บทที่ 97.1 ชื่นชอบ (1)

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

กู้เจียวกับจิ้งคงลงเขา ประจวบเหมาะกับช่วงที่เซียวลิ่วหลังกลับมาที่เรือน

ส่วนกู้เสี่ยวซุ่นช่วงนี้ยังคงพักอยู่ที่หอสำนักบัณฑิต หนึ่งเพราะความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในตระกูลกู้ สองคือเขากำลังหลงใหลกับอุปกรณ์มีดที่เซียวลิ่วหลังมอบให้เขาเป็นของขวัญ ทุกคืนเขาจะเปิดไฟนั่งแกะสลักของเขา

เนื่องจากช่วงนี้ ลุงหลัวเอ้อร์ขาแพลงไม่สามารถขับรถเกวียนได้ เลยให้ต้าจวงผู้เป็นลูกชายมาขับให้แทน เสี่ยวซุ่นเลยไม่กังวลเรื่องความปลอดภัยของเซียวลิ่วหลัง

เพราะต้าจวงกับกู้เสี่ยวซุ่นสนิทกัน ต้าจวงเลยให้คำมั่นกับเขาว่าจะดูแลเซียวลิ่วหลังอย่างดี

เซียวลิ่วหลังเดินเข้าไปตักน้ำอย่างทุลักทุเล

ด้วยความที่ยังเดินเหินไม่สะดวก กู้เจียวเลยไม่อยากให้เขาแตะงานพวกนี้ เลยเดินเข้าไปและคว้าถังน้ำมาจากมือเขา “ข้าทำเอง”

“ข้าไหวน่า”เซียวลิ่วหลังตอบ

“เจ้าไปจุดฟืน เดี๋ยวข้าจะทำอาหาร” กู้เจียวพูดยาวเหยียดไม่เว้นช่องว่างให้เขาได้โต้ตอบ จากนั้นก็คว้าถังน้ำแขวนบนไม้คาน แล้วเดินดุ่มๆ มุ่งหน้าไปที่บ่อน้ำในหมู่บ้าน

เสี่ยวจิ้งคงพอเห็นดังนั้นก็นึกอยากช่วย “ข้าจะช่วยเจียวเจียวตักน้ำด้วย!”

เอ่ยจบ เสี่ยวจิ้งคงก็คว้ากระบอกน้ำจิ๋วและคานไม้จิ๋วขึ้นมา เลียนแบบท่าทางของกู้เจียว ทำท่าจะไปตักน้ำด้วย!

กู้เจียวเป็นคนทำของพวกนี้ให้จิ้งคงเอง เขาอยากช่วยนาง แต่ว่าเขายกถังน้ำไม่ขึ้น กู้เจียวเห็นดังนั้นก็เลยทำถังน้ำและคานไม้ขนาดจิ๋วขึ้นมาให้

กู้เจียวลงแรงและเวลาเพื่อทำที่ตักน้ำขนาดเล็กให้เขา ซึ่งใส่น้ำได้ไม่ถึงครึ่งขันด้วยซ้ำ

พอถึงบ่อน้ำหมู่บ้าน กู้เจียวตักน้ำใส่ถังจิ๋วของจิ้งคงก่อน นางสั่งห้ามเขาไม่ให้ตักน้ำจากบ่อ

เณรน้อยเชื่อฟังกู้เจียวอย่างดี และไม่เข้าใกล้บ่อน้ำ

คนตัวเล็กและคนตัวโตแบกน้ำที่ตักขึ้นมาได้กลับเรือน ถังน้ำสองใบของกู้เจียวเต็มไปด้วยน้ำและถ่วงลงตามน้ำหนักน้ำที่ตักขึ้นมา

ส่วนถังน้ำของจิ้งคงนั้น…แทบไม่ต่างอะไรกันกับถังว่างเปล่า

แต่จิ้งคงกลับทำท่าภูมิใจกับถังน้ำของตนเอง!

“มัวดีใจอะไรอยู่รึ”

เป็นเสียงของเซียวลิ่วหลัง

พอเซียวลิ่วหลังเดินเข้าไปในห้องฟืน ก็เห็นเณรน้อยกำลังปีนขึ้นไปยืนบนม้านั่ง พลางทำหน้าภูมิใจกับถังน้ำของตนเอง

โถ ก็นึกว่ามีอะไรน่าตื่นเต้นเสียอีก ที่แท้ก็แค่จะออกไปตักน้ำเท่านั้น!

เณรน้อยพอได้ยินเสียงพี่เขยตัวแสบ ก็พลันทำหน้าเคร่งขรึม เลิกคิ้วขึ้น แล้วเอ่ย “ข้าทำงานแล้ว ข้าได้ออกแรงแล้ว!”

เซียวลิ่วหลังเมื่อได้เห็นท่าทีของเณรน้อยก็อดขำไม่ได้ “เณรน้อยรู้จักใช้แรงงานเป็นด้วยรึ เป็นแค่เด็กกะโปโลสามขวบจะทำอะไรได้”

เสี่ยวจิ้งคงกระโดดลงจากม้านั่ง เอ่ยอย่างกระฟัดกระเฟียด “ข้าทำได้ตั้งหลายอย่าง! ทำได้มากกว่าเจ้าด้วย! ข้าตักน้ำได้! ให้อาหารไก่ได้! แถมยังช่วยเจียวเจียวซักผ้าได้ด้วย! เสื้อผ้าครึ่งหนึ่งของที่นี่ ข้าเป็นคนซักเองกับมือ! ข้าทำได้มากกว่าเจ้าเสียอีก! และข้าก็ไม่ใช่เด็กกะโปโลด้วย! เจ้าต่างหาก เด็กกะโปโล!”

เซียวลิ่วหลังหรี่ตามองที่ตักน้ำเด็กเล่นของเขา พลางแค่นเสียงหัวเราะ “เจ้านี่พูดเก่งจริงๆ ”

เด็กน้อยอย่างเขาจะไหวหรือ

งานพวกนี้ เหนื่อยจะตายชัก

“หึ!” เพื่อพิสูจน์ว่าตนเองเป็นพ่อบ้านมือวางอันดับหนึ่งของเรือน เสี่ยวจิ้งคงจึงเดินจ้ำอ้าวไปที่กะละมังซักผ้า พับขากางเกงขึ้น ถอดรองเท้าออก จากนั้นกระโดดลงไปในกะละมัง แล้วใช้เท้าเหยียบลงบนชุดเครื่องแบบของเซียวลิ่วหลังที่เตรียมจะซัก!

เซียวลิ่วหลังพอเห็นดังนั้นก็ยืนอึ้ง

คนเรือนนี้เขาซักผ้ากัน…แบบนี้รึ

เสี่ยวจิ้งคงใช้เท้าเหยียบลงบนผ้าอย่างสนุกสนาน

ไม่ต้องรอให้ฝนตก เสี่ยวจิ้งคงก็สนุกกับการเหยียบย่ำบนน้ำได้ แถมยังเป็นการซักผ้าไปในตัว เสี่ยวจิ้งคงคิดในใจ เขานี่เป็นเด็กที่ทั้งฉลาดทั้งขยันสุดๆ ไปเลย!

กู้เจียวเดินออกมา เดิมว่าจะเข้าไปขยี้ผ้าเสียหน่อย พอเห็นเสี่ยวจิ้งคงอยู่ตรงนั้น นางเลยไม่เดินเข้าไป

เซียวลิ่วหลังทำท่าไม่อยากเชื่อ พลางถาม “นี่ซักเสื้อผ้ากันแบบนี้หรือ”

กู้เจียวขานอืม “ไม่ใช่แค่ผ้านะ แม้แต่ผักดองที่เจ้ากินอยู่ทุกวัน ก็ใช้วิธีเหยียบแบบนี้แหละ”

“…!!”

“ฮ่า ฮ่า !”กู้เจียวเมื่อเห็นท่าทีของเขาก็หัวเราะงอหงาย

ปกติกู้เจียวไม่ได้หัวเราะเยอะขนาดนี้ แต่ท่าทีผะอืดพะอมราวกับกลืนแมลงวันของเขากระตุ้นต่อมหัวเราะของกู้เจียวได้ดีเลยทีเดียว

“ข้าพูดเล่น” นางเอ่ย “จะให้เขาเหยียบผักดองได้ได้อย่างไรเล่า”

เซียวลิ่วหลังถอนหายใจ พลางนึกในใจ ค่อยยังชั่ว

กู้เจียวเอ่ยต่อ “แรงแค่นี้ เหยียบไม่ไหวหรอก”

เซียวลิ่วหลัง “…”

ไหนว่าของที่ใช้เท้าไม่สะอาดห้ามกินมิใช่รึ

งั้นก็แปลว่า วันข้างหน้า พอเณรน้อยมีแรงแล้ว คงมีแรงใช้เท้าเหยียบผักดองให้เขากินได้แล้วสิ

เซียวลิ่วหลังแทบไม่อยากจะนึกภาพตามเลย…

กู้เจียวหัวเราะจนร่างพับไปครึ่งท่อน

“แฮ่ก! แฮ่ก!” พอเหยียบผ้าเสร็จ เนื้อตัวเสี่ยวจิ้งคงเต็มไปด้วยเหงื่อ จากนั้นเดินเข้าไปดื่มน้ำข้างใน

กู้เจียวเดินเข้าไปแล้วซักผ้าที่โดนเสี่ยวจิ้งคงเหยียบจนยับยู่ยี่ไปหมด

นางเห็นว่าจิ้งคงมีใจกระตือรือร้นอยากช่วยงานบ้านจริงๆ กู้เจียวจึงไม่ขัดใจเขา ปล่อยให้เขาได้ทำ ถึงแม้จะต้องมาตามเก็บตามเช็ดทีหลัง ก็ไม่เป็นไร

กู้เจียวไม่ได้คาดหวังว่านี่เป็นวิธีการเรียนรู้ตามหลักการ เพียงแต่นางอยากให้เขาได้สนุกก็เท่านั้น

ณ เวลานี้ กู้เจียวยังไม่รู้ว่า ในอนาคตข้างหน้า เขาที่จะกลายเป็นนายทหารคนสำคัญที่ต่อสู้ในหกแคว้นความกล้าหาญของเขาทั้งหมดมาจากการที่กู้เจียวได้มอบวัยเด็กอันทรงพลังให้กับเขา

“เจ้าไม่เห็นต้องตามใจเขาขนาดนี้เลย” เซียวลิ่วหลังเอ่ยหน้านิ่ง

“ข้าเองก็ตามใจเจ้าเหมือนกันนี่นา” กู้เจียวหัวเราะ ยกกะละมังขึ้น จากนั้นคว้าเสื้อผ้าที่ใช้แล้วของลิ่วหลังเอามาใส่กะละมัง ค่อยๆ ใช้สองมือเล็กที่หยาบกร้านค่อยๆ ซักและขยี้ผ้า

“ปกติเสื้อของเจ้าไม่ได้ซักแบบนี้ แต่วันนี้เจ้าดันเอาเสื้อมากองไว้เอง เสี่ยวจิ้งคงมาเห็นเข้าพอดี”

ปกติแล้ว เสื้อผ้าที่พวกเขาสามคนใส่ทำจากผ้ากระสอบหยาบๆ ใช้เท้าซักได้ แต่ชุดเครื่องแบบของเซียวลิ่วหลังทำจากไหมพรม เลยต้องซักแยกจากผ้าอื่นๆ และซักอย่างถนอม

เนื่องจากใช้วิธีซักแบบถนอมผ้า เลยต้องใช้เวลาหน่อย ซักเครื่องแบบเขาหนึ่งตัว เท่ากับเวลาที่ซักเสื้อปกติของคนในเรือนได้ทั้งหมด

แต่เรื่องพวกนี้ กู้เจียวไม่เคยพูดถึงมาก่อน

เซียวลิ่วหลังยังคงติดใจกับประโยคเมื่อครู่ ‘ข้าเองก็ตามใจเจ้าเหมือนกันนี่นา’ ที่กระแทกเข้ามาในใจ พลางมองไปยังกู้เจียวที่กำลังซักเสื้อของเขาอย่างตั้งอกตั้งใจ มือเล็กๆ ที่มีคราบสบู่ขาว ๆ เปื้อนคู่นั้นราวกับกำลังขยี้เข้ามาที่หัวใจของเขา แทนที่จะเป็นคอเสื้อ

จู่ๆ เขากลับรู้สึกว่า ความสัมพันธ์ของพวกเขาดูเหมือนกำลังจะพัฒนาไปในทิศทางที่ควบคุมไม่ได้

เซียวลิ่วหลังเริ่มเหงื่อแตก

ไม่ได้นะ

พวกเขาเป็นแค่สามีภรรยาในนาม สุดท้ายแล้ววันหนึ่งพวกเขาต้องแยกจากกัน

เขาไม่อาจ…ไม่อาจคิดเกินเลยมากกว่านี้ได้แม้แต่นิด

พอถึงเวลาทานข้าว เซียวลิ่วหลังนั่งลงบนม้านั่ง ชุดเครื่องแบบที่เพิ่งซักเสร็จถูกแขวนตากและพริ้วไปตามทิศลม พอได้เห็นก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกตะขิดตะขวงใจ

หลังจากมื้อเย็น เซียวลิ่วหลังอาบน้ำในเสี่ยวจิ้งคง จากนั้นก็คว้าขวานแล้วไปผ่าฟืนที่หลังเรือน

ส่วนกู้เจียวกำลังเก็บกวาดห้องครัว

หญิงชรากำลังแอบกินบ๊วยแห้งในห้องของตนเอง

สักพัก เม็ดฝนก็โปรยลงมา

“เจียวเจียว เจียวเจียว!” เสี่ยวจิ้งคงคว้าหมอนแล้ววิ่งหน้าตื่นออกมาจากห้องฝั่งตะวันตก “ฝนตกจนเพดานห้องรั่วแล้ว!”

กู้เจียวเดินเข้าไปที่ห้องตะวันตกกับเขา

ครั้งนี้ฝนก็ไม่ได้ตกหนักมาก น่าจะเป็นเพราะตอนบ่ายฝนตกสะสมเป็นกองบนกระเบื้อง และมันก็รั่วไหลออกมาหลังจากถูกลมพัด

จุดที่เพดานรั่วนั้นตรงกับตำแหน่งเตียงพอดี ให้มารองน้ำฝนบนเตียงคงจะไม่ใช่เรื่อง มิหนำซ้ำหากคืนนี้ฝนยังตกหนักอยู่อาจทำให้กระเบื้องแตกได้ ห้องนี้ยิ่งทรุดโทรมอยู่ด้วย

กู้เจียวจึงเอ่ย “คืนนี้คงนอนห้องนี้ไม่ได้แล้วล่ะ เจ้าไปนอนที่ห้องข้าเถอะ เดี๋ยวรอฝนหยุดแล้วข้าจะมาซ่อมแซมห้องนี้”

เสี่ยวจิ้งคงอุ้มหมอนเข้าไปในห้องกู้เจียวอย่างร่าเริง

เซียวลิ่วหลังทำอะไรไม่ได้ เลยต้องนอนด้วยกันกับเขา

ยังดีที่เตียงของกู้เจียวนั้นใหญ่พอสำหรับสามคน

เสี่ยวจิ้งคงไม่อยากนอนร่วมเตียงกับพี่เขยตัวแสบ ตัวใหญ่กินที่ขนาดนี้ เทียบไม่ได้เลยสักนิดกับตนเองที่ตัวเล็กกว่า ขอแค่พื้นที่อ้อมอกของกู้เจียวก็พอแล้ว

“ได้นอนกับพี่สาวแล้ว ดีใจสุดๆ ไปเลย!”

จิ้งคงนอนลงบนเตียงของกู้เจียวอย่างดีอกดีใจ เขานอนอยู่ในผ้าห่มของเจียวเจียว บนฟูกของเจียวเจียว บนหมอนของเจียวเจียว ปลอกหมอนของเจียวเจียว เจียวเจียวเจียวเจียว…

เสี่ยวจิ้งคงตื่นเต้นกลิ้งไปมาบนเตียง

ทันใดนั้น ประตูถูกเปิดออก ปรากฏมือปริศนาเข้ามากระชากที่กางเกงของเสี่ยวจิ้งคง

เสี่ยวจิ้งคงสะดุ้งโหยงพลางตะโกน “ยายเฒ่า!!”

หญิงชราเอ่ย “คืนนี้เจ้ามานอนกับข้า”

“ไม่เอา”

“แต่เจ้าต้องมา”

“ทำไมเล่า”

“เพื่อหลานในวันหน้าของข้าน่ะสิ”

หญิงชราจึงลากเสี่ยวจิ้งคงกลับไปที่ห้องของตนเอง

ความฝันอันแสนหวานของจิ้งคงพังลงต่อหน้าต่อตา นอกจากเขาจะต้องต่อกรกับพี่เขยตัวแสบแล้ว ยังมียายเฒ่าจอมงี่เง่าแถมมาด้วย เด็กน้อยอย่างเขาช่างน่าอนาถจริงๆ!

ขณะที่กู้เจียวและเซียวลิ่วหลังเพิ่งจะเสร็จงานนั้นเอง เสี่ยวจิ้งคงก็ปะทะฝีปากกับหญิงชราอย่างหมดไส้หมดพุง จนพลังงานหมดและผล็อยหลับไป

กู้เจียวไม่ได้มีความเห็นอะไร หลังจากอาบน้ำเสร็จ นางก็เดินเข้ามาในห้อง แล้วทิ้งตัวลงบนเตียง

วันนี้ทำงานเหนื่อยมาทั้งวัน เลยเข้านอนเร็ว สักพักเสียงพ่นลมหายใจเป็นจังหวะก็ดังขึ้น

เซียวลิ่วหลังอาบน้ำเสร็จ เดินเข้ามาในห้อง จึงเห็นว่ากู้เจียวหลับไปแล้ว

ในห้องยังพอมีแสงสว่างจากตะเกียงไฟที่จุดไว้ให้เขามองเห็น

ช่วงนี้อากาศเริ่มอุ่นขึ้น ผ้าห่มหนาของนางเริ่มหนาไปสำหรับอากาศแบบนี้ ร่างของกู้เจียวจึงมีผ้าห่มคลุมไว้แค่ครึ่งตัว

เซียวลิ่วหลังทำท่าลังเลอยู่สักพัก แต่ก็ตัดสินใจห่มผ้าให้นาง

พอเขาดับไฟตะเกียงเสร็จ ก็ค่อยๆ หย่อนตัวลงนอนข้างกายนาง ตอนแรกเขานอนหันหลังให้นาง แต่พอนอนท่าเดิมไปนานเข้าร่างกายก็เริ่มชา

เขาเลยพลิกตัวไปอีกข้าง

ช่างบังเอิญว่าช่วงที่เขากำลังพลิกตัวมาอีกด้านนั้น กู้เจียวเองก็พลิกตัวหันมาทางเขาเช่นกัน แถมหัวของนางยังขยับมาอยู่ตรงพื้นที่หมอนหนุนของเขาเสียด้วย

พวกแก้มกู้เจียวขยับเข้าไปถูกกับริมฝีปากของเขาเข้าพอดี

ทันใดนั้น เขารู้สึกหัวอื้ออึงขึ้นมา สมองของเขาขาวโพลนว่างเปล่า

ข้างนอกฝนเริ่มตกหนักขึ้น เม็ดฝนกระทบแผ่นกระเบื้องหลังคาจนเกิดเสียงแปะๆ แต่กระนั้น เขากลับไม่ได้ยินเสียงเหล่านั้น ที่เขาได้ยินมีเพียงแค่เสียงใจเต้นระส่ำเท่านั้น

พอรู้สึกตัวได้ เขาก็ยกมือขึ้นว่าจะดันตัวนางออกไป เขาสัมผัสได้ถึงไออุ่นบางอย่าง หัวสมองของเขาเริ่มพุ่งพล่าน…