ตอนที่ 11: พวกกลุ่มคนนิสัยเสีย

หลังจากนักเรียนเดินออกมาจากมหาวิทยาลัยแล้ว ฉางเหรินก็ได้รับแจ้งจากสถานีว่าเหมือนจะมีการชกต่อยกันที่ไฮโซคลับเฮาส์

ทันใดนั้น เขาก็หันไปทางเสี่ยวเฉิงและกล่าวคำพูด “ฉันจะต้องไปที่ไฮโซคลับเฮาส์ ส่วนนายอยู่เฝ้าที่นี่จนกว่านักเรียนจะออกมาหมดก่อน แล้วค่อยตามมา”

เสี่ยวเฉิงพยักหน้า

ทันทีที่ฉางเหรินหายไป เสี่ยวเฉิงก็ยังคงยืนอยู่ข้างถนนและคอยเฝ้าดูเหล่านักเรียนอยู่ที่ประตูรั้วของสถาบัน

หลังจากนั้น เมื่อภายในมหาวิทยาลัยเริ่มโล่ง เขาก็ขับรถจักรยานยนต์ขับไปแวะที่ซอยแห่งหนึ่ง เสี่ยวเฉิงบังเอิญไปเห็นเด็กนักเรียนกลุ่มหนึ่งกำลังขับรถพาเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งเข้าไปในระแวกนั้น

เสี่ยวเฉิงพลันตะโกนพร้อมบีบแตร “ดึกขนาดนี้แล้ว ยังไม่กลับบ้านกันอีกเหรอ?”

นักเรียนทั้งห้าคนเห็นว่าเสี่ยวเฉิงเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ พวกเขาก็เผยเสียงหัวเราะและเดินออกมาจากซอย ก่อนที่จะจากไป ทั้งห้าคนพลันมองไปยังเสี่ยวเฉิงอย่างไม่พอใจ

หลังจากที่ทั้งห้าคนจากไป เสี่ยวเฉิงก็เห็นเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งหมอบพิงกำแพงอยู่ตรงหัวมุม

“นายโอเคไหม?”

เด็กคนนั้นมีผมสีบลอนด์และสวมต่างหู เสี่ยวเฉิงสามารถบอกได้เลยว่ามันต้องเป็นต่างหูที่แพงมากแน่ เพราะมันถูกประดับด้วยเพชรแท้ เด็กวัยรุ่นคนนั้นเงยหน้าขึ้นและมองไปที่เสี่ยวเฉิงด้วยสายตาเชิงดูถูกเหยียดหยาม “มายุ่งกับเรื่องของคนอื่นทำไมกัน?”

“ทั้งที่โดนกระทืบจมกองพื้นอยู่แบบนั้น ยังจะปากดีอีกนะ” เสี่ยวเฉิงเผยเสียงหัวเราะ

“ไม่เห็นเหรอว่าพวกมันมีตั้งห้าคน ฉันมีคนเดียว ใครจะไปสู้พวกมันได้?” เด็กวัยรุ่นผมบลอนด์ตะคอกกลับ

“ทีหลังเลิกเรียนก็กลับบ้านเลยสิ อย่ามาเดินเล่นดึกขนาดนี้” เสี่ยวเฉิงตอบกลับ

“ฉันโตแล้วนะ ไม่ต้องมาสอนเลย ถ้าโลกภายนอกอันตรายอย่างที่พูด แล้วพวกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำบ้าอะไรอยู่กันล่ะ?” วัยรุ่นผมบลอนด์เช็ดเลือดออกจากมุมปากพร้อมบ่นพึมพำ “ขนาดพ่อแม่ยังไม่มายุ่งเรื่องของฉันเลย แล้วคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?”

เสี่ยวเฉิงไม่สนใจคำพูดที่น่ากลัวพวกนั้นเลย “ฉันเองก็ไม่ได้ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นมากนักหรอก แต่ดูจากนาฬิกาแล้วก็ต่างหูนาย แค่นี้ก็รู้แล้ว ถ้าพวกคนเลวมันตาดี นายได้ตายของจริงแน่”

เด็กชายผมบลอนด์เหล่ตาและมองเสี่ยวเฉิงด้วยท่าทีที่ต่างออกไป “ฉันยังไม่ได้บอกเรื่องนั้นเลย พวกตำรวจนี่รู้มากกันจริงๆ”

“เสื้อแบรนด์แฟชั่นอาร์มานี่ นาฬิการุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น แล้วก็ต่างหูเพชรคู่นั้น อย่างน้อยทั้งหมดก็น่าจะขายได้ประมาณสักสองแสน เด็กวัยรุ่นที่ใส่ของแพงขนาดนี้ พวกลูกเศรษฐีสินะ”

เสี่ยวเฉิงกล่าวพร้อมเผยยิ้ม “อีกอย่าง ฉันเองก็ไม่ได้อยากยุ่งเรื่องของนายนักหรอก แต่ถ้าวันหนึ่งคนอย่างนายถูกลักพาตัวไป พวกตำรวจอย่างฉันก็ต้องมาซวยแล้วก็รับโทษนี่แหละ ยังไงก็เถอะ อย่าทำให้พวกเราต้องมาลำบากก็แล้วกัน กลับบ้านไปเลย แล้วก็อย่ามาตีกันข้างถนนด้วย”

จากนั้น เสี่ยวเฉิงก็กำลังจะเดินจากไป ทว่า ใครจะไปรู้ว่าวัยรุ่นผมบลอนด์จะพูดสิ่งที่ไม่คาดคิดออกมา “พอดีพี่ชายมารับฉันไม่ได้คืนนี้ ไปส่งหน่อยได้ไหมล่ะ?”

“ไม่ใช่หน้าที่ของฉัน” เสี่ยวเฉิงตอบกลับ

“ฉันโดนไอ้พวกรุ่นพี่ห้าคนนั้นขโมยเงินไป ตอนนี้ไม่มีแม้แต่จะนั่งรถแท็กซี่กลับด้วยซ้ำ ก็แค่ไปส่งเอง…” วัยรุ่นผมบลอนด์กล่าว

เสี่ยวเฉิงพลันตอบกลับ “ที่ไหนล่ะ? ถ้าไกลมากก็ไปส่งไม่ได้ ฉันเองก็มีหน้าที่ต้องทำ”

“ไฮโซคลับเฮาส์” วัยรุ่นผมบลอนด์ตอบกลับ

“ไม่ไป… นายอายุถึงแล้วเหรอ?” เสี่ยวเฉิงตอบกลับ

“พี่ชายของฉันอยู่ที่นั่น กุญแจบ้านก็อยู่ที่เขาด้วย ถ้าไม่ไปหาพี่ก่อน แล้วฉันจะเข้าบ้านยังไงล่ะ? ถ้าไม่ยอมพาไป ฉันจะเขียนเรื่องร้องเรียนส่งไปหาเบื้องบน” เขามองไปยังเสี่ยวเฉิงอย่างไม่พอใจ เขากำลังทำให้เสี่ยวเฉิงไม่มีทางเลือกอื่น

เสี่ยวเฉิงพลันกัดฟัน ทันทีที่เห็นว่านักเรียนออกมาจากมหาวิทยาลัยหมดแล้ว เขาก็กล่าวคำพูด “งั้นก็ตามมา”

เสี่ยวเฉิงพาเขาไปยังไฮโซคลับเฮาส์ก็เพื่อจะได้ไปหาฉางเหรินด้วย เมื่อทั้งสองใกล้ถึงที่หมาย พวกเขาก็ได้ยินเสียงทะเลาะดังมากแต่ไกล เสี่ยวเฉิงรีบบิดและเพิ่มความเร็วขึ้น ทันทีที่มาถึงที่เกิดเหตุ เสี่ยวเฉิงก็เห็นว่าฉางเหรินกำลังพยายามไกล่เกลี่ยการต่อสู้อยู่

วัยรุ่นผมบลอนด์เห็นพี่ชายอยู่ในฝูงชน

ทันทีที่เห็นพี่ตัวเองกำลังทะเลาะกับคนอื่น เขาก็กระโดดลงจากมอเตอร์ไซค์ด้วยความโกรธ จากนั้น ก็เดินเข้าไปผลักผู้ชายอีกคนทันที “พวกแกจะทำบ้าอะไรกัน?”