บทที่ 87 ร่างเหล็กฉู่เฟิง
‘กัดฟันไว้ อดทนไว้ อย่าสลบเชียวนะ!’ ฉู่เหินบอกกับตัวเองไว้แบบนั้น ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว แต่สำหรับเขาตอนนี้แล้ว มันเหมือนกับว่าผ่านไป 100 หรือ 1000 ปีเลยทีเดียว
ท้ายที่สุด จิตวิญญาณของเขาก็ถูกฉีกออกมาขนาดใหญ่
“อ๊ากก!”
ฉู่เหินไม่อาจทนความเจ็บปวดได้อีกต่อ เขากรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดด้วยเสียงอันดังจนทำให้เสือในถ้ำตื่นขึ้น มันมองไปที่ฉู่เหินอย่างเป็นห่วงแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ดังนั้นมันจึงได้แต่ภาวนาให้เขาผ่านความเจ็บปวดนี้ไปได้ด้วยดี
ร่างของฉู่เหินสั่นเทาจนเกือบจะล้มลง หม้อสามขาเองก็เอนเอียงไปมา ทันใดนั้นก็ได้มีมือข้างหนึ่งเข้ามาจับตัวเขาไว้ก่อนที่จะล้มลงไป
เขาไม่ได้คิดไปเอง ฉู่เหินพยายามตั้งสติ เขานั่งขัดสมาธิและค่อย ๆ รักษาจิตวิญญาณที่ฉีกขาดของตัวเอง
หลังจากนั่งสักพัก ในที่สุดฉู่เหินก็รอดชีวิตมาได้อีกครั้ง คราวนี้มันถึงตาของเขาแล้วที่จะเอาคืน
แต่ก่อนจะทำแบบนั้น ฉู่เหินเองก็อดสงสัยไม่ได้ว่าหุ่นเชิดที่เขาสร้างมานั้นเป็นอย่างไร เขามองมันอย่างละเอียด ก่อนจะพบว่ามันมีสีดำทะมึน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีแสงสีม่วงอ่อนกะพริบออกมาเป็นครั้งคราวอีกด้วย ฉู่เหินอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้ เขาไม่คิดว่าจะสร้างหุ่นเชิดร่างเหล็กขึ้นมาได้
ถึงแม้ว่าเหล็กจะถูกจัดอยู่ในขั้นต่ำสุดในบรรดาแร่ ทอง เงิน ทองแดง และ เหล็กก็ตาม แต่เขารู้ดีว่าการใช้แร่คุณภาพต่ำแบบนี้มันย่อมเป็นเรื่องยากอยู่แล้วที่จะได้ผลลัพธ์ดี ๆ แต่อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ก็ถือได้ว่าเขาสร้างหุ่นเชิดเหล็กครั้งแรกได้ดีทีเดียว
แร่ทั้งสี่อันซึ่งประกอบไปด้วย ทอง เงิน ทองแดง และ เหล็ก ถือได้ว่าเป็นแร่ขั้นสูง และร่างที่แข็งแกร่งที่สุดในวิชาหลอมหุ่นเชิดก็คือศพทองคำ ด้วยระยะเวลาในการหลอมที่ยาวนาน นั่นทำให้มันไม่ต้องใช้การเตรียมการอะไรมากมาย ซึ่งถ้าสำเร็จ มันก็แทบจะไม่ต่างอะไรจากคนจริง ๆ เลยด้วยซ้ำ
นอกจากแร่ทั้งสี่แล้ว ก็ยังมีแร่อีกมากมาย แต่ของพวกนั้นไม่สามารถใช้งานขั้นสูงแบบนี้ได้ เพราะมีแค่แร่พื้นฐานพวกนี้เท่านั้นที่ให้ทำให้การหลอมหุ่นเชิดประสบความสำเร็จ และหลังจากที่ใส่จิตวิญญาณเข้าไปในร่างของหุ่นเชิดแล้ว พวกมันก็จะมีสติสัมปชัญญะขึ้นมา ซึ่งต่อให้ผ่านไปหลายร้อยหลายพันปี พวกมันก็ยังคงรับใช้คุณอย่างซื่อสัตย์อย่างแน่นอน
ว่าแล้วฉู่เหินปล่อยให้เจ้าหุ่นเหล็กตัวนี้เดินไปรอบ ๆ ถ้ำ เขาอยากจะรู้ว่ามันมีความสามารถอะไรบ้าง และท้ายที่สุดฉู่เหินก็ได้รู้ว่าความสามารถของมันนั้นมีมากมายขนาดไหน ทั้งความเร็วที่ว่องไวดุจสายลม และพละกำลังอันมหาศาลที่สามารถต่อยถ้ำทีเดียวเป็นรูได้
“เคลื่อนไหวดุจสายลมงั้นเหรอ งั้นเอาเป็นว่าฉันจะตั้งชื่อนายว่า ฉู่เฟิง ไปก็แล้วกัน นายจะต้องอารักขาฉันดั่งผู้พิทักษ์ ซึ่งถ้านายติดตามฉันไปเรื่อย ๆ ฉันจะให้อิสรภาพกับนายในภายหลัง”
ฉู่เหินมองหุ่นเชิดที่เขาทำขึ้นมาพร้อมด้วยความภูมิใจ เขาเชื่อว่าความสามารถของฉู่เฟิงน่าจะช่วยเขาออกไปจากที่นี่ได้แน่
“หึ เจ้าพวกที่อยู่ข้างนอกนั่น ถึงเวลาที่ฉันจะเอาคืนแล้วล่ะ ภูเขาลูกนี้จะเป็นที่ฝังศพของพวกแก” เขาพึมพำกับตัวเอง
แต่ก่อนที่เขาจะออกไป สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นเสือที่อยู่ในถ้ำตอนนี้มันมีสีเหลืองและแดงสลับไปมาหลังจากที่มันได้กินเนื้อไป ดูแล้วน่าจะเกิดการกลายพันธุ์ บางทีเจ้าเสือตัวนี้อาจจะมีประโยชน์ต่อเขาในภายหลังก็ได้
ทันใดนั้นเขาก็เรียกศพของเสือเขี้ยวดาบออกมา ก่อนจะใช้มีดอันแหลมคมตรงด้ามพัดแล่เนื้อออกเป็นชิ้น ๆ แม้ว่านี้จะมีขนาดใหญ่กว่าสองชิ้นที่แล้ว แต่เขาก็คิดว่าศพของเสือเขี้ยวดาบตัวนี้น่าจะต้องเป็นสัตว์ระดับ 2 แน่ๆ
จากนั้นฉู่เหินก็โบกมือและลดการป้องกันลง พร้อมกับค่อย ๆ เดินไปหาเสือตัวนั้น โดยที่มีฉู่เฟิงคอยคุ้มกันให้อยู่
“เธอให้ฉันยืมถ้ำสำหรับการหลบซ่อนรักษาตัว ฉันติดหนี้เธอ และคราวนี้ฉันจะตอบแทนให้ กินสิ่งนี้นะแล้วมันจะช่วยให้เธอมีพลังมากขึ้น แต่จำไว้ให้ดี ในภายหน้าห้ามเธอทำร้ายผู้อื่น หากฉันรู้เข้า แม้ว่าเธอจะหนีไปไกลสุดขอบโลก ฉันไม่ปล่อยเธอเอาไว้แน่”
หลังจากได้ยินแบบนั้น เสือตัวเมียก็พยักหน้าให้อย่างตกใจ ก่อนที่จะกินเนื้อที่ฉู่เหินมอบให้และหลับไปอีกครั้ง
ฉู่เหินจัดตั้งค่ายกลเอาไว้ วิชานี้ไม่ได้เอาไว้ใช้โจมตีหรือป้องกัน แต่มันเอาไว้ซ่อนเจ้าเสือตัวนี้ ถ้าใครก็ตามที่เข้ามาในนี้ก็จะไม่มีทางพบเจ้าเสือแน่ เว้นแต่ว่ามันจะออกไปข้างนอกเอง ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นค่ายกลนี้ก็จะหายไปในทันที
ฉู่เหินส่ายหัวและยิ้มออกมาเมื่อเห็นเสือตัวนี้กำลังนอนหลับสบายอารมณ์ เขาคิดว่านี่น่าจะเป็นการดีที่เขาผูกมิตรกับสัตว์ร้ายตัวนี้เอาไว้ ถ้าเกิดว่ามีเรื่องร้ายในอนาคตมันก็น่าจะมาช่วยเขาได้แน่ ๆ
จากนั้นฉู่เหินก็ออกไปชำระแค้นของเขา ในระหว่างที่เขาอยู่ในถ้ำ พวกคู่กรณีทั้งหลายที่อยู่ด้านนอกก็ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด พวกมันต่างโจมตีใส่ม่านป้องกันอย่างเดือดดาลนานกว่า 3 ชั่วโมงแล้ว ถึงจะเป็นอย่างนั้น แต่ม่านป้องกันมันไม่มีทีท่าว่าจะถูกทำลายลงได้
“หยุดก่อน! ถ้ามันไม่พังลงมาก็เปล่าประโยชน์ เรามาดักรอให้เขาออกมากันดีกว่า ถ้าไม่ออกมา งั้นก็ปล่อยให้มันอดตายอยู่ในถ้ำนั่นแหละ” หญิงสาวตะโกนออกมา
“ใจเย็น ๆ ก่อน หมอนั่นหนีไปไหนไม่รอดหรอก พักผ่อนเสียเถอะ” เม่ยซานเหนียงพูดขึ้น
“อย่าให้ฉันจับมันได้เชียว ไม่งั้นมันตายแน่ ๆ ไอ้หมอนี่มันกล้าทำร้ายฉันแบบนี้อภัยให้ไม่ได้” หญิงสาวผู้เป็นศิษย์พี่พูดแล้วก็มองไปยังศิษย์น้องของตัวเอง “ซานเหนียงพาคนไปเดินตรวจรอบ ๆ ซะ ลองหาดูก่อนว่ามันมีทางออกอื่นอีกหรือเปล่า”
ได้ยินแบบนั้น เม่ยซานเหนียงก็พาสองคนเดินไปตามภูเขา ถึงแม้ว่าจะมีถ้ำอยู่มากมายแถวนี้ก็จริง แต่ถ้ำพวกนั้นก็คงไม่สามารถให้ชายคนนั้นเข้าไปหลบได้แน่
ไม่นานหลังจากที่พวกเธอเดินออกไป ถ้ำที่ฉู่เหินอยู่ก็ระเบิดออก เรื่องนี้ทำให้หยีเจียนเจียนดีใจสุด ๆ ก่อนที่เธอจะพบว่ามีคนสองคนกำลังเดินออกมาจากในถ้ำ
หนึ่งในนั้นก็คือ ฉู่เหิน ชายที่เธอพยายามฆ่าอยู่เมื่อครู่ กับอีกคนเป็นชายอายุ 40 ที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน เขายืนนิ่งอยู่แบบนั้นด้วยออร่าแปลกประหลาด
หญิงสาวรู้สึกได้เลยว่าชายคนนั้นจะต้องมีฝีมือร้ายกาจ ดังนั้นเธอจึงเตรียมพร้อมรับมือเขาตลอดเวลา หยีเจียนเจียนกำลังคิดว่าจะพูดถึงชื่อสำนักของตนดีหรือไม่ เพราะว่าถ้าพูดออกไปชายแปลกหน้าคงไม่กล้าลงมือเข้ามาสอด ต้องเข้าใจว่าสำนักของเธอเองก็ไม่ใช่สำนักเล็กๆ
ถ้าบรรดาตาแก่ในสำนักของเธอออกมาจริง ๆ เรื่องนี้จะต้องทำให้เกิดการสั่นคลอนไปทั่วทั้งยุทธภพเป็นแน่
Next