ตอนที่ 41

The simple life of the emperor

เทียนหลางจ้องมองซ่านฉินที่ยืนด้วยใบหน้าจริงจังอยู่หน้าประตูก่อนจะพูดขึ้น

”งั้นตามฉันมา”

”ครับพี่ใหญ่”

ซ่านฉินถอดรองเท้าและเดินตามเทียนหลางเข้าบ้านไปอย่างว่าง่าย เมื่อผ่านห้องนั่งเล่นซ่านฉินก็ก้มหัวเล็กน้อยให้กับหลินเสวี่ยซึ่งเธอก็แสดงท่าทีตกใจเล็กน้อยก่อนจะก้มหัวด้วยเช่นกัน

เทียนหลางหันไปพูดกับหลินเสวี่ยอยู่ครู่หนึ่ง

”เดียวฉันขอไปคุยธุระก่อนเล็กน้อยนะ เดียวฉันกลับมา”

หลินเสวี่ยยิ้ม

”ไปเถอะ”

เทียนหลางนำซ่านฉินมาที่ตำหนักมังกร เมื่อซ่านฉินเห็นสวนของเทียนหลางเขาก็ได้แต่อึ้งจนพูดไม่ออกแม้มันยังไม่เสร็จดีนัก แต่ก็บอกได้เลยว่าที่แห่งหากเสร็จแล้วละก็ต้องงดงามแน่ ๆ

เทียนหลางเข้ามาในห้องหนังสือก่อนจะนั่งลงพร้อมกับเอ่ยขึ้น

”ที่นายมาหาฉันมีเรื่องอะไร ?”

ซ่านฉินนั่งลงด้วยท่าทีนอบน้อมก่อนจะพูดขึ้น

”ตั้งแต่ที่แก๊งของพวกเราผ่ายแพ้แก่พี่ใหญ่ พวกผมและแกนหลักทั้งหมดนั้นประชุมกันแล้วได้ข้อตกลงกันว่าจะขอติดตามพี่ใหญ่”

เทียนหลางที่ได้ยินก็งุนงงเล็กน้อยทำไมพวกเขาต้องมาติดตามเทียนหลางที่เป็นแค่เด็กม.ปลายด้วย ถึงพวกเขาจะรู้ว่าเทียนหลางมาจากโลกวรยุทธก็ไม่น่าจะมาขอติดตามด้วยเหตุผลเพียงแค่นี้

เทียนหลางจึงถามขึ้น

”นายบอกความต้องการที่แท้จริงมาดีกว่านะซ่านฉิน เรื่องมันจะได้ง่ายขึ้น”

ซ่านฉินได้ยินที่เทียนหลางพูดก็ได้แต่ก้มหน้าลงพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ

”อันที่จริง… ที่พวกเราอยากติดตามพี่ใหญ่ก็เพราะว่าอยากจะก้าวเข้าสู่เส้นทางของผู้บ่มเพาะในตำนาน พวกเราไม่ได้อยากเป็นแค่มาเฟียกระจอก ๆ ที่ทำได้แค่ทำธุระกิจผิดกฏหมายไปวัน ๆ อีกแล้วนะครับ”

เทียนหลางพยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะพิจารณาซ่านฉินอย่างช้า ๆ ก่อนจะพูดขึ้น

”เส้นทางมันไม่ง่ายหรอกนะซ่านฉิน”

”ผมเข้าใจครับ แต่ผมก็พร้อม !”

ซ่านฉินตอบเทียนหลางด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เทียนหลางพยักหน้าและพูดขึ้นอีกครั้ง

”ก็ได้ฉันจะยอมรับนายและแก๊ง แต่ก่อนหน้าที่นายจะได้เดินในเส้นทางของผู้บ่มเพาะ นายต้องพิสูจน์ตัวเองกับฉันเสียก่อน”

เมื่อได้ยินคำพูดของเทียนหลาง ซ่านฉินก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ

”จะให้ผมทำอะไรงั้นเหรอครับพี่ใหญ่”

เทียนหลางครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น

”อย่างแรกเปลี่ยนชื่อแก๊งมังกรเขียวสะ ในเมื่อนายมาเป็นลูกน้องของฉันแล้ว นายก็จะไม่ใช่มาเฟียเท่าไปอีกแล้ว”

”แล้วจะให้พวกผมใช้ชื่ออะไรละครับ”

”เปลี่ยนเป็นศาลาสวรรค์ซะ แล้วตอนนี้พวกนายก็ไม่ใช่มาเฟียกิ๊กก๊อกอีกแล้ว ดังนั้นเรื่องบางเรื่องก็ยกเลิกสะหันไปทำธุระกิจที่ทำเงินจำนวนมากและถูกกฏหมายเช่น อสังหา หรือไม่ก็เปิดบริษัทเสียดีกว่า แล้วก็เรื่องใช้ความรุนแรงนั่นเลิกสะ พวกเราไม่ใช่อันธพาลข้างถนนที่ใช้กำลังพร่ำเพรื่อ”

”เข้าใจแล้วครับพี่ใหญ่”

เทียนหลางคิดอยู่สักพักก่อนจะพูดขึ้น

”แล้วก็ส่งคนที่นายไว้ใจได้มาให้ฉันสักสองคน เพื่อมาช่วยหลินเสวี่ยดูแลร้านอัญมณีของฉันด้วย”

”เข้าใจแล้วครับ”

เทียนหลางจิบชาเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ

”แล้วอีกเรื่องหนึ่งที่นายต้องไปทำ”

”ว่ามาเลยครับพี่ใหญ่”

”นายไปเจรจากับแก๊งอสรพิษ และแก๊งดาลาส ให้มาเข้าร่วมกับศาลาสวรรค์ของพวกเราสะ ฉันไม่ค่อยปลื้มนักที่มีคนอื่นมาแย่งพื้นที่หาเงินของฉัน ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีรุนแรง”

”เข้าใจแล้วครับพี่ใหญ่”

เมื่อพูดจบซ่านฉินก็เดินออกจากห้องหนังสือไป ก่อนจะไปซ่านฉินและเบอร์ติดต่อกับเทียนหลางเอาไว้เผื่อเรื่องฉุกเฉิน หลังจากซ่านฉินจากไปเทียนหลางก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย ในตอนแรกเทียนหลางตั้งใจจะปั้นให้พวกของถังหยานเป็นมือดีของเขาและเข้าควบคุมอีกสามแก๊งที่เหลือ แต่ตอนนี้เทียนหลางจะให้ซ่านฉินทำเรื่องนี้แทน เพราะเขาอยากจะเก็บถังหยานไว้เป็นมือขวาไว้คอยติดตามเขา ส่วนซ่านฉินนั้นต้องคอยจัดการเรื่องเกี่ยวกับวงการใต้ดินแทนเพราะซ่านฉินอยู่ในโลกใต้ดินมานานคงจะเหมาะกับเขามากกว่าถังหยาน

เทียนหลางนั้นคิดอยู่ครู่หนึ่งเกี่ยวกับอีกสองแก๊งที่เหลือเพราะหลังจากที่คุยกับซ่านฉินอยู่ครู่หนึ่งเมื่อครู่ ทำให้เขารู้ว่าแก๊งอสรพิษและแก๊งดาลาสนั้นมีอิทธิพลไม่น้อยในเมืองนี้การจะทำอะไรโจ้งแจ้งเกินไปคงจะไม่ดีนัก

เทียนหลางคิดว่าหากการเจรจาไม่สำเร็จเขาคงต้องใช้กำลังบังคับพวกเขาแทน

เทียนหลางเดินออกจากห้องหนังสือและสำรวจสวนของเขา จากที่ลุงฮูได้ส่งข้อความมาบอกว่าสวนของเขานั้นใกล้จะเสร็จแล้วหลังจากที่เทียนหลางตรวจดูคาดว่าน่าจะเสร็จไปประมาณ 90% แล้วที่เหลือก็เพียงกำแพงหินอ่อนที่จะล้อมรอบสวน กับลงต้นไม้ใหญ่เท่านั้นสวนสวรรค์ของเขาก็จะเสร็จสมบูรณ์

เทียนหลางเดินกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่นก็พบหลินเสวี่ยกำลังเล่นกับเจ้าขาวพร้อมดูทีวีอยู่ เมื่อเทียนหลางนั่งลงหลินเสวี่ยก็ถามขึ้นทันที

”เมื่อกี้ลูกน้องนายงั้นเหรอ ?”

”ประมาณนั้น เขาจะส่งคนมาช่วยเธอดูแลร้านนะ”

”งั้นเหรอ ? แต่เขาดูเหมือนอันธพาลเลยนะ”

”ฮ่าๆ ก็แค่เมื่อก่อนน่ะนะ”

”งั้นเหรอ ถ้างั้นฉันกลับบ้านก่อนนะนี่ก็เริ่มเย็นแล้ว”

”เข้าใจแล้ว ให้ฉันไปส่งไหม ?”

”อื้ม”

เทียนหลางขับรถไปส่งหลินเสวี่ยที่บ้าน ก่อนจากเทียนหลางกล่าวขอบคุณเรื่องที่หลินเสวี่ยคอยมาอยู่เป็นเพื่อนพ่อกับแม่ของเขา หลังจากกลับมาบ้านเทียนหลางเดินกลับขึ้นไปบนห้องนอนทันทีและหยิบสะเก็ตดวงดาวออกมาก้อนหนึ่งพร้อมกับคิดว่าจะนำมันมาใช้ทำอะไรดี

เทียนหลางตรวจสอบสะเก็ตดาวตกอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจหลอมมันเป็นหม้อกลั่น ที่เทียนหลางเลือกหม้อกลั่นนั้นเพราะมันสามารถนำไปต่อยอดทำอะไรได้หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นหลอมอัญมณี หลอมเม็ดยา ปรุงโอสถ หรือแม้แต่หลอมอาวุธก็สามารถทำได้

หากเทียนหลางมีหล้อกลั่นก็จะทำให้เขาสามารถทำอะไร ๆ ได้ง่ายขึ้นและตอนนี้แผนขั้นต่อไปของเขาก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว