บทที่ 83 เรียนรู้ที่จะเปล่งประกาย

Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว

บทที่ 83 เรียนรู้ที่จะเปล่งประกาย

บทที่ 83 เรียนรู้ที่จะเปล่งประกาย

ซูโย่วอี๋เลิกคิ้วถามหญิงสาวที่อยู่ข้าง ๆ “บางทีฉันอาจจะเก่งกว่าเธอก็ได้นะ?”

ซูโย่วอี๋เข้าใจจิตใจของฉูรั่วฮวนเป็นอย่างดี

เธอเกิดในครอบครัวที่ไม่ธรรมดาและมีความคิดเป็นของตัวเองสูง หากมีคนที่แข็งแกร่งกว่าเธอ อย่าง อวี๋ชิงจ้าว ฉูรั่วฮวนจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคนที่เธอไม่สามารถเอาชนะได้

ตรงกันข้าม เธอไม่ชอบผู้หญิงแบบซูโย่วอี๋ที่ไม่มีอะไรดีกว่าเธอสักอย่าง แต่กลับได้อันดับสูงกว่าเธอ ซึ่งฉูรั่วฮวนยอมไม่ได้เด็ดขาด

ซึ่งซูโย่วอี๋ไม่จำเป็นต้องมาคิดถึงวิธีผูกมิตรกับเธอสักนิด

แค่พูดออกมาตามที่คิด

ไม่ต้องเก็บความรู้สึกอะไรทั้งนั้น

พวกคนที่รู้สึกสงสารซูโย่วอี๋และอวี๋ชิงจ้าวในตอนนี้ คงอยากจะด่าตัวเองว่างี่เง่า

ทั้งสองคนอยู่ในอันดับที่หนึ่งและสอง ต้องกังวลอะไรอีก?

เธอควรจะห่วงตัวเองก่อน

ฮันเอินจีมองทีมงานของรายการแล้วพูดว่า “ต่อไป จะประกาศผู้เข้ารอบ 24 คนสุดท้าย”

ทันใดนั้น ตัวเลขบนหน้าจอขนาดใหญ่ก็เปลี่ยนไป เป็นหน้าของคนที่ได้คะแนนความนิยมน้อย

แม้ว่าคะแนนนิยมของเด็กฝึกอันดับต้น ๆ จะสูงถึงกว่าหกล้าน แต่เด็กฝึกคนอื่น ๆ นั้นก็ยังมีคะแนนความนิยมเพียงหลักหมื่นเท่านั้น

คนเหล่านี้มองไปที่ชื่อของพวกเธอที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ ด้วยหัวใจที่บีบรัดแน่นขึ้น

พวกเธอมองไปที่อาจารย์อย่างไม่สบายใจ นี่มันหมายถึงอะไร?

“ฉันเสียใจที่ต้องบอกคุณว่าจะมีผู้เข้าแข่งขัน 24 คนที่ได้ไปต่อ และคนที่เหลือต้องออกจากรายการวาไรตี้ 22 วันปั้นดาว”

มีความเงียบงันเกิดขึ้นในห้องประชุม

เด็กสาวที่กำลังเล่นและหัวเราะอยู่ในตอนนี้กลับเงียบกันหมด

ดวงตาของบางคนเป็นสีแดง บางคนพยายามที่จะกลั้นน้ำตาเอาไว้ และบางคนดูเหมือนจะรู้ล่วงหน้าว่าพวกเธอมาสุดทางแล้ว ทำให้อารมณ์ของพวกเธอก็ค่อนข้างคงที่

บางคนอดไม่ได้ที่จะร้องไห้

สายตาของซูโย่วอี๋กวาดมองรายชื่อบนเวทีแล้วมองไปที่สมาชิกในทีม

มีสมาชิกในทีมสี่ในสิบคนถูกคัดออก

ฮันเอินจีพูดอย่างใจเย็นว่า “เชิญทุกคนมาที่เวทีและบอกลาเพื่อน ๆ”

ในสังคมนี้ มีแต่ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่อยู่รอด

สมาชิกในทีมทั้งสี่ยืนขึ้นและมองคนที่เหลือ

ไม่ว่าตอนนี้พวกเธอจะรู้สึกอย่างไร ทั้งสี่ก็ยังคงมีรอยยิ้มบนใบหน้า ราวกับว่าพวกเธอกำลังพูดว่า ‘อย่ากังวล ลีดเดอร์เราสบายดี’

ซูโย่วอี๋สำลักเสียงสะอื้น

คนที่จากไปกำลังบอกความรู้สึก เธออดไม่ได้ที่จะเสียใจที่สมาชิกในทีมทั้งสี่คนต้องจากไป

เธอพยายามอย่างยิ่งที่จะนึกถึงภาพความทรงจำกับพวกเธอ แต่กลับพบว่าพวกเธอพูดคุยกันไม่มากนัก

สี่สาวเป็นคนเงียบ ๆ ไม่มีชีวิตชีวาเท่าซูโย่วอี๋ และไม่กระตือรือร้นเท่าเฉินซีซี

แต่พวกเธอก็เป็นคนนิสัยดี เคารพ สนับสนุนเพื่อน ๆ และให้ความร่วมมือกับเธอเสมอ

“ลีดเดอร์ซู” เสียงตะโกนดึงซูโย่วอี๋กลับสู่ความเป็นจริง

ทั้งสี่ยิ้มอย่างมีความสุขไม่มีทีท่าว่าจะเศร้าเลย

“เมื่อวานที่รู้ว่าเราไม่ชนะที่ 1 คุณบอกให้เรายิ้ม และวันนี้เราจะจากไปด้วยรอยยิ้ม”

พวกเธอเก็บทุกคำที่หัวหน้าทีมพูดไว้ในใจ

“เรามีความสุขมากที่ได้พบกับลีดเดอร์และอวี๋ชิงจ้าว เราสามารถแสดงความสามารถของตัวเองและได้ทำงานร่วมกับคุณ สำหรับเราทั้งสี่คน ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว”

“แม้เราต้องจากไปก็ไม่เสียใจ”

น้ำตาเอ่อคลอในดวงตาของคนพูดและเกือบจะร่วงหล่นออกมา ซึ่งคนที่อยู่ข้าง ๆ ก็ตบไหล่เธอเบา ๆ แล้วพูดว่า “เธอเก่งมาก”

[อ๊ากก! น้ำตาไหล!]

[ฉันไม่ชอบพวกเธอ แต่ฉันเสียใจมากที่เห็นพวกเธอต้องออกจากรายการ]

[ลีดเดอร์ตลอดชีวิตของฉัน พวกเธอจะเรียก ‘คุณ’ แบบนั้นตั้งแต่ต้นจนจบ]

[ฉันยังจำสายตาครั้งแรกที่พวกเธอมองโย่วโย่วได้อยู่เลย]

[ความจริงใจของพวกเธอน่าประทับใจ!]

[งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา!]

พวกเธอทั้งสี่ใช้เวลาพูดอยู่นาน ฮันเอินจีจึงหยิบไมโครโฟนกลับมาและกำลังจะเปลี่ยนเป็นอีกคน

“ลาก่อนลีดเดอร์”

พวกเธอไม่ได้ขอบคุณทีมงานหรือผู้ชมอย่างเป็นทางการเหมือนคนอื่น ๆ แต่พวกเธอพูดถึงคนในทีมเพียงอย่างเดียว

คำพูดจากก้นบึ้งของหัวใจ

“ซูโย่วอี๋ คุณมีอะไรจะพูดกับพวกเธอไหม”

จงลี่รีบยื่นไมโครโฟนให้ซูโย่วอี๋

ซูโย่วอี๋ยืนขึ้นและพยายามระงับความเศร้าในใจของเธอ “พวกเธอแต่ละคนยอดเยี่ยมมากจริง ๆ ต่อไปพวกเธอต้องเรียนรู้ที่จะเปล่งประกายได้ด้วยตัวเองแน่ ๆ”

อย่ามัวแต่คอยสนับสนุนคนอื่น…

“เธอเป็นคนเงียบขรึม เก็บตัว แต่ก็มีพลังเช่นกัน”

“ทุกคนสมควรที่จะได้เห็นตัวตนของเธอ”

น้ำตาเอ่อคลอในดวงตาของซูโย่วอี๋ “ฉันหวังว่าพวกเขาจะจำพวกเธอทั้งสี่คนได้”

ในที่สุดหญิงสาวบนเวทีก็ร้องไห้ออกมา

เด็กสาวทั้ง 24 คนจากไป และที่นั่งสำหรับผู้เข้าแข่งขันก็ว่างเปล่า มันดูเหงาไม่น้อย

ฉูรั่วฮวนเหลือบมองซูโย่วอี๋อย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “เธอแสดงได้ดีนี่ ทั้ง ๆ ที่ใช้ประโยชน์จากความทุกข์ยากของพวกนั้นแท้ ๆ หึ!”

“ฉันหวังว่าจะมีใครสักคนเต็มใจที่จะอยู่ทีมเดียวกับเธอนะ” ซูโย่วอี๋ตอบโต้อย่างเย็นชา

ฮันเอินจีทำลายบรรยากาศโศกเศร้า และพูดไม่กี่คำเพื่อทำให้ในห้องประชุมมีชีวิตชีวา

“ในสัปดาห์นี้ คุณจะจัดการแสดงต่อสาธารณชนเป็นครั้งที่สอง ซึ่งเป็นการประเมินครั้งสุดท้ายของรายการ”

“การแสดงนี้ต้องการความคิดสร้างสรรค์ คุณต้องแต่งเพลง ร้อง และเต้น การแสดงสุดท้ายบนเวทีขึ้นอยู่กับคุณ คุณสามารถขอคำปรึกษาจากอาจารย์ได้ แต่อย่าคาดหวังมากเกินไป”

“ถึงตอนนี้ เด็กฝึกที่ได้รับความนิยมสูงสุดอันดับหนึ่งและสองสามารถเลือกแสดงคนเดียวได้ แน่นอนว่าสามารถสละสิทธิ์นี้ได้เช่นกัน ส่วนเด็กฝึกคนอื่น ๆ สามารถตั้งทีมของตัวเองได้ 3-6 คน”

ท้ายที่สุด มีคนเพียงไม่กี่คนที่มีอำนาจทุกอย่าง สิ่งที่พวกเธอต้องการมากที่สุดในการสร้างทีมคือการใช้ประโยชน์จากข้อดีและข้อเสีย ถ้าเธอเขียนเพลงได้ งั้นฉันจะร้องเพลง เราจะใช้ประโยชน์ซึ่งกันและกันจะได้ประหยัดเวลา

ซึ่งทางทีมงานของรายการได้ให้สิทธิ์กับผู้เข้าแข่งขันเอง

“ในการแสดงครั้งนี้ ทีมที่ชนะ ไม่ว่าผู้เข้าแข่งขันจะได้เข้าสู่บริษัทเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์หรือไม่ก็ตาม เพลงจะถูกผลิตและเผยแพร่โดยเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์แบบฟรี ๆ และลิขสิทธิ์หรือรายได้จะเป็นของผู้เข้าแข่งขันเอง”

ว้าว!

ฟรี!

สาว ๆ ต่างรู้สึกตื่นเต้น กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตราบใดที่พวกเธอชนะ เพลงต้นฉบับของพวกเธออาจถูกสร้างขึ้นโดยบริษัทบันเทิงชั้นนำ แล้วลิขสิทธิ์และกำไรจะยังคงเป็นของพวกเธอ

นี่เป็นเงื่อนไขที่ดีมาก

ขณะที่การแข่งขันดำเนินต่อไป ทั้งผู้เข้าแข่งขันและผู้ชมต่างเข้าใจว่าท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าพวกเธอจะสามารถเป็นศิลปินของเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์ได้หรือไม่ รางวัลที่พวกเขาเสนอมานั้นเป็นของจริง ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีความสามารถที่จะได้มันมาหรือเปล่าก็เท่านั้น

[ใช่ ๆ นี่คือรายการที่น่าประทับใจที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา]

[ไร้สาระ สุดท้ายประธานลู่ก็จะจัดการทุกอย่างเอง ทำไมคุณไม่ให้ผลประโยชน์ใหญ่ ๆ แก่พวกเขาบ้างล่ะ]

[สำหรับประธานลู่ มันก็แค่เค้กชิ้นเดียว คุณไม่เคยเห็นโลกของธุรกิจที่แท้จริงสินะ!]

หลังจากตื่นเต้น สาว ๆ ก็เริ่มหมดกำลังใจ “อ่า มันยากเกินไปไหม?”

“ฉันไม่เคยเขียนเนื้อเพลงด้วยตัวเองเลย นับประสาอะไรกับการแต่งเพลง”

“มันอึดอัดมากที่ได้เห็นเนื้อก่อนโต แต่กินมันไม่ได้”

เด็กฝึกเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เป็นที่ต้องการ พวกเธอต่างก็ถูกแย่งชิงทันที

ส่วนฉูรั่วฮวนนั้นสงบมาก ด้วยประสบการณ์ในการหาทีมงานครั้งที่แล้ว เธอสามารถซื้อเพลงต้นฉบับได้อย่างง่ายดาย

เธอแค่เสียใจที่ไม่ได้อยู่ในสองอันดับแรก ไม่อย่างนั้นเธอได้เฉิดฉายอยู่คนเดียวไปแล้ว

ฉูรั่วฮวนไม่กังวลเกี่ยวกับการสร้างสรรค์ผลงานเลยสักนิด และไม่ได้กังวลเกี่ยวกับการหาเพื่อนร่วมทีม เธอไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเพื่อนร่วมทีมของเธอจะเป็นใคร