ถึงแม้ซิลวานจะเป็นศัตรูตัวฉกาจในเกมบทกวีแห่งผู้กล้า

 

  แต่การต่อสู้กับซิลวานในเหตุการณ์วันล้างบางเป็นสิ่งที่ตาตรึงใจสำหรับผู้เล่นหลายคนรวมถึงอินกอง ทว่าจุดจบของซิลวานกลับค่อนข้างไม่สมตัวละคร ซิลวานปลดปล่อยพลังเวทออกจากร่างจนหมด ก่อนร่างกายจะเหี่ยวแห้งอย่างกระทันหันและตายในทันที

 

  เพื่อที่จะป้องกันซิลวานจากจุดจบอันไม่พึงประสงค์นี่ สิ่งที่อินกองต้องทำก็คือเข้าหยุดยั้งราชันแห่งภูติจากการเผาผลาญพลังเวทที่หลงเหลืออยู่ของซิลวาน

 

  พลังแห่งอาณัติรวมตัวสู่บริเวณมือของอินกองเพื่อเข้าครอบงำราชันแห่งภูติ ผลลัพธ์เป็นไปตามที่อินกองคาดคิดแต่ทว่ามิใช่ผลลัพธ์ที่ปรารถนา

 

  ราชันแห่งภูติผสานร่างเป็นหนึ่งเดียวกับซิลวาน ไม่สามารถแบ่งแยกตัวตนออกเป็นสองได้อีกต่อไป

 

  ด้วยเหตุนี้ อินกองจึงเหลือเพียงหนึ่งทางออก

 

“ฉ ฉ ฉัตร?”

 

  เฟลิซีหน้าถอดสีเมื่อเห็นสีหน้าของอินกอง

 

“ก ก เกิดอะไรขึ้น? ย ยังมีหนทางใช่ไหม?”

 

  เฟลิซีผู้ที่เชื่อมั่นในตนเองและพูดจาอย่างรวดเร็วกลับพูดจาตะกุกตะกัก ความกดดันจากสถานการณ์บีบคั้นร่างกายของนาง แต่ถึงกระนั้นสติสัมปชัญญะของนางยังครบถ้วน นางสังเกตการกระทำของอินกองและเข้าใจได้ว่ายังมีหนทางที่สามารถช่วยเหลือซิลวานได้อยู่ เฟลิซีเอื้อมมือทั้งสองไปคว้าแขนอินกองไว้ด้วยร่างกายอันสั่นเทา

 

“ช ช่วยซิลวานด้วย ฉัน ฉันยอมทำทุกอย่าง ข ขอแค่สามารถช่วยซิลวานได้ ด ได้โปรดเถอะฉัตร ฉ ฉันขอร้องละ”

 

  เฟลิซีร้องไห้คร่ำครวญพลางก้มศีรษะขอร้องอินกองหลายครั้ง

 

  การกระทำของเฟลิซีเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้อินกองตัดสินใจอย่างเด็ดขาด เขาไม่ต้องการให้เฟลิซีมีบาดแผลในจิตใจ

 

  แน่นอนว่าอินกองต้องการช่วยชีวิตซิลวานไว้เช่นกัน พี่ชายผู้โง่เขลาแต่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

 

  อินกองหลับตาลงเตรียมใจก่อนลืมตาขึ้น เขาปัดมือเฟลิซีออกอย่างอ่อนโยนก่อนจะกล่าวกับซิลวาน

 

“ฮยองได้ยินผมมั้ยครับ? ตอนนี้ผมคิดออกแค่วิธีเดียวที่จะช่วยชีวิตฮยองได้ ฮยองต้องยินยอมการควบคุมของผม เป็นทหารองครักษ์ของผม นี่เป็นพิธีกรรมเวทมนตร์ที่ต้องยินยอมทั้ง 2 ฝ่าย ด้วยวิธีนี้ผมสามารถช่วยชีวิตฮยองได้”

 

  หากซิลวานเข้ารวมกองทหารมหาดเล็กของอินกอง ตราลัญจกรย่อมปรากฏที่ตัวซิลวาน ตรานี้จะช่วยให้อินกองสามารถส่งผ่านพลังแห่งอาณัติเพื่อเข้าควบคุมราชันแห่งภูติได้โดยไม่ต้องครอบงำ

 

  หลังจากแวนเดล จำนวนทหารมหาดเล็กของอินกองก็ถึงขีดจำกัด แต่การต่อสู้กับทุพภิกขภัยส่งผลให้อินกองเข้าใจในบทบาทของอาณัติและพลังแห่งอาณัติ ทำให้ระดับกองทหารของเขาเพิ่มขึ้น ส่งผลให้สามารถเพิ่มจำนวนทหารอีกสองตำแหน่ง

 

  ปัญหาที่แท้จริงก็คือหลังจากซิลวานเข้าร่วมกองทหารมหาดเล็ก อินกองจะต้องคิดหาเหตุผลอธิบายว่า เหตุใดเขาจึงสามารถบงการราชันแห่งภูติได้? จะใช้ข้ออ้างว่าเป็นความสามารถของคนธรรพ์เช่นเคย?

 

  นั่นอาจจะใช้ได้กับบุคลอื่น แต่กับเฟลิซีเหตุผลนี้ค่อนข้างจำเจ และอินกองใช้มันหลายครั้งมากเกินไป

 

  อย่างไรเสียอินกองไม่ต้องการจะปล่อยให้ซิลวานตายโดยที่ไม่ทำอะไร เขาเลือกที่ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต

 

  ทันใดนั้นบางสิ่งที่เหนือความคาดหมายก็เกิดขึ้น ซิลวานมีสีหน้าขึงขังหลังจากได้ยินคำพูดของอินกอง ใบหน้าที่พึงพอใจแม้ตัวตายหากนั่นช่วยให้เฟลิซีปลอดภัยกลับบ่งบอกการปฏิเสธอย่างแรงกล้า

 

“ไม่…”

 

  ซิลวานเค้นคำพูดออกมาอย่างดุดัน

 

“ซ ซิลวาน?!”

 

  ซิลวานไม่สามารถขยับศีรษะได้อีกต่อได้ เขาทำเพียงจดจ้องไปทางเฟลิซีด้วยนัยตาเหม่อลอย ก่อนเรียบเรียงคำพูดออกมาอย่างยากลำบาก

 

“ฉัน… ปฏิญาณ… เฟลิซี… องครักษ์… ”

“อย่าโง่นะl! เธอจะตายนะ! ตาย!”

 

  เฟลิซีตะคอกเสียงดัง ซิลวานทำเพียงส่งยิ้มแต่สามารถถ่ายทอดเจตนาได้ชัดเจน

 

  ไม่ใช่ความดื้อรั้นเพียงอย่างเดียว ซิลวานเปรยถึงคำปฏิญาณตน พิธีกรรมเวทมนตร์โบราณที่มอบพลังแลกกับข้อผูกมัดต่อดวงวิญญาณ เฟลิซีรู้ถึงความหมายของมัน นางพยายามคิดหาหนทางก่อนคว้ามืออินกองอีกครั้ง

 

“ฉัตร ฉันจะเป็นองครักษ์ให้เอง ถ้าฉันรับใช้เธอ ซิลวานที่เป็นองครักษ์ของฉันก็จะรับใช้เธอเช่นกัน ถูกไหม?”

 

  เป็นหลักการที่ตรงไปตรงมา อินกองพยายามคิดถึงความเป็นไปได้ ส่วนเดเลียอยู่ในสภาพตกตะลึง

 

  เฟลิซีจ้องอินกองอย่างไม่ลดละสายตา

 

“ถ้าเธอขึ้นเป็นจอมมาร ฉันก็จะกลายเป็นบริวารของเธออยู่ดี จะต้องทำพิธีกรรมอะไรไม่สำคัญ ถ้ามันช่วยซิลวานได้ก็ทำมันซะเดี๋ยวนี้เลย”

 

  เวทมนตร์มีมากมายหลากหลาย พลังและความซับซ้อมของมันย่อมแตกต่างกันออกไป เวทมนตร์ที่ต้องอาศัยพิธีกรรมประกอบย่อมบ่งบอกถึงความซับซ้อนและพลังอำนาจของมัน พิธีกรรมเหล่านี้มีมากมายที่ใช้เพื่อผูกมัดความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล เช่นพันธะทาส หรือพันธะที่สามารถสั่งตายผู้ใต้บัญชา

 

  สาเหตุนี้ทำให้เดเลียตกตะลึงกับการกระทำของเฟลิซี ด้วยค่านิยมของเผ่าเอลฟ์รัตติกาลที่สตรีเพศเป็นใหญ่ เรียกได้ว่าฐานะของเฟลิซีสูงส่งกว่าซิลวานมาก นางเป็นถึงว่าที่ราชินีของเผ่า

 

  เดเลียพยายากหาคำพูดเพื่อหยุดยั้งเฟลิซี แต่เมื่อนางเห็นท่าทีอันหนักแน้นก็ไม่มีคำพูดใดเล็ดลอดออกมา นางอ้าปากหุบปากอยู่หลายครั้งก่อนกลืนน้ำลายแล้วก้มน้อมคำนับ

 

  ด้านอินกองหากเขารับเฟลิซีเข้ากองทหารมหาดเล็ก สองตำแหน่งที่เพิ่มขึ้นจะเต็มในทันที อย่างไรเสียเฟลิซีก็มีความสำคัญสำหรับอินกองอย่างมาก มากจนอินกองเลือกที่จะมองข้ามเรื่องตำแหน่งของกองทหารเต็ม

 

  อินกองพยักหน้าก่อนหันไปสบตาซิลวานอีกครั้ง เขาวางนิ้วชี้ทั้งสองข้างจรดหน้าผากเฟลิซีกับซิลวาน

 

“ฮยองได้ยินใช่ไหมครับ? ผมจะเริ่มละนะ”

 

  ไม่มีเสียงเล็ดรอดจากซิลวาน เวลาของเขาเหลือน้อยเต็มที

 

  เฟลิซีกัดริมฝีกปากของนางเพื่อสยบความประหม่า อินกองเริ่มจากการแต่งตั้งเฟลิซี

 

  ไอพลังแห่งอาณัติแผ่กระจายออกจากจุดสัมผัสแผ่ครอบคลุมทั่วร่างเฟลิซี นางยอมรับการปกครองโดยไม่ขัดขืน จากนั้นตราลัญจกรก็ปรากฏขึ้นตรงจุดที่นิ้วอิงกองสัมผัส

 

  ลำดับถัดมาคือซิลวาน มีปฏิกริยาต่อต้านจากคำปฏิญาณของซิลวานอยู่ครู่หนึ่ง เฟลิซีก้มกอดซิลวาล สักครู่การต่อต้านก็หมดสิ้นพร้อมตราลัญจกรที่ปรากฏขึ้น

 

  เมื่อพิธีกรรมเสร็จสิ้น พลังของอาณัติก็ส่งผ่านไปยังเฟลิซีกับซิลวาน

 

  เฟลิซีตาโตขึ้นด้วยความประหลาดใจ นางคิดว่าพิธีกรรมนี้จะช่วยเพิ่มพูนกายภาพของร่างกาย นางไม่คาดคิดว่ามันจะส่งผลช่วยเพิ่มพลังเวทด้วย

 

  เห็นได้ชัดในกรณีของซิลวาน พลังเวทช่วยซื้อเวลาได้เพิ่มขึ้นอีกระยะหนึ่ง

 

  อินกองใช้พลังแห่งอาณัติถาโถมเข้าหาราชันแห่งภูติ ด้วยราชันแห่งภูติกับซิลวานในตอนนี้รวมเป็นหนึ่ง การขัดขืนจึงคงอยู่เพียงครู่เดียวก่อนถูกสยบด้วยพลังแห่งอาณัติ

 

‘ลงทัณฑ์ ศิโรราบ… ปกครอง’

 

  เสียงที่คุ้นเคยกล่าวขึ้นกับอินกอง เขาใช้พลังเข้าควบคุมสั่งให้ราชันแหงภูติเข้าสภาวะจำศีล จากนั้นจึงปิดรอยแยกที่ทำให้พลังเวทของซิลวานหลุดรั่ว

 

  เมื่อราชันแห่งภูติถูกสะกดซิลวานก็ลืมตาขึ้นท่ามกลางไอพลังสีขาว สภาพของเขาดูสงบนิ่งผิดไปจากสภาพของผู้ที่เพิ่งข้ามเส้นชีวิตความตาย

 

  อินกองถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาปาดเหงื่อพลางหันไปมองเฟลิซีที่ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง

 

  เฟลิซีหัวเราะทั้งน้ำตา นางใช้มือลูบคลำตราลัญจกรบนหน้าผากของซิลวาน นางหันมาสบตาอินกองแล้วอ้าแขนออก เนื่องจากซิลวานนอนพักอยู่บนตัก นางจึงไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้

 

  อินกองขยับตัวไปสวมกอดเฟลิซี ส่วนสูงนางอาจมากกว่าอินกอง แต่ในขณะนี้นางให้ความรู้สึกตัวเล็กและบอบบาง นางกอดอินกองแน่นพลางหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา

 

“ฉัตร… ฉัตร!”
‘ฉันกลัวมาก กลัวเหลือเกิน ฉันกลัวว่าจะเสียซิลวานไป เดเลียก็เกือบตาย ซีพิร่าก็แขนขาดไปข้าง แถมลูกเรือที่เหลือก็ไม่มีใครรอดชีวิต ไอ้นั่นมันตัวอะไรกันแน่’

 

  สภาพจิตใจของนางถูกกดดันจนไม่สามารถกล่าวความคิดของนางออกมาได้ทั้งหมด นางเป็นลมสลบลงในอ้อมอกอินกองทันทีที่รู้สึกปลอดภัย

 

  อินกองลูบปลอบโยนเฟลิซีก่อนจะส่งตัวนางให้เดเลีย จากนั้นเขาก็เดินไปดูอาการของซีพิร่า

 

  แขนตัดขาดบริเวณข้อศอก เวทมนตร์พื้นฐานถูกใช้เพื่อระงับเลือดแต่มิได้ระงับความเจ็บปวด มิได้ช่วยฟื้นฟูเลือดที่สูญเสีย อินกองร่ายเวทมนตร์ฟื้นฟูให้เฟลิซีพร้อมกับเวทมนตร์ชำระล้างให้กับซีพิร่า ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความศรัทธา

 

  อินกองช่วยชีวิตซิลวานผู้เป็นนายของนาง สำหรับซีพิร่านี่ไม่ต่างจากอินกองได้ช่วยชีวิตนางเอาไว้

 

  อินกองพยายามตรวจสอบบาดแผลของซีพิร่า โลกมารมีเวทมมนตร์หลากหลาย หนึ่งในนั้นอาจรักษาบาดแผลสาหัสได้ นางอาจไม่พิการไปตลอดชีวิต

 

  จากนั้นอินกองก็มองสำรวบรอบตัวอีกครั้ง

 

  คงเหลือขี้เถ้ากระจายอยู่เล็กน้อยบริเวณที่เคยเป็นร่างของจีราด

 

  อินกองไม่สามารถทำลายตัวตนที่เป็นนามธรรมอย่าง ‘ทุพภิกขภัย’ ได้ การกระทำของอินกองเพียงทำลายจุดเชื่อมโยง ตัดขาดทุพภิกขภัยออกจากภพภูมินี้… ในระยะหนึ่ง

 

  อินกองเริ่มเข้าใจบทบาทในฐานะอาชาแห่งอาณัติของเขามากขึ้น

 

  สตรีนิรนามหรืออาณัติ นางหาได้ใฝ่หาความพินาศอีกต่อไป นางหันหลังให้กับเหล่าตัวตนที่เปรียบเสมือนพี่น้องของนาง

 

  เหตุการณ์นี้ทำให้อินกองเข้าใจสาเหตุที่ทุพภิกขภัยกับอาสัญโกรธแค้นอาณัติ และเข้าใจว่าทำไมรณการยังคงชื่นชมและชิงชังนางในขณะเดียวกัน

 

  หากมองในมุมมองของทั้งสามตัวตนนี้แล้ว อาณัติเป็นพี่น้อง ครอบครัว คู่รัก และผู้ทรยศที่เลวร้ายที่สุด

 

  อินกองหลับตาลงสงบสติตัวเอง ตัวเขาในตอนนี้เริ่มรับรู้ถึงความปรารถนาที่แท้จริงของอาณัติ ยังมีปริศนาหลงเหลือ แต่เขาตัดสินใจที่จะทยอยเรียนรู้มัน

 

‘เอาละ ที่นี้ก็’

 

  อินกองเข้าใจว่าเป้าหมายของทุพภิกขภัยมิใช่เฟลิซีกับซิลวาน แต่เป็นตัวซากโบราณสถานแห่งนี้

 

‘บางที ซากนี่อาจจะมีความลับอะไรซ่อนอยู่?’

 

  นี้เป็นอีกหนึ่งสถานที่เบื้องหลังในเกมที่อินกองเคยเล่น เขาไม่รูอะไรเกี่ยวกับมันนอกไปจากเป็นเพียงข้อมูลเพื่อแต่งเติมภูมิประเทศ

 

  อินกองหยิบดาบของซิลวานขึ้นมามองพิจารณาอย่างชื่นชม

 

  ทั้งที่ผ่านการผสานพลังเวทอันรุนแรงของราชันแห่งภูติ แต่ตัวดาบกลับไร้รอยขีดข่วน คมดาบยังคงเรียบเนียน สมแล้วที่เป็นผลงานของช่างฝีมืออันดับหนึ่ง
แรคคูนน้อยตัวนั้น ฉันเห็นมันซมซานเหลือทน

 

  อาวุธชิ้นนี้เป็นปัจจัยหลักที่ช่วยให้ซิลวานทำลายกายเนื้อของอาชาแ่ห่งทุพภิกขภัยได้มากโข ในเกมบทกวีแห่งผู้กล้า ซิลวานที่ปลดปล่อยพลังของราชันแห่งภูติทำได้เพียงใช้พลังเวทอย่างบ้าคลั่ง นั่นเพราะเขาไม่มีอาวุธที่สามารถทนทานต่อพลังเวทได้ จึงไม่สามารถใช้วิชาดาบ

 

  ภาพแรคคูนตัวน้อยใช้หางทุบพื้นระหว่างการตีดาบก็ผุดขึ้นเรียกเสียงหัวเราะจากอินกอง

 

  อีกหนึ่งเสียงดังขึ้นเรียก

 

“มันจบแล้วใช่มั้ย นายท่าน?”

 

  เทพารักษ์คุ้มกายอินกองปรากฏกายเนื้อ

 

“ใช่แล้ว อย่างน้อยก็ในตอนนี้ กลับไปยังเรือเพลิงมังกรทมิฬกันเถอะ”

 

  เรือเหาะจอดอยู่ใกล้ทางเข้าโบราณสถาน อินกองรีบรุดหน้ามาโดยไม่มีเวลาสำรวจสถานการณ์ ทว่าสามารถคาดเดาได้ไม่ยาก ทุพภิกขภัยมาจากทางเข้าฉะนั้นชะตากรรมของบรรดาลูกเรือที่เฝ้าอยู่บริเวณนั้น… 

 

  เสียงหัวเราะของเหล่าผู้ติดตามผุดขึ้นชวนให้อินกองรู้สึกหดหู่ ท่าทางของอินกองทำให้กรีนวินด์ไม่พอใจ นางขยับตัวลอยมาเท้าสะเอวตรงหน้าอินกอง

 

  กรีนวินด์เงยหน้าขึ้นมองอินกองต้องการที่จะกล่าวบางสิ่ง

 

“กรีน… วินด์?”

 

  อินกองเรียกนางอย่างลังเล กรีนวินด์กอดอกตอบด้วยน้ำเสียงภาคภูมิ

 

“ข้าบินในระยะทางที่ไกลมากเลยวันนี้ ข้ายังทำหน้าสำคัญอีกหลายอย่างด้วย จนตอนนี้ข้าก็ยังรออย่างใจเย็น”

 

  สีหน้าที่อินกองเริ่มคุ้นเคย เพียงแต่อินกองไม่คิดว่ากรีนวินด์ทำเพื่อต้องการคำชมเชย เขาคิดว่านางพยายามจะหันเหความสนใจของเขาไปยังสิ่งอื่น เพื่อมิให้ตัวเขาจมปลักอยู่กับความรู้สึกผิด เหนืออื่นใดก็คือนางแสดงท่าทางได้อย่างน่าดึงดูด

 

  อินกองยิ้มออกมาในที่สุด เขาจ้องมองกรีนวินด์ผู้น่ารักน่าเอ็นดู

 

“ใช่เลย ทำได้ดีมากกีวี่ นี่ถ้าไม่ใช้เพราะกีวี่ผมคงไม่สามารถมาสมทบได้ทัน แล้วก็คงไม่อาจช่วยเฟลิซีนูนิม ซิลวานฮยอง แล้วก็คนอื่นๆได้”

 

  อินกองลูบหัวพลางกลางชมเชยเยินยอ

 

  หากแต่กรีนวินด์กลับแสดงอาการเขินอาย ซึ่งผิดแปลกไปจากทุกครั้ง ราวกับนางไม่รู้ว่าควรวางตัวเช่นไร

 

“หืม? ผมลูบหัวผิด แล้วทำให้เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?’

 

  หรือว่ากรีนวินด์จะเบื่อหน่ายกับการถูกลูบหัวเสียแล้ว?

 

  กรีนวินด์รีบส่ายหน้าปฏิเสธ

 

“อ่า ไม่ใช่เลยนายท่าน ข้าก็แค่รู้สึกเขินนิดหน่อย ชมข้าต่ออีกเยอะๆเลย ข้าคู่ควรกํบคำชมจำนวนมาก”

 

  กรีนวินด์ตอบพลางแอ่นอกอย่างมั่นใจ

 

  ท่าทีของกรีนวินด์ช่างน่าเอ็นดู แต่อินกองไม่ได้กล่าวชมนางต่อ

 

“ขอโทษนะ แต่ไว้ค่อยรับคำชมที่เหลือทีหลังละกัน ช่วยผมเคลื่อนย้ายซิลวานฮยองหน่อยได้ไหม?”

 

  ขนาดของโล่ชีวาตม์ในขณะรวมชิ้นส่วนใหญ่จนสามารถขึ้นไปนั่งหรือนอนได้ ทำให้อินกองคิดจะใช้โล่แทนเปลหามเพื่อย้ายซิลวาน

 

“ข้าเป็นของนายท่าน และทำตามคำปรารถนาของนายท่าน”

 

  กรีนวินด์สลายกายเนื้อ แล้วโล่ไวท์อีเกิ้ลก็ลอยไปทางซิลวาน

 

  ระหว่างที่เดเลียกับซีพิร่าพยายามช่วยหามซิลวานขึ้นโล่ อินกองเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เมฆที่หนาแน่นเริ่มคลายตัวออก เผยให้เห็นแสงจันทร์สาดส่องลงมา