บทที่ 92 หญิงแกร่ง

บทที่ 92 หญิงแกร่ง

นอกเทือกเขาเมิ่งหลาน

ท่ามกลางหิมะที่ปกคลุมภูเขาสูงชัน ร่างบางร่างหนึ่งค่อย ๆ สำรวจถนนและเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ เธอหยิบแผนที่ที่วาดด้วยมืออกมาเป็นครั้งคราวเพื่อดูเส้นทางและให้ความสนใจกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ

บนยอดเขา

หญิงสาวเย้ายวนไปด้วยเสน่ห์อย่างยิ่งในชุดกระโปรงยาวสีแดงและรองเท้าบูทหนังขายาวในสีเดียวกัน บนใบหน้าบอบบางอันน่าทึ่งของเธอ ดวงตาสีเข้มของเธอแลดูเหมือนเม็ดอัญมณีสีดำก็มิปาน

ทันใดนั้นเธอก็ตรงไปข้างหน้า กวาดสายตามองไกล ๆ ดูไม่ต่างไปจากเปลวไฟสีแดงสดที่พุ่งลงมาจากภูเขา

“ปกติพวกโสมป่าไม่ควรอยู่ไกล แต่หิมะก็หนาเกินไป เราต้องระวัง ถึงจะรอดไปได้ แต่ขากับแขนเราจะหักเอาได้”

“เรื่องเงินไม่สำคัญ! ชีวิตสำคัญกว่า!”

“ระวัง”

ซุนเม่าไฉพึมพำ เขาใช้ไม้ในมือตรวจสอบความกว้างของหินที่อยู่ข้างหน้า จากนั้นก็กระโดดลงบนหิน

ทันใดนั้น ดูเหมือนเขาจะรู้สึกถึงบางอย่างจนต้องเงยหน้าขึ้นมอง รูม่านตาของซุนเม่าไฉหดตัวลงอย่างกะทันหัน ร่างกายของเขาพลันสั่นสะท้าน

เขาเห็นผู้หญิงนุ่งกระโปรงยาวสีแดงสดอยู่เหนืออากาศราวกับเป็นลูกไฟ หญิงสาวโฉบเข้ามาหาเขา สีหน้าของอีกฝ่ายเย็นชาและเต็มไปด้วยความดุร้ายป่าเถื่อน หลังประสานสายตากันแล้ว หนังศีรษะของเขาก็ชาวาบ รู้สึกเหมือนกำลังถูกสัตว์ร้ายจับจ้อง

ว้าว!

ผู้หญิงในชุดกระโปรงสีแดงโฉบมาอยู่ตรงหน้าร่างหน้าซุนเม่าไฉ นิ้วซีด ๆ ของเธอบีบคอของอีกฝ่ายในทันที

ในเวลาต่อมา เธอก็ดีดตัวขึ้นจากโขดหินทั้งที่ยังบีบคอของซุนเม่าไฉไว้ จากนั้นก็เหยียบอยู่บนหินที่ปกคลุมไปด้วยหิมะและกลับไปสู่ยอดเขา

ไม่นานนัก ร่างของซุนเม่าไฉก็ถูกโยนลงไปในหิมะบนยอดเขาราวกับสุนัขที่ตายแล้ว

หญิงชุดแดงชักแส้ออกมา เมื่อซุนเม่าไฉพยายามลุกขึ้น เธอก็เหวี่ยงแส้เพื่อให้แส้พันรอบคอของอีกฝ่ายก่อนจะกระชากเขาไปด้านหน้า

“ไว้ชีวิตผม…”

ซุนเม่าไฉคว้าเชือกแส้ไว้และร้องขอความเมตตาด้วยความกลัวสุดขีด

หญิงในชุดกระโปรงแดงยิ้มแสยะ เธอทะยานตัวขึ้นเตะซุนเม่าไฉจนกระเด็นไปราวห้าหกเมตร จากนั้นเธอก็ก้าวไปข้างหน้าพลางกัดฟันแล้วถามว่า “บอกมา แกเป็นเคยไปที่หมู่บ้านเพื่อขอแผนที่ภูเขาเมิ่งหลานมาจากถงหู่ใช่ไหม”

“ใช่ ผมเอง!” ซุนเม่าไฉเอามือทาบอกอย่างตื่นตระหนกเมื่อรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง

“เขาอยู่ที่ไหน?” หญิงในชุดกระโปรงแดงยกซุนเม่าไฉขึ้นเหมือนเขาเป็นไก่ตัวหนึ่งและถามเสียงเข้ม

“เขาอยู่ในหมู่บ้าน! ผม…”

ปัง…

ซุนเม่าไฉไม่ได้พูดต่อ เขาถูกเหวี่ยงอีกครั้งแล้วโดนเฆี่ยนตีด้วยแส้ เขาจึงร้องด้วยความเจ็บปวด

ชายชราอยากจะตายไปให้พ้น ๆ

เขาไม่เคยเห็นหญิงคนนี้มาก่อน และไม่รู้ว่าหญิงคนนี้บ้าขนาดไหนถึงมาทรมานกันโดยไม่มีเหตุผล!

“ฉันกำลังพูดถึงไอ้สารเลวที่ชื่อโจว”

โจวอี้?

จู่ ๆ ซุนเม่าไฉก็ร้องเสียงดัง “หยุดก่อน ผม ผมรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ผมจะบอกคุณเอง”

หญิงสาวในชุดกระโปรงแดงหยุดกะทันหัน เธอก้าวไปข้างหน้า เหยียบหน้าอกของซุนเม่าไฉ่ไว้และถามอย่างเคร่งขรึม “เขาอยู่ที่ไหน”

“ในเมืองจินหลิง เขาอยู่ในเมืองจินหลิง ผมมาเก็บสมุนไพรบนภูเขานี้ก็เพราะเขา เขาขอให้ผมตามหาถงหู่แล้วจะได้แผนที่ เขาขอให้ผมส่งสมุนไพรไปที่บ้านของเขาทุกสองเดือน” ซุนเม่าไฉกล่าวด้วยความเจ็บปวด

“ที่อยู่ล่ะ?”

“หมายเลขอาคารเฉพาะของช็องเซลิเซ่ ลานติง วิลล่าในเมืองจินหลิง มันอยู่ในสมุดบันทึกในกระเป๋าผม”

“เอามันออกมา!”

ครู่ต่อมา หญิงสาวในชุดกระโปรงแดงก็ยึดสมุดจดของซุนเม่าไฉไป

ขณะที่เธอกำลังจะจากไป จู่ ๆ เธอก็นึกถึงอะไรบางอย่าง เธอขว้างขวดหยกไปที่ซุนเม่าไฉ แล้วถามด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “เขาไปทำอะไรที่เมืองจินหลิง?”

“ผมไม่รู้!” ซุนเม่าไฉตอบด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย

พลั่ก!

หญิงในชุดกระโปรงแดงเตะซุนเม่าไฉอีกครั้ง

“ขี้แพ้….” เธอสบถด้วยความโกรธแล้วทะยานกายลงจากภูเขาไปทันที

อากาศหนาวจัด แต่ซุนเม่าไฉกลับมีเหงื่อออก

เขาเจ็บปวดมากจนอยากจะร้องไห้

เขาไปทำร้ายใคร? เขาเสี่ยงชีวิตไปยังภูเขาเมิ่งหลานที่ปกคลุมด้วยหิมะตกหนัก หวังว่าจะได้รับสมุนไพรล้ำค่าและโชคลาภกับเขาบ้าง ก่อนที่เขาจะเก็บสมุนไพรได้มากกว่านี้ เขาก็ถูกผู้หญิงดุร้ายคนนั้นทุบตีเสียก่อน

ฟู่…

ซุนเหมาไฉพยายามลุกขึ้น ทว่าพอขยับ บาดแผลก็ฉีกออก

เขามองลงมาก็พบว่าเสื้อเขาขาดไปแล้ว และส่วนที่เขาถูกเฆี่ยนก็เปื้อนไปด้วยเลือด

หญิงป่าเถื่อนคนนั้นมาจากไหน? ทำไมน่ากลัวกว่าโจวอี้อย่างนี้?

“ฮะ?”

ซุนเม่าไฉเหลือบมองขวดหยก เมื่อเขาหยิบมันขึ้นมาอย่างระมัดระวัง เขาก็ต้องประหลาดใจที่พบว่าขวดหยกนั้นมีคุณภาพดีเยี่ยม และยังถูกแกะสลักด้วยลายนกฟีนิกซ์สีเลือด

เขามีดวงตาที่เฉียบคม สามารถตัดสินได้ในทันทีว่าขวดหยกนี้คงมีมูลค่ามากกว่าแสนหยวน

จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ ดึงจุกไม้ก๊อกออกจากขวด

กลิ่นยาแรงลอยคลุ้งออกมา ซุนเม่าไฉดมกลิ่นและมองที่ปากขวดอีกครั้ง ดวงตาของเขาจ้องมองไปรอบ ๆ อย่างตกใจ ก่อนจะอุทานออกมาว่า “ยาเทียนเหลียน นี่เป็นขวดยาเทียนเหลียน ฉันฝันไปรึเปล่าเนี่ย”

ยานี้เป็นยาศักดิ์สิทธิ์สำหรับรักษาอาการบาดเจ็บ

แต่ถ้าเอาไปขายต้องได้เงินล้านแน่ ๆ

เงินล้าน!

เขามาภูเขาเมิ่งหลานเพื่อรวบรวมสมุนไพร ถ้าเก็บสมุนไพรก็คงได้มาสุดหลักแสน

ทว่าเขาถูกทำร้ายและถามเพียงไม่กี่คำ เท่านี้ก็ได้ยาเทียนเหลียนมูลค่านับล้านมาเฉยเลย

ซุนเม่าไฉรู้สึกลิงโลด เขาตะโกนไปทางที่สาวกระโปรงแดงหายตัวไป “กระทืบผมอีกครั้งสิ ไม่สิ เอาสองครั้งเลยดีกว่า แล้วก็ให้ยาเทียนเหลียนมาอีกได้ไหม”

จินหลิง พาราไดซ์คลับ

หลังจากที่โจวอี้มาถึง หลี่หงอี้ก็ต้อนรับเขาเป็นการส่วนตัว

เมื่อพวกเขามาถึงประตูอาคารโรงแรมที่เกาเฟิงอาศัยอยู่ หลี่หงอี้ก็จากไป

โจวอี้เคาะประตูแล้วก็พบว่าโจวถง ชายหนุ่มผู้โง่เขลาเป็นคนเปิดประตูให้

“บอสเกา คุณเป็นยังไงบ้าง” โจวอี้เดินเข้าไปในห้องด้วยรอยยิ้ม

“หมอโจวช่วยชีวิตผมไว้ เกาเฟิงจะจดจำเอาไว้ ขอบคุณจริง ๆ ผมรู้สึกดีขึ้นมาก” เกาเฟิงลุกจากเตียงด้วยความช่วยเหลือของอันเล่ย

“ไม่เป็นไรครับ แต่ผมคงต้องคิดเงิน” โจวอี้ยิ้ม

“แน่นอน หมอโจว บอกราคามาได้เลย แล้วผมจะส่งคนไปโอนให้คุณทันที” เกาเฟิงกล่าวอย่างจริงจัง

“คุณรวยไหม”

“รวยสิ! ผมซื้อหม้อระงับวิญญาณได้ก็ต้องรวยสิครับ” เกาเฟิงยิ้ม

“ในเมื่อคุณยอมรับว่ารวยก็อย่าโทษผมที่ต้องเก็บเยอะหน่อย สำนักของเรามีกฎเกณฑ์ที่สั่งสอนกันมาว่า เมื่อพบครอบครัวยากไร้ จะต้องปล้นคนรวยเพื่อให้ทานคนจน ดังนั้นค่ารักษาพยาบาลจะเพิ่มเป็นล้านหยวน”

เกาเฟิงได้ยินแล้วก็แปลกใจอยู่บ้าง

เขานึกว่าโจวอี้ต้องการเงินร้อยล้านหยวน แต่ใครจะคิดว่าราคาเพียงล้านหยวนเท่านั้น

อีกฝ่ายไม่ได้โลภอย่างที่คิด

เกาเฟิงพยักหน้าให้อันเล่ยแล้วยิ้มตอบชายหนุ่ม “หมอโจว บอกหมายเลขบัญชีธนาคารมา ผมจะโอนเงินให้คุณทันที”