ตอนที่ 85 วางแผนแย่งชิง

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 85 วางแผนแย่งชิง
จี้ถิงอวี๋ต้องการแสดงให้มันสมจริงมากยิ่งขึ้น เขาจึงตัดแขนของตัวเองเพิ่มอีกท่อน!

จี้ถิงอวี๋ตกลงมาจากหลังม้าอย่างรุนแรง เขาปลดย่ามที่เปื้อนเลือดของตัวเองส่งให้ไป๋ชิงเหยียน จับมือของหญิงสาวแน่นสื่อให้นางสบายใจ

เส้นเลือดบริเวณหน้าผากของจี้ถิงอวี๋ปูดขึ้น “คุณหนูใหญ่ ข้านำเสื้อผ้าสำหรับใส่ช่วงฤดูหนาวไปให้ท่านกั๋วกงและบรรดาคุณชาย แต่บังเอิญเจอแม่ทัพฟางเหยียนซึ่งถูกไล่ฆ่าบริเวณสันเขาฉงหลวน พวกข้าพยายามช่วยแม่ทัพฟางเหยียนสุดชีวิต…”

“แม่ทัพฟางเหยียนกล่าวว่าหลิวฮ่วนจางสมคบคิดกับหนานเยี่ยนและซิ่นอ๋อง ซิ่นอ๋องบีบบังคับให้ท่านกั๋วกงออกรบเพราะต้องการจวินกง ทำให้ทหารนับแสนต้องตาย ด่านหน้าพ่ายแพ้ราบคาบ แม่ทัพจี๋เฟิงไป๋ชิงอวี๋สละชีวิตของตัวเองยื้อเวลาให้ชาวบ้านหลบหนีไปอย่างสุดความสามารถ ซิ่นอ๋องละทิ้งชาวบ้านโดยไม่สนใจใยดี บังคับให้ทหารกว่าครึ่งคุ้มกันเขาหลบหนีเอาตัวรอด แม่ทัพฟางเหยียนกำชับให้ข้านำม้วนไม้ไผ่ที่บันทึกสถานการณ์รบทั้งหกม้วนกลับมายังเมืองหลวง ข้าหลบหนีการไล่ฆ่าตลอดทางจนนำม้วนไม้ไผ่ที่เหล่าพี่น้องปกป้องมันไว้ด้วยชีวิตกลับมาได้สำเร็จ หวังเพียง…สวรรค์คืนความยุติธรรมให้ท่านกั๋วกงและบุรุษตระกูลไป๋ขอรับ!”

ฉีอ๋องได้ยินก็ตกตะลึง เป็นเรื่องปกติที่ต้องส่งบันทึกสถานการณ์รบมาที่เมืองหลวงเพื่อมอบให้แก่ราชสำนัก เหตุใดจึงมีคนตามไล่ฆ่ามาตลอดทาง!

เซียวหรงเหยี่ยนก้มหน้าจิบน้ำชาด้วยท่าทีเรียบเฉย แต่บรรดาคนจากตระกูลสูงศักดิ์ที่ถูกเชิญมานั่งดื่มชาที่เรือนหลังต่างลุกขึ้นยืนพลางชะโงกหน้าไปทางประตูจวนด้วยความอยากรู้อยากเห็น อยากรู้โดยเร็วว่าบุรุษตระกูลไป๋เสียชีวิตลงที่หนานเจียงทั้งหมดได้อย่างไร!

ไป๋จิ่นถงมองดูพื้นที่อาบไปด้วยเลือดสดของจี้ถิงอวี๋ มือที่สั่นเทาล้วงหยิบห่อผ้าที่ห่อม้วนไม้ไผ่ไว้ออกมาจากย่าม แม้รู้ดีแก่ใจว่าจี้ถิงอวี๋ต้องเจ็บหนักจึงจะดูสมจริง

ทว่า เมื่อจี้ถิงอวี๋ทำร้ายตัวเองอย่างโหดร้ายเพื่อตระกูลไป๋ถึงเพียงนี้ ไป๋จิ่นถงรู้สึกเจ็บปวดราวกับจมอยู่ในทะเลลึก สวรรค์และราชวงศ์ไม่ยอมคืนความยุติธรรมให้ตระกูลของนาง พวกนางจึงต้องใช้วิธีที่ทำร้ายตัวเองเพื่อให้ได้มันมาอย่างนั้นหรือ!

ไป๋จิ่นถงคลี่ผ้าออกต่อหน้าทุกคน หยิบม้วนไม้ไผ่ท่อนหนึ่งกางออกด้วยมือที่สั่นเทา

ฮูหยินซื่อจื่อต่งซื่อและฮูหยินสองหลิวซื่อซึ่งร่างของสามีไม่ได้ถูกส่งกลับมาแหวกองครักษ์ออกมายืนอยู่ด้านหน้า หยิบม้วนไม้ไผ่ขึ้นมาอ่านอย่างละเอียด หวังจะพบร่องรอยว่าสามีและบุตรชายของพวกนางยังมีชีวิตอยู่

ไป๋ชิงเหยียนใช้เชือกมัดแขนข้างที่ขาดของจี้ถิงอวี๋แน่น ตะโกนเสียงดัง “ลุงผิง! พาจี้ถิงอวี๋ไปให้ท่านหมอหงดูอาการ เร็วเข้า!”

ฉีอ๋องผลักองครักษ์ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าให้หลีกทาง ตัวเองก้าวขึ้นไปด้านหน้าสองก้าว โค้งกายทำความเคารพอย่างนอบน้อม “ในเมื่อมีบันทึกสถานการณ์รบ ฮูหยินซื่อจื่อมอบมันให้ข้าได้หรือไม่ ข้าจะนำมันไปมอบให้เสด็จพ่อของข้าเดี๋ยวนี้!”

แม้ฉีอ๋องจะไม่ใช่คนมีความสามารถ แต่เขาก็รู้ความสามารถของเจิ้นกั่วกงไป๋เวยถิงดี เขาไม่มีทางเอาตัวเองเป็นใหญ่ ดึงดันออกรบดังเช่นที่ซิ่นอ๋องกล่าวพลางร้องห่มร้องไห้ในวังหลวงเมื่อวานอย่างแน่นอน!

อยากได้ความดีความชอบจนต้องบังคับให้เจิ้นกั๋วกงออกรบ รบพ่ายแพ้จึงละทิ้งชาวบ้านโดยไม่สนใจใยดี แค่สองข้อนี้ก็เพียงพอที่จะขัดขวางการขึ้นครองบัลลังก์ของซิ่นอ๋องได้แล้ว!

ใจของฉีอ๋องเต้นรัว แต่ไหนแต่ไรมาการสืบทอดบัลลังก์มักสืบทอดแก่โอรสที่เกิดจากฮองเฮา หากไม่มีก็จะสืบทอดแก่โอรสองค์โต ซิ่นอ๋องเป็นโอรสของฮองเฮา ส่วนเขาเป็นโอรสองค์โต แม้เขารู้ดีว่าตัวเองไม่ได้มีสิ่งใดโดดเด่น แต่เขาก็ไม่อยากให้บัลลังก์ตกอยู่ในมือของคนใจแคบ เอาแต่เสพสุขไปวันๆ อย่างซิ่นอ๋อง ในเมื่อเขาอยากครอบครองบัลลังก์นั่น เขาก็ต้องวางแผนแย่งชิงมันมาให้ได้

ต่งซื่อมองดูม้วนไม้ไผ่ในมือของตัวเอง โทสะเดือดพล่าน สมองขาวโพลนจนไม่ได้ยินคำกล่าวของฉีอ๋อง ดวงตาของนางวาวโรจน์ น้ำตาไหลพราก ความโกรธแผดเผาจนร่างของนางแทบมอดไหม้

ฮูหยินสองหลิวซื่อคุกเข่าลงบนพื้น กัดฟันแน่น ระงับอารมณ์มากมายที่ถาโถมอยู่ในใจ กัดฟันอ่านออกเสียงให้ชัดเจนที่สุด “วันที่สอง เดือนสิบสอง รัชศกเซวียนเจียปีที่สิบห้า หน่วยลาดตระเวนมารายงานว่ากองกำลังสองแสนห้าหมื่นนายที่ลอบซุ่มโจมตีอยู่ที่เขาชวนหลิงกำลังล้อมกองทัพทหารสี่หมื่นนายของไป๋ฉีอิงไว้ ซิ่นอ๋องบังคับให้แม่ทัพใหญ่ไป๋เวยถิงนำกองกำลังทั้งหมดไปที่เขาชวนหลิง ร่วมมือกับไป๋ฉีอิงต่อสู้กับกองกำลังหลักของซีเหลียง แม่ทัพใหญ่ไป๋เวยถิงสงสัยว่าอาจมีกับดัก แต่ซิ่นอ๋องอ้างว่าตนได้รับคำสั่งจากฮ่องเต้ให้มาควบคุมกองทัพ บีบบังคับให้ไป๋เวยถิงออกรบ หากขัดขืนราชโองการจะโดนประหารทั้งตระกูล”

เมื่อชาวบ้านเห็นว่าฮูหยินสองหลิวซื่ออ่านบันทึกสถานการณ์รบออกมาต่อหน้าทุกคน ต่างก็พากันขยับเข้าไปด้านหน้า เงยหน้ามองฮูหยินสองหลิวซื่อที่ยืนอยู่ด้านในประตูจวนเจิ้นกั๋วกง ทุกคนรู้สึกตกตะลึง

ที่แท้ซิ่นอ๋องเป็นคนบังคับให้เจิ้นกั๋วกงออกรบนี่เอง!

“วันที่ห้า เดือนสิบสอง รัชศกเซวียนเจียปีที่สิบห้า รองแม่ทัพใหญ่ไป๋ฉีซานถูกต้อนอยู่ในเมืองเฟิ่ง ไร้เสบียงอาหารถึงห้าวัน แม่ทัพใหญ่ของหนานเยี่ยนจับเป็นท่านชายห้าไป๋ฉีจิ่งของตระกูลไป๋ได้ เปลื้องผ้าเฉือนเนื้อของท่านชายห้าหน้าค่ายทหารอย่างดูถูกเหยียดหยามเพื่อบีบให้ไป๋ฉีซานยอมจำนน รองแม่ทัพใหญ่ตัดสินใจแน่วแน่พาชาวบ้านเมืองเฟิ่งถอยหนีเพื่อยื้อเวลาสู้รบกับกองทัพหนานเยี่ยน ยกคันธนูในมือขึ้นยิงไปยังร่างของท่านชายห้าทั้งน้ำตา รองแม่ทัพใหญ่ไป๋ฉีซานกล่าวว่า ผู้ใดเป็นบุตรเพียงคนเดียวมีพ่อแม่ที่แก่ชราจงถอยไป ผู้ใดยังไม่ได้แต่งงานมีทายาทสืบสกุลจงถอยไป ที่เหลือ…หากกล้าพลีชีพเพื่อชาวบ้านแคว้นต้าจิ้น จงออกไปสู้กับศัตรูพร้อมกับข้า! คุณชายสิบเจ็ดแห่งตระกูลไป๋ซึ่งอายุเพียงสิบขวบ ถือดาบก้าวไปด้านหน้า พร้อมสละชีพติดตามท่านลุงใหญ่ไปออกรบเพื่อปกป้องชาวบ้านแคว้นต้าจิ้น จะไม่ยอมอยู่อย่างคนขี้ขลาด กองทัพไป๋ได้แรงกระตุ้นจากเด็กอายุสิบขวบ ต่างพากันชักดาบออกมา ประกาศกร้าวว่ายอมตายในสนามรบดีกว่าอยู่อย่างคนขลาด”

ไป๋จิ่นจื้อเดือดดาลยิ่งกว่าผู้ใด ก้าวไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว หยิบม้วนไม้ไผ่ท่อนหนึ่งคลี่ออกอ่านด้วยความโมโห “วันที่สิบสอง เดือนสิบสอง รัชศกเซวียนเจียปีที่สิบห้า แม่ทัพจี๋หย่งไป๋ชิงหมิงปราบกองทัพทหารม้าขนาดเล็กของซีเหลียงสำเร็จ นำทหารพันนายกลับไปยังค่ายเพื่อเป็นกำลังเสริม ค่ายตั้งอยู่ในที่ราบ แม่ทัพจี๋หย่งช่วยชีวิตทหารบาดเจ็บได้สิบนาย ทหารกล่าวว่าเมื่อวานซิ่นอ๋องเห็นกองทัพของหนานเยี่ยนนำกองทัพทหารห้าหมื่นนายบุกเข้ามา เขาจึงทิ้งค่ายหลบหนีเอาตัวรอดไปพร้อมกับทหารสามพันนาย แม่ทัพจี๋เฟิงไป๋ชิงอวี๋ส่งทหารห้าร้อยนายพาชาวบ้านหลบหนีไปก่อน ส่วนตัวเองนำทหารหนึ่งพันหน้าร้อยนายเตรียมรับมือกับศัตรู แม่ทัพจี๋เฟิงเสียชีวิตในสนามรบ ร่างถูกไฟเผาจนไม่เหลือชิ้นดี”

“ที่แท้ก็เป็นเพราะซิ่นอ๋อง! ซิ่นอ๋องช่างน่าไม่อายจริงๆ กล้าหลบหนีเอาตัวรอดไปพร้อมทหารสามพันนาย!”

“ให้ตายเถิด! ซิ่นอ๋องยังมีหน้ากล่าวหาว่าท่านกั๋วกงดึงดันออกรบอีก! เขาเป็นคนบังคับให้ท่านกั๋วกงออกไปรบชัดๆ !”

“หน้าด้านจริงๆ ! ช่างน่าสงสารบุรุษแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงที่ต้องตายไปเช่นนี้!”

ชาวบ้านร้องไห้พลางก่นด่า ไม่สนใจว่าซิ่นอ๋องเป็นโอรสผู้สูงศักดิ์ที่เกิดจากฮองเฮา ชาวบ้านเศร้าโศกเสียใจและโกรธแค้นจนอยากจะฉีกร่างของซิ่นอ๋องออกเป็นชิ้นๆ

“วันที่สิบสาม เดือนสิบสอง รัชศกเซวียนเจียปีที่สิบห้า แม่ทัพจี๋หย่งปกป้องอำเภอเฟิงด้วยชีวิต กองทัพหนานเยี่ยนบุกโจมตีเมือง แม่ทัพจี๋หย่งไป๋ชิงหมิงกล่าวว่ามีชาวบ้านนับแสนอยู่เบื้องหลัง กองทัพไป๋พร้อมสู้จนตัวตาย จะอยู่สู้เป็นคนสุดท้าย แม้ตัวตายก็ไม่มีวันถอย! เพราะต้องการบั่นทอนจิตใจกองทัพของแคว้นต้าจิ้น…” ไป๋จิ่นจื้ออ่านถึงตรงนี้ จู่ๆ เสียงก็หยุดลงกะทันหัน

หญิงสาวกำม้วนไม้ไผ่ในมือแน่นจนได้ยินเสียงกระดูกดังกรอบแกรบ ความโกรธแค้น เศร้าใจหล่อหลอมจนกลายเป็นเสียงร้องไห้ ความโกรธแค้นอาฆาตแผดเผาใจของนาง เจ็บปวดจนใจแทบสลาย นางกัดฟันอ่านออกมาทีละคำ “อวิ๋นพั่วสิงตัดศีรษะของคุณชายสิบเจ็ดแห่งตระกูลไป๋ที่หน้าค่ายทหาร คว้านท้องของคุณชายสิบเจ็ด ภายในท้องไร้ซึ่งอาหารมีแต่ดินโคลนและเศษไม้…”

ภายในและภายนอกของจวนเจิ้นกั๋วกงเงียบกริบ

ฮูหยินสี่หวังซื่อได้ยินโศกนาฏกรรมของบุตรชาย ร่างทั้งร่างแข็งทื่อ อารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดถาโถมออกมา นางจับคอเสื้อของตัวเองแน่น มองไปยังโลงศพไม้ของบุตรชาย กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดพลางกระแทกศีรษะไปยังโลงศพ