บทที่ 93 ความหลัง
บทที่ 93 ความหลัง
หนึ่งล้าน!
ในสายตาของใครหลาย ๆ อาจมองว่ามันเป็นจำนวนที่มหาศาล แต่ในสายตาของเกาเฟิงมันก็ไม่ต่างจากน้ำหยดหนึ่งในถังใบใหญ่
โจวอี้เรียกร้องเงินเพียงล้านหยวนแลกกับการช่วยชีวิตเขา เขาคิดว่านี่มันถูกซะยิ่งกว่าถูกจนตอบแทนไม่พอด้วยซ้ำ
แต่ไม่เป็นไร
บุญคุณครั้งนี้เขาจะเก็บเอาไว้ในใจ และรักษาความสัมพันธ์ระหว่างเขากับโจวอี้ให้ดียิ่งขึ้น
การผูกมิตรกับลูกศิษย์ของสำนักโอสถน่าจะเป็นเรื่องที่ดี
“หมอโจว ร่างกายของผม…” เกาเฟิงยังคงลังเล
โจวอี้จึงตรวจสุขภาพของเกาเฟิงอีกครั้ง
“พิษงูถูกขับออกแล้ว แต่ร่างกายของคุณอ่อนแอมาก หากการวินิจฉัยของผมถูกต้อง แม้กระทั่งก่อนที่คุณจะถูกวางยาพิษ สภาพร่างกายของคุณก็แย่มากเช่นกัน และผมพบว่ามีบางอย่างผิดปกติกับไตของคุณด้วย” โจวอี้กล่าว
ใช่!
เกาเฟิงแสดงรอยยิ้มบิดเบี้ยว
เขาเกิดมาพร้อมกับโรคไต เมื่อเขายังเด็ก เขาเป็นคนรักสนุกไร้เหตุผลและไม่เคยยับยั้งความต้องการของตัวเองโดยเฉพาะความต้องการทางเพศ แต่เมื่อห้าหรือหกปีที่แล้วเขากลับไม่สามารถทำให้น้องชายของเขา ‘แข็ง’ ได้อีกต่อไป
เรื่องนี้คนอื่น ๆ ไม่เคยรับรู้มาก่อน
แต่ตอนนี้มันถูกเปิดเผยต่อโจวอี้แล้ว
“ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แค่บอกที่อยู่มาแล้วผมจะส่งยาบำรุงไตให้คุณทีหลัง” โจวอี้ยิ้มอย่างสบาย ๆ
“หมอโจว ผมทานยาบำรุงไตมามากแล้วรวมถึงยาจีนโบราณก็ด้วย ผมยังได้เชิญแพทย์ที่มีชื่อเสียงมารักษาผมด้วย แต่ผลลัพธ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่” หลังจากที่เกาเฟิงพูดอย่างนั้น เขาก็มองอีกฝ่ายอย่างคาดหวังและถามว่า “ยาที่คุณส่งมาจะช่วยแก้ปัญหาไตของผมได้จริง ๆ ใช่ไหม?”
“อย่ากังวลไป! ถ้าคุณกินมันติดต่อกันอย่างมีวินัย มันจะแก้ไขไตของคุณได้ภายในหกเดือน” โจวอี้ยิ้ม
“ยอดเยี่ยมเลย ขอบคุณน้องโจว!” เกาเฟิงเปลี่ยนสรรพนามเรียกโจวอี้ คำพูดของเขาดูเป็นมิตรมากขึ้น
“ด้วยความยินดี”
โจวอี้โบกมืออย่างสบาย ๆ พลางมองโจวถงที่อยู่ข้าง ๆ เขา และพูดอย่างเป็นกันเองว่า “อันที่จริงผมคิดว่ายังมีคนข้างกายพี่เกาที่ต้องการการรักษาเช่นกัน”
เกาเฟิงมองตามสายตาโจวอี้และมองไปที่โจวถง “ถงถงเป็นลูกบุญธรรมของผม ดูเหมือนสมองของเขาทำงานไม่ค่อยดีนัก น้องโจวรักษาเขาได้ไหม”
“ผมมีความคิดบางอย่าง แต่ยังต้องลองก่อนถึงจะรู้ว่าจะรักษาให้หายขาดได้ไหม” โจวอี้ยิ้ม
“ลองสิ น้องโจวลองได้เลย! ถ้าน้องโจวสามารถแก้ปัญหาของถงถงได้ ผมยินดีจะ…จ่ายรางวัลให้หนัก ๆ เลย!” เกาเฟิงกล่าวอย่างจริงจัง
โจวอี้เลิกคิ้ว
เขาตระหนักได้ว่าเกาเฟิงให้ความสำคัญกับโจวถงมาก
ทำไมเกาเฟิงต้องให้ความสำคัญกับลูกชายบุญธรรมที่มีปัญหาทางสมองขนาดนี้?
“พี่เกา ดูเหมือนคุณจะให้ความสำคัญกับลูกชายบุญธรรมคนนี้มาก?” โจวอี้เอ่ยถามอย่างตั้งใจ
เกาเฟิงมองไปที่โจวถงอีกครั้ง เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องมันผ่านมากว่ายี่สิบปีแล้ว พ่อแม่ของโจวถงเป็นผู้มีบุญคุณกับผม แต่น่าเสียดายที่พวกเขาถูกฆ่าตายเพราะดันไปล่วงเกินกลุ่มคนที่พวกเขาไม่สามารถจะล่วงเกินได้ ผมใช้ความพยายามอย่างมากช่วยชีวิตโจวถงและพาเขาหนีมา แต่ตอนที่เขาถูกรังแกสมองของเขาก็ได้รับผลกระทบ”
โจวอี้พยักหน้าช้า ๆ
แทนที่จะถามว่าพ่อแม่ของโจวถงไปทำให้ใครขุ่นเคือง โจวอี้เปลี่ยนหัวข้อเป็นคำถามอื่น
“ผมเคยมีเพื่อนคนหนึ่งที่มีลายดาวที่แขนซ้ายของเขา เหมือนกับที่แขนของเขาเป๊ะเลย”
“เป็นไปไม่ได้!”
เกาเฟิงส่ายหัวทันที ในเวลานี้เขามองที่โจวอี้ด้วยสายตาที่แสดงออกว่าไม่เชื่อ แต่ในใจของเขากลับระแวดระวัง
“พี่เกา คิดว่าผมจะโกหกโดยไม่มีเหตุผล?” โจวอี้หยิบบุหรี่ออกมายื่นให้เกาเฟิง และจุดบุหรี่ตัวเองสูดเข้าปอดแล้วพูดว่า “ผมคิดว่าลายดาวที่แขนซ้ายของเพื่อนผมนั้นพิเศษมาก ไม่เหมือนรอยสัก แต่เหมือนเป็น…ผนึกที่ถูกสลักไว้แบบหนึ่ง ผมเลยถามเขาแต่เขาไม่รู้ เขาบอกผมว่าลายดาวมีอยู่ตั้งแต่เขาจำความได้”
“เพื่อนของคุณเป็นใคร เขาอยู่ที่ไหน นามสกุลของเขาคืออะไร?” เกาเฟิงไม่ได้จุดบุหรี่ เขาพยายามควบคุมอารมณ์และถามอย่างจริงจัง
“……”
โจวอี้ไม่ตอบแต่มองอีกฝ่ายอย่างเงียบ ๆ เพื่อรอคำตอบที่เขาถามไปก่อนหน้า
เกาเฟิงมองโจวถงและคนอื่น ๆ หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็โบกมือและพูดว่า “ทุกคนออกไปให้หมด ถงถงลูกก็ออกไปด้วย!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลายคนในห้องก็เดินออกไปทันที
เมื่อเหลือเพียงเกาเฟิงและโจวอี้ในห้องเท่านั้น เกาเฟิงก็จ้องไปที่โจวอี้และถามว่า “น้องโจวสนิทกับเพื่อนคนนั้นมากไหม หรือแท้จริงแล้ว… เป็นน้องโจวเอง?”
“ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ผมมาจากหมู่บ้านตระกูลโจวแห่งภูเขาชางหลาง และผมก็เป็นศิษย์ของสำนักโอสถ เพื่อนของผมเป็นนักเก็บสมุนไพร ผมรู้จักเขาดี”
“เขาอายุเท่าไหร่?” เกาเฟิงถาม
“ราวยี่สิบหกหรือยี่สิบเจ็ดนี่แหละ!”
เกาเฟิงได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
เขาเงียบไปนานและตระหนักว่าโจวอี้ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มอีกและจงใจไม่บอกที่อยู่ของชายคนนั้น ดังนั้นเขาจึงพูดอย่างจริงจังว่า “น้องโจวต้องไม่เผยแพร่สิ่งที่ผมจะพูด มิฉะนั้นเมื่อข่าวรั่วไหล แม้แต่ผมในตอนนี้ก็ไม่มีปัญญาจะปกป้องถงถงได้อีก”
“ตกลง ผมสัญญา” โจวอี้ตอบรับ
เกาเฟิงจุดบุหรี่และสูดลมหายใจเงียบ ๆ ก่อนจะเอ่ยช้า ๆ
“เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว ในประเทศของเรามีกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์โบราณที่มีนามสกุลโจว ในตระกูลโจวมีสมาชิกมากกว่าร้อยคน ทุกคนล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้แบบโบราณ ในเวลานั้นพวกเขาถือเป็นตระกูลใหญ่”
“แต่พวกเขาสร้างปัญหามากมายจนถูกสังหารในชั่วข้ามคืน”
“เท่าที่ผมรู้ มีสมาชิกในครอบครัวโจวเพียงไม่กี่คนที่รอดพ้นจากภัยพิบัติ แต่ถึงกระนั้น พวกเขายังคงถูกไล่ล่าและสังหาร”
“ในเวลานั้นพ่อแม่ของเด็กชายอายุยังไม่ถึงหนึ่งขวบปีได้มาหาผม และขอให้ดูแลเด็กน้อยแทนพวกเขา”
“ในตอนนั้น พ่อของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตต่อหน้าผม ในขณะที่แม่ของเขาเอาร่างของผู้เป็นพ่อของเขาหนีไปเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของศัตรู และสุดท้ายก็ได้จุดไฟเผาเรือโดยสารกลางทะเลและเสียชีวิตไปพร้อมกับศัตรู”
เมื่อเกาเฟิงกล่าวเช่นนี้ เขาก็เผยให้เห็นร่องรอยของความเศร้า
“ผมถามถึงลายดาว” โจวอี้มีการคาดเดาที่คลุมเครือ แต่ก็ยังต้องได้รับการยืนยัน
“นั่นเป็นสัญลักษณ์ของตระกูลโจว สมาชิกทุกคนในตระกูลโจวทุกคนจะมีลายดาวอยู่ที่แขน หากเป็นผู้ชายจะมีอยู่ที่แขนซ้ายส่วนผู้หญิงจะมีที่แขนขวา” เกาเฟิงกล่าว
หัวใจของโจวอี้สั่นสะท้าน
ตอนนี้เขาเกือบจะแน่ใจแล้วว่าเขาเป็นคนของตระกูลโจว เช่นเดียวกับโจวถง!
ครั้งหนึ่งเขาเคยได้ยินจากอาจารย์เล่าว่าเมื่อตอนเขาอายุสองขวบ ในเวลานั้น เขาถูกอาจารย์อุ้มขึ้นมาจากอ้อมแขนของคนตาย และถูกนำตัวไปอาศัยอยู่ในหมู่บ้านโจวเมี่ยวของภูเขาชางหลาง
นั่นเป็นเวลาเดียวกับที่ตระกูลโจวถูกกำจัด!
เขาควรจะเป็นผู้รอดชีวิตจากตระกูลโจวเช่นเดียวกับโจวถง!
“พี่เกา ใครกันที่ฆ่าล้างตระกูลโจว?” โจวอี้ซ่อนอารมณ์และถามด้วยความสงสัย
“น้องโจว ในฐานะศิษย์ของสำนักโอสถ เคยได้ยินเรื่องนิกายเร้นลับไหม?” เกาเฟิงถาม
“ไม่!” โจวอี้ส่ายหัว
“นิกายเร้นลับ เป็นนิกายสอนศิลปะการต่อสู้โบราณที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน สาวกของนิกายเร้นลับทั้งหมดนั้นลึกลับมาก แม้ว่าผมจะไม่แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่ากองกำลังใดที่ฆ่าตระกูลโจว แต่ในช่วงหลายปีมานี้ผมพยายามสืบค้นข้อมูลแล้วก็พบเบาะแสมากมายที่เชื่อมโยงกับนิกายเร้นลับ” เกาเฟิงยิ้มอย่างขมขื่น
“นิกายเร้นลับแข็งแกร่งกว่าตระกูลโจวอีกเหรอ?” โจวอี้สงสัย
“ผมไม่รู้”
เกาเฟิงส่ายหัวและพูดต่ออีกว่า “น้องโจว ถึงตาคุณแล้วที่จะตอบคำถาม เพื่อนของคุณที่มีลายดาวบนแขนแบบเดียวกับถงถงอยู่ที่ไหน? ผมจะหาเขาเจอได้ยังไง?”