เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหามากมาย หลังจากที่หลี่ฉางโซ่วขอบคุณนาง เขาก็ทิ้งเงินทองเอาไว้กองหนึ่งก่อนจะแอบจากไปโดยไม่กล่าวลาในขณะที่แม่เด็กสาวหอคอยเหล็กสุดล่ำผู้นั้นก็หันไปตะโกนเรียกใครสักคน
เขายังไม่ทันได้ไปไกลก็เริ่มใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายไปมากกว่าหนึ่งร้อยลี้ แล้วใช้หลีกรุกข์เร้นกายซ่อนตัวอยู่ในลำต้นของพฤกษาใหญ่ในป่าชายทะเล จากนั้นจึงใช้แผ่สัมผัสเซียนรับรู้ออกไปสำรวจทั่วทั้งหมู่บ้านนี้
ดังคำกล่าวที่ว่า ‘สภาพแวดล้อมและผู้คนที่ต่างกัน ย่อมก่อเกิดวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่ต่างกัน’
น้ำและดินของหมู่บ้านนี้สามารถผสมกันแล้วสร้างเป็นโอสถฤทธิ์แรงได้หรือไม่
เท่าที่สัมผัสเซียนรับรู้ของเขาสามารถมองเห็นได้ บัดนี้มีกลุ่มบุรุษและสตรีที่แข็งแกร่งต่างวิ่งวุ่นวายไปทั่วทุกที่ พวกเขาไม่ได้เป็นเพียงแค่บุรุษและสตรีที่แข็งแกร่งธรรมดา แต่พวกเขาล้วนมี… ความแข็งแกร่งระดับสูงอย่างไม่อาจอธิบายได้
เท่าที่สัมผัสเซียนรับรู้ของเขาค้นพบ มีบุรุษและสตรีที่มีกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ปูดโปนโดดเด่นไปทั่วทั้งร่างกาย พวกเขาแต่ละคนล้วนมีลำแขนหนาเกือบเท่าเอวของศิษย์น้องหญิงของเขา ในขณะที่มีเด็กสองสามคนกลิ้งโม่หินขนาดใหญ่หนักราวสองร้อยจินเป็นของเล่นได้
นอกจากคนชราและเด็กจำนวนเล็กน้อยแล้ว คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านนี้ล้วนมีขนาดใกล้เคียงกับเด็กสาวร่างเตี้ยล่ำที่เขาเคยเห็นเมื่อก่อนหน้านี้
บางทีข้าอาจจะคิดมากไป หมู่บ้านนี้อาจเป็นพวกแสวงหาความงามแห่งมัดกล้าม
หลี่ฉางโซ่วยิ้มในใจ เมื่อสังเกตหมู่บ้านนี้ เขาก็สัมผัสได้ว่าร่างเซียนและปราณวิญญาณของเขายังไม่ได้ฟื้นตัวเต็มที่
สัมผัสเซียนรับรู้นั้นใช้ง่ายกว่าพลังปราณสัมผัสรับรู้มาก ไม่เพียงแต่จะมีช่วงระยะขอบเขตของการสำรวจที่ไกลกว่าเท่านั้น แต่ภาพที่ ‘มองเห็น’ ก็ยังกระจ่างชัดเจนและสดใสยิ่งขึ้นอีกด้วย
ก่อนที่จะข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์นั้น พลังปราณสัมผัสรับรู้ของหลี่ฉางโซ่วสามารถตรวจจับได้ภายในระยะหนึ่งถึงสองร้อยลี้ ซึ่งเป็นภาพเลือนรางไม่ชัดเจน และจะมองเห็นภาพที่ชัดเจนได้ภายในระยะสามสิบลี้เท่านั้น
แต่บัดนี้มันแตกต่างออกไป เขาสามารถแผ่สัมผัสเซียนรับรู้ของเขาออกไปสำรวจได้ไกลถึงสองพันลี้
เฉกเช่น ณ เวลานี้ แม้จะอยู่ห่างออกไปนับพันลี้ เขาก็ยังสามารถแยกแยะร่างทั้งสองที่ต่อสู้กันบนทุ่งหญ้าในป่า และการเคลื่อนไหวของท่าต่อสู้โดยประมาณของพวกเขา…
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้กำลังต่อสู้กันอยู่ที่นั่น…
แค่ก! ข้าไม่จำเป็นต้องสนใจรายละเอียดเหล่านี้ แต่ก็กล่าวได้ว่า ทักษะการตรวจจับของข้าได้รับการปรับปรุงขึ้นอย่างมาก!
ในเวลานี้หลี่ฉางโซ่วก็หันกลับมาสนใจหมู่บ้านที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งร้อยลี้
ขณะนี้เด็กสาวที่ดูแลเขามาระยะหนึ่งนั้น ได้รีบวิ่งเข้าไปในบ้านไม้ซึ่งเขาพักอยู่ก่อนหน้านี้พร้อมกับกลุ่มคนและพบกองเงินทองกองหนึ่งที่เขาวางทิ้งเอาไว้ให้บนเตียง
เป็นเวลากว่าเก้าเดือนแล้วที่เขาออกมาจากสำนักตู้เซียนและเขายังคงอยู่ภายนอกสำนักได้อีกไม่เกินสามหรือสี่ปี หลังจากนั้นอาจารย์ของเขาและผู้ดูแลสำนักจะออกตามหาเขาอย่างแน่นอน
ในช่วงระหว่างเวลานี้ ข้าควรไปหาเกาะและปิดด่านบำเพ็ญเพียรต่อไป
ยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องทำ และยามนี้เขาต้องคิดให้ชัดเจนและจัดตารางเวลาสำหรับแต่ละอย่างนั้นให้ดี
แน่นอนว่าไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องการพักฟื้นและการรักษาเสถียรภาพขอบเขตพลังของเขา
เขาต้องหาทางปกปิดพลังเซียนและร่างเซียนของเขา รวมถึงจำลองร่างเต๋ามนุษย์ดั้งเดิมของเขา
ในเมื่อเขาเลือกที่จะปกปิดขอบเขตพลังของเขาให้เป็นไพ่ตายในคราแรก เขาจึงต้องยึดวิถีทางนั้นไปจนสุดทาง หากมันถูกเปิดเผยออกมากะทันหัน บรรดาผู้สูงส่งแห่งสำนักตู้เซียนจะต้องสงสัยเขาอย่างแน่นอน
การพัฒนาทักษะสงบลมปราณเต่าครั้งที่สามจะต้องเป็นไปตามกำหนดการของเขา
นอกจากนี้หลี่ฉางโซ่วยังต้องเผชิญกับข้อเท็จจริงที่น่าอึดอัดใจ
เพราะหลังจากที่เขาข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์มาแล้ว พลังของเขาก็แข็งแกร่งก้าวหน้าขึ้นไปอย่างมาก จนเรียกได้ว่า ‘พุ่งทะยาน’ อย่างก้าวกระโดด
แน่นอนว่านี่ย่อมเป็นสิ่งที่ดี แต่หนึ่งในสามของวิธีการป้องกันศัตรูที่เขาเคยใช้ไปก่อนหน้านี้ก็ไร้ความหมายไปอย่างสิ้นเชิง และหนึ่งในสามของวิธีการเหล่านี้ก็ยังลดประสิทธิภาพลงมากอีกด้วย
ตัวอย่างเช่น ผงยาเซียนระทวย และโอสถพิษจำนวนมากนั้น บางส่วนก็ไร้ประโยชน์ไปบ้างแล้ว
เมื่อพลังยังไม่แข็งแกร่งพอ โอสถและโอสถพิษก็เป็นอาวุธปกป้องตนเองที่ทรงพลังอย่างยิ่ง
ทว่าบัดนี้ โอสถพิษไม่ได้ผลดีเท่ากับที่เขาปกป้องตัวเองอีกต่อไป
มีโอสถพิษจำนวนมากที่เขาสกัดขึ้นมาเพื่อจัดการกับเซียนเสิ่นซึ่งทำได้เพียงเก็บเอาไว้ใช้ในอนาคตเท่านั้น หรือไม่ก็ทำการซื้อขายแลกเปลี่ยนกับสมุนไพรล้ำค่าในตลาดซื้อขายตามบริเวณชายแดนดินแดนเทวะมัชฌิมา
ส่วนพลังของหน้าไม้ทองสัมฤทธิ์นั้นจะสามารถเพิ่มขึ้นได้ตามระดับพลังเวทและพลังเซียนของผู้ใช้
อาวุธสายโจมตีที่ใช้พลังเซียนนี้ยังคงสามารถเก็บเอาไว้ได้ เขาจะใช้พลังเซียนฝึกฝนและพัฒนาศักยภาพของมัน และจากนั้นเขาก็จะปล่อยให้ตุ๊กตากระดาษได้ใช้มัน
เฉกเช่นเดียวกันกับเพลิงสมาธิแท้ พลังของพวกมันจะเพิ่มขึ้นตามความแข็งแกร่งของเขา และเขาเพียงเสริมการฝึกฝนและสร้างไฟอมตะขึ้นมา
ตุ๊กตากระดาษจะมีประสิทธิผลด้านพลังเวทมากขึ้น และพลังของพวกมันจะยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นกว่าก่อนหน้านี้
ส่วนเวทหลบหนีแห่งเบญจธาตุทั้งหมดยังสามารถใช้ได้เมื่อเข้าสู่ขอบเขตใหม่
ยันต์อันทรงพลังที่ก่อนหน้าวาดไม่ได้ ตอนนี้ก็สร้างได้แล้ว
และสามารถใช้ฉัตรเปลี่ยนสวรรค์สร้างค่ายกลที่ทรงพลังมากกว่านี้ได้…
“รอ รอ…นับถอยหลัง ยังมีเรื่องให้ทำอีกมากมาย…”
หลังจากพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็พบว่ามีหลายสิ่งที่ต้องทำ และเวลาสามหรือสี่ปีนี้ก็อาจยังไม่เพียงพอ
ทางที่ดีควรเลือกสิ่งที่สำคัญที่สุดก่อน และปรับปรุงเวทหลบหนีสองสามวิธีที่เขาใช้มากที่สุด
ต้องจัดลำดับความสำคัญ และชีวิตของเขาต้องมาก่อน
แม้เขาจะบรรลุเซียนแล้วจะเป็นอย่างไรเล่า เขาจะทำสิ่งใดได้บ้างหลังจากทะยานขึ้นสู่เซียนแล้ว
เมื่อกลายเป็นเซียนแล้ว ทำให้ตนเองเปลี่ยนจากมดธรรมดากลายเป็นมดที่แข็งแกร่งขึ้น
บินขึ้นไป ให้ปีกแก่มดตัวนี้เพื่อโบยบินขึ้นสู่ท้องฟ้า ทว่าเขาก็ยังคงเป็นเพียงมดที่บินได้พร้อมกับเป้าหมายที่กระจ่างชัดเจนขึ้นเท่านั้น
ไม่นับยุคบรรพกาลในโลกบรรพกาล และก็เป็นเวลานานนับไม่ถ้วนนับตั้งแต่นั้นมา ถึงแม้มหาทัณฑ์สวรรค์จะยังดำเนินต่อไป แต่ก็ยังมีปรมาจารย์ที่ยังรอดชีวิตหลงเหลืออยู่อีกมากมาย
มีเต๋าสวรรค์ บรรพจารย์เต๋า และจอมปราชญ์เทพทั้งหก
มีผู้ทรงพลังยิ่งใหญ่โบราณ เหล่าผู้อาวุโสของสามสำนักบำเพ็ญเต๋า พวกที่เหลืออยู่ของเผ่าเวทและปีศาจ ปรมาจารย์เผ่าพันธุ์มนุษย์ และผู้ดำรงอยู่ที่ยิ่งใหญ่ทุกคนที่จุติลงมาเบื้องล่าง
ทว่าในเวลานี้เขาไม่ใช่แม้แต่ปรมาจารย์ระดับสามและยังห่างไกลจากการบรรลุไปถึงเป้าหมายนั้นด้วยซ้ำ
และประเด็นสำคัญคือ…เขายากจนยิ่ง
สัมผัสเซียนรับรู้ของเขาดักฟังเสียงในหมู่บ้านที่ห่างไกลออกไป และพบว่าเด็กสาวผู้แข็งแกร่งกำลังนั่งหมอบอยู่ที่นั่นพร้อมกับร้องไห้อย่างขมขื่นขณะที่กอดกองทรัพย์สินเงินและทองที่หลี่ฉางโซ่วทิ้งเอาไว้ให้
“ข้าไม่ใช่คนที่ทำท่านเซียนหายจริงๆ! ข้าไม่ได้หักหลังแล้วก็ขายท่านเซียนไปด้วย!”
เมื่อเห็นนางหมอบอยู่บนพื้นและร้องไห้ราวกับเด็กสองร้อยจิน แต่กลุ่ม ‘หอคอยเหล็ก’ และ ‘วานรยักษ์’ รอบกายนางก็ยังคงโทษนางอย่างไร้ความปราณี
“ข้าบอกให้เจ้าดูแลท่านเทพแห่งท้องทะเลให้ดี แล้วเจ้าจะละสายตาจากท่านเทพผู้ตัวใหญ่ขนาดนี้ไปได้อย่างไร”
“อ้อ แล้วเจ้าต้องวิ่งออกไปตะโกนเรียกผู้ใดสักคนอย่างนั้นหรือ…
เจ้าแค่มายืนที่หน้าต่างแล้วตะโกนว่า ‘ท่านเทพแห่งท้องทะเลตื่นแล้ว ท่านเทพแห่งท้องทะเลตื่นแล้ว’ ทำไม่ได้ใช่หรือไม่ แล้วเหตุใดเจ้าถึงต้องวิ่งไปทั่ว!”
“ข้าบอกเจ้าแล้วว่านั่นคือท่านเทพแห่งท้องทะเลไม่ใช่เซียน!…
สงหลิงลี่!…อา…สงหลิงลี่! อย่าไปฟังบิดาของเจ้า! เจ้าไม่อาจล่วงเกินท่านเทพแห่งท้องทะเลได้!…เร็วเข้า รีบนำเงินทองเหล่านี้ไปที่บ้านของท่านหัวหน้าหมู่บ้าน! เพื่อไม่ให้สิ่งหยาบคายเหล่านี้ยั่วยุท่านเทพแห่งท้องทะเล!”
สง…
สกุลนี้ช่างเหมาะกับพวกเขาจริงๆ หุ่นเหมือนหมีจริงๆ[1]
……………………………………
[1] สง แปลว่า หมี