คืนวันสิ้นปีปีนี้ หลินซือเย่าไม่กลับมาดังหวัง ในใจซูสุ่ยเลี่ยนก็พอคาดเดาได้นานแล้ว
เพียงแต่จนวันที่สิบห้าเดือนหนึ่งก็ยังไม่ได้ข่าวคราวของเขา ซูสุ่ยเลี่ยนทนรอไม่ไหวแล้ว
“เจ้ารู้วิธีติดต่ออาจารย์เจ้า ใช่ไหม” อยู่ๆ ก็โพล่งถามซือถูอวิ๋นที่กำลังหัวเราะหยอกล้อเล่นกับทารกแฝด
นางเชื่อว่าซือถูอวิ๋นฟังเข้าใจ เพราะว่ากันว่าสายสืบหอกว่างชื่อโหลวกระจายตัวอยู่ทั่วแผ่นดิน
ซือถูอวิ๋นอึ้งไป ก่อนจะค่อยๆ กล่าวว่า “ห้าวันก่อนมีข่าวมาจริงๆ อาจารย์ลุงซือเล่าได้รับบาดเจ็บหนักไม่อาจเร่งเดินทาง” อีกครึ่งไม่ได้กล่าวถึง อาจารย์ลุงซือหลิงถูกพวกเซวี่ยหมิงที่ยังหลงเหลือตามล้างแค้น หากยังจัดการพวกนี้ไม่ได้ เขาย่อมไม่กล้ากลับบ้าน กลัวจะทำให้พวกเซวี่ยหมิงรู้ มาทำร้ายพี่สาวคนสวยกับเซียวเอ๋อร์หลงเอ๋อร์
ดังนั้นก่อนหน้าซูสุ่ยเลี่ยนถามขึ้นเอง เขาจึงแสร้งไม่รู้ รู้แต่ไม่แจ้งก็ดีกว่าโกหกกระมัง
ซูสุ่ยเลี่ยนได้ยินก็พยักหน้า ขอเพียงมีข่าวพวกเขาก็พอ รู้ว่าซือเล่าบาดเจ็บ ความกังวลนางก็ลดลงไปครึ่งหนึ่งทันที
นี่ใช่ว่าเห็นแก่ตัวไหมนะ นางบีบมือน้อยเนื้อนุ่มนิ่มของหลินเซียว นางกำลังทบทวนตนเอง
“คุณหนู บรรดาช่างวางโครงสร้างพื้นฐานจวนพักตากอากาศมาถึงแล้ว บ่าวให้พวกเขาไปรอที่ห้องโถงกลางเรือนสวนไผ่แล้ว” เหลียงหมัวมัวเข้ามารายงาน
ใช่แล้ว พ้นวันที่สิบห้าเดือนหนึ่งก็ต้องเริ่มลงมือสร้างจวนพักตากอากาศแล้ว เรื่องอาเย่าทำให้นางไม่มีกระจิตกระใจคิดเรื่องอื่นอีก
ซูสุ่ยเลี่ยนก้มหน้าลงจัดเสื้อผ้าตนเอง เงยหน้ามองเหลียงหมัวมัวสั่งการว่า “ข้าไปเอง เจ้าอยู่ที่นี่ ชุนหลันกลับมาก็ให้นางไปห้องโถงกลาง”
วันที่สิบสองเดือนหนึ่ง ชุนหลันกับองครักษ์เซียวก็จะแต่งงานกันแล้ว เพราะว่าตอนปีใหม่ พ่อแม่ชุนหลันฝากคนนำจดหมายมาบอกว่าชุนหลันอายุไม่น้อยแล้ว หลายปีนี้พวกเขาสะสมเงินทองไว้ได้จำนวนหนึ่งแล้ว คิดว่าจะไถ่ถอนตัวชุนหลันกลับไปแต่งงาน
ไม่คาดว่าข่าวจากสายสืบหอกว่างชื่อโหลวของซือถูอวิ๋นบอกว่า น้องชายชุนหลันมีเรื่องกับลูกชายเจ้าของที่ เกือบทำร้ายอีกฝ่ายถึงแก่ชีวิต ต้องชดใช้เงินทองให้อีกฝ่ายไม่ว่า ยังถูกเจ้าของที่ดินจับตัวไปให้ทางการ ไปๆ มาๆ ก็ตกลงยอมความกันว่าหากให้ชุนหลันแต่งเป็นภรรยาน้อยเจ้าของที่ดิน เจ้าของที่ดินจึงจะยอมเลิกรา และยอมออกเงินไถ่ตัวชุนหลันให้ด้วย
เจ้าของที่ดินเคยเห็นชุนหลันครั้งหนึ่ง เป็นเจ้าของที่ดินที่อายุราวสี่สิบปี หน้าตามีแต่เนื้ออวบๆ มีภรรยาน้อยหกเจ็ดคนแล้ว ภรรยาเอกทิ้งลูกชายไว้คนหนึ่ง ก็คือลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขา หากลูกชายคนนี้มีเรื่องกับภรรยาน้อย คนซวยย่อมเป็นภรรยาน้อย ลูกชายเขาถูกตามใจจนเสียคนแล้ว
แต่ว่าชุนหลันเข้าจวนมาเป็นสาวใช้ ไม่ได้เซ็นสัญญาขายตัวตลอดชีวิต หากมีคนคิดไถ่ถอนตัว นอกจากชุนหลันไม่ยินยอมเอง ทางจวนไม่อาจรั้งไว้ได้
ด้วยเหตุนี้หลังชุนหลันร้องไห้มาทั้งคืน พอวันรุ่งขึ้นนางก็ตาบวมแดงมาอำลาซูสุ่ยเลี่ยน แต่วาจาของซูสุ่ยเลี่ยนเปลี่ยนชีวิตที่นางกำลังต้องเผชิญ
“เจ้าเลือกไม่ไปได้” ซูสุ่ยเลี่ยนเสนอจริงจัง “หากเจ้าไม่อยากไป เจ้าก็เลือกไม่ไปได้ เรื่องน้องชายเจ้า ข้าช่วยเจ้าแก้ไขได้”
“คุณหนู…” ชุนหลันร้องไห้สะอึกสะอื้น แน่นอนนางไม่อยากกลับไป คนที่นางชอบก็คือเซียวเหิง แต่ว่าครอบครัวนางมีภัย นางไม่อาจไม่ออกหน้าช่วยเหลือ แม้ว่าเป็นการโดดลงกองไฟก็ตาม
“เจ้าไตร่ตรองให้ดี ภรรยาน้อยเจ้าของที่ดินฟังแล้วดี แต่อย่างไรก็ไม่อาจหนีชะตาต้องแย่งความรักจากสามี หากต้องการชีวิตคู่เคียงสองคน เจ้าทำได้” ซูสุ่ยเลี่ยนยกถ้วยชาขึ้นพลางคิดไปไกล คิดถึงท่านแม่ในอีกภพของนาง คิดถึงนางที่ต้องแยกจากอาเย่า
“ข้าไม่อยากไป แต่ว่า…” ชุนหลันก้มหน้าลง แอบกล่าวความต้องการแท้จริงในใจขึ้นมาเบาๆ
“เช่นนั้นก็ดี เจ้าก็อยู่ต่อให้สบายใจ เรื่องอื่นข้าช่วยเจ้าจัดการเอง” ก็แค่เจ้าของที่ดินเล็กๆ หน้าตาจวนอ๋องจิ้งก็คงพอกระมัง
นางเขียนจดหมายทันที ให้หอกว่างชื่อโหลวส่งไปให้เหลียงเอินไจ่พี่ใหญ่ของนางที่เมืองหลวง น้องสาวที่เกิดมาก็ต้องพลัดพรากจากกันไป ตอนนี้เป็นครั้งแรกที่มีเรื่องขอร้อง เขาเป็นพี่ใหญ่จะไม่ทำให้นางผิดหวังแน่นอน นับประสาอันใดกับตอนนี้สามีนางยังให้คะแนนติดลบเขาด้วย
ดังนั้นสี่วันต่อมาก็มีข่าวมาจากเมืองหลวง ไม่เพียงแก้ไขเรื่องน้องชายชุนหลัน ยังมอบเงินให้พ่อแม่ชุนหลันสามสิบตำลึง ให้พวกเขากลับบ้านเกิดไปซื้อที่นาและบ้าน ให้หลุดพ้นชะตาชีวิตที่ต้องเช่าที่จากเจ้าของที่ดินทำนา
หลังจากนี้ซูสุ่ยเลี่ยนก็เป็นประธานจัดงานแต่งงานให้ชุนหลันกับเซียวเหิง ฝากคนไปบอกพ่อแม่ชุนหลัน ให้พวกเขาสบายใจ อย่าได้คิดเอาชุนหลันไปขายอีก ลูกสาวควรมีไว้ทะนุถนอม ไม่ใช่เอาไว้ประนอมหนี้
บ้านหลังแต่งงานของชุนหลันกับเซียวเหิงก็คือบ้านตระกูลกู้ที่ย้ายไปจากเมืองนี้แล้ว ไม่ห่างจากที่นี่ ติดกับตระกูลเหลา บ้านเล็กพื้นที่ไม่ถึงหนึ่งหมู่ มีสามห้องหลักและสองห้องปีก วันหน้าหากมีคนเพิ่มก็อยู่ได้สบาย สำหรับที่นาสามหมู่ ก็เก็บคืนเป็นส่วนหนึ่งของจวนพักตากอากาศ วันหน้าทุกพื้นที่ในเมืองฝานฮัวที่ไม่มีเจ้าของเดิม ล้วนเป็นที่นาทำการเพาะปลูกของจวนพักตากอากาศ หลังเก็บเกี่ยวก็จะแยกและแบ่งให้แก่แต่ละคนที่ลงแรงตามสัดส่วน
หลังวันแต่งงานสามวันแรก ซูสุ่ยเลี่ยนยังกำชับให้ชุนหลันกับเซียวเหิงไม่ต้องมาทำงาน เพราะว่านางคิดถึงตนเองตอนแต่งงานใหม่สามวันแรก เพราะเรื่องป้าเหลากับสี่ชุ่ยทำเอาอาเย่าอารมณ์เสียมาก
วันที่สิบห้าเดือนหนึ่ง ชุนหลันกับเซียวเหิงก็รับหน้าที่ผู้ดูแลจวนพักตากอากาศในเมืองฝานฮัวอย่างเป็นทางการ เหลียงหมัวมัวดีใจที่จะได้ถอยไปอยู่แนวหลัง
ชุนหลันไม่เหมือนเหลียงหมัวมัว แต่งงานก็ใช้แซ่ตามสามี ดังนั้นจากนี้ไปชุนหลันก็จะเป็นเซียวหมัวมัวดูแลจวนพักตากอากาศและกำลังคน
ส่วนเซียวเหิงก็ไม่เป็นหัวหน้าองครักษ์อีก แต่มาเป็นพ่อบ้าน ดูแลเรื่องทุกเรื่องน้อยใหญ่ในจวนพักตากอากาศ ความจริงก็คือจากนี้จวนพักตากอากาศฝานฮัวไม่ต้องมีองครักษ์อีก เพราะว่าเรื่องอารักขาบ้านนั้นล้วนเป็นเรื่องของยอดฝีมือในยุทธภพจากหอกว่างชื่อโหลว
เดิมองครักษ์เจ็ดนายที่ส่งไปหอกว่างชื่อโหลว ตอนนี้ก็เป็นคนส่งข่าวของหอกว่างชื่อโหลว แต่พวกเขาก็ยังชอบวิ่งมาที่นี่กัน ที่นี่แทบกลายเป็นบ้านของพวกเขา แม้แต่กลับมาแค่แจ้งข่าวดื่มชา ก็ดีใจกันมาก
งานเดิมของชุนหลันก็แบ่งส่วนหนึ่งให้เหลียงหมัวมัวดูแล นอกนั้นเช่นว่ารับใช้ใกล้ชิดซูสุ่ยเลี่ยน ก็ให้ไป๋เหอมารับหน้าที่ต่อ
……
เหมือนกลับไปเหมือนตอนอยู่ตระกูลซูที่มีแต่สาวใช้ไม่ห่างกายอีกครั้ง ซูสุ่ยเลี่ยนแอบถอนหายใจ ก่อนจะเดินไปยังเรือนสวนไผ่ข้างๆ
เพื่อป้องกันเสียงรบกวนทารกแฝด เรือนสวนไผ่ตอนนี้ใช้รับแขกที่ไม่สนิท
วันนี้พวกช่างวางโครงสร้างพื้นฐานก่อสร้างมากันหลายคน เป็นคนที่เหลียงเอินไจ่คัดเลือกส่งมาจากเมืองหลวง รับหน้าที่ปรับปรุงขั้นตอนแรกของจวนพักตากอากาศ เป็นพวกสร้างโครงสร้างพื้นฐานและปลูกต้นไม้
ดังนั้นพวกเขาต้องอยู่ที่นี่ไม่ต่ำกว่าครึ่งปี ดังนั้นซูสุ่ยเลี่ยนจึงตัดสินใจให้พวกเขาไปพักกันที่บ้านเดิมของตระกูลหวังที่ย้ายไปแล้ว
บ้านตระกูลหวังใหญ่กว่าบ้านตระกูลกู้มาก มีเนื้อที่ถึงสองหมู่ ตำแหน่งที่ตั้งก็สะดวก อยู่ฝั่งตะวันตกของสระน้ำใหญ่ใจกลางเมืองฝานฮัว สองข้างจากเหนือไปใต้มีห้องสามห้องเรียงกัน หน้าบ้านหลังบ้านมีแปลงเพาะปลูกได้
พอตระกูลหวังย้ายบ้านไปแล้ว เหลียงหมัวมัวก็ส่งสาวใช้และคนงานชายมาเก็บกวาด เติมของใช้จำเป็นแล้วก็เพิ่มเตียงสามตัว เก้าอี้สี่ตัว
พอเช่นนี้ บ้านหกห้องก็กลายเป็นห้องเดี่ยวชั่วคราว สำหรับห้องครัวก็ปรับปรุงเสร็จแล้วเช่นกัน
ช่างใหญ่กับบรรดาช่างลูกมือที่มาทำงานกันก็จะมีอาหารสามมื้อกินที่เรือนกล้วยไม้ จนกว่าบ้านเก่าซูสุ่ยเลี่ยนที่ถูกเฟิงชิงหยาถล่มไปจะซ่อมแซมเสร็จ
บ้านเก่าตัดสินใจว่าจะต่อเติมปรับปรุงชุดแรก ภาพร่างเสร็จแล้ว เป็นภาพที่สองสามวันนี้ซูสุ่ยเลี่ยนวาดออกมาทั้งที่อารมณ์ไม่สงบนิ่งนัก ตอนนี้นางกำลังนำไปให้พวกช่างใหญ่ดูที่เรือนสวนไผ่
ความต้องการของนางก็คือห้องสามห้องหลักล้อมลานบ้าน เป็นห้องขนาดใหญ่เท่ากับห้องเดิม แต่เพิ่มห้องครัวไว้อีกห้อง
สองห้องฝั่งตะวันออกรับแสงแดดพอ หนึ่งห้องใช้เป็นห้องเรียนสำนักศึกษา นั่งได้สิบกว่าคน ห้องกลางแบ่งออกเป็นสองส่วน ทางใต้ห้องเล็กเป็นห้องพักผ่อนของอาจารย์สอน มีโต๊ะหนึ่งตัว เก้าอี้หนึ่งตัว ยังมีตู้หนังสืออีกสองแถวไว้วางหนังสือให้นักเรียนยืมอ่าน
ห้องเล็กทางเหนือเป็นห้องจัดกิจกรรมของนักเรียน ตอนฝนตกก็เป็นห้องพักยามบ่าย มาเล่นหมากรุก ดีดพิณ ร้องเพลง…
ห้องครัวอยู่ทางตะวันตก มีเตาใหญ่สามหลุม ตู้วางชามหนึ่ง ตู้เก็บของจิปาถะหนึ่ง ชั้นวางของอีกหนึ่ง
ห้องที่ติดกับห้องครัวตั้งใจว่าเป็นห้องอาหารใหญ่ วันหน้าไม่ว่าคนงานจวนพักตากอากาศ หรือนักเรียนในสำนักศึกษา ก็ล้วนมากินข้าวกันที่ห้องอาหารนี้ได้ไม่ต้องเสียเงิน
……
“คุณหนูสี่ออกแบบเช่นนี้ เกรงว่าจะเป็นการรบกวนบ้านท่าน ห้องครัวมีไอน้ำมันมาก ตั้งทางตะวันตก ก็จะพัดมาที่นี่ง่าย” ช่างใหญ่เหลียงโหย่วอานได้ดูภาพวาดซูสุ่ยเลี่ยนเสร็จก็ส่ายหน้าปฏิเสธ
ซูสุ่ยเลี่ยนย่อมคิดถึงปัญหานี้มาแล้ว แต่ตะวันออกแสงดี เหมาะแก่การเรียนหนังสือ
“ข้ากลับไม่เห็นเช่นนี้ ห้องครัวกับห้องอาหารตั้งที่นี่ แม้โดดเดี่ยว แต่ก็ไม่ห่างไกลจากสำนักศึกษา” ช่างใหญ่ติงสืออีกคนเอ่ยขึ้น ชี้ไปที่ที่รกร้างทางตะวันออกของบ้านเก่า “หากเป็นกังวลว่าหน้าฝนนักเรียนไม่สะดวก ก็สร้างทางเดินเชื่อมต่อไปกับห้องกลางของสำนักศึกษา”
“ความคิดดี สองข้างทางเดินก็ให้มีม้านั่งหิน นักเรียนจะได้มีที่นั่งพักผ่อนหย่อนใจชมธรรมชาติ ต่อบทกวี เช่นนี้ไปๆ มาๆ ก็จะไม่มาเล่นฝั่งตะวันตกส่งเสียงเอะอะใส่ลานบ้านคุณหนูสี่” เหลียงโหย่วอานชมสำทับขึ้น
ซูสุ่ยเลี่ยนได้ยิน แววตาก็ส่องประกายวาบ นี่คือข้อเสนอที่ดีมาก
“พื้นที่รอบๆ ก็ปลูกต้นสน ต้นไผ่ ดอกไห่ถัง แล้วค่อยสร้างบ่อปลา ไม่ต้องพูดถึงความงามว่าจะขนาดไหนเลยนี่” ช่างใหญ่อีกคนพยักหน้าเห็นด้วย
“อย่างนั้นก็จัดการตามที่ทุกท่านว่ามา ขอเพียงมีสำนักศึกษากับห้องครัวและห้องอาหารก็พอ” ซูสุ่ยเลี่ยนอมยิ้มพยักหน้า อย่างไรก็เป็นช่างใหญ่จริงๆ คำสองคำก็จัดการกำหนดเรื่องที่น่ากลัดกลุ้มใจที่นางคิดมาตั้งหลายวันได้
แต่จะว่าไป นางไหนเลยคิดเรื่องนี้ ช่างใหญ่พวกนี้คิดจะปรับปรุงโฉมหน้าทั้งหมดของเมืองฝานฮัว ต้องการวางแผนรวมทั้งหมด ก่อนหน้านี้นางยังว่าพวกเขามาเพื่อสร้างจวนพักตากอากาศให้ท่านอ๋องจิ้งกับพระชายาเท่านั้น เลยถือโอกาสปรับปรุงตามที่นางต้องการไปด้วย
ตอนนี้ดูท่าแล้ว พวกเขามาเพื่องานใหญ่แล้ว ไม่รู้ว่าต้องเสียเงินทองอีกมากมายเท่าไร ต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไร
“คุณหนูสี่ พวกข้าขอไปดูรอบๆ ก่อน ต้องการคนนำทางที่คุ้นเคยกับพื้นที่นี้นำทางพวกเราสักคน ไม่ทราบว่า…” เหลียงโหย่วอานเกาหัวท่าทางลำบากใจ คิดไม่ถึงคุณหนูสี่จวนอ๋องจิ้งถึงกับไม่พาสาวใช้ติดมาสักคน
“คุณหนู ข้าไปเอง” ชุนหลันที่เพิ่งก้าวเข้ามารับคำ
ซูสุ่ยเลี่ยนพยักหน้า “เซียวหมัวมัวเป็นหัวหน้าดูแลจวนพักตากอากาศ มีเรื่องอะไรก็บอกกับนางได้เลย”