ตอนที่ 84 ตระกูลขุนนางเก่าแก่

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 84 ตระกูลขุนนางเก่าแก่
นางจะยัดเยียดข้อหาสมคบคิดกับศัตรูให้ซิ่นอ๋อง แม้ในม้วนไม้ไผ่ไม่ได้มีบันทึกไว้ก็ตาม

ซิ่นอ๋องใช้ข่าวลือเป็นอาวุธได้ผู้เดียวหรืออย่างใด นางก็ทำได้เช่นกัน…

ไม่ว่าคำกล่าวนี้จะเป็นความจริงหรือไม่ เมื่อชาวบ้านทั้งเมืองหลวงเห็นสภาพยับเยินเกือบเอาชีวิตไม่รอดของจี้ถิงอวี๋ ได้ยินข่าวที่เขาส่งกลับมาด้วยชีวิตผู้ใดจะคิดว่านี่คือเรื่องโกหกกัน

ถึงแม้วันหนึ่งราชสำนักจะเปิดเผยความจริง แต่ชาวบ้านก็จะเข้าใจว่าราชสำนักแต่งเรื่องโกหกเพราะต้องการปกปิดความผิดของซิ่นอ๋อง

ซิ่นอ๋องกล้าลงมือทำร้ายตระกูลไป๋ นางก็จะตัดหนทางการขึ้นครองบัลลังก์ของเขา กระทั่ง…เอาชีวิตของเขา!

จี้ถิงอวี๋เข้าใจว่าไป๋ชิงเหยียนต้องการทำสิ่งใด พยักหน้าอย่างแรง

“คุณหนูใหญ่วางใจได้ขอรับ จี้ถิงอวี๋เข้าใจแล้วขอรับ!”

เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนลุกขึ้น ร่างเต็มไปด้วยไอสังหาร จี้ถิงอวี๋จึงกล่าวสำทับขึ้น “คุณหนูใหญ่ แม่ทัพเยว่จือโจวยังฝากบอกอีกว่า คุณชายเจ็ดและคุณชายเก้านำทัพไปยังเมืองหลวงของซีเหลียงแต่ยังมิกลับมาขอรับ บางทีอาจช่วยชีวิตสายเลือดตระกูลไป๋ไว้ได้ แม่นางเสิ่นและเว่ยเกาขี่ม้าตามไปแล้วขอรับ! คุณหนูใหญ่…อย่าโปรดรักษาตัวด้วยนะขอรับ อย่าถึงขั้นเอาตัวเข้าไปเสี่ยงแล้วสู้ให้ตายกันไปข้างหนึ่งเลยนะขอรับ!”

“พี่หญิงใหญ่!” ไป๋จิ่นถงร้องไห้ออกมาอย่างดีใจ “พี่หญิงใหญ่กล่าวถูกจริงๆ ด้วยเจ้าค่ะ การไม่พบศพถือเป็นเรื่องดี ทุกคนอาจยังมีชีวิตอยู่ก็ได้นะเจ้าคะ!”

นางนึกไม่ถึงเลยว่าคำปลอบโยนน้องสาวเมื่อคืน วันนี้จะกลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมาได้

ชีหลางและจิ่วหลาง…

หญิงสาวรู้สึกอุ่นวาบไปทั้งร่าง แสงสว่างเข้ามาแทนที่ความมืดมิดในดวงตาจนนางร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ความโกรธแค้นเดือดดาลในใจค่อยๆ สงบลงเพราะคำกล่าวนี้

เดี๋ยวเศร้าเดี๋ยวมีความสุขทำให้หญิงสาวรู้สึกตึงไปทั่วศีรษะ ความรู้สึกมากมายเกิดขึ้นในใจแค่เพียงชั่วขณะเดียว

เช่นนี้แสดงว่านางสั่งให้เสิ่นชิงจู๋ไปช่วยไว้ได้ทันถึงสองคนใช่หรือไม่…

ไม่เสียแรงที่นางกลับมาเกิดใหม่อีกรอบ อย่างน้อยนางก็ยื้อชีวิตจากยมบาลมาได้ถึงสองชีวิต!

ไม่ได้จนกว่าจะหาตัวน้องชายทั้งสองพบ ยังเร็วไปที่จะกล่าวเช่นนี้

หวังว่าสวรรค์จะเมตตาสงสารตระกูลไป๋ ดลบันดาลให้เสิ่นชิงจู๋ช่วยพวกเขาไว้ได้ทัน!

หญิงสาวรวบรวมสติแม้จะร้อนใจแต่ยังคงสั่งการด้วยท่าทีนิ่งขรึม

“ลุงผิง! ท่านจงคัดเลือกยอดฝีมือจากบรรดาทหารหน่วยกล้าตายของตระกูลไป๋ส่งไปยังหนานเจียงเดี๋ยวนี้เลย ไม่ว่าอย่างใดก็ต้องปกป้องชีหลาง และจิ่วหลางให้ปลอดภัย!”

หลูผิงพยักหน้ารับ “ขอรับ!”

ใจของหญิงสาวเต้นรัว นางต้องไปที่หนานเจียงด้วยตัวเองสักครั้ง ไม่ว่าจะไปรับชีหลาง จิ่วหลางกลับมาอย่างปลอดภัย หรือไปจัดการดูแลความเรียบร้อยของทหารในกองทัพไป๋ที่ยังหลงเหลืออยู่ นางล้วนต้องไปด้วยตัวเอง นางแทบอยากให้ถึงวันนั้นโดยเร็ว

ไป๋จิ่นถงพยุงไป๋ชิงเหยียนออกมาจากห้องที่คุกกรุ่นไปด้วยกลิ่นเนื้อไหม้ ท่ามกลางแสงแดดที่สว่างจ้า ดวงตาที่บวมช้ำของหญิงสาวแทบจะลืมไม่ขึ้น

ทั้งๆ ที่แสงแดดอบอุ่นส่องสว่างท่ามกลางอากาศที่เหน็บหนาว แต่ก็ยังมีลมพัดกรรโชกจนได้ยินเสียงใบไม้ ฟิ้ว ฟิ้ว!

“พี่หญิงใหญ่…” ไป๋จิ่นถงกุมมือไป๋ชิงเหยียนแน่น กัดฟันกรอด “เมื่อจี้ถิงอวี๋นำม้วนไว้ไผ่ทั้งหกไปที่บริเวณหน้าพิธี ข้าขอเป็นคนอ่านนะเจ้าคะ! ให้ชาวบ้านทั่วทั้งเมืองหลวงได้รับรู้โศกนาฏกรรมของตระกูลไป๋ที่ชายแดนด่านหน้า! ให้พวกเขาได้รับรู้ถึงความหน้าด้านชั่วช้าของซิ่นอ๋อง! มิเช่นนั้น…หากบันทึกสถานการณ์รบถูกส่งไปยังเบื้องพระพักตร์ ฮ่องเต้ทรงต้องการปกป้องซิ่นอ๋องอาจไม่ประกาศให้ทุกคนได้รับรู้!”

“มิใช่แค่อ่าน…” ไป๋ชิงเหยียนลืมตาขึ้น ซ่อนความเจ็บปวดไว้ในดวงตา

หญิงสาวมองดูลานกว้างที่เต็มไปด้วยผ้าไหมสีขาวซึ่งแกว่งไปมาตามลม ไอสังหารที่แผ่ออกมาทำให้คนรู้สึกหนาวเหน็บ

“พี่จะนำม้วนไม้ไผ่พวกนี้ไปตีกลองเติงเหวินที่หน้าวังหลวง อ่านเนื้อความทั้งหมดที่อยู่ในม้วนไม้ไผ่ให้ทุกคนได้รับรู้! ให้ข่าวของซิ่นอ๋องแพร่สะพัดไปทั่วทุกที่! ใช้ความรัก ความโกรธของชาวบ้านบีบให้ฮ่องเต้คืนความยุติธรรมให้ตระกูลไป๋!”

เสียงใสของสตรีดังกังวานชัดเจน

ความโกรธและความเศร้าโศกที่อยู่ในใจของไป๋จิ่นถงปะทุอีกครั้ง นางเอ่ยอย่างหนักแน่น

“ข้าจะไปตีกลองเติงเหวินกับพี่หญิงใหญ่ด้วยเจ้าค่ะ!”

หญิงสาวก้มหน้ามองกระเบื้องอิฐสีฟ้าสว่างบริเวณระเบียงทางเดิน เอ่ยขึ้นอย่างไม่ค่อยสบายใจ “เจ้าไปเชิญท่านย่าที่เรือนฉางโซ่วมาหน่อย เรียนท่านว่าผู้เฒ่าชุยสือเหยียนเซียนเซิงและผู้เฒ่ากวนยงฉงเซียนเซิงมา! ให้ท่านย่าได้ยินกับหูของท่านเอง ว่าราชวงศ์ที่ท่านย่าต้องการปกป้องมีคนชั่วช้าเยี่ยงสัตว์เดรัจฉานเช่นใดบ้าง!”

ให้ท่านย่าของพวกนางได้มาฟังว่าสัตว์เดรัจฉานผู้นี้ทำให้สามี บุตรชาย หลานชายของนางตายอย่างใด!

มองดูแผ่นหลังที่เดินไปยังเรือนหน้าอย่างแน่วแน่ของไป๋ชิงเหยียน ไป๋จิ่นถงกำหมัดแน่น กลั้นน้ำตาและความเจ็บปวดของตนเองไว้ หมุนกายเดินไปยังเรือนฉางโซ่ว

ในเมื่อพี่หญิงใหญ่ไม่ได้บอกให้นางเล่าเรื่องของพี่ชายเจ็ด และน้องชายเก้าให้ท่านย่าฟัง นางก็จะไม่เอ่ยถึง

รอยร้าวเล็กๆ ความหวาดระแวงซึ่งกันและกันของท่านย่าและพี่หญิงใหญ่ ไป๋จิ่นถงเป็นคนไวต่อความรู้สึก นางจะดูไม่ออกได้อย่างใดกัน

ท่านย่าเป็นองค์หญิงใหญ่แห่งราชวงศ์ ไป๋จิ่นถงรู้ดีว่าท่านลำบากใจ ทว่าเมื่อได้อ่านบันทึกสถานการณ์รบ ได้เห็นพฤติกรรมที่ชั่วช้าของซิ่นอ๋อง…

ไป๋จิ่นถงกำหมัดแน่น นางเคารพรักท่านย่ามาก แม้สามารถตายแทนท่านได้โดยไม่ลังเล ทว่าหากท่านย่ายังคงยืนกรานที่จะปกป้องคนในราชวงศ์ นางคงต้องยอมให้ท่านเสียใจ

ณ โถงจัดพิธีศพกลางลานหญ้าด้านหน้า

ไป๋จิ่นซิ่วมองดูไป๋ชิงเหยียนที่กลับมานั่งคุกเข่าอยู่ข้างกายของนางด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว เอ่ยถามเสียงเบา “หากพี่หญิงใหญ่รู้สึกไม่สบายก็ไม่ต้องฝืนนะเจ้าคะ”

หญิงสาวส่ายหน้า เงยหน้าขึ้นจึงเห็นรถม้าแกะสลักคันหรูซึ่งมีสัญลักษณ์ของจวนฉีอ๋องค่อยๆ หยุดลงที่หน้าประตูจวนเจิ้นกั๋วกง หญิงสาวกำมือที่ซ่อนอยู่ในเสื้อแน่นจนมือสั่นน้อยๆ

พิธีศพในชาติที่แล้ว แม้นางจะป่วยหนักแต่ก็รู้ดีว่าฉีอ๋องไม่เคยมาร่วมพิธี หรือว่าจะเป็น…เซียวหรงเหยี่ยน!

มาได้จังหวะพอดี!

นางยังกลัวอยู่เลยว่าเรื่องจะไม่ลุกลามใหญ่โต ผู้คนรับรู้ไม่มากพอ!

ขันทีหน้าตาสะอาดสะอ้านประคองฉีอ๋องลงจากรถม้า ก้าวข้ามธรณีประตูสีทองแดงของจวนเจิ้นกั๋วกง เตรียมเคารพศพซึ่งตั้งอยู่ตรงหน้าประตูจวน จู่ๆ ก็มีม้าที่ไม่รู้โผล่มาจากที่ใดพุ่งตรงมายังบันไดของจวนเจิ้นกั๋วกง จี้ถิงอวี๋ที่ร่างโชกไปด้วยเลือดกลิ้งตกลงมาจากหลังม้า…

“คุ้มครององค์ชาย!” องครักษ์ของฉีอ๋องพากันชักดาบ ปรี่เข้าไปคุ้มกันอยู่ด้านหน้าของฉีอ๋องซึ่งสีหน้าซีดเผือด จากนั้นค่อยๆ ถอยไปทางด้านหลังช้าๆ

ม้าที่อยู่บริเวณรอบๆ ตกใจจนยกขาหน้าชูขึ้นกลางอากาศ หลูผิงรีบพุ่งตัวเข้าไปกระชากบังเหียนม้าจนควบคุมม้าตัวที่โชกไปด้วยเลือดไว้ได้

ชาวบ้านที่อยู่หน้าประตูจวนกรีดร้องอย่างตกใจรีบหลบไปทางด้านหลัง จ้องเขม็งไปยังร่างโชกเลือดของบุรุษซึ่งนอนแน่นนิ่งราวกับไม่หายใจอยู่บนพื้นหลังจากที่ตกลงมาจากหลังม้า

“จี้ถิงอวี๋! ฮูหยินซื่อจื่อ คุณหนูใหญ่! นั่นคือจี้ถิงอวี๋ขอรับ!” หลูผิงที่กำเชือกม้าอยู่ในมือแน่นเงยหน้าตะโกนออกมา

ไป๋จิ่นถงที่พยุงองค์หญิงเดินมาตามระเบียงทางเดินได้ยินเสียงตะโกนของหลูผิง ลำคอตีบตันในทันที รีบกล่าวขึ้น “ท่านย่า ข้าขอตัวไปดูนะเจ้าคะ!”

องค์หญิงใหญ่พยักหน้า “รีบไปเถิด!”

ไป๋จิ่นถงปล่อยมือที่ประคององค์หญิงใหญ่อยู่ออกแล้ววิ่งไปยังเรือนหน้า

ไป๋ชิงเหยียนซึ่งคุกเข่าอยู่หน้าโลงศพลุกขึ้นยืน แหวกขอทางองครักษ์ของฉีอ๋องซึ่งขวางอยู่ด้านหน้า เดินออกไปอย่างรีบร้อน เบิกตาโพลงอย่างตกใจ…

เมื่อครู่จี้ถิงอวี๋ไม่ได้บาดเจ็บหนักขนาดนี้

ท่านหมอหงห้ามเลือดที่แขนของเขาจนหยุดแล้ว เหตุใด…

หญิงสาวเข้าใจในทันที จี้ถิงอวี๋ต้องการใช้ชีวิตของเขาทวงความยุติธรรมให้ตระกูลไป๋!

นี่มันราชวงศ์แบบใดกันถึงบีบให้ขุนนางตระกูลเก่าแก่อย่างตระกูลไป๋ต้องให้บ่าวผู้ซื่อสัตย์สละชีพเพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้เช่นนี้!

“จี้ถิงอวี๋!” ไป๋ชิงเหยียนคุกเข่าประคองร่างของจี้ถิงอวี๋ มองดูแขนที่ขาดไปแล้วของจี้ถิงอวี๋ขาดเพิ่มอีกท่อน หญิงสาวแสบร้อนบริเวณดวงตาที่บวมช้ำในทันที

———————————————

[1] ชีหลาง สรรพนามเรียกสามี บุตรชาย หรือบุรุษที่โตเป็นลำดับเจ็ด

[2] จิ่วหลาง สรรพนามเรียกสามี บุตรชาย หรือบุรุษที่โตเป็นลำดับเก้า

[3] กลองเติงเหวิน เป็นกลองใหญ่ในสมัยโบราณใช้สำหรับการร้องทุกข์