านทางฝั่งขวานี้ ขายพวกขนมอบและอาหารเลิศรสต่างๆ จัดเป็นร้านหนึ่งที่ได้รับความนิยมในหมู่อัศวินค่ะ”

“โอ้ ขนมงั้นหรือ? ก็เข้าท่าดีนะ”

หลังออกจากกองบัญชาการหน่วยอัศวินแล้ว ข้ากับอลิเซียก็เดินทางไปย่านตลาดที่มีร้านขายของฝาก ของที่ระลึกตั้งอยู่มากมาย ใกล้กับจุดที่รถม้าจอดอยู่

ท้ายที่สุดแล้ว คลูนี่ก็ติดภารกิจ… ดูเหมือนว่าที่เหล่าอัศวินมารวมตัวกันก่อนหน้านี้นั้น เป็นการหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวเพื่อทำการแนะนำข้าให้เป็นที่รู้จัก จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันกลับไปทำหน้าที่เดิมต่อ

แววตาที่เธอมองมาทางข้า ยังติดอยู่ในใจอยู่เลย

มันช่างเหมือนลูกหมาที่ถูกทิ้งอย่างไรก็อย่างนั้น…

ทำเอาข้ากระอักกระอ่วนใจ ไว้คราวหน้ามีโอกาส ข้าจะพาเธอไปเดินเล่นเอง

ถึงแม้ว่าบรรยากาศมันจะคล้ายๆเดินเล่นกับเจ้าหมาน้อยก็เถอะนะ

“…อลิเซีย เจ้ารู้มั้ยว่าเจ้าค่อนข้างเป็นที่สนใจของคนรอบข้างอย่างมากเลยนะนั่น”

“นั่นเพราะเป็นที่รู้กันดีว่าอัศวินริเบลิโอนั้นได้รับความนิยมจากชาวเมืองค่ะ”

เธอตอบข้าแบบไม่ลังเล ด้วยความยินดีทีเดียว นั่นน่าจะเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเธอกำลังอารมณ์ดีอยู่

ระยะทางเดินจากกองอัศวินไปยังร้านขายของที่ระลึกก็ไม่ไกลนัก แต่ดูเหมือนความงามและความนิยมของเธอจะเป็นที่รู้จักกันดีในเมืองบาลเทรน

สายตาของผู้คนมากมายมองมาที่เรา แน่นอนว่าส่วนใหญ่มองมาด้วยความเคารพและความชื่นชม แต่ก็มีบ้างที่จ้องมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ที่ชาวเมืองเห็นข้าอยู่กับเจ้าแบบนี้ ทำให้เจ้าลำบากใจรึเปล่า?”

“ไม่มีทางเป็นอย่างนั้นไปได้หรอกค่ะ ท่านอาจารย์กังวลเกินไปแล้ว”

ความสงสัยของชาวเมืองพุ่งเป้ามาที่ข้าเป็นหลักเลยน่ะสิ

ข้าว่าพวกเขาคงสงสัยกัน ว่าทำไมหัวหน้ากองอัศวินแห่งริเบลิโอซึ่งเป็นกองกำลังระดับชาติ ถึงมีตาลุงท่าทางเงอะงะอยู่ข้างกายด้วยแบบนี้

จนถึงตอนนี้เราแทบไม่ได้คุยอะไรกันเป็นเรื่องเป็นราว แต่ข้ารับรู้ได้ถึงความสงสัย ความอยากรู้ที่จดจ้องมาทางข้าได้ตลอดทางที่เรากำลังเดินดูร้านขายของฝาก

“-ชิ ช่วงกลางวันมันควรจะยาวนานกว่านี้สิ…”

“หืม? เมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”

“อะ อ๋อ ปล่าวค่ะ ไม่มีอะไร อ๊ะ เอาอันนี้มั้ยคะ ท่านอาจารย์”

“ไหนข้าดูซิ….. อื้ม ดูท่าทางน่าอร่อยดีนะ ทำมาอย่างดีเลยนะนี่”

ข้าว่าเมื่อกี้ข้าได้ยินเสียงเธอพึมพัมอะไรบางอย่าง แต่ดูเหมือนข้าจะคิดไปเองล่ะมั้ง

แล้วเธอก็ชี้ไปที่ขนมอบใหม่ๆนั่นให้ข้าดู ขนาดเล็กกำลังดี น่าจะเหมาะกับการซื้อไปฝากให้พ่อและแม่ข้า

เหนือสิ่งอื่นใดคือ ราคาก็ไม่แพงด้วย นี่แหละสำคัญ

“ขอโทษครับ ผมขอขนม นี้สองห่อครับ”

“ได้เลยครับ ขอบคุณที่อุดหนุนครับ”

ข้าไม่อาจปฏิเสธกับสิ่งที่อลิเซียแนะนำมา

นั่นเพราะข้าก็ไม่ได้รู้อะไรมากกับของฝากแบบนี้ ดังนั้นข้าจึงเชื่อในสิ่งที่เธอเลือกให้ข้า

ข้าเรียกเจ้าของร้านมา แล้วเขาก็รีบกุลีกุจอตอบรับ ขณะที่จัดขนมใส่ห่อ เขาก็กระพริบตามองข้าทีนึง อลิเซียทีนึง

ก็นะ ข้าว่าเขาคงแปลกใจว่าสาวสวยกับตาลุงแบบข้ามาทำอะไรกัน ประมาณว่า:

[ไอ้ลุงนี่มันคิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงได้มาเดินซื้อของกับนางฟ้าหัวหน้ากองอัศวินแบบนี้!?]

หลังจากจ่ายเงินเสร็จ ข้าก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไปดี

นี่ยังมีเวลาเหลืออีกนิดหน่อย ลองไปหาซื้อดาบไว้ใช้สักเล่มดีกว่า

ตอนนั้นเองก็มีเสียงทักมาจากด้านหลัง ซึ่งอลิเซียก็น่าจะได้ยินเสียงนั้นด้วย

เราสองคนหันกลับไปทางต้นเสียงแทบจะพร้อมกัน

“ลิซานดร้า เป็นเจ้านี่เอง เจ้ามีธุระอะไรกับข้าหรือไร?”

“ไม่ล่ะ ก็ไม่ได้สลัก สำคัญใดๆ ข้าแค่เห็นว่าเจ้ามันว่างงานจนมีเวลามาเดินเล่นซื้อของแค่นั้นเอง”

ผู้หญิงคนนี้ ที่ข้าเพิ่งจะได้รู้ชื่อของนางว่าลิซานดร้านั้น ไม่ได้อ่อนข้อต่อท่าทีของอลิเซียแต่อย่างใด เธอตอบกลับและจ้องเขม็งมาที่อลิเซียอย่างท้าทาย

สำหรับผู้หญิงด้วยกันแล้ว เธอมีรูปร่างที่สูงใหญ่ ขนาดที่สูงกว่าอลิเซียและสูงพอๆกับข้า

ผมสีแดงเพลิงยาวประบ่า ดวงตามีประกายแรงกล้า ลุกโชนดั่งเปลวเพลิง

เครื่องแต่งกายของเธอไม่ได้พิเศษเลิศหรูอะไรแบบอัศวิน แต่เป็นอุปกรณ์สวมใส่สำหรับใช้ต่อสู้จริง อย่างเกราะอกเป็นต้น

โดยรวมแล้วเธอเป็นผู้หญิงที่สวยและมีจิตวิญญาณนักสู้อย่างแรงกล้า

จะว่าไงดีล่ะ ถ้าให้ข้าเปรียบเปรย เธอก็เหมือนไอ้หนุ่มหล่อมาดเข้มแต่มีหน้าอกทรงโตนั่นล่ะ

ฝักดาบคาดเอวสองเล่ม ดูๆแล้วน่าจะเป็นดาบยาวที่มีใบมีดแบนกว้าง นี่เธอเป็นผู้ใช้ดาบคู่รึนี่่? หาผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ยากทีเดียว

และสิ่งที่ห้อยคอเธออยู่นั้นคือแผ่นนิล สีดำขลับที่บ่งบอกถึงสถานะของเธอ

เป็นที่รู้กันว่า ไม่เพียงแต่ในอาณาจักรริเบริส แต่ทั้งทวีปกาเลียนั้น มีกลุ่มคนมืฝีมือในนาม “นักผจญภัย” ซึ่งทำงานภายใต้สังกัดของกิลด์นักผจญภัย อันเป็นองค์กรที่ดำเนินงานอย่างไร้พรมแดน ลักษณะงานของพวกเขามีความหลากหลายมากกว่าอัศวิน พวกเขาทำตั้งแต่งานรับจ้างของคนทั่วไปอย่างงานคุ้มครองพ่อค้าเร่, กำจัดมอนสเตอร์, สำรวจโบราณสถานและดันเจี้ยน รวมไปถึงการบุกเบิกดินแดนใหม่ที่ยังไม่มีใครค้นพบ

นี่เป็นหนึ่งในงานที่หลายคนใฝ่ฝันถึง แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะไปถึงฝั่งฝัน

ภายในกิลด์นักผจญภัย มีการจัดลำดับหรือแรงค์ให้กับนักผจญภัยตามความสามารถที่มี

พวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้รับภารกิจที่สูงหรือต่ำกว่าแรงค์ที่ได้รับการประเมิน

ระบบแรงค์นี้มีขึ้นเพื่อคุ้มครองและป้องกันนักผจญภัยไม่ให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการรับภารกิจที่เกินขีดความสามารถของตนเอง

การจัดลำดับนั้นเริ่มจากลำดับต่ำสุด คือ กระเบื้องขาว, แผ่นสัมฤทธิ์ (บรอนซ์), เงิน (ซิลเวอร์), ทอง (โกลด์), แพล็ตตินั่ม, สีคราม (โอเชี่ยน, สีฟ้ามารีน) และจุดสูงสุดนั้นคือ สีนิล

ดังนั้น มันจะหมายความว่าอะไรล่ะ?

ก็หมายความว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเราที่ชื่อ ลิซานดร้านั้น แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ

เอาจริงดิ เธอมีแผ่นสีนิลนั่นน่ะนะ! ข้าไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย!

ถึงข้าจะเคยเห็นนักผจญภัยแรงค์สูงๆมาบ้างที่หมู่บ้านบิดเดน แต่พวกนั้นอย่างดีสุดก็อยู่ในแรงค์โกลด์ พวกระดับสูงกว่านั้นไม่มาเสียเวลาอยู่ในเขตบ้านนอกแบบนั้นหรอก

นักผจญภัยระดับสีครามขึ้นไป เป็นตัวตนเหนือชั้น ที่ไม่ธรรมดา พวกเขามักจะออกเดินทางไกลเพื่อทำภารกิจสุดหินให้สำเร็จ จึงไม่ค่อยมีใครพบเห็นพวกเขาเหล่านี้เท่าไรนัก

“อย่าได้มารบกวนข้า ข้ากำลังทำธุระอยู่”

“เหอะ เจ้านี่มันช่างน่าเบื่อเสียนี่กระไร มัวแต่อุดอู้อยู่แต่ในเมืองหลวงแบบนี้ ไม่ออกไปดูโลกภายนอกเสียบ้างเล่า”

ทั้งสองปะทะคารมกันแบบไม่เห็นข้าอยู่ในสายตา

ดูท่าทีแล้ว ผู้หญิงที่ชื่อลิซานดร้านั้นไม่ค่อยสบอารมณ์กับอลิเซียเท่าไร….หรือน่าจะไม่ถูกกับพวกอัศวินรึเปล่านะ

ข้าก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงต่อแล้วล่ะ ตอนนี้ข้ารู้สึกเหมือนตนเองยืนอยู่ตรงกลางสัตว์ป่ากระหายเลือดสองตัวที่พร้อมจะห้ำหั่นกันให้ตายไปข้าง แรงกดดันนั้นแผ่ออกมาถึงข้าเลย

“ฟังนะ ตอนนี้ข้าไม่ว่างจะมาเสวนากับเจ้า อาจารย์คะ เราไปกันเถอะ”

“โอะ.. โอเคเลยจ้ะ”

อลิเซียไม่อยากมีเรื่องด้วย เธอจึงตัดบทสนทนาและหันหลังกลับ เดินจากไป

ให้ตายเถอะ ข้าล่ะไม่ชอบเลยที่ต้องมาเจอนักผจญภัยระดับสีนิลจ้องเขม็งแบบนี้… ข้ารีบๆเดินตามอลิเซีย ชิ่งออกจากตรงนี้ไปดีกว่า

“หืออออ? ถ้ามีธุระดังว่าแล้วทำไมเจ้าถึงมาเดินเล่นกับตาลุงที่เจ้าเรียกว่า…อาจารย์…ล่ะ?”

และนั่นเป็นครั้งแรกของวันนั้น ที่สายตาของเราสบกัน

จากสายตาที่ไม่เป็นมิตร แปรเปลี่ยนเป็นความสับสน แล้วนั่นทำให้ข้างุนงงไปด้วย

อะไร? ข้าไปทำอะไรเจ้ารึไง? อย่าๆๆๆๆ ข้าไม่ได้ทำอะไรเจ้าเลยนะ

อย่ามองข้าแบบนั้น ข้าแค่มาซื้อขนมกลับไปฝากพ่อแม่แค่นั้นเองเฮ้ย

“อะ…เอ่อ? ท่านอาจารย์…เบริลใช่มั้ยคะ?”

“เอ๋?”

เดี๋ยวนะ

เดี๋ยวก่อน

ข้าว่าข้าไม่รู้จักแม่สาวทอมบอย ทรงโตแบบเจ้ามาก่อนนะ?!