ตอนที่ 72 ไม่แต่งงาน

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 72 ไม่แต่งงาน

กว่าเย่ซิวตู๋จะฟื้นก็เป็นช่วงกลางดึกแล้ว เทียนที่วางอยู่บนโต๊ะดับไปนานแล้ว ภายในห้องไม่มีใครอยู่แม้แต่คนเดียว

เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้น เขาจ้องมองด้านบนเตียง ผ่านไปเนิ่นนาน จึงเอ่ยถามเสียงทุ้มต่ำ “นางเล่า?”

จู่ ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นท่ามกลางความมืด น้ำเสียงนั้นฟังดูนอบน้อม “กราบเรียนนายท่าน หลังจากแม่นางอวี้ถอนพิษให้นายท่าน ก็ออกไปตามหาคุณชายน้อยแล้ว แต่ยังหาตัวไม่เจอขอรับ”

“อืม” เย่ซิวตู๋หลับตาลงอีกครั้ง ตามหาไม่เจอ อย่างไรสตรีผู้นี้ก็ต้องกลับมาที่นี่อีกครั้ง

เขาไม่เชื่อแม้แต่น้อยว่านางที่พึ่งพาอาศัยเพื่อความอยู่รอดกับหนานหนานมาโดยตลอด จะยอมทิ้งเด็กน้อยผู้เป็นที่รักเพื่อออกจากจวนไปเพียงลำพังโดยไม่อาลัยอาวรณ์

ขณะที่กำลังคิดอยู่ เสียงประตูพลันถูกกระแทกเสียงดัง ‘ปัง’ จนเปิดออกอย่างแรง

ตามมาติด ๆ ด้วยเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ของอวี้ชิงลั่วที่ดังขึ้น นางสาวเท้ามาข้างเตียงเย่ซิวลั่ว 2-3 ก้าว เมื่อเห็นว่าเขายังนอนหลับอยู่ จึงนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะยื่นมือทั้งสองข้างไปที่หน้าของเขาและดึงแรง ๆ “เย่ซิวตู๋ ไอ้คนสารเลว ท่านเอาลูกชายของข้าไปซ่อนไว้ที่ใด? ท่านคิดว่าข้าจะไม่ฆ่าท่านจริง ๆ สินะ? ข้าสามารถทำให้ท่านกลายเป็นชิ้นเนื้อแล้วเอาไปเป็นอาหารสุนัขได้ภายในเวลาชั่วครู่ไม่เชื่อก็ลองดู?”

“เชื่อ” เสียงที่อยู่บนเตียงดังอู้อี้ แก้มของเขาเดิมทีก็ไม่ค่อยมีเนื้อหนังอยู่แล้ว ถูกอวี้ชิงลั่วดึงอย่างไร้ความปรานีเช่นนี้ เสียงที่เปล่งออกมาย่อมแปลกประหลาดเล็ก ๆ

  

อวี้ชิลั่วรีบปล่อยมือและดีดตัวขึ้น “ตื่นแล้วหรือ?” เหตุใดถึงตื่นเร็วขนาดนี้? ไม่ใช่สิ พิษที่เขาโดนรุนแรงขนาดนั้น อย่างน้อย ๆ ก็ต้องตื่นวันพรุ่งนี้เช้าสิ

เย่ซิวตู๋ยื่นมือออกมาลูบแก้มตัวเอง ลุกขึ้นนั่งด้วยท่าทางอ่อนแรง มองดูสตรีที่ออกห่างจากตัวเองออกไปสองก้าว ก็อดยิ้มไม่ได้ “ข้ากลับคิดว่าจะไม่ได้ฟื้นขึ้นมาแบบนี้แล้วเสียอีก คิดไม่ถึงเลย เจ้าทำใจไม่ได้ที่จะปล่อยให้ข้าตาย”

“…” นางคิดผิดที่ช่วยเขาจริงๆ ช่วยย้อนเวลากลับไปได้ไหม?

 

“ชิ ข้าเพียงแต่สะสมบุญให้หนานหนานก็เท่านั้น ไม่อยากให้หลังจากนี้เขามาโทษว่าข้าฆ่าพ่อแท้ ๆ ของเขา”

เย่ซิวตู๋เลิกคิ้วขึ้น แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ในที่สุดนางก็ยอมรับว่าเขาเป็นพ่อแท้ ๆ ของหนานหนานแล้วหรือ?

“เย่ซิวตู๋ ลูกชายของข้าอยู่ที่ใดกันแน่?” นางเดินหาทั้งด้านนอกและด้านในจนทั่วแล้ว ห้องของเสิ่นอิง โม่เสียนและเหวินเทียนก็ไปหามาทั้งหมดแล้ว แม้แต่ห้องครัวและห้องสุขาก็ไปมาแล้ว แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของลูกชาย

หนานหนานต้องถูกเย่ซิวตู๋ซ่อนตัวไว้เป็นแน่ แต่เสิ่นอิงและคนอื่น ๆ กลับไม่ยอมบอก ทำท่าทางราวกับเห็นความตายดั่งคืนสู่มาตุภูมิ คล้ายกับนางจะขืนใจพวกเขาอย่างไรอย่างนั้น ทั้งยังปิดตาสนิทและทำท่าทางราวกับปล่อยให้อีกฝ่ายย่ำยี

เย่ซิวตู๋ถอนหายใจเบา ๆ พูดอย่างจนปัญญา “หากเจ้ายอมแพ้ที่จะพาหนานหนานออกไปจากที่นี่ ข้าจะให้เจ้าได้เจอกับเขา”

“อยู่ข้างกายท่านไม่ปลอดภัย” ใครจะไปรู้ว่าจู่ ๆ เขาเกิดฉุกคิดมาได้อย่างฉับพลันแย่งบุตรชายของนางแล้วเขี่ยนางออกไปอีกหน? ถึงเวลานั้นไม่เท่ากับกลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งซ้ำรอยเดิมอีกหนหรือ?

เย่ซิวตู๋เงียบขรึมลง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงกล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “แต่ตอนนี้หากเจ้าพาหนานหนานออกไป เกรงว่าจะยิ่งไม่ปลอดภัย”

อวี้ชิงลั่วชะงัก “หมายความว่าอย่างไร?”

“ตอนเช้าข้าพาหนานหนานไปกินข้าวที่หอหลินสุ่ยมา มีคนจำนวนมากเห็นว่าเขาและข้ามีความสนิทสนมกัน คาดว่า…” เดิมทีเขาทำแบบนี้ก็เพียงเพราะอยากให้อวี้ชิงลั่วรู้ว่าข้างนอกอันตราย ให้นางได้เข้าใจว่าต่อให้นางรักษาระยะห่างจากเขา คนเหล่านั้นก็ไม่มีทางเชื่อว่าพวกเขาไม่เกี่ยวข้องอะไรกัน ไม่มีทางปล่อยนางไปอยู่ดี ทำให้นางได้เข้าใจว่าตอนนี้พวกเขาลงเรือลำเดียวกันแล้ว มีแค่การอยู่ข้างกายเขาเท่านั้น ที่จะรับประกันได้ อย่างน้อย ๆ คนเหล่านั้นก็ไม่กล้าทำร้ายนางและหนานหนานแบบโจ่งแจ้ง

แต่ใครจะไปรู้…

  

หนานหนานเป็นบุตรชายแท้ ๆ ของเขา แม้ว่า…เขาจะไม่ได้รู้สึกเสียใจที่ทำเช่นนี้แม้แต่น้อย

 

อวี้ชิงลั่วเงยหน้าขึ้นทันใด ก่อนจะปรี่ตัวเข้ามาเพื่อบีบคอเขา “เย่ซิวตู๋ ข้ากับท่านมีความแค้นอะไรต่อกันหรือ ท่านถึงได้ทำเช่นนี้กับข้า?”

  

เขาไม่ขยับ ปล่อยให้นางบีบคอเพื่อระบายโทสะ แต่เรื่องที่ทำไปแล้วก็คือทำไปแล้ว ต่อให้วันนี้เขาไม่พาหนานหนานออกไป ไม่ได้เปิดเผยตัวตนต่อหน้าคนอื่น คนเหล่านั้นไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ต้องตรวจสอบจนเจอความสัมพันธ์ระหว่างเขาและหนานหนานอยู่ดี

เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นอุบัติเหตุ แต่ก็ทำให้เขารู้สึกมีความสุขเหนือความคาดหมายเช่นกัน

แบบนี้ก็ดีเช่นกัน ได้รู้ว่าหนานหนานเป็นบุตรชายของเขา นับจากนี้ทุกคนก็ต้องดูแลเขาในฐานะของคุณชายน้อย และคุ้มกันเขาให้ปลอดภัย

 

“อยู่ที่นี่ อยู่ข้าง ๆ ข้า ข้าจะปกป้องพวกเจ้าทั้งสองแม่ลูกให้ปลอดภัย” เย่ซิวตู๋เบือนหน้ามา เมื่อพบว่านางบีบคอจนเริ่มเหนื่อยแล้ว ในที่สุดก็ยอมคลายมือ เสียงของเขาจึงแหบพร่าเล็กน้อย

อวี้ชิงลั่วยิ้มด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น “ท่านคิดว่า ความสามารถของข้าไม่มากพอที่จะปกป้องหนานหนานหรือ?”

เขาประเมินนางต่ำเกินไปแล้ว

เย่ซิวตู๋ยิ้มบาง “ที่ข้าเป็นแบบนี้ในตอนนี้ ไม่ได้เป็นเพราะเจ้าหรือ? ความสามารถของเจ้าข้าจะกล้าดูหมิ่นได้อย่างไรกัน? เพียงแต่…” เขาชะงัก ยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น “เพียงแต่ตอนแรกเจ้าอยากออกไปจากที่นี่ หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะมีปัญหามากมายเพราะพัวพันกับข้า ตอนนี้ความสัมพันธ์ของเราไม่ได้เกี่ยวพันกันแต่ก็ตัดไม่ขาดแล้ว ต่อให้เจ้าออกไปจากที่นี่ ปัญหาก็ไม่หยุดอยู่ดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดเจ้าถึงไม่อยู่ที่นี่ต่อไป?”

 

“คนที่อยู่ในจวนของข้าเป็นอย่างไรเจ้าก็รู้ดี อยู่ข้างกายข้าไม่เพียงแต่จะมีการรักษาความปลอดภัยมากขึ้นหนึ่งชั้น แต่ยังได้กินอยู่ที่นี่โดยไม่ต้องจ่ายอะไรเลย ทั้งยังมีสาวใช้ให้เจ้าด้วย มีใครสร้างปัญหาให้เจ้า เจ้าก็ไม่ต้องลงมือเอง ขอแค่ขยับปาก ย่อมมีคนจัดการให้เจ้า อีกอย่าง ข้างกายของหนานหนานก็จะได้มีทั้งพ่อและแม่ แบบนี้ยิ่งทำให้เขามีความสุขไม่ใช่หรือ?”

 

“อีกอย่าง เจ้าอยากตามหาแม่นมเก๋อ เจ้าอยากแก้แค้นอวี๋จั้วหลิน เจ้าอยากจัดการกับใคร ข้าก็ช่วยเจ้าได้ ช่วยเจ้าแบบไม่มีเงื่อนไขใด ๆ”

  

อวี้ชิงลั่วแอบบอกตัวเอง บุรุษผู้นี้กำลังหลอกล่อนางชัด ๆ กำลังหลอกล่อนางชัด ๆ

บัดซบ เรื่องเหล่านั้นที่เขาพูดกลับสะกิดจุดอ่อนของนางได้พอดี นางกลัวปัญหา กลัวมาก ดังนั้นหากมีเรื่องอะไรแต่มีคนช่วยจัดการแทนนาง นางย่อมมีความสุขที่จะได้เห็นความสำเร็จ

อีกอย่างที่เขาพูดก็ไม่ผิดเลย อยู่ข้าง ๆ เขา อย่างน้อย ๆ หนานหนานก็มีคนแอบคุ้มกันอยู่ นางออกไปข้างนอกก็ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะหายไปแล้ว

นอกจากนี้เรื่องที่ตามหาแม่นมเก๋อ นี่เป็นภารกิจเร่งด่วน เย่ซิวตู๋คงมีความคุ้นเคยกับเมืองหลวงมาก คาดว่าน่าจะช่วยนางตามหาได้โดยเร็วที่สุด

แต่ว่า…

อวี้ชิงลั่วลอบขบฟันแน่น เหลือบตามองเขา พูดอย่างจริงจังว่า “ไม่แต่งงาน”

เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้วทันใด ความหมายของนางก็คือ นางยินดีที่จะอยู่ต่อ แต่มิอาจแต่งงานได้?

ไม่แต่งงาน สถานะของนางคงน่าอึดอัดมาก

แต่ สตรีผู้นี้เห็นได้ชัดว่ามิได้สนใจชื่อเสียงจอมปลอมเหล่านั้นอยู่ในสายตา นางไม่สนใจว่าคนอื่นจะพูดถึงนางอย่างไร ต่อให้ถูกคนอื่นมองว่าเป็นสตรีที่ไม่ได้มีความชัดเจน คาดว่านางก็คงไม่สนใจ

เอาเถิด มิอาจบังคับให้เกินไปได้ เรื่องแต่งงานค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปก็ยังได้

หลังจากเงียบขรึมไปครู่หนึ่ง ในที่สุดเย่ซิวตู๋จึงพยักหน้า “ตกลง”

 

“แล้วก็ นอกจากคนในจวน ห้ามบอกคนอื่นว่าหนานหนานเป็นลูกชายของท่าน”

“ตกลง” นี่ก็เป็นสิ่งที่เขาคิดอยู่ในใจเช่นกัน แต่เรื่องนี้คาดว่าคงปิดยังได้อีกไม่นาน

จิตใจของอวี้ชิงลั่วรู้สึกสมดุลอีกครั้งแล้ว ในที่สุดจึงพยักหน้าอย่างปล่อยวาง “ข้าตอบตกลงแล้ว หนานหนานอยู่ที่ใด ข้าจะไปหาเขา”

“ข้ายังรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย รอให้ข้าตื่นขึ้นมาแล้วค่อยไปเถิด” เย่ซิวตู๋พลิกตัว หลังจากส่งเสียงหาวก็หรี่ตาผล็อยหลับไปอีกหน

“…” อวี้ชิงลั่วมองแผ่นหลังของเขา ราวกับสามารถมองจนทะลุเป็นรูพรุนได้แล้ว

……………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

รู้สึกหัวจะปวดแทนชิงลั่วเหลือเกินค่ะ ทำไมต้องมาเป็นภรรยาของผู้ชายกะล่อนนี่ด้วยนะ

ไหหม่า(海馬)