บทที่ 116 เรียนรู้วิชา

บทที่ 116 เรียนรู้วิชา

เพราะช่วงนี้กิจการของอู๋ฝานค่อนข้างคึกคัก กิจการของร้านแผงลอยบาร์บีคิวอื่นจึงซบเซาลง เรียกได้ว่ากิจการแผงลอยบาร์บีคิวอื่นในช่วงไม่กี่วันมานี้ นับวันก็ยิ่งแย่ลง ยากที่จะคงสภาพรับกับค่าใช้จ่ายเอาไว้ได้

ปัจจุบัน เถ้าแก่ร้านแผงลอยบาร์บีคิวข้างเคียงถูกพี่หนิวข่มขู่เรียกร้องค่าเสียหาย พวกเขาจึงตกเป็นเป้าของพี่หนิว และใครกันจะทราบได้ว่าหากพี่หนิวและพรรคพวกมาเรียกเก็บเงินบ่อยเข้าจะเป็นอย่างไร? นอกจากนี้ เมื่อคืนตอนที่พวกพี่หนิวอาละวาด ก็ทำกิจการของพวกเขาได้รับผลกระทบร้ายแรง ลูกค้ายิ่งไม่กล้าเฉียดเข้าใกล้

การผสานระหว่างปัจจัยเหล่านี้ เป็นเหตุให้บรรดาเถ้าแก่ร้านแผงลอยบาร์บีคิวเลือกหนี พวกเขาได้ตระหนักแล้ว ว่าหากยังดื้อรั้นอยู่ที่นี่ต่อไป ไม่เพียงแต่จะไม่อาจทำเงินได้ แต่ยังจะเสียเงินอีกด้วย

ดังนั้น การตัดสินใจหนีไปจึงถือว่าชาญฉลาดแล้ว

อู๋ฝานไม่คิดใส่ใจ ตราบเท่าที่คนเหล่านี้ไม่สร้างปัญหาแก่ตัวเขา เขาก็ไม่คิดจะไปสนใจอะไรกับอีกฝ่าย เขาเชื่อมั่นในหลักการแข่งขันอย่างเท่าเทียม ตัวเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าคนอื่นแล้ว กิจการของเขาจะไม่มีทางถูกอีกฝ่ายช่วงชิงเอาไปได้

พวกพี่หนิวมาทวงเงินแต่ไม่ได้เงิน จึงสบถกันอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายแม้ว่าไม่ยินดีก็ต้องเดินทางกลับกันไป

หากว่าไม่มีร้านแผงลอยบาร์บีคิวเหล่านั้น กิจการของอู๋ฝานในช่วงดึกจะยิ่งคึกคัก ตราบเท่าที่คนเลือกไม่เข้าหน้าร้านเพื่อทานบาร์บีคิว พวกเขาย่อมเลือกร้านของตนเอง ดังนั้นรอบด้านร้านแผงลอยของเขา จึงคลาคล่ำไปด้วยผู้คนตั้งแต่เริ่มตั้งร้านจนเก็บร้าน เพราะลูกค้าเต็มแน่น ทั้งเขาและหลิวอี้เตาจึงยุ่งกันพอสมควร

นับเป็นโชคดี ที่ความแข็งแกร่งและความอดทนของอู๋ฝานยอดเยี่ยม หากว่าเป็นตัวเขาก่อนหน้านี้ ทำงานหลายชั่วโมงขนาดนี้ย่อมปวดหลังและทั้งตัว หากเป็นแบบนั้น ถึงเวลาจะยังเหลือเรี่ยวแรงอะไรไปยังอีกโลกหนึ่ง?

อย่างไรแล้ว อู๋ฝานในปัจจุบันก็ไม่ใช่คนเดิมเช่นที่เคยเป็น ไม่ว่าจะเหนื่อยล้าแค่ไหน เขาก็ไม่กล้าลากถ่วงการเทเลพอร์ตไปยังอีกโลกหนึ่ง

ขณะอู๋ฝานปรากฏตัวในค่ายฝึกอีกครั้ง มันเป็นช่วงฟ้าสาง หลายคนกำลังหลับ การฝึกซ้อมของโจวซานเข้มข้นมากเกินกว่ากองพันอื่นเสียด้วยซ้ำ ดังนั้นภายหลังฝึกซ้อมอยู่ทั้งวันทุกคนจึงเหนื่อยล้าถึงที่สุด

“ทุกคนตื่นและรวมพล!”

อู๋ฝานที่นั่งนอนที่นี่ได้ไม่ถึงสิบนาที เสียงดังของโจวซานก็ดังขึ้นจากภายในค่ายอีกครั้งหนึ่ง

“ไม่แปลกใจ” อู๋ฝานกระชับเสื้อฟ้าด้วยรอยยิ้มแห้ง ถัดจากนั้นจึงออกจากเต็นท์

อู๋ฝานมาถึงเป็นคนแรกอีกครั้ง โจวซานเผยยิ้มรับให้อู๋ฝาน ถัดจากนั้นจึงมองเต็นท์ทั้งหลาย ก่อนที่สีหน้าจะกลับมาเป็นจริงจังอีกครั้ง

ในลานกว้างที่ไม่ได้กว้างมากมายแห่งนี้ คนเริ่มมารวมตัวกันมากขึ้น แม้พวกเขายังมีความเกียจคร้านกันอยู่บ้าง แต่หากเทียบเปรียบกับเมื่อวานเรียกว่าดีขึ้นมากแล้ว อีกทั้งภายหลังพวกเขามาที่นี่ก็ไม่มีความกล้าที่จะบ่นคำใด เอาแต่ยืนตรงนิ่งเฉย

พวกเขายังไม่ลืมบทลงโทษของเมื่อวาน

พบเห็นความก้าวหน้าหากเทียบเปรียบกับเมื่อวาน โจวซานพยักหน้ารับด้วยความพึงพอใจ ทว่าไม่นานสีหน้าก็กลับคืนเป็นจริงจัง

อีกหนึ่งวันแห่งการฝึกซ้อมได้เริ่มขึ้น!

การฝึกซ้อมอันเข้มข้นของกองพันที่สาม ยังคงก้าวล้ำเกินกว่ากองพันอื่น แต่เพราะระบบรางวัลที่โจวซานตั้งขึ้นมาเสียงบ่นของผู้คนจึงลดน้อยลง อย่างไรแล้ว ผู้คนส่วนใหญ่ที่นี่ก็ไม่ได้มีเจตนามารับใช้กองทัพเหมือนดังหนิวเอ้อและผู้อื่น แต่เพราะความยากแค้นทำให้การหาอาหารกินมีปัญหา แม้เป็นของที่แค่กินได้ยังยากลำบาก ขณะที่เนื้อสัตว์กลับกลายเป็นของหรู

เพียงแต่ที่นี่ ขอเพียงฝึกฝนให้หนัก เช่นนั้นก็มีโอกาสได้ซดน้ำซุป หากเป็นเช่นที่ว่ามันก็ต้องมีคนยอมสู้ตายฝึกซ้อมบ้างจริงหรือไม่?

เพียงแต่ทุกคนในกองพันที่สามตอนนี้เกิดความเข้าใจประการหนึ่งขึ้น ไม่ว่าพวกเขาจะฝึกฝนหนักขนาดไหน พวกเขาก็ไม่อาจเทียบเปรียบกับหัวหน้าหน่วยที่สี่กองร้อยที่สองได้ ในสายตาของพวกเขาทุกคน อีกฝ่ายคือสัตว์ประหลาดที่มีความแข็งแกร่งอันน่าสะพรึง ความอดทนอย่างน่าเหลือเชื่อ ไม่ว่าฝึกฝนหนักขนาดไหนเขากลับไม่เคยแสดงอาการเหนื่อยล้าออกมา

จึงกล่าวได้ว่าชื่อเสียงของความยกย่องต่ออู๋ฝานในกองพันที่สาม เป็นรองก็เพียงแค่โจวซาน กระทั่งหัวหน้ากองร้อยทั้งหลายก็ยังไม่อาจดีทัดเทียมกับอู๋ฝาน

ส่วนสมาชิกหน่วยของอู๋ฝาน พวกเขายิ่งนับถือในตัวอู๋ฝานมากขึ้น พวกเขาไม่มีท่าทีคิดปฏิเสธกับคำสั่งใดแม้แต่น้อย

ภายหลังหนึ่งวันแห่งการฝึกซ้อม ทุกคนนอนหอบหายใจกับพื้น ทว่าอู๋ฝานกลับไปพบโจวซาน เพื่อเป็นฝ่ายร้องขอให้มีการฝึกซ้อมเพิ่มเติม

พวกเขายิ่งนึกนับถือต่อความถึกทนของอู๋ฝาน แต่ที่พวกเขาไม่ทราบ คือการที่อู๋ฝานต้องการฝึกโดยเร็วที่สุด เพื่อจะได้จบการฝึกก่อนถึงเวลา เพราะเขาไม่อาจลากถ่วงการกลับไปยังโลกความเป็นจริง

“ไม่คิดพักสักหน่อยหรือไร?” โจวซานมองอู๋ฝานพลางถาม

ระหว่างการฝึกซ้อม โจวซานได้ตระหนักว่าหัวหน้ากองร้อยและหัวหน้าหน่วยทั้งหลาย พวกเขาจะคอยใช้โอกาสที่ตรวจสอบสมาชิกหน่วยผ่อนคลายเกียจคร้าน ขณะที่อู๋ฝานไม่เคยทำเช่นที่ว่า เรียกได้ว่าตั้งแต่เริ่มจนถึงสิ้นสุด อู๋ฝานฝึกซ้อมอย่างเข้มข้น ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้อื่น ผู้อื่นเหนื่อยล้าจนไม่อาจขยับเคลื่อนไหว แต่อู๋ฝานไม่คิดพักแม้แต่น้อย กระทั่งเป็นฝ่ายออกปากขอการฝึกฝนเสริมโดยเร็วที่สุดเสียด้วยซ้ำ

“ไม่เป็นไรครับ” อู๋ฝานยิ้มตอบรับ “ผมคิดว่ายังสามารถฝึกต่อได้”

“ในเมื่อเจ้าไม่เหนื่อยล้า งั้นก็เริ่มกันได้” พบเห็นอู๋ฝานไม่มีความเหนื่อยล้าดังเช่นคนอื่น โจวซานก็ไม่คิดปฏิเสธ จึงเริ่มฝึกซ้อมให้อู๋ฝานโดยทันที

ขณะคนอื่นได้เห็นโจวซานกำลังฝึกซ้อมให้อู๋ฝานโดยลำพัง พวกเขาไม่มีความอิจฉาหรือริษยาใดทั้งสิ้น มีก็แต่ความนับถือ พวกเขาไม่ยินดีที่จะได้รับความ ‘เอ็นดู’ อันประหลาดเช่นนี้อย่างแน่นอน พวกเขาต้องการเพียงแค่พัก พักให้เต็มที่เท่าที่จะทำได้

“ยิงลูกธนูสิบชุดก่อน ถัดจากนั้นจึงฝึกซ้อมส่วนอื่น” โจวซานนำอู๋ฝานไปยังทางธนูสำหรับฝึกซ้อมพลางบอก

อู๋ฝานพยักหน้ารับไม่โต้แย้ง ด้วยโจวซานคอยดูแล เขาจึงใช้คันธนูและลูกธนูได้โดยไม่มีข้อจำกัดใด ทั้งยังไม่ต้องจ่ายค่าใช้บริการ แม้ว่าบรรยากาศไม่ดีเท่าโลกความเป็นจริง แต่โอกาสเช่นนี้หากได้รับมาก็เป็นเรื่องดี

ภายหลังฝึกซ้อมอยู่หลายวัน รับความรู้ความเข้าใจจากอาจารย์ทั้งสองฝั่ง การยิงธนูของอู๋ฝานจึงก้าวหน้าขึ้นมากหากเทียบเปรียบกับก่อนหน้า เพียงแต่ อู๋ฝานยังรับรู้ได้อย่างเด่นชัด ว่าตนเองยังมีส่วนที่ขาดหาย และหากเทียบเปรียบกับนักแม่นธนูมืออาชีพ มันยังมีช่องว่าง

เพียงแต่ ตอนที่อู๋ฝานยิงลูกธนูชุดที่ห้า เสียงจักรกลอันคุ้นเคยก็ดังปรากฏขึ้นในหู

[ภายหลังฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ท่านได้เรียนรู้วิชาธนู ระดับปัจจุบัน : ระดับต้น]

เรียนรู้วิชา?

อู๋ฝานชะงักงันไปครู่หนึ่ง ถัดจากนั้นจึงเร่งร้อนเรียกจอค่าสถานะมาตรวจสอบ พบว่าไม่ผิด เขาได้เห็นวิชาธนูเพิ่มขึ้นมา มันแสดงระดับว่าเป็นระดับต้น

แม้ว่าหากเทียบกับบรรดาทักษะวิชาระดับสูงทั้งหลาย ระดับต้นนี้ออกจะดูผิดแปลก แต่แม้เป็นเช่นนั้น อู๋ฝานก็ยังตื่นเต้นและยินดี

เพราะมันเป็นทักษะวิชาแรกที่เขาเรียนรู้และเข้าใจด้วยตนเอง เป็นทักษะการต่อสู้อย่างแรกในบรรดาทักษะวิชาทั้งหมด มันจะเป็นสิ่งที่ทำให้อู๋ฝานต่อสู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และยังได้เข้าใจเรื่องหนึ่ง

ทักษะวิชาไม่ใช่มีเพียงแต่การให้คนอื่นสอนและได้รับ แต่ยังสามารถเรียนรู้ทำความเข้าใจด้วยตนเอง