อี้เทียนสิง

จังหวะที่ได้ยินวาจานี้ของสตรีนางนั้น แววตาของบุรุษหนุ่มทอประกายเย็นเยียบออกมาวูบหนึ่งก่อนจะจางหายไปในชั่วพริบตา

ทว่าแววตาเย็นเยียบนั่น…ต้วนหลิงเทียนย่อมสังเกตเห็นได้ชัดถนัดตา!

‘ไม่ใช่ว่าพวกมันมาด้วยกันรึไง ทำไมถึงแลดูไม่ค่อยลงรอยกันล่ะ?’

ต้วนหลิงเทียนรู้สึกงุนงงด้วยไม่เข้าใจสถานการณ์

ตอนนี้เองในที่สุดสัตว์ร้ายด่านพลังสูเซียนขั้นเชี่ยวชาญ ก็ถูกเฒ่าชราด่านพลังฝึกปรือสู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญเช่นกันสังหารลงได้สำเร็จ

มือของผู้ชราถือไว้ด้วยดาบ 3 ฉื่อที่เสือกแทงหว่างคิ้วสัตว์อสูรตัวนั้นไปมิดเล่ม! ยังพุ่งร่างหอบหิ้วร่างสัตว์ร้ายที่ถูกทะลวงหว่างคิ้วไปปักคาไว้กับต้นไม้ใหญ่ ร่างสัตว์ร้ายแม้สิ้นชีวิตไปแล้วหากทว่ายังคงกระตุก มันดิ้นกระแด่วๆอีกพักหนึ่งค่อยแน่นิ่ง พาลให้ไม้ใหญ่ถึงกับสั่นไหว ใบไม้ร่วงโปรยลงมาดั่งห่าพิรุณ…

“ผู้เฒ่าผิง ท่านร้ายกาจที่สุด!”

สตรีแย้มยิ้มค่อยเดินไปหาชายชราด้วยใบหน้าตื่นตาตื่นใจ

“อ๊อคค!”

ทว่าทันทีที่สตรีนางนั้นเดินถึงเบื้องหน้าชายชรา ใบหน้าของชายชราก็แดงเรื่อคล้ายอึดอัด สุดท้ายค่อยกระอักโลหิตออกมาคำใหญ่ ร่างสั่นสะท้านยืนแทบไม่อยู่ทรุดลงไปนั่งชันเข่ามือที่ปักดาบลงพื้นค้ำยันตัวสั่นระริก เห็นชัดว่ามันบาดเจ็บสาหัสนัก!

“ผู้เฒ่าผิง! ท่านบาดเจ็บหรือ!?”

หน้าสตรีถึงกับถอดสีทันใด ยังกล่าวถามคำถามเหลวไหลที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนถึงกับอึ้ง

สตรีนางนี้คงไม่คิดว่าเฒ่าชรานั่น พ่นเลือดเพราะนึกสนุกหรอกนะ?

ช่างเลอะเลือนนัก!

นี่คือความเห็นแรกของต้วนหลิงเทียนที่มีต่อสตรีนางนั้น

“คุณหนูรอง…พวกเรารีบกลับไปยังเมืองหานเหอกันเถอะ”

ชายชราพยายามเงยหน้าขึ้นมากล่าวคำกับสตรีนางนั้นอย่างยากลำบาก

“อื้อ พวกเรารีบกลับ!”

สตรีนางนั้นพยักหน้ารับอย่างรีบร้อน ค่อยหันไปมองบุรุษในชุดหรูหรากล่าวออกพร้อมขมวดคิ้ว “อี้เทียนสิง เจ้ายังยืนทำอะไรของเจ้าอยู่อีก! ใยมิรีบมาช่วยท่านผู้เฒ่าผิงเล่า!?”

“ข้าไปแล้วๆ”

บุรุษหนุ่มในชุดหรูหรายิ้มรับแหยๆ ค่อยๆก้าวเดินไปยังชายชราที่ถูกสตรีนางนั้นดูอาการ

ทว่าทันใดนั้นเอง มันกลับหยุดลงสีหน้าแววตาของมันยังกลับกลายเป็นเย็นชา เผยจิตมุ่งร้ายออกมาชัดเจน

“โอวหยางผิง”

อี้เทียนสิงพลันตะโกนออกมาอย่างกะทันหัน ทำให้สตรีนางนั้นตกใจไม่น้อย

โอวหยางผิงที่ชันเข่าข้างหนึ่งเพราะอาการบาดเจ็บสาหัส ก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองอี้เทียนสิงตามคำเรียกอย่างงุนงง

ทว่าทันทีที่มันเห็นอี้เทียนสิงยกมือขึ้นเรียกมีดเล่มหนึ่งมาถือไว้ สีหน้าของมันก็แปรเปลี่ยนเป็นหวาดกลัวทันใด แววตาเผยความร้อนรนไม่น้อย

เพราะตอนนี้ถึงแม้พลังฝึกปรือของมันจะอยู่ในขอบเขตสู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญ ทว่าตอนนี้มันอ่อนแอไร้กำลังหลังจากรบกับสัตว์ร้ายจนบาดเจ็บ!

ในกาลก่อนมันไม่เคยกลัวบุรุษหนุ่มในขอบเขตสู่เซียนขั้นต้นผู้นี้เลย ทว่าหากอีกฝ่ายลงมือตอนนี้ ก็สุดที่มันจะต้านทานรับได้จริงๆ!

ฉัวะ! กลุกกลักๆ

ศีรษะของโอวหยางผิงถูกสะบั้นจนกลิ้งตกพื้นพร้อมตาเบิกกว้างด้วยรังสีพลังสะบั้นจากมีด! ของเหลวสีแดงฉานพุ่งออกมาจากคอที่ไร้หัวดั่งน้ำพุ กระจายราดรดไปทั่ว!

พาลให้บรรยากาศส่งกลิ่นคาวคลุ้งขึ้นมาทันที

“อี้เทียนสิง! เจ้าทำบ้าอะไรของเจ้า! นี่เจ้าเสียสติไปแล้วหรือไร!?”

สุดท้ายสตรีที่ตะลึงงันก็ค่อยได้สติ นางมองเรื่องราวด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปใหญ่หลวง “จะ…เจ้ากล้าฆ่าผู้เฒ่าผิงได้อย่างไร เจ้าตายแน่! เรื่องนี้ต่อให้บิดาเจ้าออกหน้า เจ้าก็ไม่มีทางรอด!”

“ให้บิดาข้าออกหน้าข้าก็ไม่มีทางรอด?”

อี้เทียนสิงหัวเราะร่า “โอวหยางหลัว ดูเหมือนเจ้าจะยังมิเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้สินะ ไอ้แก่ที่คุ้มกะลาหัวเจ้ามันตกตายไปแล้ว…เจ้าคิดว่าเจ้ายังจะมีโอกาสรอดไปจากเขาลูกนี้ได้หรือ?”

“จะ…เจ้าคิดฆ่าข้า?!”

สีหน้าโอวหยางหลัวซีดลงทันใด “ถ้าเจ้าฆ่าข้า ตระกูลอี้ของเจ้าจักถูกสับจนแหลกเยี่ยงสุนัข!”

“เหอะๆ ข้าฆ่าเจ้าที่นี่ ผู้ใดยังจะล่วงรู้ได้?”

อี้เทียนสิงแสยะยิ้มเย้ยหยัน “ข้าบังเอิญพบเจอพวกเจ้าระหว่างทาง เช่นนั้นหากเจ้ามิได้กลับไปรายงานเรื่องราวที่ตระกูลโอวหยางสักคน…ยังจะมีผู้ใดล่วงรู้? ทั้งหมดย่อมคิดว่าพวกเจ้าทั้งคู่ตกตายในเขาจิ่วฉี! ไหนเลยจะมาสงสัยข้าอี้เทียนสิงได้?!”

ได้ยินวาจานี้ของอี้เทียนสิง สีหน้าโอวหยางหลัวซีดลงจนไม่เหลือสีเลือด นางรู้ดีว่าวาจานี้ของอีกฝ่ายไม่แปลกปลอม

“อะ…อี้เทียนสิง ข้าว่า พะ…พวกเราก็มิได้มีเรื่องอันใด บะ…บาดหมางกันมาก่อน ทะ…ทำไมเจ้าต้องทำแบบนี้!?”

น้ำเสียงของโอวหยางหลัวสั่นเครือ นางเป็นลูกคุณหนูที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด ไหนเลยจะเคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้?

“ทำไมข้าต้องทำแบบนี้งั้นเหรอ?”

อี้เทียนสิงได้ยินคำถามนี้ สีหน้าของมันกลายเป็นดุร้ายตะคอกคำเสียงดัง “ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเจ้า! เจ้า! คุณหนูรองตระกูลโอวหยาง! มิเคยมองข้าอี้เทียนสิงดีๆสักครั้ง…!! แต่เล็กจนโตข้าเขียนจดหมายไปหาเจ้านับร้อยนับพันฉบับ…เจ้าเคยได้อ่านมันบ้างหรือไม่?!”

“ในใจเจ้า ข้าอี้เทียนสิงต้อยต่ำมิคู่ควรเสมอ!”

วาจาท้ายประโยคแทบจะกลายเป็นคำรามอยู่รอมร่อ

โอวหยางหลัวได้ฟังเรื่องราวก็ถึงกับอึ้งไปทันใด นางไม่คิดเลยว่าอี้เทียนสิงจะกลายเป็นคนเสียสติ ฆ่าคนอย่างโหดร้ายเพราะเรื่องเพียงเท่านี้

ที่แท้จิตใจมันต้องบิดเบี้ยววิปริตถึงขั้นใดกัน จึงสามารถกระทำเช่นนี้ได้?

จังหวะนี้ในใจของนางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกเสียขวัญ

“อี้เทียนสิง เรื่องมิได้เป็นอย่างที่เจ้าคิด…ข้าอ่านจดหมายของเจ้าทุกฉบับ แต่ข้ามิชมชอบเขียนจดหมาย จึงมิได้ตอบกลับหาเจ้า”

โอวหยางหลัวกล่าววาจาปั้นน้ำเป็นตัวออกมา เพื่อทำให้อี้เทียนสิงสงบลง

“มิชมชอบเขียนจดหมาย…เลยมิได้ตอบกลับ?”

อี้เทียนสิงยิ้มออกมาราวคนคลั่ง “แล้วที่เจ้าตอบจดหมายของซือถูฮั่วนั่นหมายความว่าอันใด? กระทั่งจนถึงตอนนี้เจ้ายังทำราวกับข้าเป็นตัวโง่งมที่เจ้าจะหลอกปั่นหัวได้อยู่ร่ำไปงั้นเรอะ!?”

สีสันยิ่งมายิ่งจางหายไปจากหน้าโอวหยางหลัว นางไม่คิดเลยว่ากระทั่งเรื่องนี้ อี้เทียนสิงก็รู้!

“ข้าได้ยินมาว่าคนสกุลซือถูจะยกขบวนแห่ไปยังตระกูลโอวหยางเจ้า เพื่อสู่ขอเจ้าให้วิวาห์กับซือถูฮั่วเร็วๆนี้…และดูเหมือนว่าบิดาของเจ้าเองก็เห็นดีเห็นงามกับเรื่องนี้ด้วย หึๆๆ…ตอนแรกข้าคิดว่าข้าจะเสียเจ้าไปแล้ว แต่มิคิดเลยว่าฟ้ากลับประทานโอกาสนี้แก่ข้า!!”

อี้เทียนสิงค่อยๆย่างเท้าไปหาโอวหยางหลัวที่สั่นกลัวอย่างไม่รีบร้อน ในดวงตาเผยให้เห็นความปรารถนาอันหื่นกระหายชัดเจน

“อี้เทียนสิง ตะ…ตราบใดที่เจ้าปล่อยข้าไป ข้าสาบานว่าข้าจะเก็บเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ไว้เป็นความลับ…สำหรับผู้เฒ่าผิง ข้าจะกล่าวบอกทุกคนว่าท่านผู้เฒ่าตายเพราะปกป้องข้าจากสัตว์ร้าย!”

ตอนนี้โอวหยางหลัวรู้สึกหวาดกลัวจับใจ

“มิจำเป็น! ในเมื่อหากข้าลงมือกับเจ้าเสียวันนี้ จะอย่างไรเรื่องราวนี้ก็มิมีวันกระจ่าง…มิใช่ว่าเจ้าทำตัวหยิ่งยโสเชิดใส่ข้าอยู่ตลอดหรือไร? ใยตอนนี้เจ้าไม่ทำท่ายะโสเชิดหน้าเมินข้าเหมือนอย่างเคยแล้วเล่า?!”

วาจาท้ายประโยคของอี้เทียนสิงคล้ายแฝงเร้นไว้ด้วยความคับแค้นที่สั่งสมมานานปี ท่าทางของมันดุร้ายราวสัตว์ป่าคลุ้มคลั่ง

ทันใดนั้นเองโอวหยางหลัวเร่งสะบัดมือเรียกยันต์ ทั้งขว้างปาไปทางอี้เทียนสิงทันที

“สำแดง!”

โอวหยางหลัวร้องออกมาเสียงดัง ทว่าทันใดนั้นเองเสียง ‘สำแดง’ อีกคำก็ดังขึ้นตามติด อี้เทียนสิงเองก็ซัดยันต์ใบหนึ่งออกมา รังสีพลังสังหารจากยันต์ทั้ง 2 ปะทะหักล้างกันกลางอากาศ จนสลายหายไปเช่นนั้น

ยันต์ของทั้งคู่ล้วนเป็นยันต์เต๋าจู่โจมระดับ 2 ดาว พลังอำนาจจึงมิได้ผิดแผกแตกต่างกัน

“โอวหยางหลัวเจ้าอย่าได้ดิ้นรนอีกเลย…หากเจ้ามิขัดขืนและคอยปรนนิบัติข้าอย่างดี บางทีข้าอาจให้เจ้าได้ตกตายโดยมีซากศพสมบูรณ์ หาไม่แล้วข้าจักหั่นเจ้าเป็นชิ้นๆแล้วปล่อยให้สัตว์ร้ายรับประทานไปเสีย!!”

อี้เทียนสิงแสยะยิ้มปากฉีกแทบถึงหู รอยยิ้มนี้เต็มไปด้วยความชั่วร้ายวิปลาศนัก

โอวหยางหลัวได้ฟังก็ตื่นกลัวถึงที่สุด นางที่ลนลานจนทำอะไรไม่ถูกก็ได้แต่นิ่งเงียบงัน ตัวสั่นระริก

อี้เทียนสิงเริ่มลงมือถอดชุดคลุมตัวนอกออก ยังลดมือไปดึงสายคาดเอว คล้ายจะเผยอาวุธเตรียมขยี้บุปผางาม

ถึงแม้ว่าโอวหยางหลัวจะดิ้นรนขัดขืนมัน แต่นางก็ยังห่างไกลจากการทำอะไรมันได้ เพียงไอพลังขุมหนึ่งที่อี้เทียนสิงแผ่ไปกดดัน นางก็ไม่อาจขยับเขยื้อนได้แล้ว

นางเป็นแค่หลุดพ้นมนุษย์ขั้นสมบูรณ์แบบเท่านั้น นางไม่อาจต้านทานพลังอำนาจของอี้เทียนสิงที่บรรลุสู่เซียนขั้นต้นแล้วได้เลย…

“จึกๆๆ ให้มันได้ยังงี้สิ…ใจเจ้ามันต้องบิดเบี้ยววิปริตถึงขนาดไหนกัน ถึงทำเรื่องแบบนี้ได้ลงคอ”

ในขณะที่อี้เทียนสิงกำลังเอื้อมมือไปกระชากชุดของโอวหยางหลัวที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังเพื่อย่ำยีขืนใจนั้นเอง เสียงต้วนหลิงเทียนก็ดังขึ้น ค่อยๆก้าวออกมาจากเงามืดของต้นไม้ เดาะลิ้นด้วยความเบื่อหน่ายส่ายหัวกล่าว

ถึงแม้เขาจะไม่ใช่คนชอบสอดเรื่องชาวบ้าน

กระทั่งนิสัยท่าทีของสตรีอย่างโอวหยางหลัวนั้นเขาก็ไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่

อย่างไรก็ตามพฤติกรรมของอี้เทียนสิงมันต่ำช้าเกินกว่าที่เขาจะทนดูอยู่เฉยๆได้จริงๆ

ให้ทนดูอี้เทียนสิงข่มขืนสตรีต่อหน้าแบบนี้ เขารู้สึกผิดต่อมโนธรรมในใจ

“ผู้ใด!?”

เสียงของต้วนหลิงเทียนทำให้สีหน้าอี้เทียนสิงเปลี่ยนไปทันที มันรีบหันกลับมาจนได้เห็นต้วนหลิงเทียนที่กำลังเดินเข้ามาอย่างไม่รีบร้อน

“ข้าเป็นใครไม่สำคัญ สำคัญว่าเจ้าทำให้ข้าขยะแขยงนัก”

ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองอี้เทียนสิงที่ร่างเปลือยเปล่าเบื้องล่างชูชันเตรียมก่อการด้วยสายตาเย็นชาแฝงรังเกียจ ค่อยกล่าวออกด้วยน้ำเสียงสะทกสะท้อน “บุรุษผู้นึงกลับกลายเป็นวิปริตใจบิดเบี้ยวเพราะสตรีนางหนึ่ง…น่าเศร้านัก”

“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นผู้ใด ถึงกล้ากล่าววาจาสั่งสอนข้า!”

อี้เทียนสิงแสยะยิ้มกล่าวเยาะ ทันใดนั้นมันก็ชักมีดที่บางปานปีกจั๊กจั่นออกมาสะบัดวาด ทันใดนั้นปรากฏคลื่นสะบั้นคมกริบสีครามสายหนึ่งซัดพุ่งออกไปดั่งเสี้ยวจันทร์ ปรี่เข้าหาลำคอต้วนหลิงเทียน!

คลื่นสะบั้นนี้ยังมีความไวอันน่าทึ่งนัก!

หากทว่าต้วนหลิงเทียนที่เตรียมพร้อมอยู่แต่แรก เพียงสืบเท้าไม่กี่ก้าว ร่างก็วูบหลบคลื่นพลังสะบั้นสีครามไปได้อย่างง่ายดาย!

นี่เป็นเพราะอี้เทียนสิงลงมืออย่างฉุกละหุกไม่ได้ใช้ออกด้วยพลังทั้งหมดอย่างตั้งใจ หาไม่แล้วหากมันลงมือจริงจังเกรงว่าต้วนหลิงเทียนคงไม่อาจหลบได้ง่ายดายไร้เรื่องราวแบบนี้

เพราะอี้เทียนสิงผู้นี้ จะอย่างไรเสียก็กล่าวได้ว่ามันเป็นชนชั้นสู่เซียนขั้นต้นคนหนึ่ง

“ช่วยข้าด้วย! ช่วยข้าด้วย!!”

เมื่อต้วนหลิงเทียนหลบคลื่นสะบั้นของอี้เทียนสิงได้อย่างง่ายดายอี้เทียนสิงจึงต้องปล่อยโอวหยางหรัวและหันมารับมือเรื่องราว มันมองต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าจริงจัง

ด้านโอวหยางหรัวที่หลุดจากพลังสะกด ก็รีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นเร่งดึงชุดที่ถูกกระชากออกให้เข้าที่ ยังรีบวิ่งไปหลบด้านหลังต้วนหลิงเทียนทันที

ตอนนี้ทีท่าคุณหนูผู้สูงส่งของนางไม่มีเหลืออยู่เลย

“ช่วยข้า! แล้วตระกูลโอวหยางจะตอบแทนเจ้าอย่างงามมิมีตระหนี่…ถึงตอนนั้นมิว่าเจ้าต้องการอันใด ตระกูลโอวหยางของข้าจะพยายามหามาให้เจ้าเท่าที่พวกเราจะกระทำได้!”

โอวหยางหลัวเร่งกล่าวกับต้วนหลิงเทียน

ถึงแม้ว่ายามกล่าวโอวหยางหลัวจะไม่ได้หยิ่งยะโสมากมายอะไร ทว่าต้วนหลิงเทียนได้ยินวาจาประโยคแกมสั่งนี้ก็รู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง

อย่างไรก็ตามเขาตัดสินใจแล้ว

ในเมื่อมีโอกาสมาถึงที่ เขาเองก็จะเรียกร้องจากตระกูลโอวหยางให้มันมากๆหน่อย!

“ตายเสีย!”

ตอนนี้เองอี้เทียนสิงพลันลงมือออกมาอีกครั้ง ปราณแท้มันหลั่งไหลลงใบมีด บังเกิดเป็นมีดปราณบางเท่าจั๊กจั่นฉาบคลุมมีดมันเอาไว้อีกที มันใช้วรยุทธ์ที่มันฝึกปรือทั้งหมดลงมือเต็มกำลัง ร่างปรี่ตรงเข้าหาต้วนหลิงเทียนปานกระสุน!

พลังอำนาจของสู่เซียนขั้นต้นปะทุเต็มพิกัด คราวนี้ไม่ง่ายเหมือนคลื่นพลังสะบั้นครั้งแรก!

ต้วนหลิงเทียนที่เห็นอีกฝ่ายพุ่งมาด้วยท่าร่างอันฉับไว ทั้งไอพลังกล้าแข็งที่ฉาบบนมีด เขาก็รู้ได้ทันทีว่าอี้เทียนสิงนับเป็นยอดฝีมือสู่เซียนขั้นต้นคนหนึ่ง

นอกจากนี้สายตาเขายังแลเห็นชัด ถึงลวดลายพร้อมอักขระจารึกที่สลักบนมีดเล่มนั้น…มันคืออาคมเซียน 2 ดาว! พาลให้พลังมีดคล้ายไร้เทียมทานอยู่บ้าง!!

หากเขาใช้ดาบใหญ่พันทวีต้านรับ เกรงว่าคงไม่อาจเอาชนะอี้เทียนสิงได้ง่ายๆ

ดังนั้นเขาจึงเลือกใช้กระบวนท่าสังหารของเขาออกมาทันที!

เกาทัณฑ์ดับตะวัน!

คนเกาทัณฑ์ร่วมประสาน!

ดาวตกพิฆาต!

ต้วนหลิงเทียนยิงดอกศรไปด้านข้าง พร้อมใช้ออกด้วยท่องเกาทัณฑ์ทิ้งระยะจากอี้เทียนสิง! ก่อนที่จะเปิดใช้อาคมจารึกทั้ง 3 ของเกาทัณฑ์ดับตะวัน ยิงดาวตกพิฆาตออกไปด้วยพลังทั้งหมดในชั่วพริบตา!!

ซู่ม!

ดอกศรพุ่งแหวกอากาศฉับไว เล็งไปยังจุดตายของอี้เทียนสิง!

“เปล่าประโยชน์! เจ้าประเมินตัวเองสูงไป!!”

เมื่อสัมผัสได้ถึงปราณแท้จากร่างกายต้วนหลิงเทียนอี้เทียนสิงพลันแสยะยิ้มเย็นเยือก มันตวัดมีดที่ฉาบไว้ด้ยปราณพลังบางดั่งปีกจั๊กจั่นออกมาเบื้องหน้านับสิบมีดในชั่วพริบตา สร้างม่านพลังกำบังหมายต้านรับลูกเกาทัณฑ์ของต้วนหลิงเทียน!!

ในสายตาของมัน ศรพลังมีสภาพที่บังเกิดจากการควบรวมปราณแท้ของผู้ฝึกตนหลุดพ้นมนุษย์ ย่อมไม่มีวันทำอันตรายใดๆมันได้!

อย่างไรก็ตามเมื่อดอกศรของต้วนหลิงเทียนปะทะกับม่านพลังคมมีด อี้เทียนสิงก็ได้ตระหนักเรื่องราวประการหนึ่ง…ว่าตัวมันนั้นตื้นเขินถึงเพียงใด…

ศรพลังมีสภาพของต้วนหลิงเทียน ปานได้รับอำนาจหนุนเสริมจากทวยเทพ! ทะลวงฝ่าม่านพลังคมมีดของอี้เทียนสิงไปได้อย่างง่ายดาย! ด้านอี้เทียนสิงที่หน้าตาตื่นสองตาหวาดผวา รีบเบี่ยงตัวหลบเพื่อไม่ให้ศรทะลวงกลางใจ

ไม่พ้น! สุดท้ายยังถูกศรพลังมีสภาพทะลวงหัวไหล่จนทะลุ!!