ตอนที่ 73 ของขวัญจากเย่หลานผิง

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 73 ของขวัญจากเย่หลานผิง

ท้องฟ้าสว่างไสว แสงอาทิตย์จากด้านนอกฉายบนร่างของเย่ซิวตู๋บางเบา

ดวงตาของเขาหรี่ลงจ้องมองความอบอุ่นที่อยู่ภายในห้อง ครั้นนึกถึงข้อตกลงระหว่างเขาและอวี้ชิงลั่วเมื่อคืน เขาก็อารมณ์ดีขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

หินอันหนักอึ้งภายในใจได้ถูกยกออกแล้ว สตรีคนนั้นยอมอยู่ต่อก็ยิ่งดี

เย่ซิวตู๋อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงหัวเราะเบา ๆ อีกหน เขายกมือขึ้นมามองฝ่ามือตัวเอง จากเดิมที่มีสีดำคล้ำบัดนี้ได้หายไปและกลับมาสะอาดสะอ้านแล้ว เขารู้สึกได้ว่าตัวเองมีชีวิตชีวาขึ้นมาก พลังบนร่างกายก็ค่อย ๆ กลับมาทีละน้อย

ค่อย ๆ หายใจเข้าก็รู้สึกสบายตัว ไม่ได้รู้สึกอึดอัดแม้แต่น้อย

เขาคิดว่าพิษที่อยู่บนร่างกายของเขาคงถูกอวี้ชิงลั่วกำจัดออกไปจนสะอาดหมดจดแล้ว

ผ่านไปไม่นาน ด้านนอกก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นเบา ๆ เขาชะงักไป ก่อนจะยื่นมือหยิบเสื้อที่อยู่ข้าง ๆ มาสวมใส่ กล่าวเสียงทุ้มต่ำ “เข้ามา”

โม่เสียนนำกล่องใบเล็กเข้ามา ครั้นเห็นหน้าตาที่สดใสของนายท่าน ก็อดคาดเดามากมายไม่ได้ เขามองไปยังเตียงของนายท่านอีกหน แต่กลับไม่พบความรู้สึกยุ่งเหยิงแม้แต่น้อย ทำให้การคาดเดาอย่างหนักภายในหัวถูกปัดทิ้งไปจนสิ้น

“อวี้ชิงลั่วเล่า?”

โม่เสียนประหลาดใจ สิ่งแรกที่นายท่านถามถึงหลังจากฟื้นขึ้นมาคือแม่นางอวี้ หากพูดเช่นนี้ แสดงว่าการคาดเดาของพวกเขาเมื่อคืนนี้น่าจะไม่พลาดแล้ว

นายท่านชอบแม่นางอวี้เข้าแล้วจริง ๆ

“เมื่อเช้าแม่นางจินกลับมาที่จวน หลังจากพูดคุยกับแม่นางอวี้อยู่ครู่หนึ่ง ทั้งสองคนก็ออกไปด้วยกัน แต่แม่นางอวี้บอกว่าจะกลับมาก่อนช่วงค่ำ ถึงเวลานั้นต้องเจอหนานหนานด้วยขอรับ”

โม่เสียนกระซิบบอกสิ่งที่อวี้ชิงลั่วบอกไว้หนึ่งรอบ เมื่อเห็นว่ามุมปากของนายท่านกระตุกเป็นเส้นโค้งก็ลอบถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ ทั้ง ๆ ที่แม่นางอวี้ขบฟันกรอดยามพูดถึงนายท่าน ตอนที่นางพูดประโยคสุดท้ายนั้นก็แสดงท่าทางโหดเหี้ยมไม่น้อย จนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ อยู่เลย

เย่ซิวตู๋นั่งอยู่ข้าง ๆ ราวกับพึงพอใจกับสิ่งที่อวี้ชิงลั่วบอกไว้ก่อนไปอย่างมาก

เขาเบือนหน้ามองไปยังกล่องเล็ก ๆ บนโต๊ะ เลิกคิ้วถามว่า “นี่คืออะไรหรือ?”

“อ๋อ เมื่อเช้าผิงซื่อจื่อ[1] ให้คนนำมาส่งให้ บอกว่าเป็นของเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับเด็กคนนั้นที่นายท่านพาไปเมื่อวาน เพื่อข่มความตื่นตระหนกของเด็กน้อย ข้าน้อยคิดว่าน่าจะให้หนานหนานขอรับ”

เย่หลานผิง?

เย่ซิวตู๋ยิ้มด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น มองไปยังกล่องนั้นปราดหนึ่ง “เอามาสิ ข้าจะเอาไปให้เขาเอง”

“ขอรับ”

 

“เมื่อคืนหนานหนานนอนหลับสบายดีหรือไม่?” หลังจากทราบว่าเด็กคนนั้นเป็นบุตรชายของตนเอง เย่ซิวตู๋ก็รู้สึกราวถูกเติมเต็ม เด็กคนนั้นเป็นบุตรชายที่อวี้ชิงลั่วคลอดออกมาให้เขา เขาจึงอารมณ์ดีอย่างไม่มีเหตุผล

 

โม่เสียนเดินตามหลังเขาออกมาจากห้อง กล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “นอนหลับสบายมากขอรับ แต่กลับกอดถุงเงินเหล่านั้นไม่ยอมปล่อยเลย เพราะกลัวว่าพวกเราจะเอากลับไป”

“งั้นหรือ?” เย่ซิวตู๋ส่ายหน้า “ปู่โสมเฝ้าทรัพย์ตัวน้อยเอ๋ย”

แม่ของเขาเป็นหมอปีศาจ ย่อมมีเงินไม่น้อย เหตุใดเขาถึงได้ทำท่าทางราวกับไม่เคยเห็นเงินมาก่อน?

โม่เสียนรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำพูดของนายท่านที่แอบแฝงด้วยความเอาอกเอาใจเล็ก ๆ ภายในใจก็รู้สึกราวกับมีมดจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังไต่อยู่ ทำให้เขารู้สึกอึดอัดอย่างมาก

สถานที่ที่หนานหนานอยู่ไม่ได้อยู่ในจวนเหล่านี้ แต่เป็นห้องใต้ดินที่อยู่ด้านหลังสวนภูเขาเทียม

  

เย่ซิวตู๋คำนวณไว้อย่างแม่นยำว่าอวี้ชิงลั่วไม่มีทางยอมแพ้ นางต้องตามหาหนานหนานทั่วทุกหนแห่ง ดังนั้นจึงให้คนพาหนานหนานไปซ่อน เพื่อหยุดความคิดของสตรีผู้นั้น

ห้องลับมีขนาดไม่ใหญ่ หนานหนานคงยังไม่รู้ว่าด้านนอกสว่างแล้ว หลังจากตื่นขึ้นมาก็มองเงินที่อยู่ในอ้อมกอด หลังจากนั้นก็ผล็อยหลับไปด้วยความพึงพอใจอีกครั้ง

 

ตอนที่เย่ซิวตู๋เข้ามา ก็พบว่าเขายังคงกอดอยู่บนถุงเงินที่ตัวเองจัดการเมื่อคืน และไม่ได้รังเกียจว่าจะนอนหลับไม่สบายเลย

“เจ้าออกไปก่อนเถอะ” เย่ซิวตู๋บอกกับโม่เสียนที่อยู่ด้านหลังโดยไม่หันกลับไป

โม่เสียนพยักหน้า หมุนกายปิดประตูห้องลับและเดินออกจากสวนไป

หนานหนานขยับปาก จมูกก็ขยับไปมาอย่างห้ามไม่อยู่ รู้สึกราวกับว่าได้กลิ่นหอม ๆ ของอะไรบางอย่าง

“อืม หอมมาก หอมมาก สุรา กลิ่นของสุรา” หนานหนานออกแรงขยับจมูก ก่อนจะกระโดดขึ้นจากเตียง ตอนที่กระโดดขึ้นมาก็พบว่าตอนนี้ตัวเองกำลังนอนอยู่บนเงิน ก็แทบจะพลิกตัวลงไปอยู่ใต้เตียงทันที

เย่ซิวตู๋เห็นก็รีบใช้มือคว้าตัวเขากลับมาอย่างว่องไว หลังจากปล่อยให้เขานั่งอย่างมั่นคงแล้ว จึงแย้มยิ้มออกมา “ช้าหน่อย”

เสียงนี้…

หนานหนานรีบหันกลับไปมอง ก็พบว่าเป็นเย่ซิวตู๋ เขารีบสะบัดให้หลุดออกจากอ้อมกอดของเย่ซิวตู๋ กระถดตัวไปด้านหลัง หลังจากซุกตัวเข้ากับขอบเตียงจึงหยุดลง

เย่ซิวตู๋มองดูอ้อมกอดที่ว่างเปล่า คิ้วพลันขมวดเป็นปมอย่างห้ามไม่อยู่ “หนานหนาน มานี่”

หนานหนานออกแรงส่ายหน้า “อื้อ ไม่ ไม่เอา”

“ไม่อยากดื่มสุราแล้วหรือ?” เด็กคนนี้เป็นอะไรไป? ทำตัวราวกับกลัวเขามากอย่างไรอย่างนั้น

หนานหนานกลืนน้ำลาย พยักหน้าแรง ๆ “อยากดื่ม”

“เช่นนั้นก็มานี่”

“ท่านต้องรับปากก่อนว่าจะไม่กัดข้า” หนานหนานครุ่นคิด ก่อนจะเจรจากับเขา

กัด? เย่ซิวตู๋ชะงัก เขาจะกัดหนานหนานไปทำไมกัน?

 

“ท่านลุงโม่บอกว่า เป็นเพราะท่านแม่ปิดบังเรื่องที่ข้าเป็นลูกของท่าน ดังนั้นท่านจึงกัดท่านแม่ เช่นนั้น เช่นนั้นข้าเองก็ปิดบังท่านเช่นกัน หากท่านกัดข้า ข้า ข้าจะโกรธมาก ๆ”

“…” ใบหน้าของเย่ซิวตู๋นิ่งงันไป ตอนนี้กลายเป็นสีแดงจาง ๆ ที่หาได้ยากแล้ว

โม่เสียนนั่น จะอธิบายกับหนานหนานถึงเรื่องนี้ไปเพื่ออะไร? อีกอย่างเขาก็ไม่ได้กัด นั่นคือจูบ เขาจูบอวี้ชิงลั่วต่างหากเล่า

เขาลอบคลึงหน้าผาก ยื่นมือออกไปหาหนานหนานอย่างอดทนอดกลั้น “ไม่ต้องกังวล ข้าไม่กัดเจ้า ข้ามาที่นี่เพื่อเอาของกินมาให้”

ของกิน? ดวงตาหนานหนานเป็นประกาย ทั้งยังได้ยินอีกฝ่ายรับปาก จึงรีบกระโดดเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเย่ซิวตู๋ ก่อนจะหยิบกล่องอาหารนั้นออกมาจากข้างกายของเย่ซิวตู๋

หลังพบว่าของที่อยู่ด้านในเป็นของที่เขาชอบกินทั้งหมด ทั้งยังมีเครื่องดื่มสุดโปรดของเขาด้วย ความประทับใจที่มีต่อเย่ซิวตู๋พลันเพิ่มถึงขีดสุด ไม่ต้องให้เขาถามอะไร อีกฝ่ายก็ยอมพูดทุกอย่างที่รู้ออกมาจนหมด

“ท่านลุงเย่ อันที่จริงข้าไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังท่านหรอกนะ วันนั้นข้าเห็นหยกแขวนของท่านแล้ว เหมือนกับที่อยู่บนตัวของท่านแม่เปี๊ยบเลย ข้าเองก็อยากบอกนั่นแหละ แต่ท่านแม่ของข้าเคลื่อนไหวเร็วยิ่งกว่า ท่านแม่ไม่ให้ข้าพูด ทั้งยังบอกอีกว่า หากข้ายอมรับท่าน ท่านแม่ก็ไม่อยากได้ข้าแล้ว เฮ้อ ท่านแม่ของข้าคนนี้เป็นพวกเอาแต่ใจ ท่านอย่าไปถือโทษโกรธท่านแม่เลยนะ”

เย่ซิวตู๋เลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะโอบเขาให้แน่นยิ่งขึ้น เขารู้สึกได้ถึงร่างกายอ่อนนุ่มของเด็กคนนี้ เมื่อได้กอดเขาก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นเป็นอย่างมาก

“ดังนั้นนะ…อื้อ อันนี้อร่อยมาก…ดังนั้น ข้าก็เลยจงใจให้ท่านพาข้ามาที่เมืองหลวง ข้าฉลาดมากเลยใช่หรือไม่?” หนานหนานเชิดปากที่มันเยิ้มด้วยน้ำมันขึ้น ด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง

เย่ซิวตู๋พยักหน้า ก่อนจะยกมือขึ้นแล้วใช้แขนเสื้อช่วยเช็ดให้เขา กล่าวชื่นชมว่า “ฉลาดจริง ๆ”

เพียงแต่คำเรียกแบบนี้…แอบระคายหูไปเสียหน่อย

“เอ๋ ท่านลุงเย่ นี่คืออะไรหรือ?” หนานหนานกินไปได้ไม่กี่คำ เขาก็หันกลับมาเห็นว่าอีกด้านหนึ่งของเย่ซิวตู๋มีกล่องขนาดเล็กที่มีความประณีตอย่างมากวางอยู่ จึงยื่นมือออกไปหยิบด้วยความฉงนสงสัย

“คุณชายคนนั้นที่เจอกันที่หอหลินสุ่ยเมื่อวานนี้ส่งมาให้เจ้า”

…………………………………………………………………………………………………………………..

[1] ซื่อจื่อ (世子) หรือรัชทายาท เป็นตำแหน่งผู้สืบทอดจากชินอ๋อง ส่วนใหญ่มักเป็นโอรสองค์โตหรือโอรสที่เกิดจากภริยาเอก เดิมคำว่า ‘ซื่อจื่อ’ เป็นคำที่ใช้เรียกพระโอรสองค์โตและบุตรชายคนโตของเหล่าขุนนางชั้นสูงที่จะสืบทอดตำแหน่งต่อจากบิดา ภายหลังในสมัยราชวงศ์โจวได้มีการแยกคำว่าไท่จื่อกับซื่อจื่อออกจากกัน ซื่อจื่อจึงถูกใช้เรียกเฉพาะบุตรชายที่สืบทอดตำแหน่งจูโหวจากบิดาเท่านั้น ในราชวงศ์ชิงหากมีการสืบทอดตำแหน่ง ซื่อจื่อจะถูกลดขั้นในกรสืบทอดลงหนึ่งขั้น นอกเสียจากว่าเป็นสายเลือดของอ๋องก็จะสามารถรับตำแหน่งชินอ๋องได้ทันที

สารจากผู้แปล

โอ๊ย เด็กหนอเด็ก นั่นเขาเรียกว่าจูบลูกไม่ใช่กัด

หากใครคิดจะจับหนานหนานนี่คงจับง่ายมากอะ เอาของกินมาล่อนิดหน่อยก็เดินตามมาแล้ว ตะกละได้ทุกเวลาเลยน้องเอ๊ย

ไหหม่า(海馬)