บทที่120 กล้องวงจร
มู่เทียนซิงนอนอยู่ชั้นสอง
หนีหย่าจูนนอนอยู่ชั้นสาม
ตอนที่หลิงเล่ไปวังหลังก็ได้สั่งกับฉวีซือไว้ก่อนแล้วว่า ถ้าหากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แล้วเขาไม่อยู่ก็ไปหาหนีหย่าจูนจัดการ พยายามอย่าไปรบกวนมู่เทียนซิง
ความสนใจและความปกป้องที่เขามีต่อมู่เทียนซิงนั่น คนในคฤหาสน์จื่อเวยล้วนเห็นด้วยต่อตา
ฉวีซือพยักหน้า”ค่ะ ซือซ่าวไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ!”
จากนั้น พอเวลาที่ป๋ายเมยและลูกสาวนั่งรถมาถึงคฤหาสน์จื่อเวยในตำนาน ทั้งสองคนต่างยืนอยู่ใต้ต้นไม้จื่อเวย ไม่กล้าเดินหน้าขึ้นไป
เมิ่งเสี่ยวหวีเบิกปากกว้างและมองดูบ้านหลังที่หรูหราราวกับมหาวิหารอังกฤษที่อยู่ต่อหน้า เธอตกใจจนฟื้นสติกลับมาไม่ได้ ไม่น่าทำไมมู่เทียนซิงถึงไม่รังเกียจว่าซือซ่าวเป็นคนพิการ ถ้าหากว่ารู้ตั้งแต่เเรก เธอก็ไม่รังเกียจเช่นเดียวกัน!
ป๋ายเมยมองไปที่สิ่งก่อสร้างที่ราวกับพระราชวังบนสวรรค์ที่อยู่ต่อหน้า เธอเริ่มเสียใจภายหลังแล้ว
“เสี่ยวหวี ไม่นั้นพวกเรากลับไปก่อนเถอะ น้าซินของคุณก็อยู่บ้านเช่นกัน ไม่นั้นพวกเราก็ไปบอกกับน้าซินของคุณ แล้วให้เธอมาพูดกับเทียนซิงอีกที อย่างนี้จะดีกว่าไหม”
ป๋ายเมยไม่ได้เห็นวันนั่นที่พวกหลิงเล่มาส่งของกำนัลที่ตระกูลมู่ ช่างหรูหราหรือเกิน
ดังนั้นเมื่อได้ยินที่สามีพูด เธอก็เพียงแค่ตื่นเต้น แต่ไม่สามารถรู้สึกซาบซึ้งและตื้นตันใจดังตัวเองได้รับ!
เธอเห็นลูกสาวร้องไห้จนใจอ่อนขึ้นมา เธอจึงคิดว่าถ้ามาหาเทียนซิงโดยตรง แล้วให้เทียนซิงไปลองดู ก็เป็นวิธีที่ดีอยู่ แต่นับบัดนี้ เมื่อเห็นภาพลักษณ์ต่อหน้านี้ ป๋ายเมยก็มีความรู้สึกไม่ดี วันนี้เธอไม่ควรพาลูกสาวมาที่นี่เลย!
ส่วนภายในของคฤหาสน์จื่อเวย จั๋วหรันและภรรยาต้องจ้องดูกล้องวงจรไปตั้งนานแล้ว
แม่ลูกคู่นั้นแอบซ่อนตัวอยู่ใต้ต้นไม้จื่อเวย ไม่ทราบว่าจะทำเรื่องร้ายอะไร
ฉวีซือพูดว่า”คนนี้ก็คือเมิ่งเสี่ยวหวีหรือ?หน้าตายังใช้ได้ แต่ทำไมสมองถึงไม่ค่อยดีหล่ะ?กล้าจะฝ่ายฝันคุณชายหนีได้ยังไง?คฤหาสน์จื่อเวยเป็นสถานที่เธอจะมาก็สามารถมาได้อย่างง่ายๆหรือ?”
คำพูดทุกคำล้วนเต็มไปด้วยความลบลู่ดูถูก ฉวีซือลุกขึ้นมา พูดว่า”ฉันจะไปที่ชั้นสามเพื่อบอกสถานการณ์ให้คุณชายหนีทราบ เพราะฉันเกรงว่าแม่ลูกคู่นี้จะก่อความวุ่นวายขึ้นมา จนทำให้คุณหนูมู่ต้องตื้นตันใจ”
จั๋วหรันดึงมือของเธอมา แล้วมองไปที่เธอไม่ให้เธอไป
ฉวีซือหันกลับไปมองเขา”เป็นไรหรอ?”
สามีและภรรยาคู่นี้เติบโตมาตั้งแต่เด็ก แถมทั้งสองล้วนรักฝั่งตรงข้ามมาเช่นเดียวกัน พอเห็นว่าจั๋วหรันดึงตนเองไว้ แม้ว่าฉวีซือไม่รู้ว่าเขาจจะทำอะไร แต่ในใจของเธอยังคงดีใจอยู่
แม้ว่าจั๋วหรันเป็นคนที่เงียบขรึม สีหน้าอารมณ์ก็ไม่มากนัก แต่เขาเป็นคนที่ทำอะไรจริงๆจังๆ”ตอนเช้าฉันออกไปทำธุระให้ซือซ่าว พอตอนที่กลับมา จวงเสว่ได้มาขวางทางรถของฉันบนถนน แถมยังจะให้เครื่องรางนำโชคให้ฉัน เธอบอกว่าไปขอที่ไหนมาสักอย่าง รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยได้ยิน”
“คุณนำมาแล้วหรือ?”สีหน้าของฉวีซือตื่นเต้นขึ้นมา
จั๋วหรันหัวเราะออกมา แล้วตอบอย่างซื่อสัตย์”ไม่ ฉันเลี้ยวรถไปทางอื่น และขับกลับในทางอ้อม”
ฉวีซือหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข แล้วจับใบหน้าขอวเขาไว้ จากนั้นจูบลงไปอย่างเบาๆหลายๆครั้ง ถือว่าเป็นรางวัลให้เขาละกัน
แต่เมื่อเวลาที่ฉวีซือปล่อยเขาออก แล้วใช้สายตากวาดไปที่รูปถ่ายของกล้องวงจร เธอก็กรีดร้องขึ้นมาทันที”ตายแล้ว!พวกเธอเดินมาแล้ว เดินมาทางคฤหาสน์จื่อเวย ฉันต้องรีบไปเรียกคุณชายหนี!”
“คุณดูไว้ ฉันไปเรียกเขา!”สีหน้าของจั๋วหรันดำลงทันที จากนั้นลุกขึ้นมาแล้วเดินออกไปข้างนอก!
บนตึก
หนีหย่าจูนรู้สึกว่าอารมณ์จะพังทลายแล้วจริงๆ
เขาคาดเดาไม่ได้ว่า ผู้หญิงมี่น่าเกลียดเหมือนเมิ่งเสี่ยวหวียังมีหน้ามาอีก
แถมยังเลือกมาในช่วงเวลาที่เขากำลังนอนหลับอย่างดี!
ถ้ารู้ล่วงหน้าว่ายังไงก็หนีไม่พ้นการถูกดึงเส้นผม นั้นเมื่อคืนเขาก็ไม่ต้องสับสนแล้ว วันนี้ก็ไม่ต้องไปๆมาๆ อย่างน้อยตอนนี้ก็มีสง่าราศี และจะไม่รู้สึกง่วงตลอดเวลา!
หนีหย่าจูนนึกถึงคำพูดของคุณปู่ที่ว่า”ให้มันไปตามธรรมชาติ”เขารู้สึกว่าคุณปู่ให้คำตอบแก่เขาตั้งนานแล้ว แค่เขาไม่สามารถเข้าใจความหมายของคุณปู่ได้ จึงต้องวุ่นวายกันไปมา
ชั้นล่าง เสียงกริ่งของประตูดังขึ้น
แม้กระทั่งอยู่ชั้นสาม พวกหนีหย่าจูนก็ยังคงได้ยิน
หนีหย่าจูนสะบัดมือ และพลิกตัวกอดหมอนนอนต่อ”ไปบอกพวกเธอว่า วันนี้ที่บ้านไม่มีคนอยู่ ไม่รับแขกใดๆ!ถ้าพวกเธอโวยวายอีก ยิงมีดบินให้พวกเขาทีละคน ไม่ต้องไว้หน้าใครๆทั้งสิ้น!”
จั๋วหรันยิ้มอย่างขมขื่น”คุณชายหนีครับ แม้ว่าอยู่ในประเทศหนิง แต่การใช้มีดบินบาดคนโดยไม่เจตนานั่นก็ต้องรับโทษตามกฎหมายเช่นกัน ฆ่าคนต้องชดใช้ชีวิต”
“ถ้าคุณยิงคนตาย เดี๋ยวฉันจะช่วยคุณพ้นจากการรับโทษ!”หนีหย่าจูนขมวดคิ้ว เขารู้สึกง่วงมาก!
ตอนนี้ใครมารบกวนเขานอนหลับ เขาก็จะต่อยมันเลย!
หลิงเล่ต้องรู้เรื่องนี้ก่อนแน่นอนเลย จึงสั่งฉวีซือไว้ล่วงหน้า!
เขาง่วงนอนมาก!
“อีเจ้าเล่ห์จิ้งจอกตัวนี้!”หนีหย่าจูนด่าด้วยความโมโห เขายิ่งอยู่ก็ยิ่งรู้สึกว่าหลิงเล่ฉลาดจริงๆเลย”ซือซ่าวคงรู้สึกว่าถ้าปล่อยคนในตระกูลเมิ่งไปแบบนี้มันง่ายเกินไป พวกเขาจะไม่จำไว้ขึ้นใจ ทีหลังก็จะหาเรื่องของสาวน้อยอีก ดังนั้นซือซ่าวจึงจะหาโอกาสและหาข้ออ้าง ให้พวกเขาหาไปจากโลกนี้อย่างสมบูรณ์!”
หรือพูดอีกนัยหนึ่ง ก่อนหน้านี้เมิ่งเสี่ยวหวีและเมิ่งเสี่ยวหลงก่อเรื่องขึ้นมา ล้วนเป็นเพราะความโลภในใจของพวกเขา!
แต่ถ้าพวกเขาทำอะไรเรื่องอะไรขึ้นมาอีก นั้นก็ต้องเป็นเพราะว่าหลิงเล่นำพวกเขาไปทำ!
เมื่อผ่านกระบวนการส่งของกำนัลแล้ว หลิงเล่ก็ได้รู้อุปนิสัยของคนของตระกูลเมิ่งทั้งหมด ดังนั้นเขาจึงคิดวิธีนี้ขึ้นมา เพื่อให้คนพวกนี้ไม่กล้ามาหาเรื่องสาวน้อยอีก!
จั๋วหรันพยักหน้า พูดอย่างเห็นด้วย”คุณชายหนีฉลาดจริงๆครับผม!ทุกครั้งที่ซือซ่าวเผชิญเรื่องของคุณหนูมู่ เขาก็ล้วนต้องระมัดระวังอย่างยิ่งและพิจารณาอย่างรอบคอบ”
“ใช่ สาวน้อยของเขานั้นลํ้าค่ามาก แถมหลับอยู่ยังห้ามให้คนไปปลุกเธอเลย!ส่วนฉันนั้นไม่มีค่า เวลาต้องการใช้ก็ให้ฉันมา เวลาที่ไม่ต้องใช้ฉันก็ไล่ฉันไป เป็นคนงานฟรีๆให้เขาเนี่ยนะ!”
“คุณชายหนีอย่าพูดเล่นครับผม”
“ฉันไม่ได้พูดเล่น!”
หนีหย่าจูนโกรธขรึมมาก ในใจของเขาเต็มไปด้วยความไม่ยอมและไม่เต็มใจ แต่ในที่สุดเขาก็ลุกขึ้นมาหยิบเสื้อของตนเองมา แล้วใส่ทีละตัว
เมื่อเวลาที่หนีหย่าจูนลงบันได เสียงกริ่งยังคงดังอยู่เหมือนเดิม
เจ้านายที่บ้านยังไม่ได้ออกคำสั่ง ผู้ดูแลบ้านก็ไม่ได้พูดอะไร พวกคนใช้ที่ซ่อนตัวอยู่ในที่มืดนั้นจึงไม่กล้าขึ้นไป
เมื่อเวลาที่หนีหย่าจูนมาถึงห้องโถง ก็ได้เห็นว่าฉวีซือกำลังยืนอยู่ข้างๆประตูพร้อมยิ้มทักทายเขาอย่างมีมารยาท”สวัสดีตอนบ่ายคะคุณชายหนี!”
หนีหย่าจูนมองไปที่เธอ แล้วส่ายหัวยิ้มอย่างเจื่อนๆ”ฉันรู้สึกแย่จริงๆ หลับก็หลับไม่ดี!สาวน้อยกินอาหารทะเลไม่ได้ แต่ฉันสามารถกินได้ เดี๋ยวคืนนี้คุณทำเป๋าฮื้อบิบิมบับให้ฉันกินได้ไหม!”
ฉวีซือทนความอยากหัวเราะลงไป เพราะเป๋าฮื้อบิบิมบับเป็นเมนูที่ลูกชายเธอชอบกินที่สุด”ได้ค่ะ!”
“เรื่องอะไรโวยวายขนาดนี้?”
นํ้าเสียงผู้หญิงที่อ่อนหวานดังขึ้นมา มู่เทียนซิงค่อยๆเดินลงมาจากบันได เธอได้ยินเสียงกริ่งที่อยู่นอกประตู ก็เลยมาดูด้วย”
ฉวีซือรีบตอบว่า”ไม่มีอะไรคะ คุณหนูมู่คะ คุณรีบกลับไปนอนต่อเลยค่ะ ถ้าหากว่าซือซ่าวรู้ว่าคุณหลับไม่ดี นั้นคืนนี้พวกเราทุกคนคงหลับไม่ได้แล้ว”
แต่เวลานี้ นอกประตูกลับมีเสียงของเมิ่งเสี่ยวหวีส่งมา”มู่เทียนซิง!เทียนซิง!ฉันคือเสี่ยวหวีนี่เอง คุณรีบเปิดประตูสิ!”