บทที่ 59 จะเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร
หลินเหราเพิ่งก้าวเข้ามาในบ้านก็รู้สึกว่าภรรยาและลูก ๆ ต่างมองเขาด้วยสายตาที่ต่างออกไป ท่าทางที่เต็มไปด้วยความรังเกียจต่อต้าน ทำให้เขารู้สึกว่าเขาไร้ตัวตน
ชายร่างสูงถูกสายตาประหลาดเหล่านี้มอง จึงเงียบไปครู่หนึ่งโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะเอ่ยปากว่า “อาซู ข้า…”
คิ้วของเหยาซูกระตุก ก่อนเอ่ยขัดจังหวะเขา “ท่านไม่ได้พาท่านแม่กลับไปที่ตระกูลหลินหรอกหรือ?”
หลินเหรายืนอยู่หน้าโต๊ะอย่างใจเย็น เว้นระยะห่างระหว่างเขากับแม่และลูก ซึ่งเพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นถึงระยะที่ห่างเหินกัน ระยะห่างนี้เด็ก ๆ ไม่ได้สังเกตเห็นแต่เหยาซูก็เข้าใจได้
ชายหนุ่มไม่ได้พยักหน้าหรือส่ายหน้า “วันนี้ท่านแม่มาเพื่อแจ้งข่าวดีแก่เราว่า สะใภ้รองท้องแล้ว”
ใบหน้าของเหยาซูไม่ได้แสดงอาการใด ๆ น้ำเสียงของนางดูไม่เป็นมิตร คำพูดที่พูดออกมาทำให้ผู้คนไม่อาจต้านทานได้ “ฉวยโอกาสตอนที่เจ้าของบ้านไม่อยู่ มาทุบประตูเพื่อแจ้งข่าวอย่างนั้นหรือ? นางคงไม่ได้พูดแค่นี้ใช่หรือไม่? ถึงแม้ข้าไม่ได้อยู่ที่นี่ในตอนนั้น ข้าก็ยังคิดออกว่าแม่ของท่านจะดุด่าเด็ก ๆ ว่าอย่างไร อีกอย่างการตั้งครรภ์ของแม่โจวมันเกี่ยวอะไรกับข้าและลูก? ในวันนั้นตอนที่ข้าอุ้มท้องซานเป่า แม่โจวก็อยู่กับแม่ของท่าน แต่กลับผลักงานเล็กงานใหญ่ในบ้านให้ข้าทำทั้งหมด! ตอนนี้นางอุ้มท้องแล้วต้องการจะให้ข้ากลับไปดูแลทำงานแทนนางหรืออย่างไร?”
หลินเหราไม่ถนัดรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้และรู้ว่าเหยาซูอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก เขาไม่อาจขัดนางได้ในตอนนี้
“อาซู ข้ารู้ว่าวันนี้พวกเจ้าได้รับความขุ่นข้องหมองใจ..”
“ข้าไม่ได้รู้สึกน้อยใจ แต่เด็ก ๆ ต่างหากที่ถูกรังแก!”
เหยาซูตะโกนขึ้น “ท่านเคยเห็นคนเป็นย่าทำเช่นนี้มาก่อนหรือไม่? นางถือว่าเด็ก ๆ เป็นศัตรู! หลินเหรา ท่านเป็นลูกแท้ ๆ ของนางจริงหรือ แล้วเด็กเหล่านี้เป็นหลานของนางใช่หรือไม่?”
เหยาซูพยายามเตือนตัวเองว่าอย่าโกรธ ทว่าพอถึงเวลาเช่นนี้กลับควบคุมความโกรธของตนไม่ได้สักนิด “แม่ของท่านก็คือแม่ของท่าน ส่วนตัวท่านก็คือตัวท่าน ข้าจะไม่เอาความผิดของนางมาใส่ท่าน! แต่นางด่าลูก ๆ ของข้า หากข้าอยู่ แน่นอนว่าข้าจะปกป้องพวกเขา แต่ท่านเล่า…เมื่อเด็ก ๆ ได้รับความคับข้องใจ ท่านอยู่ที่ใด?!”
อาจื้อและน้องสาวนั่งอยู่บนเตียง ฟังการถกเถียงของทั้งสองคนและเข้าใจว่า ท่านย่ากำลังเป็นผู้บงการพวกเขา นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองเห็นท่านแม่ทะเลาะกับท่านพ่อ อาจื้อหวังว่าท่านแม่จะชนะ เขาไม่รู้สึกกลัวอะไรอีกต่อไป เดินไปยืนเคียงข้างท่านแม่และกล่าวว่า “ท่านพ่อกลับไปหาท่านย่าเถิดขอรับ”
เอ้อเป่าก็พยักหน้าเช่นกัน “ท่านพ่อสั่งสอนพี่ชาย แถมยังด่าพี่ชายจนร้องไห้อีก”
เหยาซูพลันโมโหขึ้นมาอีกครั้ง แทบอยากจะไล่ชายที่อยู่ตรงหน้าออกไป “ท่านฟังเสีย เด็ก ๆ พูดอะไรเกี่ยวกับท่านบ้าง ฟังเอาเอง!!”
เห็นได้ชัดว่าในตอนแรกนางคิดว่าชายหนุ่มคนนี้จะเป็นพ่อที่เด็ก ๆ ชื่นชมและคาดหวังที่สุด คิดว่าเขาเป็นคนรับผิดชอบและปกป้องลูก ๆ ได้ จึงวางใจปล่อยให้อาจื้อและอาซืออยู่ที่บ้านกับเขา ทว่าสิ่งที่นางได้ยินกลับกลายเป็นว่าแม้อยู่ต่อหน้าหลินเหรา อาจื้อยังถูกรังแกจนร้องไห้
“ท่านเป็นบิดาประสาอะไรกัน?”
ดวงตาคู่นั้นของนางเต็มไปด้วยความโกรธแฝงความปวดใจ ความรู้สึกเหล่านั้นทิ่มแทงหัวใจของหลินเหราเข้าอย่างจัง
หลินเหรารู้ดี เขารู้ว่าการทะเลาะวิวาทในเวลานี้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ การได้รับการให้อภัยจากเหยาซูต่างหากที่เป็นกุญแจสำคัญ
ชายร่างสูงก้มหน้าลง กล่าวกับอาจื้อเสียงเบาว่า “ต้าเป่า พ่อขอโทษ เรื่องในวันนี้พ่อผิดเอง”
“เอ้อเป่าเองก็เช่นกัน” หลินเหราหันไปรอบ ๆ มองเข้าไปในดวงตาของอาซือด้วยดวงตาลึกล้ำของเขา เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและจริงจังว่า “พ่อควรที่จะอุ้มเอ้อเป่าเพื่อปกป้องลูกและพี่ชายไม่ให้หวาดกลัว พ่อผิดไปแล้ว พวกเจ้ายกโทษให้พ่อสักครั้งได้หรือไม่?”
เด็กทั้งสองคนนิ่งเงียบ
เมื่อเหยาซูเห็นว่าหลินเหรากำลังขอโทษต่อการกระทำเมื่อครู่ ความโกรธในใจของนางก็ลดลงและตามมาด้วยเหตุผล
เกิดอะไรขึ้นกับผู้ชายคนนี้? เขาควรกลับไปที่ตระกูลหลินไม่ใช่หรอกหรือ? เหตุใดเขาถึงพูดขอโทษกับเด็ก ๆ?
เหยาซูไม่ได้เก็บงำความรู้สึก กลับพูดอย่างจริงจังว่า “หลินเหรา ท่านไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ ฝ่ายหนึ่งเป็นมารดาที่ให้กำเนิดท่าน ส่วนอีกฝ่ายเป็นลูกของท่านที่ถูกรังแก ข้ารู้ว่าท่านยากที่จะตัดสินใจ”
หลินเหราคิดว่าคำพูดของเหยาซูเข้าใจเขา ทว่าพอยกขึ้นมาพูดเช่นนี้ เขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย
เหยาซูไม่ปล่อยให้หลินเหราได้คิดมาก นางจึงกล่าวต่อ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้พวกเราก็หย่าขาดกันเถอะ”
ชายหนุ่มก้มศีรษะลงทันที เขากำหมัดแน่น คิ้วเข้มขมวดเล็กน้อยจนมองไม่เห็นดวงตาที่ลึกล้ำอยู่ก้นบึ้ง
หย่า? เป็นไปไม่ได้!
เขาพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว “ข้าไม่เห็นด้วย”
เหยาซูขมวดคิ้วเล็กน้อย แววตาของนางเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ นางพยายามอธิบายเหตุผลให้บุรุษผู้นี้ฟัง “ในเมื่อท่านกลับมาแล้ว ตระกูลหลินต้องการให้ท่านกลับไปอย่างแน่นอน แต่พวกเราสามแม่ลูกไม่ต้องการที่จะกลับไป ทุกวันนี้ชีวิตของพวกเราดีอยู่แล้ว หากกลับไปที่ตระกูลหลินก็มีแต่ถูกผู้อื่นรังแก”
หลินเหรายังกล่าวต่อไปว่า “ข้าไม่เห็นด้วยที่พวกเราจะหย่ากัน”
เหยาซูโกรธมาก เมื่อครู่ยังขอโทษเด็ก ๆ อยู่ เหตุใดตอนนี้ถึงพูดแค่ว่า “ไม่เห็นด้วย?”
“หลังจากหย่ากันแล้ว หากท่านต้องการพบเด็ก ๆ ก็ยังสามารถ…”
เมื่อหลินเหราได้ยินคำพูดนี้ โทสะของเขาก็ลุกโชนขึ้นมาทันที แม้แต่ในสถานการณ์ที่เหยาซูเคยก่อเรื่องมาก่อนอย่างไม่มีเหตุผล เขาก็ไม่เคยแม้แต่จะโกรธเคืองนาง แต่ตอนนี้เหตุใดแค่คำว่า ‘หย่า’ ของเหยาซู ถึงปักตรงเข้าไปในส่วนที่อ่อนนุ่มที่สุดในใจของเขา
สีหน้าของหลินเหราแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาและเต็มไปด้วยความโกรธ เขาถามเหยาซูทีละคำ
“เจ้าไม่อยากอยู่กับข้าจริง ๆ หรือ?”
เหยาซูไม่เคยเห็นสีหน้าเย็นชาของชายคนนี้มาก่อน นางเองก็มีสีหน้าเย็นชาเช่นกัน “แล้วอย่างไรเล่า ทำไมข้าจะไม่สามารถหย่ากับท่านได้?”
หากเป็นเมื่อหนึ่งปีก่อน นางมีความกล้าที่จะพูดคำนี้ออกมา เขาจะไม่ลังเลที่จะปล่อยนางไปแม้แต่น้อย ทว่าตอนนี้เห็นได้ชัดว่านางสามารถปฏิบัติต่อลูก ๆ อย่างอ่อนโยนและอดทน แต่เหตุใดนางไม่มีความรู้สึกอบอุ่นเมื่อเจอหน้าเขาบ้าง?
ชายหนุ่มกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “เหยาซู หลังจากแต่งงานแล้วเจ้าใช้ชีวิตอย่างยากลำบากไม่เหมือนกับตอนอยู่ตระกูลเหยา จริงอยู่ที่ข้าไม่ได้ทำให้เจ้ามีชีวิตที่ดี แต่เจ้าเคยถามตัวเองหรือไม่ว่า ตราบใดที่ข้าอยู่เคียงข้างเจ้า สักวันเจ้าเคยได้รับความขุ่นข้องใจหรือไม่ ท่านแม่ทำให้เจ้าและลูก ๆ ลำบากใจก็จริง แต่มีครั้งไหนที่ข้าไม่ได้อยู่ข้างเจ้าหรือไม่?”
เหยาซูคว้าจุดเดียวที่เขากล่าว ถามขึ้นมาว่า “ท่านก็รู้ว่าข้ามีชีวิตที่ยากลำบากแล้วเหตุใดถึงไม่ยอมปล่อยข้าไป?”
หลินเหราไม่ตอบทว่าถามกลับ “หากข้าสัญญาว่าในอนาคตจะทำให้เจ้ามีชีวิตที่ดีขึ้นเจ้าจะอยู่กับข้าต่อไปหรือไม่”
เหยาซูอยากจะคว้าหลินเหรามาเปิดกะโหลกดูว่ามีสิ่งใดอยู่ในนั้นกันแน่ นางรู้สึกว่าเขาไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย
“ทำให้ข้ามีชีวิตที่ดีขึ้นงั้นหรือ? ทุกวันลูก ๆ ของข้าต้องเผชิญหน้ากับคนตระกูลหลิน และถูกรังแกอย่างนั้นหรือ!”
นางไม่มีความรู้สึกใด ๆ ต่อผู้ชายคนนี้ แต่นางรู้สึกว่านางไม่อยากให้ลูก ๆ ต้องทนทุกข์ทรมาน นางแค่โมโห “หลินเหรา ท่านคิดสิ่งใดอยู่กันแน่ ทั้งต้าเป่าและเอ้อเป่าล้วนแต่โตมาด้วยกัน ซานเป่าก็เป็นสายเลือดของท่าน เหตุใดท่านจึงไม่ยอมให้ลูกของตนมีชีวิตที่สงบสุขและสุขสบาย?”
เมื่อเห็นท่าทางโกรธเคืองของเหยาซู หลินเหรารู้สึกแปลกใจราวกับไม่เคยพบเจอมาก่อน แต่ความรู้สึกยังคงแสดงออกมาทางสีหน้า เขาผ่อนคลายลง กล่าวเสียงต่ำว่า “อาซู เจ้าอย่าโกรธไปเลย”
เหยาซูเหมือนลูกแมวที่ตกอยู่ในสภาวะที่บ้าคลั่ง พยายามที่จะมีอำนาจในเขตแดนของตนเพื่อปกป้องตนเองและลูก ๆ
“ข้าไม่สมควรโกรธหรือ?”
ชายหนุ่มจ้องภรรยาอย่างตั้งใจ แววตาลึกล้ำและใจกว้าง “อาซู…ฟังข้าก่อน”
ในอดีตเขามักจะโต้เถียงกับเหยาซู นางมักจะไร้เหตุผล แสดงออกแต่ด้านอารมณ์ร้าย ท่าทางที่เย็นชาทำร้ายหลินเหราอย่างเงียบ ๆ ทว่าเขาก็ยังอดทน แต่ท่าทางโกรธเคืองของเหยาซูในวันนี้ทำให้เขาอดที่จะเงียบลงไม่ได้
“วันนี้ข้าทำผิดจริง ๆ ไม่ควรทำให้ต้าเป่าและเอ้อเป่าได้รับความไม่เป็นธรรม ข้าจะขอโทษพวกเจ้าทั้งแม่ทั้งลูก”
เหยาซูหันหน้าไปอย่างไม่สนใจ หลินเหราเดินมาข้างหน้าหนึ่งก้าวเพื่อลดช่องว่างระหว่างพวกเขา ซึ่งอยู่ในจุดที่เขาสัมผัสนางได้ เขายื่นมือออกไปแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเป็นพิเศษโดยที่ตัวเขาไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำ “ข้าจะจัดการเรื่องตระกูลหลินเอง ข้าสัญญาว่าข้าจะไม่ยอมให้ภรรยาและลูกของข้าต้องถูกรังแกอีก”
เหยาซูขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวพลางมองไปที่หลินเหรา “ท่านจะจัดการอย่างไร?” ชายหนุ่มมองไปที่เหยาซูที่ตัวเตี้ยกว่าเขาครึ่งศรีษะอย่างเอาจริงเอาจัง น้ำเสียงหนักแน่นและเด็ดเดี่ยว
“วันนี้ตอนที่ข้าไปส่งท่านแม่กลับบ้าน ข้าได้บอกนางแล้วว่าข้าจะขอแยกตัวออกจากบ้านหลัก วันข้างหน้าข้าจะส่งเงินให้ตระกูลหลินทุกเดือน ดังนั้นครอบครัวของเราทั้งห้าคนจะขอแยกตัวออกจากตระกูลหลิน”
คำพูดนี้ทำให้เหยาซูไม่ทันตั้งตัว นางไม่เคยคิดว่าหลินเหราจะแยกตัวออกจากแม่เฒ่าหวังได้ ทว่านี่เป็นเรื่องการออกจากตระกูล
ในราชวงศ์เหยียนนั้น ไม่ว่าพ่อแม่ทุกคนในตระกูลจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ไม่มีบุคคลใดที่กล้าเสนอเรื่องแยกตัวออกจากตระกูล เพราะนั่นถือเป็นการอกตัญญูอย่างแท้จริง แต่หลินเหรากลับทำเพื่อนางและลูก ๆ อย่างนั้นหรือ?
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ยังค่ะ ยังขอโทษได้ไม่สมกับที่เคยทำผิดต่ออาซูและลูก ๆ ให้โอกาสพูดใหม่อีกครั้งนะคะ ครั้งนี้ถ้าไม่ถูกหูอีกก็หย่ากับอาซูเถอะค่ะ
ไหหม่า(海馬)