บทที่118 รักแท้

สาวน้อยคนนี้ได้รับบาดเจ็บยังสามารถใส่อารมณ์ต่อเขาอย่างโหดเหี้ยม มันก็เก่งจริงๆเลย

เขาถือมีดและส้อมแล้วพยายามกินเบคอนและพิซซ่าลงไปหน่อยนึง จากนั้นก็หาวออกมาแล้วก็ขึ้นไปพักผ่อนบนห้อง

มู่เทียนซิงมองไปดูเงาหลังที่เขาเดินจากไป แล้วกินซุปไก่สับครีมเห็ดไปด้วยพร้อมถามไปด้วย”คุณลุงคะคุณสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติของเขาไหมคะ?”

“เห็นแล้ว”

พวกเขาทั้งสองล้วนสังเกตเห็น

เมื่อคืนพูดว่าจะดึงผมของหนีหย่าจูน แล้วหนีหย่าจูนก็หนีไป

เมื่อกี้เพิ่งดึงเส้นผมของเขาลงมา เขาก็กลับมาอีกที

สีหน้าของเขายังคงดูกระสับกระส่ายอยู่

ถ้าพูดตรงๆ ชายหนุ่มร่างสูงตัวใหญ่อายุเพียง 22 ปี ไม่ต้องพูดถึงการนอนดึกแม้ว่าจะไม่ได้นอนทั้งคืนก็ไม่ได้อ่อนแอเหมือนเขา นอกจากนี้ ก่อนที่พวกเขาจะไปที่โรงแรมเขาก็ได้หลับแล้วไม่ใช่หรือ?

คำตอบล้วนปรากฏอยู่ในใจของหลิงเล่และมู่เทียนซิง แต่เรื่องแบบนี้สำคัญมากๆ ถ้าไม่มีหลักฐานคงไม่มีใครกล้าพูดออกมาหรอก

หลังจากที่พวกเขาทานอาหารกลางวันเสร็จ หลิงเบ่ก็มองไปที่เธอ”ฉันจะไปจัดการเรื่องบางอย่างที่วังหลัง คุณจะไปที่ห้องทำงานกับฉันไหม?”

หลิงเล่มีงานหลายอย่างที่ยังทำไม่เสร็จ

ตั้งแต่เธอปรากฏในชีวิตของเขาแล้ว ชีวิตของเขาก็มีสีสันขึ้นเยอะ ดอกไมร์เทิลเครปสุดโรแมนติกที่อยู่รอบวิลล่า เมื่อก่อนก็แค่ปลูกอยู่ในลานนอกบ้าน แต่ตอนนี้ปลูกจนถึงในใจของเขาแล้ว

มู่เทียนซิงจะคิดถึง ไม่ยอมแยกกับเขาแต่ก็ไม่อยากรบกวนเขาจนเกินไป

“คุณจะกลับมาเมื่อไหร่?”เธอมองไปที่เขา ราวกับว่าเธอกำลังคำนวณอยู่ในใจ พอตนเองแยกจากเขาแล้ว จะสามารถอยู่ได้นานแค่ไหน?

หลิงเล่พิจารณาสิ่งที่เขาต้องทำในหัวอย่างตั้งใจ แล้วพูดว่า”ฉันจะกลับมาประมาณหกโมงครึ่ง จะไม่เกินหนึ่งทุ่มแน่นอน ฉันสัญญา!”

มู่เทียนซิงมองไปที่นาฬิกาบนผนัง

ยุ่งไปครึ่งวัน ตอนนี้ก็บ่ายโมงแล้ว

เธอพยักหน้า แล้วยิ้มอย่างเชื่อฟัง”คุณลุงสู้ๆนะคะ!ถ้าหากว่าเหนื่อยเกินไป ก็ต้องพักผ่อนนะคะ อย่าทำงานจนเหนื่อยเกินไป ถ้าคุณคิดถึงฉันก็โทรมาให้ฉันเลย โทรได้ตลอดเวลาค่ะ”

ตามจริงแล้ว เธอก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าตอนที่เขายุ่งงานอยู่จะคิดถึงเธอหรือเปล่า

เธอกลัวว่าตนเองจะคิดถึงเขาจนเกินไป แล้วก็กลัวว่าถ้าเธอโทรไปจะรบกวนเขาทำงาน ดังนั้นถึงให้เขาโทรให้เธอ

ดวงตาของหลิงเล่มองไปที่เธออย่างลึกซึ้งและสดใสเหมือนปกติ ราวกับว่าเขารู้ทุกอย่างที่เธอคิดอยู่ในใจ เขายิ้มแล้วพูดว่า”ตอนนี้เวลาบ่ายโมง ยังมีหกชั่วโมงจึงจะถึงทุ่มหนึ่ง คุณขึ้นไปนอนพักผ่อนก่อน นอนจนถึงเวลาที่ฉันดีที่สุด แต่ถ้านอนไม่หลับ ฉันจะโทรให้คุณทุกหนึ่งชั่วโมง ได้ไหม?”

“ไม่เอาดีกว่า!”มู่เทียงซิงเบาะปากไว้ รู้สึกอับอายเล็กน้อย”ฉันไม่ใช่สาวน้อยที่เพิ่งบรรลุนิติภาวะ คุณไปเถอะ ไปเถอะ ฉันนอนสักพักหนึ่งก็ตื่นขึ้นมาอ่านหนังสือ เดินเล่นก็ดีอยู่”

ยังบอกว่าหนึ่งชั่วโมงจะโทรมาครั้งหนึ่ง ถ้าเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป คนอื่นจะต้องขำแน่นอนเลย ราวกับว่าเธอขาดเขาไม่ได้จริงๆ!

พอมู่เทียนซิงพูดเสร็จ ก็แกล้งเดินไปข้างหน้าอย่างไม่สนใจ เมื่อเวลาที่เธอกำลังจะก้าวขึ้นไปบนบันไดวน

หลิงเล่ก็ห้ามเธอไว้ทันที

ทันใดนั้น เธอก็หยุดลงแล้วหันไปมองเขา”เป็นไรหรอคะ?”

เขาใช้สายตาที่เศร้ามากมองไปที่เธอดูแล้วราวกับเป็นทารกที่ได้รับบาดเจ็บ เขาคิดจะพูดอะไรสักอย่างแต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูด!

มู่เทียนซิงถูกการแสดงออกของเขาดึงดูดความสนใจ จึงลืมปลอบใจเขา เธอจ้องมองเขาตลอด ทันใดนั้นก็จำอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เธอจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วถ่ายไปทางใบหน้าที่หล่อของหลิงเล่

ฉวีซือดูอยู่ข้างๆดูจนถอนหายใจไม่หยุด:คุณหนูมู่สุดที่รักคะ ไม่ว่าคุณเป็นสาวน้อยที่เพิ่งบรรลุนิติภาวะหรือเปล่า แต่ท่าทางของซือซ่าวดูแล้วไร้เดียงสายิ่งกว่าคุณอีก!

พอมู่เทียนซิงเปิดกล้องของโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วชูไปทางใบหน้าของหลิงเล่เสร็จ เธอก็สังเกตเห็นว่าคุณลุงที่ยังน่ารักอยู่เมื่อกี้นี้ ตอนนี้ดวงตาของเขาเฉียบคมและมองเธอด้วยใบหน้าที่มืดดำ

แต่เธอไม่กลัว!

“ฮิฮิ คุณลุงคะ!”

เมื่อรู้ว่าภัยนี้เกิดขึ้นเพราะการถ่ายรูป สาวน้อยจึงรีบเก็บโทรศัพท์ลงไป”คุณลุงคะ ฉันจะรอคุณอยู่ คุณไปทำงานเถอะ หาเงินมาเลี้ยงฉันเยอะๆนะ!”

หลิงเล่ก็ขี้เกลียดเกียจกับเธอ

เพราะถ้าอ้าปากเถียง ทั้งสองคนก็ต้องทะเลาะกันอีกครั้ง เธออาจจะมาบีบคอเขาและพูดว่าจะฆ่าเขาอีกครั้งด้วยซํ้า

ความสัมพันธ์ที่ทั้งสองได้สร้างขึ้นมาอย่างยากนั่น ไม่สามารถปล่อยให้มันพังทลายลงได้

พอได้คิดแบบนี้แล้ว หลิงเล่ก็ทำตาขาวใส่เธอ”ไปเถอะ คุณไปก่อน เดี๋ยวคุณไปแล้วฉันค่อยไป”

ทันใดนั้น มู่เทียนซิงเปิดก็รู้สึกอยากจะร้องไห้

ผู้ชายที่รักคุณจริง ๆ จะพยายามให้คุณเห็นหน้าอกของเขา ไม่ใช่ว่าจะหันหลังให้คุณ เธอจำไม่ได้ว่าเคยได้ยินคำพูดนี้มาจากนวนิยายเล่มไหน

แม้ว่าคุณลุงของเธอนั้นขาทั้งสองลุกขึ้นไม่ได้ แถมยังไม่ค่อยได้ดูละครที่เกี่ยวกับความรัก แล้วก็ไม่ใช่คนที่จะอ่านนวนิยายด้วยซ้ำ แต่สัญชาตญาณของเขาอยากจะมองเธอให้มากๆ

มู่เทียนซิงยิ่งทุกข์ใจมากกว่าเดิม เธอคิดอยู่ในใจว่า จะบอกเขาดีไหมเกี่ยวกับรูปถ่ายในห้องของคุณหนูเยว่หยา

แต่ ในที่สุดเธอก็ไม่กล้าพูด

เพราะเธอไม่อยากให้ความบุ่มบ่ามเลินเล่อของเธอ จนทำให้ต้องเกิดผลกระทบอันร้ายแรงขึ้นมา!

เธอหันหลังแล้วก้าวขึ้นไปบนบันไดหมุนทุกขั้นอย่างงดงาม ทุกฉาก ทุกรายละเอียดที่นี่ล้วนเหมือนกับบ้านในฝันของเธอ

เธอรู้สึกถึงสายตาที่เต็มไปด้วยความรักของหลิงเล่ รู้สึกถึงบรรยากาศในนิทาน มีสถานที่ในหัวใจของเธอถูกใส่จนเต็ม

——ฉันเป็นเส้นแบ่งบรรทัดของหญิงสาวที่ซือซ่าวรักยิ่ง——

ณ ตระกูลมู่

เมื่อคืนที่ป๋ายเมยพาเมิ่งเสี่ยวหลงกลับมาจากโรงพยาบาล เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

ฝ่ามือของเมิ่งเสี่ยวหลงได้ทายาและใช้ผ้าพันไว้ แถมยังฉีดนํ้าเกลือเพื่อป้องกันอักเสบด้วย

เมิ่งอี้หลั่ง พาเมิ่งเสี่ยวหวีรอคอยอยู่ในห้องพักของห้องสวีท หลังจากพวกเขากลับมา เมิ่งอี้หลั่งก็เล่าความเป็นมาของเรื่องออกมาอย่างละเอียดรอบหนึ่ง

ป๋ายเมยฟังรู้เรื่องแล้ว เธอรู้สึกว่าครั้งนี้ต้องขอบคุณตระกูลเมิ่งไม่ไปคิดบัญชีกับเรื่องเมื่อก่อน แถมยังต้องขอบคุณการหมั้นของมู่เทียนซิงด้วย

เธอมองไปที่สามี แล้วพูดว่า”ฉันรู้สึกเจ็บปวดใจเป็นอย่างยิ่ง พวกคุณทำให้ฉันผิดหวังมาก เสี่ยวหลง คุณก็เช่นกัน ไม่ว่าคุณจะเป็นอย่างไร คุณก็ไม่สามารถไปคิดแบบนั้นกับเทียนซิงที่เติบโตมาด้วยกัน!ทีหลังต้องระมัดระวังหน่อยนะ อย่า……”

ป๋ายเมยยังพูดไม่เสร็จ เมิ่งเสี่ยวหวีก็ขมวดคิ้วแล้วตะโกนออกมา”คุณแม่ คุณไม่รู้เรื่องสักอย่างเลย”

“พี่ชายฉันอยากจะรังแกเทียนซิง แต่เทียนซิงยังให้อภัยเขา แถมยังคิดวิธีช่วยเขาออกมา นี่มันหมายความว่า ในใจของเทียนซิง คนที่ชอบจริงๆคือพี่ชายของฉันไม่ใช่หรือ?เธอแค่รู้สึกว่าซือซ่าวรวยกว่าตระกูลเรา ดังนั้น……”

“คุณบ้าไปแล้วหรือ คุณก็บ้าพูดคำพูดแบบนี้ออกมาได้ยังไง?”

เมิ่งอี้หลั่งรีบปิดปากลูกสาวไว้เพราะความหวาดกลัว”ระวังอย่าให้น้าซินของคุณนั้นได้ยิน!ถ้าหากว่าเรื่องมันไปถึงซือซ่าว ครั้งต่อไปลูกน้อยของเขาที่เล่นมีดบินเป็นนั้นคงจะต้องตัดหูของคุณแล้ว!ภัยร้ายนั้นล้วนออกมาจากปาก คุณต้องเติบโตบ้างแล้วนะ อย่าให้พวกเราเป็นห่วงอีก!”