ตอนที่ 118 หล่อนคือลูกพี่ลูกน้องหญิงของผม

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 118 หล่อนคือลูกพี่ลูกน้องหญิงของผม

ตอนที่ 118 หล่อนคือลูกพี่ลูกน้องหญิงของผม

เมื่อได้ยินคำพูดของเสิ่นหรูฮวน ฉินมู่หลานพลันจ้องมองตามสายตาของหล่อน

ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้า ขณะนี้กำลังพูดคุยหัวเราะอยู่กับคนที่มาซื้อของด้วยกัน และคนที่เขามาด้วยนั้นคือหญิงสาวตัวเล็กน่ารักและมีเสน่ห์

“หรูฮวน เธอบอกว่า…….คนด้านหน้านั้นคือคุณเจิ้งที่กำลังจะหมั้นหมายกับเธองั้นเหรอ?”

เสิ่นหรูฮวนกัดริมฝีปากและพยักหน้าพร้อมกับเอ่ย “ใช่ เขาชื่อเจิ้งเต๋อข่าย กำลังจะหมั้นกับฉันเร็วๆนี้”

เมื่อเห็นสีหน้าดูไม่ดีของเสิ่นหรูฮวน ฉินมู่หลานพลันเดินไปด้านหน้า

เสิ่นหรูฮวนเห็นเช่นนี้ก็รีบคว้าฉินมู่หลานไว้ จากนั้นเอ่ยถามด้วยความตื่นตระหนกเล็กน้อย “มู่หลาน เธอจะทำอะไร?”

“ไม่ได้ทำอะไร แค่จะถามถึงความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนก็เท่านั้น พวกเธอกำลังจะหมั้นกันแล้ว แต่ถ้าในใจของเขากลับชอบคนอื่น เช่นนั้นเรื่องการหมั้นก็ช่างมันเถอะ” เมื่อเอ่ยคำพูดสุดท้าย ฉินมู่หลานก็หันมองเสิ่นหรูฮวนพลางเอ่ยถาม “หรือว่าเธอยินยอมแสร้งทำเป็นหูหนวกตาบอดและยินดีหมั้นกับเจิ้งเต๋อข่ายโดยไม่ถามให้ชัดเจน?”

หากเป็นแบบนี้จริงๆ งั้นฉินมู่หลานก็ต้องคิดแล้วว่าควรจะก้าวไปข้างหน้าหรือไม่

หลังจากเสิ่นหรูฮวนได้ยินคำพูดของฉินมู่หลาน หล่อนรีบเอ่ย “แน่นอนสิว่าต้องถามให้ชัดเจน”

แม้จะรู้สึกว่าเจิ้งเต๋อข่ายนั้นไม่เลว แต่ก็ไม่จำเป็นต้องทำเพื่อเขาขนาดนั้น หากเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้หญิงคนอื่น เช่นนั้นก็ไม่ต้องหมั้นกันแล้ว

เห็นเสิ่นหรูฮวนกล่าวเช่นนี้ ฉินมู่หลานพยักหน้าและเอ่ยอย่างอดไม่ได้ “ใช่แล้ว พวกเราเดินเข้าไปถามให้ชัดเจนเลย ไม่แน่ว่าพวกเขาสองคนอาจจะเป็นญาติกัน”

แต่ในใจฉินมู่หลานกลับไม่เชื่อคำพูดนี้ อย่างไรเสียสายตาที่เจิ้งเต๋อข่ายมองผู้หญิงคนนั้นดูไม่มีความบริสุทธิ์ใจเลยแม้แต่น้อย

เสิ่นหรูฮวนได้ยินเช่นนี้ กลับเอ่ยด้วยใบหน้าประหลาดใจ “ใช่แล้วมู่หลาน ไม่แน่ว่าพวกเขาสองคนอาจเป็นญาติกัน”

ฉินมู่หลานเห็นเสิ่นหรูฮวนมีความสุขขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งก็ส่ายศีรษะอย่างอดไม่ได้ หากรู้เช่นนี้ก็คงไม่พูดอย่างนั้นดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

ขณะนี้เจิ้งเต๋อข่ายเองก็มองมาทางพวกเสิ่นหรูฮวน

แววตื่นตระหนกพลันฉายผ่านนัยน์ตาของเขา แต่ไม่นานนักก็สงบลงอีกครั้ง จากนั้นก็จ้องมองเสิ่นหรูฮวนพลางเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “หรูฮวน คุณมาที่นี่ได้อย่างไรครับ”

เสิ่นหรูฮวนได้ยินเช่นนี้จึงเอ่ยตอบ “เพื่อนของฉันมาเมืองหลวง ดังนั้นวันนี้ฉันเลยพาพวกเขาออกมาเดินเล่น”

ขณะกล่าวหล่อนก็แนะนำฉินมู่หลานและเซี่ยเจ๋อหลี่

ฉินมู่หลานมองสำรวจเจิ้งเต๋อข่ายอย่างเงียบงัน จากนั้นพยักหน้าให้กับเขาเล็กน้อย

เซี่ยเจ๋อหลี่เอ่ยทักทายด้วยเสียงแผ่วเบาเช่นกันและไม่ได้กล่าวอะไรมากนัก

เจิ้งเต๋อข่ายกลับจ้องมองทั้งสองคนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมกับกล่าว “สวัสดีครับ หากรู้ว่าวันนี้หรูฮวนจะมาที่นี่กับพวกคุณ ผมเองก็คงจะมาด้วยแล้ว ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวพวกเราไปด้วยกันไหม”

ฉินมู่หลานกลับไม่ได้ตอบรับในทันที แต่หันมองผู้หญิงที่อยู่ด้านข้างเจิ้งเต๋อข่ายและเอ่ยถาม “คนนี้คือ?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจิ้งเต๋อข่ายเอ่ยตอบทันใด “นี่คือลูกพี่ลูกน้องหญิงของผม หล่อนเองก็เพิ่งมาเมืองหลวงเช่นกัน ดังนั้นวันนี้ผมเลยพาหล่อนมาซื้อของใช้ส่วนตัว คาดไม่ถึงว่าจะบังเอิญได้พบกับพวกคุณเช่นนี้”

หญิงสาวคนนั้นได้ยินเช่นนี้ก็มองฉินมู่หลานและพวกเขาอย่างอ่อนโยนพร้อมกับเอ่ย “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อซูอวี้เจี๋ย เป็นลูกพี่ลูกน้องของเจิ้งเต๋อข่าย”

เสิ่นหรูฮวนที่อยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อรู้ว่าทั้งสองคนนั้นเป็นญาติกันจริงๆโนเวลพีดีเอฟ

แต่ฉินมู่หลานยังคงขมวดคิ้วพลางมองเจิ้งเต๋อข่ายและซูอวี้เจี๋ย ด้วยรู้สึกว่าทั้งสองคนนี้ไม่บริสุทธิ์ใจต่อกัน

แต่ยังไม่ทันจะถามเพิ่มเติม เสิ่นหรูฮวนพลันหันมองเธอพร้อมกับเอ่ยถาม “มู่หลาน ไม่งั้นพวกเราไปด้วยกันไหม ยิ่งคนเยอะก็ยิ่งสนุกนะ”

ฉินมู่หลานพยักหน้าตอบรับและกล่าว “ได้เลย”

เธออยากรู้เหมือนกันว่าซูอวี้เจี๋ยคนนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องของเจิ้งเต๋อข่ายหรือไม่ การอยู่ด้วยกันมากขึ้นคงทำให้มองเห็นบางอย่างได้

ในไม่ช้าจากกลุ่มคนสามคนก็กลายเป็นห้าคน

เสิ่นหรูฮวนยังคงเดินอยู่กับฉินมู่หลาน และซูอวี้เจี๋ยก็อยู่ข้างกายเจิ้งเต๋อข่ายตลอดเวลา อันเนื่องมาจากคำพูดของหล่อนที่กล่าวว่าหล่อนเพิ่งมาถึงเมืองหลวงและไม่รู้จักใคร จึงรู้สึกสบายใจมากเมื่อได้อยู่ข้างกายพี่ชายของตน

เซี่ยเจ๋อหลี่ไม่ได้เดินด้านข้างเจิ้งเต๋อข่ายและพวกเขา เขายังคงเดินตามหลังฉินมู่หลาน ให้ความสนใจกับฝูงชนรอบข้างและสภาพถนนอยู่เสมอ พร้อมปกป้องฉินมู่หลานทุกเมื่อ

ดังนั้นเจิ้งเต๋อข่ายกับซูอวี้เจี๋ยจึงอยู่ด้านหลังสุด

ซูอวี้เจี๋ยมองสาวสวยสมบูรณ์แบบที่อยู่ด้านหน้าและเอ่ยถาม “นี่คือคนที่คุณต้องหมั้นหมายด้วยใช่ไหม หล่อนสวยมากจริงๆ”

เมื่อเห็นซูอวี้เจี๋ยกล่าวเช่นนี้ ภายในใจของเจิ้งเต๋อข่ายก็รู้สึกทุกข์มากยิ่งขึ้น

เมื่อได้ยินเสียงอันแผ่วเบาของซูอวี้เจี๋ย เจิ้งเต๋อข่ายรู้สึกเจ็บปวดภายในหัวใจ “อวี้เจี๋ย ผม……”

อย่างไรก็ตามยังไม่ทันจะพูดจบก็ถูกซูอวี้เจี๋ยเอ่ยขัดจังหวะ หล่อนยิ้มเล็กน้อยพลางมองเจิ้งเต๋อข่ายและกล่าว “พี่ข่าย ยินดีด้วยนะคะ”

เมื่อเห็นซูอวี้เจี๋ยกล่าวเช่นนี้ ภายในใจของเจิ้งเต๋อข่ายก็รู้สึกทุกข์มากยิ่งขึ้น

ฉินมู่หลานเป็นคนหูตาไว แม้พวกเขาทั้งสองคนจะพูดด้วยเสียงแผ่วเบา แต่เธอก็ยังได้ยิน ต่อให้ทั้งสองคนนั้นจะไม่พูดอะไร แต่เธอก็รู้สึกว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนั้นไม่ธรรมดา เดิมทีเธอยังอยากได้ยินอีกว่าพวกเขากำลังพูดอะไรกัน เพียงแต่ว่าสองคนนั้นก็เงียบไปแล้วและเดินตามอยู่ด้านหลังอย่างเงียบๆ

เมื่อมาถึงห้างสรรพสินค้า เสิ่นหรูฮวนมองฉินมู่หลานพร้อมกับกล่าว “มู่หลาน พวกเราไปซื้อของกันก่อนเถอะ ซื้อของเสร็จแล้วค่อยไปกินเป็ดย่างกัน”

“ได้เลย”

ฉินมู่หลานยิ้มพลางพยักหน้า “อย่างไรวันนี้เธอก็เป็นคนนำทางแล้ว เธอตัดสินใจจะทำอะไรก็ทำเลย”

เจิ้งเต๋อข่ายยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติและเอ่ย “ได้เลยหรูฮวน คุณตัดสินใจได้เลย”

ซูอวี้เจี๋ยที่อยู่ด้านข้างพลันกล่าวด้วยสีหน้าอ่อนโยน “ฉันเรียกคุณว่าพี่หรูฮวนได้หรือเปล่าคะ ฉันมาเมืองหลวงเป็นครั้งแรกและไม่รู้อะไรเลย คุณพาพวกเราไปซื้อของได้นั้นเป็นเรื่องที่ดีมากเลยค่ะ”

ฉินมู่หลานมองดูสินค้าที่เรียงรายอยู่ตรงหน้าตนเอง ต้องยอมรับว่าสมแล้วที่เป็นเมืองหลวง ที่นี่คึกคักเป็นอย่างมาก มีสิ่งของให้เลือกสรรมากมาย เธอชื่นชอบสิ่งของจำนวนไม่น้อย ท้ายที่สุดแล้วฝ่ามือใหญ่ขยับครั้งหนึ่งและซื้อสิ่งของทั้งหมด

ซูอวี้เจี๋ยเองก็อยากซื้อเหมือนกัน แต่เห็นว่าราคาค่อนข้างแพงจึงยังคงลังเล ท้ายที่สุดก็ถูกใจเสื้อโค้ทตัวหนึ่งและรู้สึกอยากได้ จึงกัดฟันยอมซื้อ เจิ้งเต๋อข่ายเป็นฝ่ายจ่ายเงินในทันที “อวี้เจี๋ย ในเมื่อคุณชอบ งั้นก็ซื้อเถอะ ถือว่าเป็นของขวัญที่พี่ชายซื้อให้เธอ”

ซูอวี้เจี๋ยมองเจิ้งเต๋อข่ายด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

ฉินมู่หลานเห็นเช่นนี้ก็ส่ายศีรษะอย่างอดไม่ได้ ความรู้สึกนี้มีเพียงเธอที่สัมผัสได้ ส่วนเสิ่นหรูฮวนยอมรับความสัมพันธ์ลูกพี่ลูกน้องของพวกเขาแล้วงั้นเหรอ

เสิ่นหรูฮวนไม่ได้สนใจอะไรมากมายนัก หล่อนชอบสร้อยข้อมือเส้นหนึ่ง สุดท้ายก็ซื้อมาสองเส้น เส้นหนึ่งมอบให้ตัวเอง อีกเส้นหนึ่งมอบให้ฉินมู่หลาน

ฉินมู่หลานเป็นคนหูตาไว แม้พวกเขาทั้งสองคนจะพูดด้วยเสียงแผ่วเบา แต่เธอก็ยังได้ยิน ต่อให้ทั้งสองคนนั้นจะไม่พูดอะไร แต่เธอก็รู้สึกว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนั้นไม่ธรรมดา เดิมทีเธอยังอยากได้ยินอีกว่าพวกเขากำลังพูดอะไรกัน เพียงแต่ว่าสองคนนั้นก็เงียบไปแล้วและเดินตามอยู่ด้านหลังอย่างเงียบๆ

ได้ยินเช่นนี้ เสิ่นหรูฮวนก็เอ่ยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข “ได้เลย งั้นฉันจะวางแผนการเดินทางของวันนี้เอง” ขณะกล่าวก็มองเจิ้งเต๋อข่ายและซูอวี้เจี๋ยพร้อมกับเอ่ย “พวกคุณทั้งสองคน พวกเราไปซื้อของกันก่อนโอเคไหมคะ”

เสิ่นหรูฮวนเห็นว่าไม่มีใครคัดค้าน ดังนั้นหล่อนจึงพาทุกคนเดินเที่ยวเล่นห้างสรรพสินค้า

เซี่ยเจ๋อหลี่ที่อยู่ด้านหลังนั้นเป็นคนจ่ายเงินและถือของ

“งั้น……ขอบคุณนะคะพี่”

ฉินมู่หลานเลิกคิ้วขึ้นพลางมองดูปฏิสัมพันธ์ของทั้งสองคน จากนั้นมองเสิ่นหรูฮวนอย่างอดไม่ได้

อย่างไรก็ตามเสิ่นหรูฮวนกลับมีความสุขมากที่ได้ซื้อของ หล่อนไม่ได้สังเกตพวกเขาเลย

“มู่หลาน พวกเรามีกันคนละเส้นแล้วนะ หากคนอื่นเห็นก็จะได้รู้ว่าพวกเราเป็นเพื่อนสนิทกัน”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงโดนเพื่อนขาย คุณหนูเสิ่นช่างซื่อเหลือเกิน คู่หมั้นคุยกับผู้หญิงแบบนี้บรรยากาศมันชัดมากนะว่าไม่น่าใช่พี่น้อง

ไหหม่า(海馬)