บทที่7ตอนที่4

 

จะว่าไงดีกับภาพตรงหน้าที่ผมเห็น

 

โนโซมุนั้นตกตะลึงกับภาพตรงหน้าที่ดูประหลาดตา

 

 

「ที่นี่ที่ไหน?」

 

ทุ่งหญ้าที่เต็มไปด้วยความมืดปกคลุมไปทั่วบริเวณ

 

ต้นไม้ที่ไร้ซึ่งใบมีเพียงแต่กิ่งก้าน ไม่รู้สึกถึงความมีชีวิต

 

ต้นไม้นั่นเพียงแค่ตั้งตรง หากสังเกตดีๆหญ้าที่พื้นเองก็ดูแปลกจากปกติ

 

เมื่อเหยียบลงไปบนพื้นหญ้า ก็มีเสียงแตกคล้ายกับกระจก

 

 

「นี่มันอะไรกันเนี่ย? ไม่ใช่พืชหรอกเหรอ? ดูเหมือนของปลอมเลย……」

 

โนโซมุแหงนมองบนฟ้า

 

ท้องฟ้าที่ไร้ซึ่งเมฆ แม้กระทั่งดวงดาวก็มองไม่เห็น

 

ดวงจันทร์ขนาดใหญ่ห้าดวงกำลังส่องแสงเจิดจ้าบนท้องฟ้าที่ถูกย้อมไปด้วยสีดำ

 

ดวงจันทร์ที่ถูกย้อมไปด้วยสีทั้งห้า แดง น้ำเงิน เขียว น้ำตาล และสีดำ มีเพียงแสงจันทร์ที่ส่องสว่างราวกับสายรุ้งไปทั่วทุ่งหญ้าอันมืดมิด

 

「ไม่ว่าจะดูยังไง ที่นี่ก็ไม่ใช่เมืองอาร์คาซัมแน่ๆ แล้วมาอยู่ที่ไหนกันละเนี่ย……」

 

โนโซมุบ่นออกมาขณะระแวงรอบๆ

 

เขาจำได้ว่าเขาสู้กับเคน และหลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย

 

บางทีอาจจะหมดสติไป แถมตอนนี้ก็เจอภาพตรงหน้าที่ดูไร้เหตุผลไปอีก

 

เมื่อแหงนมองไกลออกไป อีกฟากหนึ่งของเส้นขอบฟ้ามีแสงส่องสว่างเจิดจ้า

 

「ไฟงั้นเหรอ….เอ่อ? แต่ว่ามันไม่ใหญ่เกินไปหน่อยเหรอ?」

 

เปลวไฟสีแดงที่ส่องแสงเจิดจ้ามาแต่ไกล

 

แม้ว่าจะอยู่นอกเส้นขอบฟ้า ขนาดของมันก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับไฟธรรมดา

 

 

「เอ่อแล้วทุกคน……」

 

เมื่อนึกถึงเพื่อนๆ โนโซมุก็พยายามมองไปรอบๆ

 

ท้ายที่สุดแล้ว ก็ไม่พบสิ่งอื่นใด ในสถานที่แห่งนี้

 

แม้ว่าจะเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ ก็ไม่มีลมพัดผ่าน มีเพียงความเงียบที่ปกคลุม

 

 

「ไม่มีใครอยู่เลย….แถมไม่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิตด้วย……」

 

โลกที่หยุดนิ่งไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิต

 

เมื่อตระหนักได้ว่าต้องมาติดอยู่ในโลกอันน่าหวาดกลัว ตัวของโนโซมุก็สั่น

 

 

「……ยืนตรงนี้ต่อไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา」

 

โนโซมุไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ก็คิดหาวิธีที่จะผ่านสถานการณ์ตรงนี้ไป เขามุ่งเป้าไปที่เปลวเพลิงสีแดงนั่น

 

เพราะมันคือสิ่งเดียวที่โดดเด่นที่สุด

 

โนโซมุเดินไปข้างหน้าพร้อมกับฟังเสียงหญ้าที่กระทบเข้ากับเท้าของเขา

 

 

「เอ่? นี่มันคืออะไรเนี่ย」

 

หลังจากเดินไปได้สักพักก็มีอาคารแปลกตา โผล่ขึ้นมา

 

ยิ่งกว่านั้นไม่ใช่เพียงแค่หนึ่ง หากมองดูรอบๆก็จะเห็นอะไรหลายๆอย่าง

 

โนโซมุเดินเข้าไปหาหนึ่งในนั้น

 

 

「นี่มันประตูเหรอ? แต่ว่ามันดูน่าสงสัยแปลกๆ」

 

วัตถุที่ทำจากหินสีดำประกอบเป็นรูปโค้งๆ มีลำต้นและหญ้ามากมายปกคลุมไปทั่ว ดูแล้วไม่ค่อยชัดเจนเสียเท่าไร แต่รูปร่างของมันก็เหมือนกับประตูอย่างแน่นอน

 

หากมองเข้าไปใกล้ๆก็จะพบม่านแสงระยิบระยับอยู่ที่ทางเข้า

 

แต่ว่ามันก็ไม่มีอะไรอยู่เบื้องหลังเลย ตั้งแต่ที่เดินมานี้

 

เดิมทีประตูเป็นทางเข้าเพื่อเข้าสู่อาคารที่ล้อมรอบไปด้วยกำแพง แต่ไม่มีอาคารหรือกำแพงอื่นๆล้อมรอบอยู่เลย

 

ไม่มีสิ่งก่อสร้างอยู่ที่ประตู มันถูกสร้างขึ้นราวกับไม่ยึดหลักความเป็นจริง

 

 

「เอ่อ….แล้วมันอะไรกันเนี่ย?」

 

ขณะที่มองดูด้วยความรู้สึกน่าขนลุกของประตูหลายๆบานที่คล้ายกับป้ายหลุมศพ โนโซมุพยายามเข้าใกล้ประตูสีดำสนิท

 

「อย่างน้อยก็ควรเข้าไปดูสักหน่อย」

 

เขาหยิบหินที่เท้าและโยนเข้าไปที่ประตู

 

อย่างไรก็ตามหินที่ขว้างออกไปก็ทะลุผ่านทุ่งหญ้าที่อยู่ด้านหลัง

 

ม่านแสงไม่มีการเปลี่ยงแปลงอะไร เกิดเพียงแค่แสงจางๆ

 

 

「ไม่มีปฏิกิริยา ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเข้าไปจริงๆ……」

 

โนโซมุเดินเข้าไปที่ปากทางเข้าของประตูแล้มเอื้อมมือออกไป

 

มันคงจะดีกว่ารึเปล่าที่จะไม่แตะต้องประตูเหล่านี้? ไม่ว่ามองยังไงมันก็ดูน่าสงสัยสุดๆ

 

ความลังเลเล็กน้อยเข้ามาในหัวโนโซมุ

 

ถึงแบบนั้น แนวความคิดปกติใช้กับที่นี่ไม่ได้

 

โนโซมุไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เขาอยู่ในสถานการณ์แบบไหน

 

 

「อ่าาาาา โถ่ว ! ช่วยไม่ได้คิดไปก็ปวดหัว!」

 

โนโซมุสัมผัสเข้ากับม่านแสงขณะพูดแบบนั้น

 

วินาทีต่อมาก็เกิดแสงวาบอย่างแรงกล้า

 

 

「อึก ! อะไรกันเนี่ย!?」

 

ขณะคิดแบบนั้นมือของโนโซมุก็ถูกดึงอย่างแรง

 

 

「อย่าบอกนะว่าเป็นกับดัก?? บ้าเอ้ยยย!」

 

โนโซมุพยายามต้านทานอย่างสุดแรง

 

แต่ว่าแขนของโนโซมุก็หลุดเข้าไปในม่านแสงมากกว่าครึ่งแล้ว

 

 

「ว๊ากกกกก!!」

 

โดยไม่คาดคิดนั่นเอง สุดท้ายตัวโนโซมุก็ถูกฉุดเข้าไปในม่านแสงนั่น พร้อมกับเสียงกรีดร้องของเขาในพื้นที่อันเเงียบสงบ

 

 

◆◇◆

 

ในช่วงพักกลางวัน นักเรียนสามารถได้ยินเรื่องราวต่างๆมากมายจากทั้งสถาบัน

 

จิฮัดที่กำลังทำการจัดการกองเอกสารจำนวนมากที่วางอยู่บนโต๊ะขณะฟังเสียงนักเรียนที่พูดคุยกันในระยะไกล

 

 

「ขอโทษนะคะ」

 

อินด้าถือเอกสารเข้ามาในห้องทำงานพร้อมกับเสียงเคาะประตู

 

 

「เอ่ออาจารย์จิฮัด ว่าด้วยวาระการประชุมรัฐสภาที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้……」

 

「เอ่ออินด้ารอสักครู่……」

 

ในตอนนี้ เขารีบเก็บเอกสารที่กองกันและเข้าหาเธอ

 

「อ่าแล้วทางสภาคองเกรสว่ายังไง?」

 

「ค่ะ ดูเหมือนจะมีว่าระเพิ่มเติมนอกเหนือจากวาระที่วางแผนไว้ เนื้อหาเกี่ยวกับการตอบโต้ของทางสถาบันจากเหตุการณ์ครั้งก่อน และคิดว่าแต่ละประเทศน่าจะเข้มงวดน่าดู」

 

「หลังจากนั้น……」

 

เหตุการณ์เมื่อวันก่อนที่เคนได้ทำไว้สร้างผลกระทบมากมาย

 

「อืม ท้ายที่สุดแล้วก็มีคนวงในหลุดข้อมูลไปจริงๆ จากนั้นเองก็เป็นทางฝั่งเราที่ไม่พยายามทำความเข้าใจความสามารถของนักเรียนอย่างดีพอ……」

 

「ไม่แปลกหรอกที่เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น ความสามารถมากมายล้วนปรากฏขึ้นมาระบุไม่ได้เลยเว้นแต่จะถูกใช้งานออกมา แต่ว่ามันก็เป็นเพียงแค่ข้ออ้าง」

 

แม้ว่าปัญหาต่างๆจะเกิดขึ้นกับทางสถาบัน แต่สิ่งต่างๆกลับกลายเป็นเรื่องใหญ่เกินในเวลานี้

 

นอกเสียจากว่าจะใช้ความสามารถแต่แรก มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่สามารถแยกแยะได้หากไม่ได้ตรวจสอบให้ดี

 

หน้ากากน้ำสะท้อนใจของเคน แม่มดเนวี่ของลิซ่า ปรับใช้ทันทีของไอริส พันธนาการของโนโซมุ ซึ่งทั้งหมดไม่สามารถทำความเข้าใจได้หากมองเพียงแค่ภายนอก

 

แน่นอนว่ามีความสามารถที่จะเปลี่ยนไป แต่ว่าการตรวจสอบในตอนนี้ก็เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น และมันยังมีความลึกลับมากมาย

 

มีหลายรูปแบบแตกต่างกันออกไปเมื่อความสามารถนั้นปรากฏขึ้น ในบางกรณี ก็จะกลายเป็นคนสองบุคลิกที่มีตัวตนทับซ้อนกัน หรือในบางกรณีก็จะใช้มันในทิศทางที่ผิดแปลกออกไป

 

อยู่มาวันหนึ่ง ยกตัวอย่าง เมื่อพยายามใช้พลังเวทย์ ก็มีพลังเวทย์เพิ่มขึ้นมามากมายจากปกติ

 

 ในกรณีของโนโซมุเห็นได้ชัดว่าผลของคิลดลงอย่างมาก……。

 

มีเอกสารต่างๆที่รายงานไปหลายส่วน ของทวีปที่เกี่ยวกับความสามารถ เช่น คำอวยพรแห่งเทพ คำสาปประจำเผ่า การระลึกชาติ และอีกหลายๆอย่างที่ไม่สามารถเข้าใจได้

 

ในบางพื้นที่ วัฒนธรรมการกินเนื้อคนยังคงมีอยู่เลย โดยบอกว่าถ้าเด็กได้กินเนื้อของญาติขึ้นมาจะได้อำนาจที่เหนือกว่าพ่อและแม่ของตัวเอง

 

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ปัจจุบันคือการค้นคว้าเกี่ยวกับความสามารถของอาร์คาซัมนั้นไม่ได้สอดคล้องกับปัญหาที่แท้จริงเลย

 

 

「แต่ว่าถ้าทำการกำหนดแล้วจะเอาออกก็ไม่ได้หรอก ดังนั้นก็เลยต้องการทราบความคืบหน้าของมาตรการรับมืองั้นเหรอ」

 

กล่าวได้ว่าไม่สามารถปล่อยนิ่งเฉยได้

 

หากแสดงจุดอ่อนให้เห็น สถาบันนี้โดนรวบกินโต๊ะในพริบตาแน่

 

สถาบันเองก็มีปัญหาอยู่แต่ว่าจะทิ้งมันไปก็ไม่ได้เช่นกัน

 

นั่นคือเหตุผลที่เราต้องใช้มาตรการความเป็นไปได้ทั้งหมด

 

หากรูที่ก้นเรือถูกปล่อยทิ้งไว้ไม่มีใครได้ดูแล เรือก็จะจมลงในท้ายที่สุด เพราะงั้นต้องลดระดับน้ำที่เข้ามาในเรือให้ได้มากที่สุดและพยายามหาหนทางที่จะปิดมันให้ได้

 

 

「มาตรการการสำหรับรับมือหน้ากากน้ำสะท้อนใจ พวกเราได้ทำการลงเขตแดนที่ใช้คอยตรวจจับทั้งวิทยาเขตและยังได้ทำเขตแดนรอบๆทางเข้าเมืองอีกด้วย

ทั้งหมดจะไม่ได้ส่งผลต่อร่างกายของมนุษย์ แต่ถ้ามีคนพยายามเข้าเมืองโดยใช้หน้ากากน้ำสะท้อนใจตัวตนนั้นจะถูกแจ้งให้ทราบภายในทันทีค่ะ」

 

「แต่ว่ามันก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบใช่ไหมล่ะ หากปลอมตัวอยู่ในเมืองก็สามารถซ่อนตัวตนในขณะที่ไปก่ออาชญากรรมได้」

 

「อ่าค่ะ มันไม่เหมือนกับที่สถาบันที่สร้างเขตแดนขึ้น ขณะนี้พวกเราเองก็พยายามแจ้งให้พวกทหารทราบเช่นกัน……」

 

โชคดีที่หน้ากากน้ำสะท้อนใจเป็นความสามารถที่ต้องใช้การควบคุมพลังเวทย์ขั้นสูง ดังนั้นหากรู้ว่าเกิดการใช้งานก็มีมาตราการที่คอยรับมือได้

หากพบการใช้พลังเวทย์ที่น่าสงสัย ความสามารถก็จะถูกปลดปล่อยตามธรรมชาติและตัวตนก็จะถูกเผย

 

「เป็นการยากที่จะตรวจจับการใช้หน้ากากน้ำสะท้อนใจในเมือง แต่ดูเหมือนว่าทางเบื้องบนอยากจะได้มากกว่านั้น」

 

กล่าวเป็นไปได้ว่ามันไม่สามารถใช้ตรวจจับในสถานที่ๆผู้คนเข้าออกจำนวนมากได้

 

แม้ว่าจะมีมาตรการรับมือแต่มันก็มีช่องโหว่อยู่

 

 

「อืม…นอกจากนี้ยังมีหน่วยข่าวกรองจากกองกำลังภายนอกที่อยู่ในเมือง แล้วจะทำยังไงดีคะ……」

 

นอกจากนี้ยังมีการตายของ “แสงดาว” ที่พบในเหตุการณ์ครั้งก่อนซึ่งเป็นตัวตนที่คอยติดตามสถานการณ์ในตอนนั้น

 

หลังจากเหตุการณ์นั้น จิฮัดและอินด้าก็ตรวจสอบทุกอย่างโดยละเอียด

 

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้กำจัดบุคลากรที่คิดไม่ซื่อได้ออกไปจนเกือบหมด แต่ปัญหานี้ก็ยังคงน่าปวดหัวสำหรับอินด้า

 

แม้ว่าจะรู้ว่ามีตัวตนแบบนั้นดำรงอยู่ในองค์กรของเรา แต่ว่าอีกฝ่ายก็เป็นตัวตนที่มีชื่อเสียงและมีหน้าที่สำคัญๆของประเทศหนึ่ง ในทางกลับกันหากตอบโต้ไม่ดีก็โดนเล่นกลับได้ง่ายๆ

 

โดยเฉพาะช่วงเวลาแบบนี้

 

ปัจจุบันสมาชิกในสภาส่วนใหญ่นั้นล้วนต่อว่าจิฮัด

 

ในกรณีข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับอบิส ถูกส่งให้แต่ละประเทศ ดังนั้นสมาชิกสภาบางคนค่อนข้างไม่พอใจที่ไม่ได้ทราบข่าวในทันที แต่พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้มากนอกจากจับตามอง

 

จิฮัดทำสมาธิและพยายามจบเรื่องในคราวเดียว

 

 

「ยังไงก็ต้องแก้ไขปัญหาในสักวันหนึ่ง เมื่อเวลามาถึง……」

 

「อาจารย์จิฮัด……?」

 

อินด้างงกับคำพูดแปลกๆของจิฮัด

 

หลังจากที่อินด้าถามไปได้ไม่นาน จิฮัดก็เบิกตากว้างและมองไปที่อินด้า

 

 

「พูดถึงเรื่องนั้น แล้วโนโซมุคุงละเป็นไง?」

 

ทันทีที่ได้ยินเรื่องของโนโซมุ ดวงตาของอินด้าก็สั่นเล็กน้อย

 

「เอ่อ หรือว่าจะสนใจเกี่ยวกับตัวโนโซมุเหรอ……」

 

「หมายความว่ายังไง……?」

 

ดูเหมือนอินด้าจะตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา แต่ดวงตานั่นก็เห็นความไม่พอใจอย่างชัดเจน

 

จิฮัดจ้องมองไปที่อินด้าซึ่งเงียบกับคำถามของเขา

 

แรงกดดันอันเงียบงันของจิฮัดพุ่งเข้าใส่อินด้า เธอกัดริมฝีปากแน่นราวกับทนอะไรบางอย่าง

 

 

「ถ้าบอกว่าไม่สนใจเลย ก็คงจะเป็นการโกหกค่ะ พูดตามตรง ว่านิสัยของเขาเห็นแล้วชวนหงุดหงิดเอามากๆ……」

 

「จะบอกว่ามันเหมือนกับตัวเธองั้นเหรอ?」

 

「งั้นเหรอคะ。」

 

เกี่ยวกับโนโซมุ อินด้านั้นก็ต้องประเมินโนโซมุใหม่เนื่องจากการต่อสู้ของเขากับเคน

 

อย่างไรก็ตาม อคติที่มีต่อโนโซมุก็ถูกทำลายลงในการต่อสู้จำลองที่เขาสู้กับจิฮัด และการที่โนโซมุเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตเพื่อเข้าไปช่วยลิซ่า

 

เพราะเธอนั้นเป็นคนจริงจังตั้งแต่เริ่ม พออคติเข้าไปมันก็ยากที่จะถอดถอน

 

ในขณะเดียวกันเธอก็ไม่อยากให้อภัยในความผิดพลาดของตัวเอง

 

 

「บอกตามตรงพอตื่นขึ้นมาก็ไม่รู้จะมองหน้าเขายังไงเลย….นอกจากนี้สิ่งที่ฉันทำลงไปก็ไม่สมกับเป็นอาจารย์เสียด้วยซ้ำ……」

 

อินด้าก้มลงมองความว่างเปล่า

 

ทุกอย่างถูกปิดบังกับนักเรียนคนอื่นๆ

 

 

「ก็ไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกของเธอหรอก ในแง่หนึ่งถ้าเป็นเธออคติของข้าเองก็ถูกทำลายเหมือนกัน」

 

เดิมทีแล้วเธอเป็นคนที่มีความรับผิดชอบอย่างแรงกล้าและเพียงเพื่อต้องการปกป้องนักเรียนอันเป็นที่รักของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่อยากให้โนโซมุที่ได้ข่าวลือว่าเป็นผู้ชายที่เลวทรามต่ำช้าเข้าใกล้เหล่านักเรียนของเธอ

 

มีการชี้ให้เห็นว่าทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิดโดยสิ้นเชิง แต่เนื่องจากที่ตัวตนของเขานั้นเป็นคนที่ไร้เดียงสาเอามากๆ มันทำให้เธอรู้สึกผิดแบบสุดๆ

 

กลายเป็นคนที่ตกอยู่ในโรคซึมเศร้า และคนประเภทนี้ก็ยังคงโทษตัวเองต่อไปไม่รู้จบ

 

อันที่จริงดูเหมือนว่าเธอคนนั้นเองก็อยู่ในสภาพนั้นตลอดเวลา เพราะหลับตาให้มันมาตลอด

 

 

「ทุกคนล้วนต่างตัดสินความเป็นกลางด้วยความเท่าเทียม และเป็นการยากที่จะตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง เพราะมีอคติอยู่ในสามัญสำนึกอยู่เสมอ ดังนั้นความเป็นกลางมันก็เลยเอนเอียง และในฐานะอาจารย์แล้ว วิธีการนั้นก็ไม่ได้ผิดเสมอไปหรอก」

 

 

เดินทีอินด้าเป็นคนที่เข้มงวดกับนักเรียน และนักเรียนที่ตามอะไรไม่ทันโลกก็จะตัดทิ้งอย่างไร้ความปราณี

 

ไม่ใช่ว่ากรณีวิธีการนั้นผิดเสมอไป ประเด็นก็คือเคร่งครัดจนเข้มงวดกับตัวเองเกินไปเสียต่างหาก

 

และไม่ว่าจะคอยพร่ำสอนอย่างระมัดระวังแค่ไหนก็ตอบ งานที่ได้รับมอบหมายในสถาบันโซลมินาติ ก็ยาก ในกรณีนี้หลายๆคนก็เรียนตามไม่ทันจริงๆ

 

อินด้าพยายามแสดงเส้นทางที่แตกต่างออกไปเมื่อได้เห็นนักเรียนคนนั้น

 

เธอคอยให้คำแนะนำแก่เหล่านักเรียนที่ตามบทเรียนไม่ทันและให้ความช่วยเหลือและปรึกษาด้านต่างๆในฐานะครู

 

อย่างไรก็ตามก็มีนักเรียนบางคนที่ไม่เคยคิดถึงคนอื่น

 

อินด้าปฏิบัติต่อบุคคลดังกล่าวด้วยทัศนคติที่เด็ดขาด

 

อย่างไรก็ตาม เธอคิดว่าโนโซมุนั้นเป็นตัวตนอันแสนร้ายกาจและคอยระวังอยู่เสมอ

 

เธอจึงทุกข์ทรมานเพราะความจริงที่ว่า “เธอพยายามกำจัดคนดี โดยปล่อยคนชั่วที่ทำจริงๆลอยนวล”

 

 

「พูดตามตรง พวกเราก็มักจะกำจัดนักเรียนที่ออกนอกลู่นอกทาง มิฉะนั้น ระบบการดรอปมันก็คงไม่ได้ใช้งาน มันคงเป็นเพียงแค่ความโล่งใจ แต่ไม่มีใครหรอกที่ไม่เคยผิดพลาด」

 

「ค่ะ……」

 

เธอตอบจิฮัดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

 

แม้ว่าจะรู้ดี แต่ว่าก็ไม่สามารถหยุดโทษตัวเองได้

 

 

「แต่สิ่งสำคัญสำหรับผู้คนที่เคยทำผิดพลาดไปแล้ว ก็เพียงแค่เผชิญหน้ากับสิ่งที่ตัวเองได้ทำผิดพลาดลงไปก็แค่นั้นเอง? อย่างน้อยก็ไม่ใช่มานั่งโศกเศร้าเสียใจอยู่กลางทางแบบนี้ถูกไหม?」

 

「…………」

 

อันที่จริงเธอทำงานโดยแทบไม่มีเวลานอนเลยตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งก่อน

 

ความรู้สึกผิดที่มีต่อโนโซมุและความโกรธที่กระตุ้นตัวเธอ

 

สำหรับจิฮัดที่ยุ่งวุ่นวาย พยายามจับตามองความเคลื่อนไหวของแต่ละประเทศ รวบรวมและวิเคราะห์เอกสารจำนวนมาก และพยายามปล่อยข้อมูลที่ถูกต้องออกไป

 

นอกจากนี้ ขณะดำเนินการที่ห้อง เขายังคงทำงานในฐานะครูประจำชั้นอย่างไม่ละเลยหน้าที่

 

ตัวเธอเองนั้นได้พักผ่อนเพียงเล็กน้อยในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

การทำงานที่มากเกินไปอย่างเห็นได้ชัด กำลังฝืนตัวเองจนมีรอยคล้ำใต้ตา แต่อินด้าก็พยายามปิดบังด้วยการแต่งหน้าแบบหนักๆ

 

 

「อินด้า ช่วงบ่ายน่ะไม่เป็นไรหรอก หลังจากรายงานเรื่องนี้เสร็จกลับบ้านไปพักผ่อนนะเข้าใจไหม」

 

 

「แต่ว่า……!」

 

อินด้าพยายามจะเถียงจิฮัด

 

เดิมทีเธอไม่ใช่คนที่จะเปลี่ยนอารมณ์ได้ง่ายๆ

 

ถึงกระนั้นเธอก็รู้ว่าสิ่งที่ต้องทำอะไรในตอนนี้

 

ตอนนี้เป็นสถานการณ์ที่ไม่สามารถเปิดช่องโหว่ให้คนภายนอกได้เห็น เพราะงั้นเธอจึงอดหลับอดนอนทำงาน

 

 

「แน่นอน ตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำในสิ่งที่ทำได้ต่อไป จนถึงขณะนี้ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่พวกเราต้องทำเพราะการประมาท และพวกเราเองก็คงบังคัญเหล่านักเรียนไม่ได้มาก อย่างไรก็ตามอาจารย์คนสำคัญก็ดันฝืนตัวเองโหมงานหนัก จนเหนื่อยสายตัวแทบขาด เพราะงั้นกลับไปพักได้แล้ว」

 

แต่ถ้ามันเป็นการรบกวนคนอื่นมันจะกลายเป็นอีกเรื่องทันที

 

ในฐานะที่เป็นผู้รับผิดชอบ ไม่สามารถอนุญาตให้ทำอะไรต่อไปได้ในสถานการณ์แบบนี้ เพื่อตัวเองและคนรอบข้าง

 

 

「ตอนนี้มันจะแย่นะถ้าหากเธอไม่อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมเนี่ย」

 

 

จิฮัดเปิดลิ้นชักโต๊ะ หยิบเอกสารออกมามัดหนึ่งแล้วยื่นให้อินด้า

 

ขณะที่สงสัยว่ามันคืออะไร อินด้าก็ดูเอกสาร และเมื่อเห็นก็ต้องตกใจ

 

 

「จะจะอาจารย์จิฮัดไปได้ข้อมูลพวกนี้มาจากที่ไหนกันคะ……」

 

เอกสารดังกล่าวเป็นหนึ่งในข้อมูลที่อินด้าค้นหาแทบตาย

 

เธอเบิกตากว้างและพยายามถามจิฮัดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ เขาตอบโดยเอานิ้วชี้ปาก

 

อย่าได้ถาม

 

สายตาอันดุดันจ้องมองร่างของอินด้า อินด้านั้นพูดอะไรไม่ออก สูดลมหายใจเข้า

 

 

「ถ้างั้นก็เรื่องต่อไป อาการของโนโซมุคุงล่ะ?」

 

「……ยังอยู่ในภวังค์อยู่เลยค่ะ ร่างกายก็แข็งแรงดี แต่ดูเหมือนจะยังไม่ตื่นขึ้น ไม่ทราบเหตุผลเช่นกันค่ะ?」

 

「ข้อมูลเกี่ยวกับเขาต้องเก็บไว้เป็นความลับสุดยอด หากมีใครได้รู้ความลับเหล่านี้ ประเทศต่างๆได้สั่นคลอนกันแน่นอน」

 

ทั้งสองได้ทราบแล้วว่า โนโซมุ เบลาตี้ เป็นดราก้อนสเลเยอร์ แต่ความจริงแล้วก็ยังมีข้อเท็จจริงนี่อยู่

 

ดังที่จิฮัดกล่าว การปรากฏตัวของเขาเป็นตัวตนที่ทรงพลังอย่างแน่นอนที่จะสั่นคลอนอำนาจของแต่ละประเทศ พลังของเขานั้นเป็นดาบสองคมด้วยเช่นกัน

 

การมีอยู่ของโนโซมุจะให้ใครทราบเรื่องนี้ไม่ได้

 

แม้ว่าจะไม่ได้ยืนยันความสามารถทั้งหมด แต่พลังพิเศษที่ปะทุออกมาจากร่างกายตอนที่เขาสู้กับเคนในเฟสสุดท้าย นั้นน่ากลัวอย่างมากทำให้จิฮัดถึงกับตัวสั่นเทา

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จิฮัดอยากจะชื่นชมจากใจคือการที่เขาควบคุมตนเองได้ และไม่คิดจะใช้พลังพร่ำเพรื่อ

 

เขาได้ยินจากไอริสและอันริว่าเขาไปฆ่ามังกรได้ยังไงและเกิดอะไรขึ้นตั้งแต่เข้าเรียน

 

จิฮัดไม่สามารถบอกได้เลยว่าตลอดสองปีที่ผ่านมาเขาต้องรู้สึกอะไรบ้าง

 

เขาต้องได้รับความทุกข์ทรมานจากความไม่ลงรอย

 

ความโกรธและความขุ่นเคืองหมุนวนอยู่ในหัวใจของเขามากแค่ไหน? มันยากเกินไปที่จะพูดตอบกลับไปด้วยคำง่ายๆว่า “ข้าเข้าใจ”

 

ทันทีที่ได้รับพลังมาหลายๆคนบุคลิกจะเปลี่ยนไป จิฮัดเห็นได้บ่อยชัดจนเป็นคนละคนกัน

 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะถูกปฏิบัติอย่างเลวร้ายทารุณแค่ไหนก็ตาม โนโซมุก็ไม่ได้คิดจะใช้พลังของดราก้อนสเลเยอร์เพื่อแก้แค้นใครเลย

แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว ความจริงนั้นแสดงให้เห็นที่ว่าโนโซมุนั้นเป็นมนุษย์ที่ก้าวข้ามผ่านอดีตอันเลวร้ายได้

 

 

「ยังไงก็ตาบต้องเก็บข้อมูลของโนโซมุ เบลาตี้ ไว้ทั้งหมด。」

 

「เขาเองก็ค่อนข้างโดดเด่นในตอนที่ต่อสู้จำลองที่ลานประลองเมื่อไม่กี่วันก่อน แล้วจะทำยังไงหากเขาถูกไล่ล่าในเวลานี้?」

 

「ความจริงที่ว่าการเป็นดราก้อนสเลเยอร์ไม่ได้รั่วไหลไปสู่ภายนอก และใช้การบิดเบือนข้อมูล หาเหตุผลอะไรก็ได้ที่มันดูเข้าท่า แต่ถ้าพวกนั้นไม่ฟังก็สามารถเอ่ยอ้างนามของข้าได้เลย ข้าจะรับผิดชอบในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นเอง」

 

 

สิ่งที่เขาทำได้ก็คือกันสิ่งรบกวนที่จะเข้ามาปองร้ายกับตัวเขา อย่างน้อยก็จนกว่าที่เขาจะยืนด้วยลำแข้งของตัวเองได้

 

ซอนเน่นั้นห่วงเรื่องนั้นมากกว่าใครอื่น

 

ตาแก่นั่นกล่าวไว้ว่าหากจัดการเรื่องของโนโซมุผิดพลาด เขาจะเผาเมืองนี้ให้เป็นจุล

 

คำพูดนั้นที่ได้ยินแล้วสบตากัน เหนือสิ่งอื่นใด จิฮัดที่รู้ถึง “ตัวตน” ของเขา ก็รู้ดีว่าสิ่งนั้นไม่ใช่คำโกหก แต่เขาจะทำมันจริงๆแน่นอน

หากสิ่งต่างๆ ไหลไปในทิศทางที่เลวร้ายที่สุด เมืองนี้ก็จะมลายหายไป

 

 

「……」

 

 

「……แล้วพวกนักเรียนที่สถาบันล่ะคะ?」

 

 

จิฮัดนิ่งเงียบด้วยสีหน้าหนักใจ อินด้าลังเลที่จะเรียกเขา

 

 

 

「ในขณะนี้ พวกเราได้ประกาศการลงโทษเพิ่มเติมสำหรับการสร้างข่าวลือเสียๆหายๆแล้ว แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ชั่วคราว แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย เรียกได้ว่าเป็นนิสัยหรือความเรียบง่ายดีล่ะ และในกรณีที่เลวร้ายที่สุดก็จะไล่ออกเลย ในบางกรณี ก็ไม่มีทางเลือกอื่นสำหรับคนที่พยายามฝ่าฝืนมัน」

 

นอกจากนี้ไม่เพียงแต่นักเรียนเท่านั้น แต่อาจารย์เองก็ถูกลงโทษด้วยการ “ลดเงินเดือน”และ “ตักเตือน”

 

หากเป็นเรื่องใหญ่ก็จะถือเป็นการกำจักพนักงานบางส่วนออกไปเลย

 

 

「แล้วอินด้าจากข้อมูลที่ส่งให้เมื่อกี้ คืนนี้จะทำการจับหนูกัน เตรียมพวก “แสงดาว” ไว้ด้วย พอถึงเวลาก็ไปพักผ่อนซะนะ」

 

「ค่ะ」

 

ขณะที่ถูกครอบงำด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น อินด้าก็พยักหน้าเล็กน้อย

 

จิฮัดลุกขึ้นและมองออกไปนอกหน้าต่าง

 

ชั้นเรียนตอนบ่ายกำลังจะเริ่ม จิฮัดเหลือบมองไปที่ลานประลองผ่านหน้าต่างและออกจากห้อง

 

 

◆◇◆

 

ณ ลานประลองหลังเลิกเรียนของวันนี้ ได้ยินเสียงอันกระตือรือร้น

 

 

「ย๊ากกกกกกห์!」

 

ดาบใหญ่ของมาร์ตวัดขึ้นไปในอากาศและฟาดลงไปทางคู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้า

 

 

「บ้าเอ้ย !? จินแกจะหลบทำห่าไรวะ ! ถ้าไม่รับแล้วมันจะรู้ไหมเนี่ย!」

 

「เอ่อก็รู้อยู่หรอก ! แต่ว่าอย่างน้อยก็ต้องห่วงแฮมเรีย กับ เดรก ด้วยสิ!」

 

「ไม่!」

 

ขณะที่ทอมมี่พยายามเบี่ยงเบนวิถีดาบใหญ่ที่มาใกล้ตัว แฮมเรียที่อยู่ด้านหลังก็เริ่มร่ายเวทย์

 

นอกจากนี้ เดรกที่ล้อมรอบจากด้านข้างยื่นหอกมาด้านหน้า

 

 

「ฮ่าาาาาาาา!」

 

「อึก!」

 

มาร์ที่ถือดาบใหญ่ซึ่งฟาดมันออกไปด้วยมือขวา พลิกกลับมาด้วยหลังมือซ้ายราวกับยกหอกของเดรก

 

นอกจากนี้มาร์ยังเบนความสนใจไปที่ดาบใหญ่ที่เขาฟาด มีลมเข้าล้อมรอบและก็กวาดออกไปเป็นวงกว้าง

 

 

「ว๊ากกกกกกกกก!」

 

「อ๊าาาาาาาาาา!」

 

เขาไม่มีเวลามากพอที่จะรวบรวมสายลมให้เข้าด้วยกัน แต่ว่ากระแสลมอันรุนแรงก็ได้พัดร่างของทอมมี่และเดรกไปไกลหลายเมตร

 

「หนอย!」

 

「ไม่ยอมหรอก!」

 

มาร์พยายามไล่ตามอีกสองคน

อย่างไรก็ตาม “กระสุนวายุ” ก็ถูกยิงไปที่มาร์

 

「อึก!」

 

การเล็งนั้นแม่นมากแม้จะไม่ได้ทรงพลังเท่าของไอริส

 

เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องถอยห่างและเมื่อเขาใส่พลังคิลงในดาบใหญ่ เขาก็ฟาดฟันดาบใหญ่ที่มีมวลลมอัดแน่นไปข้างหน้า

 

เวทย์ของแฮมเรียเข้าปะทะกับการฟันของมาร์ทำให้อากาศระเบิดออกและเกิดควันโดยรอบ

 

 

「……เข้าใจล่ะ มีเป้าหมายแบบนี้เองเหรอ」

 

บริเวณโดยรอบแทบจะมองไม่เห็นเนื่องจากควันจำนวนมาก มาร์ที่โดนปิดกั้นการมองเห็นก็โดนบุกจากสองฝั่ง

 

 

「แผนของจินงั้นเหรอ…หรือบางทีอาจจะเป็นแฮมเรีย」

 

มาร์พยายามจับตำแหน่งที่ดาบใหญ่ฟาดฟันออกไป

 

ฝ่ายตรงข้ามมี 5 คน ไม่สำคัญเลยว่าจะโดนเข้าโจมตีจากทางไหน

 

จากด้านข้าง ด้านหลัง หรือ ทุกทิศทาง

 

มาร์ตั้งใจใช้หูฟังการเคลื่อนไหวโดยรอบและใช้สายตาสอดส่อง ร่างกายนั้นอยู่ในภาวะตึงเครียดปานกลาง

 

 

「อึก!?」

 

ทันใดนั้น ควันก็เคลื่อนเข้าใกล้ทางมาร์

 

เขาฟาดดาบใหญ่ที่อัดมวลลมไว้ออกไป

 

อย่างไรก็ตามมันฟันไปที่เพียงความว่างเปล่า

 

 

「ชิ ! แค่เสียงลมพัดงั้นเหรอ!?」

 

「ฮ่าาาาาาาาาาาห์!」

 

เงาปกคลุมตัวมาร์ที่ฟาดดาบใหญ่ออกไป

 

เมื่อแหงนหน้ามองก็มีเงาของนักเรียนหญิงคนหนึ่งกระโดดเข้าหามาร์

 

 

「ข้างบนหรอกเรอะ!?」

 

เป็นคามี่ที่ถือกริซไว้ในมือทั้งสองข้างที่กระโดดขึ้นมาเข้าโจมตีจากด้านบน

 

การโจมตีแบบทีเผลอจากฟากฟ้า ไม่ใช่จากด้านหน้า ด้านหลัง หรือซ้ายและขวา

 

มาร์ที่เพิ่งจะฟาดฟันใส่ลมที่จินปล่อยออกมาโดนดึงดูดความสนใจ

 

แถมตัวมาร์ที่ระแวงด้านข้างและการเคลื่อนไหวของเขาก็ช้าลงเพราะคาดไม่ถึงกับการโจมตีแบบนี้

 

 

「เข้าใจแล้ว!」

 

「ไม่ยอมหรอกน่า!」

 

อย่างไรก็ตามมาร์ไม่ยอมให้จบง่ายๆ เขากระแทกแขนซ้ายเข้ากับกริซนั่น

 

「หา!?」

 

「หืม!?」

 

แรงกระแทกอันรุนแรงที่แม้แต่คนๆเดียวก็ไม่น่าจะรับไหว และต้องโดนบดขยี้อย่างแน่นอน

 

อย่างไรก็ตามมาร์จับกริซของคามี่ไว้ได้ด้วยแขนข้างซ้าย

 

จากนั้นเขาก็ส่งพลังไปที่แขนซ้ายและเริ่มมีสายลมเข้าปกคลุม

 

 

「ยาไบ……」

 

「ฮะฮะฮะฮะ!」

 

สายลมเข้าปกคลุมแขนซ้ายของมาร์และระเบิดขึ้นในทันที

 

ร่างกายของคามี่ปลิวไปและมาร์ก็รุกกลับ

 

ในช่องว่างนั้น จินและเพื่อนๆต่างใช้พลังเวทย์

 

 

「เดรก เข้าไปล้อมด้านข้างที!」

 

「โอเค!」

 

「ฮึบ!」

 

「โฮ่ว!」

 

เมื่อมาร์หยิบดาบใหญ่ขึ้นมาก็ปลดปล่อยมวลลมออกไปทันที

 

มาร์บังคับร่างกายที่ลอยอยู่ ใส่พลังคิเข้าไปโดยไม่คิดอะไรและกวาดดาบใหญ่ออกไป

 

 

 

「ขอโทษด้วย!」

 

ฟู่มม

 

ในเวลาเดียวกันลมพัดผ่านหน้ามาร์และแรงกระแทกรุนแรงก็กระทบจินและเพื่อนๆ

 

 

「บ้าเอ้ยยยยยยย!」

 

「อุหว๊ากกกกก!」

 

การโจมตีนั้นรุนแรงมากจนผลักพวกจินปลิวไปไกล

 

อย่างไรก็ตามจินและเพื่อนๆก็ไม่ยอมปล่อยให้เป็นแบบนั้นตลอด

 

พวกเขาถอยหลังและแบ่งกองกำลังออกเป็นสองส่วน

 

 

「บ้าเอ้ย แบบนี้ก็เข้าใกล้ไม่ได้สิ……」

 

「อืมมมม ไกลไปหน่อย……」

 

เดรกและคามี่ต่างพูดด้วยความเสียใจ อาจเป็นเพราะมั่นใจในการโจมตีก่อนหน้านี้

 

「อืม ถ้าให้เดานะ? พยายามจะเป็นเหมือนกับโนโซมุในแบบฉบับของตัวเองอยู่รึเปล่า?」

 

「ก็อาจจะใช่ การโจมตีแบบทีเผลอที่ใช้ควันก็เป็นแบบที่โนโซมุเคยใช้ในการฝึกพิเศษ และเขาต้องใช้ทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ชั้นยอดนี่」

 

「กล้าพูดขึ้นเยอะเลยนะ……」

 

ในทางกลับกันมาร์ที่เอาชนะการโจมตีของพวกจินได้ เห็นจินคิดกลยุทธ์แบบนั้นออกมาเขาก็อดที่จะหุบยิ้มไม่ได้เลย

 

เมื่อทั้งสองฝ่ายต่างยิ้มให้กัน พวกเขาต่างจ้องตากัน ตั้งสมาธิจดจ่อ เพื่อไม่ให้พลาดทุกการเคลื่อนไหว

 

มาร์ปรับตำแหน่งดาบใหญ่

 

 

「เอาล่ะ ถ้างั้นจะลุยต่อแล้วนะ ยังไหวกันอยู่ใช่ไหม?」

 

มาร์ยิ้มและยั่วพวกจิน

 

จินยกมือขวากวักมืออย่างเงียบๆเพื่อตอบกลับ ทุกคนต่างเตรียมตัวพร้อม

 

ต่อมาก็มีเสียงระเบิดอย่างรุนแรงมาร์พุ่งออกไปเข้าใส่จินและพรรคพวก

 

พลังที่รวบรวมและพรที่ได้รับมานั้นเขาใช้มันเข้าโจมตีพวกจิน

 

ต่อหน้าแรงกดดันอันรุนแรงของมาร์ มือขวาของจินก็เหวี่ยงลงอย่างแรง

 

ในเวลาเดียวกัน เดรกและทอมมี่ก็กระโดดเข้าหามาร์ในฐานะแนวหน้า

 

จินและคามี่นั้นตามหลังไปและแฮมเรียที่เริ่มร่ายเวทย์

 

วินาทีถัดมา มาร์กับทั้งห้าคนก็เข้าปะทะกันอีกครั้งที่ลานประลองที่ถูกย้อมไปด้วย สีแดงเทือก

 

◆◇◆

 

ทิม่าและฟีโอกำลังดูการต่อสู้จำลองโดยเพื่อนร่วมชั้นห้อง 10 ที่มุมหนึ่งของสนามฝึกซ้อม

 

ฟีโอมาถึงที่ๆมาร์และทิม่าแอบมาพบกันบ่อยๆพร้อมกับดูการฝึกของจิน

 

จนถึงตอนนี้ ห้าคนรวมกัน จิน เดรก แฮมเรีย คามี่ และ ทอมมี่ กำลังต่อสู้กับมาร์

 

อันที่จริงมาร์และจินนั้นมาฝึกเป็นครั้งคราวเนื่องจากเคยฝึกพิเศษด้วยกัน

 

ตอนนี้โนโซมุหลับอยู่ และไอริส คนอื่นๆต่างก็ยุ่งอยู่กับการดูแลโนโซมุ ดังนั้นเมื่อเร็วๆนี้การฝึกกับพวกจินเริ่มถี่ขึ้นเรื่อยๆ

 

 

「มาร์อย่าแพ้นะโว้ยยย~~」

 

ขณะที่นั่งดูอยู่นั่นเองฟีโอก็จ้องมองอย่างสนใจ

 

เดิมทีมาร์มาที่สถาบันโซลมินาติเพื่อค้นหาพลัง แต่ว่าการฝึกอบรมเช่นนี้เองก็เกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่งของเขาเช่นกัน

 

 

「โนโซมุกำลังนอนหลับอยู่ แต่เขาก็ละเลยการฝึกไม่ได้ และ ตอนนี้ก็เคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้นแล้วด้วย……」

 

แน่นอนว่าโนโซมุต้องล้มป่วยลงนอน และ แทบไม่มีอะไรที่มาร์ทำได้

 

เขาเป็นคนใจร้อนและการกระทำเองก็ค่อนข้างบ้าบิ่น

 

ความคิดที่ไม่มีที่ไปต่างก็ถูกมาระบายในการฝึกครั้งนี้

 

 

「อืม มาร์อาจมีความคิดบางอย่างเกี่ยวกับโนโซมุ~」

 

「แต่ไม่เบื่อการฝึกเหมือนเมื่อก่อนเลยนะ? ทุกวนันนี้ก็ไม่ได้ฝึกสกิลผสาน แค่ใช้ความคิด……」

 

อย่างที่ทิม่าพูด มาร์กับจินนั้นเข้าสู้กันบ่อยครั้งเป็นเพราะศึกที่โนโซมุต้องแลกเลือดกับเคน

 

โดยที่เขาไม่พยายามใช้พลังเวทย์เลยแม้แต่น้อย เขายังคงรักษารูปแบบดั้งเดิมด้วยการต่อสู้ด้วยพลังคิ

 

นอกจากนี้ยังมีส่วนที่เขาสนุกกับการพูดคุยกับพวกจินด้วย

 

 

「ไม่ต้องกังวลเรื่องโนโซมุหรอกน้า~」

 

「ฉันเองก็คิดแบบนั้น แต่มาร์ก็พูดว่า “อีกสักพักหมอนั่นก็เงยหน้าขึ้นมาเอง”……」

 

「อืม คิดอย่างนั้นจริงๆเหรอ หรือว่าสนใจเขา……」

 

「หืม? ไม่หรอกไม่ว่าใครก็ต้องห่วงเกี่ยวกับโนโซมุ……」

 

ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามาร์เป็นห่วงโนโซมุ แต่ทิม่าเองก็รู้สึกว่ามันแตกต่างจากไอริส

 

「แล้วตอนนี้ซีน่าอยู่ไหนงั้นเหรอ?」

 

「ที่ห้องพยาบาลกับโนโซมุละมั้ง เจ้าหญิงผมดำเองก็ด้วย?」

 

ทิม่าพยักหน้าสำหรับคำถามที่กลับมา

 

「ไอริส ตอนนี้สีหน้าเป็นยังไงงั้นเหรอ?」

 

「ก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกตินะ แต่ดูเหมือนว่ากำลังเครียดอยู่แน่เลย」

 

ทิม่าจำการปรากฏตัวของเพื่อนสนิทของเธอที่เงียบตลอดเวลาในห้องเรียน

 

ปากนั้นปิดแน่นเป็นเส้นตรงแน่น และตลอดเวลาที่เขากำลังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น

 

เป็นสถานพยาบาลของสถาบันกลอวรัมที่ตรงกับสายตาของเธอ

 

 

「……อืมมมม ซีน่าเองก็อาการเดียวกันเลย แถมาจารย์ก็โกรธด้วย」

 

จากคำพูดของฟีโอดูเหมือนว่าไอริสจะไม่ใช่คนเดียว

 

ในกรณีนี้เองซีน่าก็ถูกอาจารย์เตือนหลายครั้งระหว่างเรียน แต่ก็ไม่มีการตอบกลับใดๆ และดูเหมือนว่าในที่สุดเธอก็สังเกตเห็นและโดนฟาดหัวเข้าให้

 

 

「อย่างไรก็ตาม แม้หลังจากชั้นเรียนได้จบลง ก็ออกจากห้องเรียนไปพร้อมกับบ่นอะไรบางอย่าง มิมูรุเองก็พยายามจะทัก แต่ดูเหมือนก็ไม่ได้สังเกตอะไรเลย พอออกจากห้องเรียนก็รู้สึกว่าหน้าแดงอย่างน่าประหลาด……」

 

ฟีโอเอียงคอ ขณะนึกถึงพฤติกรรมที่น่าสงสัยของซีน่า

 

ฟีโอคร่ำครวญอยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อเปล่งเสียงออกมาก็พูดว่า “ขอโทษที” และยังคงถามซีน่าต่อไป

 

ชายหนุ่มหางจิ้งจอกคนนี้ก็ไม่ได้มีความอดทนอดกลั้นอะไรเป็นพิเศษเหมือนกับมาร์

 

ความไว้วางใจที่ไม่เปลี่ยนแปลง รู้สึกได้ถึงบรรยากาศแบบนั้น

 

เป็นมิตรภาพระหว่างลูกผู้ชายละมั้ง?

 

ทิม่าหันไปหามาร์อเีกครั้งที่ยังคงสู้อยู่

 

 

「เพื่อนสนิทของเจ้าหญิงผมดำคนนี้คิดอย่างไรกับท่าทางอันไร้เดียงสาของเธอกันล่ะ?」

 

「……ท้ายที่สุดแล้วดูเหมือนจะเอาแต่คิดถึงแต่เรื่องของโนโซมุไม่ตกเลยล่ะ แถมยังเรื่องลิซ่าซังอีก」

 

เป็นเรื่องยากสำหรับไอริสที่จะออกจากห้องเรียน แต่บางครั้งเธอก็ค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับลิซ่ามาก

 

ดูเหมือนนักเรียนรอบตัวจะไม่สังเกตเห็นและทิม่ารู้สึกได้อย่างชัดเจน

 

ในเวลาเดียวกันเป็นเรื่องแปลกไอริสไม่ได้พูดอะไรต่อคนที่มุ่งร้ายต่อลิซ่า ปกติแล้วเธอเป็นคนตรงๆ แต่ดูเหมือนตอนนี้เธอจะยอมแพ้

 

「อืม เจ้าหญิงผมดำเองก็มีปัญหาเหมือนกันสิน้า~」

 

「ไม่หรอก……」

 

บางทีไอริสอาจจะอิจฉาลิซ่าก็ได้ นั่นคือสิ่งที่ทิม่ารู้สึก

 

โนโซมุและเพื่อนๆต่างก้าวเข้ามาอยู่ในฐานะที่เท่าเทียมกันได้ก็เมื่อหลังจัดการมังกรแห่งความตาย แต่โนโซมุเองก็ไม่ได้บอกว่าอยากจะมีความสัมพันธ์แบบไหนกับเธอคนนั้น

 

อย่างไรก็ตาม มันไม่เหมือนในตอนนี้ ถ้ามัวแต่ละสายตาจากความเป็นจริงตรงหน้า สิ่งนั้นก็จะแก้ไขไม่ได้อย่างแน่นอน โนโซมุอาจจะรู้สึกเร่งรีบอยู่ก็ได้

 

แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าไอริสและซีน่าที่คอยเฝ้ามองเขาอย่างใกล้ชิดรู้สึกแบบไหน

 

หลายปีที่ต้องทุกข์ทนกับความขุ่นเคืองและความโกรธที่ไร้เหตุผล รู้สึกอย่างไรขณะที่เขาพูดไปขณะต้องปกปิดความลับเอาไว้

 

ถ้าเธอได้อยู่ตรงนั้นในฐานะเพื่อนสนิทล่ะ

 

ทิม่าพยายามจินตนาการขณะที่มาร์คุยกับหญิงอื่นต่อหน้าเธอ

 

เขาที่จับมือกับผู้หญิงคนอื่นที่กำลังร้องไห้และกำลังครุ่นคิดถึงคำพูดที่จะพูดออกไป

 

และไม่มีทางเลือกอื่นได้แต่มองจากสถานที่อันห่างไกล

 

 

「อึก!」

 

แค่คิดก็กระวนกระวายแล้ว

 

อย่างไรก็ตามไอริสและซีน่ากำลังเผชิญหน้ากับ เรื่องแบบนั้นในความเป็นจริง

 

เพราะสามารถมีโอกาสได้พูดคุยกับเขาเพียงแค่ครั้งเดียว ความรู้สึกของการสูญเสียอธิบายได้ยาก

 

 

「อืม ถ้างั้น พรุ่งนี้ฉันจะติดต่อกับไอ เธอก็เหมือนกับโนโซมุคุงเก็บความเจ็บปวดไว้ในจิตใจ……」

 

「ยากที่จะคุยกับโซเมียที่เป็นน้องสาวของเธอสินะ มันอาจจะดีกว่าก็ได้~」

 

พอคิดได้ก็วิตกกังวลมากขึ้น

 

นึกแบบนั้น ก็คิว่า “ไม่ควรทำจริงๆ”

 

 

「แล้วเจ้าหญิงผมแดงล่ะจะทำยังไง~」

 

「นั่นสินะ……」

 

ควรจะทำยังไงดีล่ะ

 

โนโซมุ ไอริส ลิซ่า ซีน่า ความคิดของทั้งสี่คนทำให้เธอสับสน

 

ราวกับใยแมงมุมที่พันกันอย่างประณีต

 

 

「ไม่รู้เลยว่าจะเป็นยังไงต่อไป~จริงๆ」

 

ทิม่าเองก็หมดคำพูดเหมือนกับฟีโอ

 

สักพักความเงียบเข้าปกคลุมระหว่างทั้งสอง

 

 

「อย่างไรก็ตาม ! ฉันจะคุยกับไอเอง ฉันคิดว่าอย่างน้อยก็อยากให้เธอได้ระบายบ้าง อย่างน้อยก็ให้เธอได้ผ่อนคลาย……」

 

「มันอาจจะไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ดี แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ฝากด้วยนะ」

 

ฟีโอยิ้มอย่างขมขื่นให้กับทิม่าที่แสดงความกล้าเล็กน้อย

 

จากนั้นฟีโอก็แสดงสีหน้าจริงจังราวกับเขานึกอะไรออก

 

 

「อ้อ เช้านี้ได้คุยกับมาร์ดีๆแล้วใช่ไหมเอ่ย? เพราะตอนนั้นก็ได้มีเวลาเป็นโลกส่วนตัวของทั้งสองคนเลยนี่น่า จากนี้จะคอยจับตาดูนะ」

 

「เอออ๋!?」

 

ฟีโอแสดงสีหน้าจริงจังและจู่ๆก็พูดเรื่องไร้สาระจนทิม่าเผลอร้องออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

เช้านี้ทิม่าและมาร์ก็ได้สร้างโลกส่วนตัวระหว่างทั้งสองที่ประตูทางเข้าสถาบัน

 

ปรากฏการณ์แสนหวานฉ่ำนั่นทำให้ทุกคนที่เดินผ่านก็ถึงกับเลี่ยนเลยทีเดียว

 

ใบหน้าของทิม่าที่นึกถึงภาพตอนเช้าได้ขึ้นมาก็ย้อมไปด้วยสีแดงสด

 

ปฏิกิริยานั้นง่ายจนเข้าใจได้  

 

 

「หืมมมมม ! แสดงว่ามีความคืบหน้าใช่ไหมเนี่ยดูจากสีหน้าแล้ว ??? บางทีอาจจะถึงขั้นสารภาพรักเลยรึเปล่า!?」  

 

ทันใดนั้นฟีโอก็รุกหนัก

 

สิ่งที่แย่ที่สุดในตอนนี้ก็คือไม่มีใครมาหยุดฟีโอ

 

 

「หรือว่าจะได้จูบกันแล้ว?? ไม่มีทางอย่าบอกว่า “ชั้นต้องการเธอ~!” จากนั้นก็เกิดสถานการณ์แสนหวานฉ่ำ……」

 

ท้ายที่สุดฟีโอก็ไม่ยอมหยุด ทิม่าก็เริ่มหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ

 

 

「เหเหะ ~! เข้าใจแล้ว ตรัสรู้แล้วววววว ! ภาพของแม่สาวผู้ครอบครองพลังการสั่นพ้องของธาตุทั้งสี่และบิดเบี้ยวนี่ มีมูลค่ามากกว่า 100 เหรียญทอง……」

 

อย่างไรก็ตามสถานการณ์ต่างกับเมื่อเช้า

 

ในเวลานั้นไม่มีใครจะมาหยุดมาร์ได้ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่

 

 

「เออออออออออออออออออออออออออออออ๋! ฮะฮะฮะฮะ!」

 

「เอ๋?……ฟุเกี๊ย!」

 

วินาทีต่อมาฟีโอตกใจอย่างแรง

 

แสงวาบอันแรงกล้าพุ่งเข้าไปตรงสายตาของฟีโอและตกกระทบพื้นทันที

 

หลังจากนั้นทิม่าก็หนีออกจากจุดนั้นเพราะเธออายมาก มาร์และเพื่อนๆต่างก็มองดูเธอที่กำลังวิ่งหนีไปอยู่

 

 

「ทำอะไรของแกฮะ ไอเวรนี่……」

 

「ฟุฟุ วันนี้จะยอมยกประโยชน์ให้จำเลยก็ได้ฮิฮิ……」

 

มาร์ที่ไม่เคยได้ยินเรื่องราวของฟีโอที่พูดก็ได้แต่สงสัย

 

มันน่าขนลุกที่จะพูดอย่างชัดเจนใบหน้านั้นแสดงความบูดบึ้งออกมาอย่างเห็นได้ชัด

 

จริงๆแล้ว ดูเหมือนว่าหากไม่อยากคุยมันก็จะไม่คุย เบือนหน้าหนีไปทางเมืองทันที

 

 

「……ไม่สนใจหรอก แต่สีหน้าตอนนี้เหมือนกับพวกตาแก่โรคจิตเลยวะ」

 

「……เอ๋?」

 

「อืมระดับเดียวกันเลยล่ะ」

 

「บุเอ๋!?」

 

คำพูดที่โหดเหี้ยมเข้าเสียดแทงฟีโอ

 

บางทีเพราะมันดูช็อคมากก็เลยเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่างฟีโอ

 

 

「มาร์คุง….ทำอะไรลงไป?」

 

「……ไม่ได้ทำอะไรหรอก」

 

มาร์ปล่อยฟีโอที่จิตใจแหลกสลายออกจากที่นี่

 

ดูเหมือนว่าจินและเพื่อนๆก็กำลังสงสัย แต่พวกเขาคิดว่าไปมีส่วนร่วมคงไม่ดีแน่ เลยออกจากสถานที่นี้

 

ในท้ายที่สุด ฟีโอก็หมดสติไป ถูกทิ้งไว้อย่างน่าเศร้าโดยไม่มีใครพบเห็นจนกระทั่งกลางดึก