บทที่119 สั่งสอน
“คุณพ่อครับ ผมว่าคำพูดของเสี่ยวหวีนั้นมีเหตุมีผล!”
เมิ่งเสี่ยวหลงมองไปที่เมิ่งอี้หลั่งอย่างตั้งใจ ผ้าพันแผลของเขาเป็นสีขาว ราวกับว่ามือของเขาได้รับบาดเจ็บและสมองของเขาก็ได้รับบาดเจ็บไปด้วย”ตอนเด็กๆเทียนซิงชอบฉันขนาดนี้ จะเปลี่ยนไปได้ยังไงล่ะ?ฉันไม่เข้าใจจริงๆ เธอเพียงแค่สับสนอยู่พักหนึ่ง ขอให้แค่ฉันรอคอยเธออยู่ที่เดิม เธอก็จะกลับมาในที่สุด!!
เมิ่งอี้หลั่งโกรธจนอยากจะบีบคอลูกชายลูกสาวให้ตาย”มันไม่ใช่ความรักที่แท้จริง!”
ทุกคนมีความรู้สึกคลุมเครือแบบนี้ซึ่งเป็นไปตามสัญชาตญาณของมนุษย์ที่จะชื่นชอบเพศตรงข้ามตั้งแต่ยังเป็นเด็ก แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเป็นความรัก!
เมิ่งเสี่ยวหลงพูดต่อว่า”คุณพ่อครับ ผมไม่ว่าจะมองยังไงก็ล้วนรู้สึกว่านี่มันเป็นการวางแผนตั้งแต่แรกแล้ว เขารักเทียนซิงตั้งนานแล้ว จึงเจตนาที่จะวางแผนให้ฉันกระโดดเข้าไป จากนั้นใช้การแต่งงานของเทียนซิงบังคับพวกคุณ ให้เทียนซิงแต่งงานกับเขา เพื่อแลกกับอิสระของฉัน!”
เมิ่งเสี่ยวหวีพยักหน้าอย่างแรง”พี่คะ เรื่องมันเป็นแบบนี้แน่นอน!”
ในห้องสงบมากมีแต่สมาชิกสี่คนในครอบครัว ป๋ายเมยฟังไปด้วย แล้วมองไปที่เมิ่งอี้หลั่งด้วยความอึดอัดใจ”คุณสามีคะ เป็นความผิดของฉันที่ไม่ได้สั่งสอนลูกๆให้ดี หลายปีนี้ฉันมัวแต่ไปเล่นไพ่นกกระจอกแล้ว ฮือฮือ”
ทันใดนั้น ป๋ายเมยก็ร้องไห้ขึ้นมา
เธอมีความรู้สึกอยากจะอธิบายความจริงของเรื่องให้เด็กๆทราบ แต่ไม่รู้ว่าจะต้องอธิบายยังไงพวกเขาถึงเข้าใจ
แม้กระทั่งเธอยังรู้เรื่องเลย แต่ทำไมลูกๆถึงไม่เข้าใจล่ะ?
อายุยังน้อยหรือเปล่า?
เมิ่งอี้หลั่งแตะไหล่ของป๋ายเมย แล้วพูดว่า”พรุ่งนี้ฉันจะไปดูที่สวนอุตสาหกรรมกับเหล่ามู่ จะไปดูว่ามีที่ดินที่เหมาะสมหรือเปล่า เหล่ามู่พูดถูกต้องจริงๆ ต้องสร้างอาคารโรงงานก่อนแล้วค่อยคุยกันทีหลัง ส่วนคุณก็ดูพวกเขาไว้ ถ้าหากว่าพวกเขาเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาอีก คุณก็ปล่อยไปเถอะ อย่าไปสนใจพวกเขาอีก พวกเราแก่แล้ว เหลือแรงแค่นี้เองยังไม่พอที่จะโมโหเลย!”
เมิ่งอี้หลั่งรู้สึกเหนื่อยจริงๆ ลูกชายเข้าไปแค่สองวัน แต่เขารู้สึกว่าผ่านไปตั้งหนึ่งศตวรรษ!
พอไล่ลูกๆออกไปเสร็จ เมิ่งอี้หลั่งและภรรยาก็หลับแล้ว
แต่ ท้องฟ้าสว่างยังไม่นาน เมิ่งเสี่ยวหลงก็ได้รับสายของอาจารย์จากโรงเรียนเตรียมทหารในเมืองb อาจารย์บอกว่า สถานะทางทหาร แฟ้มข้อมูลนักเรียนและทะเบียนบ้านของเขาล้วนได้กลับไปยังถิ่นกำเนิดเมืองชิงเฉิง แถมยังบอกว่าโรงเรียนเตรียมทหารจะไม่รับเขาอีกแน่นอน ชีวิตในอนาคตให้เขาคิดเอาเอง
ทีนี้ เมิ่งเสี่ยวหลงกังวลมาก
เขารู้อยู่แก่ใจว่าตอนนั้นลำบากแค่นั้นถึงจะสอบติดโรงเรียนเตรียมทหาร
เรียนจนถึงมหาลัยปีที่สามแล้ว อีกไม่นานก็จะสำเร็จการศึกษา แต่กลับเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา!
ป๋ายเมยก็อึ้งอยู่กับที่เช่นกัน!
อายุของลูกชายไม่สามารถกลับไปสอบมหาลัยได้อีกแล้ว ระดับการสอบเข้าวิทยาลัยสำหรับผู้ใหญ่ภายนอกนั่นก็ไม่ดีเท่ากับนักศึกษาปริญญาตรีที่สอบเข้าวิทยาลัยตามปกติ แม้ว่าที่บ้านประกอบอาชีพเอง อย่างน้อยก็ให้เขาสืบทอดอาชีพของเมิ่งอี้หลั่ง แต่ปัจจุบันเป็นยุคแห่งความรู้ ใครจะไปรู้ว่าเมิ่งอี้หลั่งสามารถทำได้อีกนานเท่าไหร่?
คนที่ทำเกี่ยวกับอุตสาหกรรม ล้วนต้องอาศัยระบบของรัฐ หากมีสักวันหนึ่งประเทศมีนโยบายมุ่งเป้าไปที่สายงานของคุณ นั้นก็ซวยไปเถอะ!
แถมทีหลังถ้าเจอหน้ากันกับญาติพี่น้อง แล้วพวกเขาถามว่า”ทำไมเสี่ยวหลงไม่ไปที่กองทัพทหารแล้วล่ะ?”
พวกเขาต้องพูดยังไง หรือจะพูดว่า”เขาเจตนาที่จะข่มขืนคนอื่น จึงถูกกองทัพไล่ออก!”
เมื่อเวลาที่คนในตระกูลเมิ่งใจร้อนอยู่ สิ่งที่ตามมาก็คือ โรงเรียนของเมิ่งเสี่ยวหวีก็โทรมาบอกว่า ให้เธอไม่ต้องกลับมารายงานตัวที่โรงเรียนอีกแล้ว ไฟล์การเรียน ทะเบียนบ้านของเธอก็จะกลับคืนไปที่เดิมของเธอด้วย!
วินาทีก่อนเมิ่งเสี่ยวหวียังเสียใจแทนพี่ชาย พอครั้งนี้ เธอเองก็ได้รับการกระทำที่เช่นเดียวกัน!
จนถึงเวลานี้ เมิ่งอี้หลั่งถึงทราบความรุนแรงของเรื่อง
แต่เขาไม่กล้าโทรไปถามมู่เทียนซิง ยิ่งไม่กล้าไปหาซือซ่าวที่คฤหาสน์จื่อเวย
นิสัยใจคอของลูกตนเองเป็นยังไง เขารู้อย่างดีแล้ว ในโบราณมีสุภาษิตที่ว่า:ชายชราสูญเสียม้า แต่กลับเป็นโชคอันยิ่งใหญ่
อาจจะต้องผ่านการสั่งสอนของครั้งนี้ ลูกๆถึงจะเติบโตขึ้นมาจริงๆ
เวลาที่กินข้าวร่วมกับคนในตระกูลมู่ สายตาของป๋ายเมยก็สะกิดสามีอย่างแรง แต่เมิ่งอี้หลั่งไม่สนใจสักนิด ไม่ได้พูดถึงปัญหาของสายเลือดเด็กๆ
ชีวิตอยู่ได้รอดูแล้ว ยังจะทำไงล่ะ?
ถ้าหากว่าลูกๆล้วนสำนึกผิดแล้ว ก็ต้องรับผลที่ตามมาด้วยตัวเอง!
ถ้าหากไม่ว่าเกิดเรื่องอะไร ผู้ปกครองล้วนไม่อาจแข็งใจที่จะไปตำหนิลูกๆ ปล่อยให้มันทำไป ทุกอย่างล้วนจัดการให้มันเรียบร้อย นั้นชีวิตของลูกก็จะถูกทำลายแน่นอน เพราะว่าเขาจะเริ่มแยกแยะถูกผิดไม่ได้!”
ก่อนที่เมิ่งอี้หลั่งจะออกจากบ้านกับมู่อี้เจ๋อ ได้เตือนป๋ายเมยไว้ว่า”ไม่ต้องเสียใจ อย่าน้อยเรายังมีเงินเก่าอยู่ เดี๋ยวทีหลังให้พวกเขาพี่น้องสองคนไปอยู่ในห้องเชิงปฏิบัติการ ตามพวกคนงานเหล่านั้นไปทำงานหนัก ฝึกความอดทน เมื่อผ่านประสบการณ์บางอย่างแล้ว พวกเขาก็จะเริ่มรู้เรื่องแล้ว”
ป๋ายเมยไม่สามารถเข้าใจได้ นํ้าตาไหลลงมาจากตา”ทำไมคุณถึงใจร้ายขนาดนี้?เด็กๆล้วนได้รับโทษแล้วไม่ใช่หรือ?มือของเสี่ยวหลงยังเป็นอย่างนั้นอยู่เลย ส่วนผมของเสี่ยวหวีก็ถูกตัดไปด้วย!”
“นี่มันไม่ใช่การรับโทษ นี่มาเรียกว่าสมน้ำหน้า!”เมิ่งอี้หลั่งกลัวว่าภรรยาจะรักใคร่ลูกๆจนเกินไป จึงพูดต่อว่า”ได้รับโทษแล้วยังไม่พอ สิ่งที่สำคัญคือการสั่งสอน!มีบางเรื่อง ถ้าพวกเขาไม่ไปลองชิมเองก็จะไม่เข้าใจ ความรู้บางอย่างถ้าพวกเขาไม่ไปลองชิมเองก็จะไม่รู้ตลอดชีวิต ดังนั้นพวกเราอย่าไปพูดกับเหล่ามู่และภรรยาของเขาแล้ว คนเขาไม่ได้คิดอะไรพวกเราเลย!แถมคุณจะกล้าไปพูดกับพวกเขาได้ยังไงล่ะ?”
พอเมิ่งอี้หลั่งพูดเสร็จ ก็ตามมู่อี้เจ๋อขึ้นรถ แล้วก็ไปแล้ว
ส่วนป๋ายเมยยังไม่สามารถเข้าใจความหมายของสามี
เธอรู้สึกว่า พยายามอย่างมากถึงจะสอบได้มหาลัยเช่นนี้ แต่พี่น้องทั้งสองล้วนถูกไล่ออกเสียที อยู่ที่บ้านไม่มีอะไรทำ ต้องทำยังไงล่ะ?แม้ว่าที่บ้านมีธุรกิจส่วนตัวอยู่ แต่พวกเขาล้วนมีชีวิตอย่างสบายตั้งแต่เด็ก จะให้พวกเขาไปทำงานหนักอย่างพวกคนงานได้ยังไงล่ะ?แต่ถ้าหากให้พวกเขาปกครองบริษัทโดยตรง พวกเขาก็ยังเด็กอยู่ มีหลายๆเรื่องยังไม่ค่อยเข้าใจ!
เมิ่งอี้หลั่งเพิ่งออกไปไม่นาน เมิ่งเสี่ยวหวีก็ร้องไห้ไปด้วยพร้อมดึงป๋ายเมยไว้”คุณแม่คะ เทียนซิงได้หมั้นกับซือซ่าวแล้วไม่ใช่หรือ เพียงแค่คำพูดเดียวของซือซ่าว ฉันกับพี่ชายก็สามารถกลับบ้านเรียนได้แล้ว!คุณแม่คะ มันยังมีโอกาสอยู่ ทำไมเราถึงไม่ไปลองดูก่อนล่ะ?”
“แต่คุณพ่อของคุณบอกว่า ห้ามพวกเราไปยุ่งกับเทียนซิง”
“พวกเราสามารถเรียกรถไปที่คฤหาสน์จื่อเวยเลย!”
“แต่ว่า……”
“คุณแม่คะ!หรือคุณอยากดูฉันกับพี่ชายอยู่เหงาๆในบ้านแบบนี้หรอคะ?”
เมิ่งเสี่ยวหวีรู้สึกว่าตนเองจะบ้าไปแล้ว หลังจากเมื่อวานได้เจอหนีหน้าจูนแล้ว เธอรู้สึกว่า ในใจของตนเองไม่มีที่เหลือให้คนอื่นได้อีกแล้ว
ถ้าหากเขาไม่ชอบเธอตกหน้า นั้นเธอก็ไม่แต่งแล้ว ไม่แน่คุณชายหนีอาจจะมองเธอด้วย ถ้าถึงเวลานั้น ตนเองนั้นอยู่กับคุณชายหนีก็จะดีกว่ามู่เทียนซิงอยู่กับซือซ่าวด้วยซํ้า
ลูกสาวร้องไห้ไปด้วยวุ่นวายไปด้วย ส่วนลูกชายนอนอยู่ข้างบน
ป๋ายเมยคิดว่า ไม่พาเมิ่งเสี่ยวหลงไปละกัน พาแค่เมิ่งเสี่ยวหวีไปดีกว่า!