิวขึ้นไปยังชั้น 7.. เวลาไหลไปย้อนกลับไปอีกสิบกว่าปีเหมือนกัน

มันไม่มีอะไรมากเลยในชั้นนี้ นอกจากสู้กับปีศาจจิตมรณะแล้วก็ช่วยมนุษยชาติบางกลุ่ม

ชั้น 8 คือช่วงเวลาก่อนชั้นเจ็ดเกือบจะห้าสิบปีเห็นจะได้.. ทำให้มิวเข้าใจว่าความต่างของการไหลย้อนเวลาในแต่ละชั้นนั้นจะไม่เท่ากัน

เหมือนกับว่าแต่ละชั้นถูกกำหนดมาให้มิวไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ตามที่กำหนดไว้เพื่อให้เกิดเหตุการณ์ในอนาคตขึ้นนั่นแหละนะ

ชั้นแปดสิ่งที่มิวต้องทำก็คือการช่วยคนเหมือนเดิม แต่เป็นการช่วยคนแค่กลุ่มเดียวเท่านั้น ชั้นนี้ศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์ยังไม่ถือกำเนิดด้วยซ้ำ

มิวไปช่วยคนกลุ่มหนึ่งเอาไว้ และต้องช่วยให้พวกเขาตั้งรากฐานในที่ไหนสักแห่งให้ได้.. แต่ว่าทุกคนที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังนั้นไม่อยากที่จะทำอะไรเลยสักอย่าง

เพราะยังไงก็จะตายเพราะปีศาจจิตมรณะอยู่แล้ว.. เรื่องนี้ทำให้มิวรู้ว่าปีศาจจิตมรณะถือกำเนิดก่อนศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์ด้วยซ้ำ

แต่ศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์นั้นบิดเบือนประวัติศาสตร์ด้วยพลังของตัวเองเพื่อทำให้ตัวเองดูมีอายุยืนกว่าปีศาจร้าย

แต่เควสของมิวคือช่วยให้คนพวกนี้มีชีวิตรอด.. มิวจึงกล่าวว่าในอนาคตจะมีคนมาช่วยกำจัดราชาของปีศาจจิตมรณะเอง

คนคนนั้นจะเกิดขึ้นมาภายใต้ร่างที่ไม่มีวิญญาณด้วยซ้ำ.. พอพูดแบบนั้นทุกคนก็ทึกทักว่ามันเป็นคำทำนายของผู้แข็งแกร่ง

จนทุกคนเริ่มมีไฟคาดหวังถึงอนาคตกันขึ้นมา.. เทรต้านับถือมิวที่สามารถปลุกพลังใจทุกคนได้ แต่มิวก็ได้แต่บอกว่า.. แค่หลอกพวกเขา

เพราะยังไงทุกคนต้องตายในชั้นสี่.. และมิวก็พบกับความจริงอันน่าตะลึงว่าคนที่เขาช่วยไว้ในชั้นแปด..ก็คือกลุ่มแรกที่ตั้งศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา

ภายใต้การนับถือเขาเป็นตัวแทนของเทพธิดาและทำให้.. พลังศักดิ์สิทธิ์ถือกำเนิดขึ้นมาภายใต้ความศรัทธาดังกล่าวนั้น

จบชั้น 8 ก็ขึ้นไปชั้น 9..

พอขึ้นมาชั้น 9 มิวก็เริ่มภารกิจทันที.. นับตั้งแต่เข้ามาในหอคอยนี้ไม่นับไปติดอยู่ในนั่นในนี่.. ก็ประมาณหนึ่งเดือนแล้ว แต่ถ้านับรวมก็เกือบๆ สองเดือนแล้วละมั้ง

ซึ่งนั่นมันนานมากสำหรับมิว มิวใช้เวลาเคลียร์ชั้น 9 ไม่นานมากนัก เพราะหน้าที่ที่มิวต้องทำก็คือเหมือนกับตอนอยู่ชั้น 2

คือช่วยใครสักคนที่วิจัยอะไรสักอย่าง แม้มิวจะสงสัยสิ่งที่มันวิจัยมากแต่กลับไม่สามารถหาอะไรจากการวิจัยมันได้เลย

จนกระทั่งมันวิจัยเสร็จ มิวถึงพบว่า.. เจ้านี่คือคนจากศาสนจักรอิกดราซิล แล้วมันก็ใช้เศษซากอะไรบางอย่างมาสร้างเป็นมนุษย์ที่ทำจากเศษซากดังกล่าว

แต่ก็ไม่สำเร็จ.. ใช่แล้ว มันคือสถาบันวิจัยที่มิวเคยไปติดอยู่กับเรย์น่าตอนนั้นนั่นแหละนะ มิวช่วยมันสร้างเจ้าสัตว์ประหลาดในโบราณสถานโดยไม่รู้ตัว

จะบอกว่าไม่รู้ตัวก็ไม่ถูกซะทีเดียว เพราะว่าเควสและหน้าที่ที่มิวต้องทำมันไม่บอกเรื่องนี้เลย ราวกับหอคอยต้องการให้มิวไม่รู้

นอกจากนี้ มิวเองก็รู้สึกสงสัยและตรวจสอบตลอดว่ามันกำลังทดลองอะไร แต่เหมือนว่ามิวจะไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่ามันทำอะไรกัน

อันที่จริงที่เป็นงั้นเพราะเควสบอกมิวว่านี่เป็นการทดลองที่ลับสุดยอดไม่มีใครควรรับรู้โดยเด็ดขาด ทำให้มิวไม่สามารถรับรู้ถึงการทดลองได้

และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้นั่นเอง..แต่ก็ยังมีเรื่องที่น่าสงสัยยิ่งกว่านั้นอยู่คือ.. เจ้าคนจากศาสนจักรอิกดราซิลมันสร้างเจ้าปีศาจในโบราณสถานขึ้นมา

ชื่อมันคืออิกดร้า.. แต่ประเด็นคือ.. เจ้านี่มันเกิดจากกิ่งก้านอะไรสักอย่าง ซึ่งไอ้กิ่งก้านอะไรสักอย่างนี่แหละที่มันคุ้นหูคุ้นตามิว

แต่ก่อนที่ทันจะได้ตรวจสอบอะไรมิวก็ถูกส่งขึ้นมายังชั้นสุดท้ายของ stage แรกหอคอย.. ชั้นที่ 10 นั่นเอง

เมื่อมิวเข้ามาชั้นที่ 10 เธอก็มองไม่เห็นเทรต้าที่ลอยอยู่ข้างๆ อีกต่อไป ในนี้กลายเป็นโลกสีขาวโพลนไปจนหมด

เหมือนกับตอนเจอเทพธิดาเลย.. แต่น่าเสียดายที่คราวนี้ไม่มีเทพธิดาออกมาต้อนรับ…

แม้มิวจะไม่รู้ว่าสถานการณ์นี้มันคืออะไร.. แต่หากยังจำกันได้ผู้ที่ไต่ขึ้นมาถึงชั้นที่สิบคนแรกอย่างองค์หญิงไร้เสียงเรนะเคยอธิบายไว้แล้ว

มันคือโลกที่เหมือนกับโลกด้านนอกทุกอย่างเลย.. และต้องตามหาลูกบาศก์อะไรบางอย่าง.. แต่ทว่าสิ่งที่มิวต้องเผชิญกลับไม่ใช่อะไรแบบนั้นเลย

และลูกบาศก์นั้นจะสะท้อนตัวตนภายในของคนคนนั้นและสร้างเป็นระบบพิเศษขึ้นมาให้กับผู้ใช้..

แน่นอนว่าหากพิจารณาอีกทีแบบถี่ถ้วนแล้ว โลกที่เหมือนโลกด้านนอกทุกอย่างนั่นน่ะ.. มันไม่ใช่ของจริง

แต่เป็นโลกในจิตใจ จิตใต้สำนึกของแต่ละคน.. และหาตัวตนที่แท้จริงของตัวเองซึ่งซ่อนอยู่ภายใต้จิตสำนึกที่อยู่เบื้องลึก

เพราะงั้นมันจึงเป็นการตามหา..เช่นเดียวกับที่เรนะต้องตามหาระบบแห่งความเงียบที่สอดคล้องกับตัวตนของตัวเอง

เช่นเดียวกับที่เรนะที่เผชิญกับโลกแห่งจิตใจของตัวเอง.. เพราะว่าภายในจิตใจของเรนะนั้นมีปมบางอย่างเกี่ยวกับเมืองในชีวิตจริง โลกแห่งจิตใจของเรนะถึงแสดงออกมาแบบนั้นนั่นเอง

ทว่าสำหรับมิวแล้ว.. เธอมองเห็นเพียงโลกสีขาวโพลนที่ไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย