บทที่ 120 น่าเสียดาย

คิงดราก้อน

เซียวหยางไม่สนใจพวกเขา ได้แต่เขียนตัวยาสมุนไพรตัวเล็ก ๆ มากมายลงบนกระดาษ จากนั้นก็ยื่นให้ชายชรา “ในนี้เป็นตัวยาสมุนไพรที่หลานสะใภ้คุณต้องใช้ในการรักษาอาการป่วย คุณรวบรวมตัวยาพวกนี้ให้ครบแล้วเอามาให้ผม มีเวลาแล้วผมจะมารักษาอาการป่วยให้”

“ครับครับครับ คุณผู้ชาย ขอบพระคุณที่ช่วยตระกูลอู๋ของพวกเรา ผมขอเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อนะครับ!” อู๋ฮุยหวงเอ่ยพูดด้วยความขอบคุณ

เซียวหยางโบกปัดมือ “ไม่ต้องหรอก เวลาผ่านไปนานแล้ว ผมต้องกลับบ้านไปทำกับข้าวให้ภรรยา”

อู๋ฮุยหวงมีสีหน้าผิดหวัง “งั้นก็ได้ครับ”

จากนั้นเขาก็หันไปพูดกับเป้าจื่อที่อยู่ด้านหลังว่า “เป้าจื่อ แกไปส่งคุณผู้ชายให้ถึงบ้านนะ”

เป้าจื่อพยักหน้า

อู๋จื้อเหวินพุ่งเข้าไปหาเซียวหยาง จากนั้นก็ยัดบัตรเอทีเอ็มใบหนึ่งให้เซียวหยาง “คุณผู้ชาย เรื่องวันนี้ผมผิดเอง ขอบคุณที่คุณช่วยชีวิตเอาไว้ นี่เป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ของผมครับ”

เห็นเซียวหยางขมวดคิ้ว อู๋จื้อเหวินก็รีบพูดว่า “คุณผู้ชายครับ คุณห้ามปฏิเสธเด็ดขาด! เทียบกับที่คุณช่วยชีวิตเอาไว้ แค่นี้เทียบไม่ได้เลยสักนิด ถ้าหากคุณปู่รู้ว่าคุณไม่รับเงิน กลับไปเขาต้องจัดการผมแน่นอน!”

เมื่อยากที่จะปฏิเสธได้ เซียวหยางจึงต้องรับไว้ด้วยความจำใจ จากนั้นก็นั่งรถเบนท์ลีย์ของเป้าจื่อกลับไป

อู๋ฮุยหวงและหลานทั้งสองคนยืนมองจนเซียวหยางกลับไป

“คุณปู่ครับ พวกเราก็ไปกันเถอะ!” อู๋จื้อเหวินเอ่ยพูด

อู๋ฮุยหวงหันกลับไปพูดอย่างโมโห “สารเลว! วันนี้แกเกือบสร้างภัยให้ตัวเองแล้ว กลับบ้านไปฉันจะจัดการแก!”

อู๋จื้อเหวินกลืนน้ำลายลงคอไม่กล้าปริปากพูดอะไรอีก

อู๋ปิงเชี่ยนที่อยู่ข้าง ๆ ยังคงโกรธเรื่องเมื่อครู่นี้อยู่

อู๋ฮุยหวงรู้สึกได้ถึงความโกรธของอู๋ปิงเชี่ยน จึงพูดเตือนว่า “ยัยหนู เรื่องบางเรื่องทำได้ บางเรื่องก็ห้ามแตะต้องเด็ดขาด”

เขาพูดอย่างนี้ก็เพื่อเตือนให้อู๋ปิงเชี่ยนรู้เอาไว้ว่าอย่าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า เซียวหยางฐานะตัวตนไม่ชัดเจน แต่เขาสามารถรับรู้ได้ว่า คนคนนี้ไม่ใช่คนที่พวกเขาสามารถหาเรื่องได้อย่างเด็ดขาด!

อู๋ปิงเชี่ยนพูดอย่างไม่พอใจ “คุณปู่ หนูยอมไม่ได้จริง ๆ!”

ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อครู่นี้จุดที่เซียวหยางชกเข้ามาเป็นบริเวณที่ไวต่อความรู้สึกของเธอ เธออู๋ปิงเชี่ยนเป็นใคร ไม่ว่าไปที่ไหนก็เป็นจุดสนใจทั้งนั้น ผู้ชายคนไหนเห็นเธอเป็นต้องเข้ามาเลียแข้งเลียขา

แต่เซียวหยางไม่เพียงแต่เมินเฉยใส่เธอ แต่กลับลงไม้ลงมืออีกด้วย ครั้งนี้ตัวเองเสียเปรียบมาก!

อู๋ฮุยหวงดุใส่เธอ “ยอมไม่ได้ก็ต้องยอม เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เดิมทีพวกเราก็เป็นฝ่ายผิดอยู่แล้ว เขาไม่ถือสาเอาความซ้ำยังมีน้ำใจช่วยชีวิต แกยังต้องการอะไรอีก?”

“เหอะ เขาช่วยจื้อเหวิน แต่ล่วงเกินหนู แค้นนี้หนูจะจำเอาไว้ สักวันหนูต้องตามหาเขาเพื่อสู้กันตัวต่อตัว!” อู๋ปิงเชี่ยนพูดด้วยความเจ็บใจ

อู๋ฮุยหวงฝืนยิ้มออกมา “สู้ตัวต่อตัว? เชี่ยนเชี่ยน แกมันไร้เดียงสาเกินไปแล้ว วรยุทธของเขาสูงส่งมาก เกรงว่าในโลกนี้คงมีแค่ไม่กี่คนที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้”

“หนูก็เพิ่งอายุยี่สิบกว่าปี ขอแค่หนูหมั่นฝึกฝน ต้องเอาชนะเขาได้แน่” อู๋ปิงเชี่ยนเอ่ยพูด

อู๋ฮุยหวงยิ้มพลางส่ายหน้า “ยัยหนู แกมันไร้เดียงสาเกินไปแล้ว ฉันฝึกฝนอย่างยากลำบากมากี่สิบปี ตอนนี้ยังทำได้แค่เปิดเส้นลมปราณเริ่น หนทางนี้ยังอีกยาวไกลนัก!”

อู๋ปิงเชี่ยนขมวดคิ้วสวย ตามที่คุณปู่พูด นั่นหมายความว่าต่อให้เธอทุ่มเทฝึกฝนตลอดชีวิตนี้ก็ไม่มีทางเอาชนะเซียวหยางได้

“เฮ้อ ช่างน่าเสียดายจริง ๆ! อู๋ฮุยหวงพูดออกมาอย่างทอดถอนใจ

อู๋ปิงเชี่ยนถามด้วยความสงสัย “คุณปู่ เป็นอะไรไปคะ?”

“ฉันทอดถอนใจให้กับแกไง! น่าเสียดายเจ้าหนุ่มที่แสนดีคนนั้นเหลือเกิน ถ้าเขายังไม่แต่งงานฉันต้องยกแกให้เขาแน่นอน” อู๋ฮุยหวงเอ่ยพูดด้วยความรู้สึกเสียดาย

อู๋ปิงเชี่ยนหน้าแดงขึ้นมาทันที บ่นด้วยความเขินอายว่า “คุณปู่ ปู่นี่ยิ่งแก่ยิ่งไม่เอาไหนนะ หนูจะไปแต่งงานกับเขาได้ยังไง!”

อู๋ฮุยหวงมองอู๋ปิงเชี่ยนแล้วส่ายหน้า พลางทอดถอนใจ “พวกเราไปกันเถอะ!”

เพียงชั่วพริบตาวันหยุดสุดสัปดาห์ก็ผ่านไป หลังจากตื่นนอนแต่เช้า เย่หยุนซูก็ขับรถไปที่บริษัท ดูท่าทางเหมือนเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้น

เซียวหยางทานมื้อเช้าเสร็จก็เดินไปที่บริษัทอย่างสบายอกสบายใจ เมื่อมาถึงล่างตึกบริษัท พนักงานรักษาความปลอดภัยก็ทำเสียงไม่พอใจออกมา

นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?

เซียวหยางทำหน้างงงวย!

พนักงานต้อนรับเห็นเซียวหยางก็ทำหน้าเหมือนเห็นเทพแห่งโรคระบาดยังไงยังงั้น กว่าจะมาถึงฝ่ายขายได้ เมื่อมาถึงเพื่อนร่วมงานทั้งฝ่ายขายก็มองเซียวหยางตาปริบ ๆ จับกลุ่มกระซิบกระซาบกันไม่หยุด

เซียวหยางขมวดคิ้ว เขาไม่ได้อยากสนใจคนพวกนี้เลยสักนิด

กวาดตามองไปรอบ ๆ ฝ่ายขาย ก็ไม่เห็นจูเจียนเฉียง เจ้าหมอนี่ไปไหนนะ?

จากนั้นเขาก็ล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาฝ่ายบุคคลถึงได้รู้ว่าจูเจียนเฉียงลางาน

ดูท่าทางวันนี้ตัวเองคงต้องอยู่คนเดียวแล้วล่ะ ด้วยความเบื่อเป็นอย่างมาก เซียวหยางได้นั่งลงหน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์แล้วเล่นเกม

ต้องบอกว่าอุปกรณ์ที่จูเจียนเฉียงจ่ายเงินซื้อไปก่อนหน้านี้นั้นดีจริง ๆ ทำให้เล่นเกมได้อย่างสบายมาก เมื่อถูกขับเคลื่อนด้วยเกม อารมณ์ด้านลบของเซียวหยางก็ค่อย ๆ จางหายไป

เขาที่กำลังสนุกอยู่นั้น เห็นว่าใกล้จะผ่านด่านแล้ว จู่ ๆ หน้าจอคอมพิวเตอร์ก็กลายเป็นสีดำสนิท

เซียวหยางอึ้งไปเล็กน้อย นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย

ต่อมาบนหน้าจอก็มีลิงน้อยที่น่ารักตัวหนึ่งโผล่ขึ้นมา ในมือถือลูกท้อ กินไปเดินไป ท่าทางทะเล้นและว่องไวนั้นทำให้คนรู้สึกเอ็นดูมาก

แต่สำหรับของน่ารักแบบนี้ เซียวหยางกลับไม่รู้สึกชอบใจเลยสักนิด เขารู้ว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเป็นเพราะคอมพิวเตอร์ถูกไวรัสเล่นงานแล้ว

กำลังเล่นสนุก ๆ จู่ ๆ ก็ถูกไอ้นี่ขัดจังหวะซะได้ เซียวหยางอดไม่ได้ที่จะโกรธขึ้นมา เขากำลังจะเปิดโปรแกรมแอนตี้ไวรัส แต่ประตูใหญ่ของฝ่ายขายก็ถูกเปิดออกพอดี มีเงารูปร่างสวยงามเดินผ่านประตูเข้ามา

เมื่อเห็นเย่หยุนซูที่สวมชุดทำงาน เดินเข้ามาด้วยหุ่นอรชรมีส่วนเว้าส่วนโค้ง สีหน้าดูเย็นชา

เพื่อนร่วมงานผู้ชายหลายคนที่เพิ่งมาใหม่ในฝ่ายขาย แทบจะไม่เคยเห็นใบหน้าอันสวยงามของประธานสวยสวยที่ร่ำลือกันมาก่อน แต่ละคนจึงชะเง้อคอมองกันใหญ่

วันนี้ได้เห็นงามที่สุดในแผ่นดินเหมือนอย่างที่ร่ำลือกันจริง ๆ ใบหน้ารูปไข่ที่สวยงาม หุ่นที่น่าดึงดูดใจ ช่างเป็นผู้หญิงในฝันของผู้ชายทุกคนจริง ๆ

ภรรยามาอย่างยิ่งใหญ่ เซียวหยางจะนั่งไม่ขยับได้ยังไงล่ะ เขาลุกขึ้นพลางยิ้มแล้วเดินเข้าไปหา “เธอมาที่นี่ทำไมเหรอ?”

เย่หยุนซูทำหน้าเย็นชาไม่สนใจเซียวหยาง เธอก็ไม่อยากเชื่อว่าเรื่องนี้เซียวหยางเป็นคนทำ

ประตูของฝ่ายขายถูกผลักออกอีกครั้ง มีผู้บริหารระดับสูงใส่สูทสวมรองเท้าหนังหลายคนเดินเข้ามา

เซียวหยางสับสนมาก วันนี้เป็นวันอะไร ทำไมผู้บริหารระดับสูงของบริษัทถึงได้มาที่ฝ่ายขายกันหมด!

สายตาของทุกคนดูเหมือนมองเขาด้วยความไม่เป็นมิตรอย่างบอกไม่ถูก “นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

จางเฉียงเดินออกมาจากห้องทำงาน ชี้นิ้วกล่าวโทษด้วยใบหน้ายิ้มแย้มได้ใจ “เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ? แกแม่งหยุดแกล้งทำเป็นโง่ต่อหน้าฉันได้แล้ว! ไอ้โง่อย่างแกทำเรื่องอะไรลงไปตัวเองยังไม่รู้อีกหรือไง?”

เห็นสีหน้าที่โมโหของเย่หยุนซู เซียวหยางก็หรี่ตาลง ในใจรู้สึกสังหรณ์ใจขึ้นมา

ทุกคนต่างมองเซียวหยางด้วยความโกรธแค้น ไอ้เขยที่แต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงคนนี้เรื่องดี ๆ ไม่มีปัญญาทำ ดีแต่สร้างเรื่องสร้างปัญหา!

จางเฉียงยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้าย เสแสร้งทำท่าทางจริงดันกรอบแว่นสีทองที่สันจมูก แล้วจงใจพูดเสียงดังว่า “คอมพิวเตอร์ในบริษัทพวกเราถูกไวรัส เมื่อเช้าฉันกับฝ่ายเทคนิคได้คุยกันแล้ว พวกเขาบอกว่าเพราะมีคนเข้าเว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัย เลยทำให้คอมพิวเตอร์ในบริษัทใช้การไม่ได้ เป็นอัมพาตไปหมด”

“ในนั้นมีเอกสารสำคัญสองอย่างที่หายไป พวกเราอาจต้องเผชิญหน้ากับความเสี่ยงในการผิดสัญญา ซึ่งทำให้เสียหายสูงถึงสองร้อยล้าน!”

สองร้อยล้าน!

เป็นข่าวที่น่ากลัวจริง ๆ!

บริษัทของเย่หยุนซูไม่ได้ใหญ่มาก สองร้อยล้านเป็นตัวเลขจำนวนไม่น้อยเลย พนักงานแต่ละคนที่อยู่ในเหตุการณ์จึงรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา

ถ้าเกิดบริษัทต้องเผชิญหน้ากับการผิดสัญญา ต้องชดใช้เงินค่าผิดสัญญาจำนวนมหาศาล บริษัทจะยังดำเนินการตามปกติได้เหรอ? จะจ่ายเงินเดือนพนักงานได้หรือเปล่า?

เรื่องนี้ เมื่อเช้าจางเฉียงได้แจ้งให้เย่หยุนซูทราบเรื่องแล้ว เขาขุดหลุมดักเอาไว้ เพื่อรอให้เซียวหยางกระโดดลงไป

เซียวหยางมองแวบเดียวก็มองแผนการชั่วร้ายของจางเฉียงออก เขาเอามือกอดอกยืนมองจางเฉียงแสดงละคร

“จากการตรวจสอบของฝ่ายเทคนิค ต้นตอของไวรัสมาจากฝ่ายขายของพวกเรา” จางเฉียงพูดพลางเดินมาข้าง ๆ เซียวหยางด้วยแววตาที่ดูชั่วร้ายและได้ใจ “มาจากเพื่อนร่วมงานบางคนที่อยู่ในนี้”