นที่ 5 ผลจากการตรวจสอบและการวางแผนสร้างร้านขายยาเพื่อสามัญชน

——————–

ฟาร์มาพยายามจะกลบเกลื่อนเรื่องนี้กับเอเลน แต่ว่า

“คทามันจะไปทำแบบนั้นได้ยังไงกันเล่า! เธอกลายเป็นตัวอะไรไปแล้วกันแน่เนี่ย? เอ่อคือหมายถึงร่างกายเธอตอนนี้ไม่เป็นไรมากใช่ไหม?”

เอเลนหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วเอาเครื่องมือคล้ายกับแท่งไม้ที่ทำจากโลหะออกมา

ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเครื่องมือที่เอาไว้ใช้วัดระดับของพลังแห่งเทพด้วยการจับมันไว้แล้วจะแสดงสีซึ่งเป็นลักษณะของธาตุและจำนวนของพลังของผู้ถือ

พลังแห่งเทพของคนปกตินั้นจะมีอยู่อย่างจำกัด ดังนั้นแล้วเมื่อใช้พลังเวทออกไปในแต่ละครั้งต้องระวังเรื่องพลังของตนที่สูญเสียไปอย่างมาก

และสิ่งที่ฟาร์มาพึ่งใช้ไปเมื่อครู่ คือศาสตร์แห่งเทพระดับสูงซึ่งใช้พลังเวทเป็นจำนวนมากและอาจจะทำให้เขานั้นหมดสติหรือเสียชีวิตไปเลยก็ได้

เอเลนเป็นกังวลกับเรื่องนี้อย่างมาก

ถึงขนาดทำให้น้ำตาทั้งสองข้างของเธอนั้นปริออกมา

“แม้ว่าตอนนี้เธอจะโชคดีก็ตาม…. แต่ได้โปรดระวังให้มากกว่านี้ด้วยเถอะ! ฟาร์มาคุง นี่อาจจะเป็นการใช้พลังเวทในทางที่ผิดอย่างมหันต์ครั้งใหญ่ในชีวิตเลยนะ! นี่มันมากเกินไปจริงๆ!”

“ว่าไงนะ?”

“ฟังนะ เดี๋ยวฉันจะอธิบายให้ฟัง แล้วก็จับสิ่งนี้ไว้ด้วย!”

เมื่อฟาร์มาจับมันด้วยมือทั้งสองแล้ว จากนั้นมันก็เริ่มเปล่งแสงสีขาวอ่อนออกมา

แสงเริ่มจ้าออกมาเรื่อยๆ จากแกนหลักและปรอทแสดงพลังภายในนั้นก็หมุนไปมาอย่างบ้าคลั่ง

“ไร้สีและเกินขีดจำกัด..!”

เอเลนก้าวถอยหลังด้วยความกลัวจนทำให้แว่นของเธอนั้นตกพื้นและจบลงด้วยการที่เธอเหยียบมันอีกที

เลนส์แว่นราคาแพงแตกกระจาย แต่ถึงอย่างนั้นเอเลนก็ไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย

“เอ่ออออ คือแว่นของคุณมันแตกแล้วนะ”

“นี่มันเป็นไปไม่ได้”

ฟาร์มาได้หยิบกรอบแว่นที่ไร้ซึ่งเลนส์ขึ้นมา

“แล้วที่ว่าเกินขีดจำกัดนั่นหมายความว่ายังไงเหรอ?”

เอเลนผู้ซึ่งกำลังสับสนในตัวของฟาร์มาด้วยเหตุใดก็ไม่ทราบ

“ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันนั่นแหละ…… เพราะว่ามันไม่มีใครเลยที่จะมีพลังแห่งเทพเกินกว่าที่เครื่องวัดพลังจะตรวจจับได้น่ะสิ”

เอเลนได้ทำการรีดแขนเสื้อของฟาร์มาขึ้นมาและจ้องมองไปยังรอยแผลที่หลงเหลือหลังจากที่ฟาร์มาถูกฟ้าผ่า

ถึงแม้ว่าฟาร์มาจะใส่เสื้อเสื้อคลุมแขนยาวแต่ก็ยังเห็นรอยนั้นได้เพราะมันได้ส่องแสงจ้าผ่านเนื้อผ้ามาให้เห็นได้อย่างชัดเจน

และดูเหมือนเอเลนจะยิ่งเป็นกังวลมากกว่าเดิมในขณะที่เธอจ้องมองมัน

“สัญลักษณ์นี้ ไม่ว่าจะมองมันยังไงมันก็เหมือนกับตราแห่งเทพโอสถ”

“ถึงจะเป็นเหมือนที่ลอตเต้พูดจริงแต่ไม่ใช่ว่าคุณกำลังนึกมันขึ้นมาพอดีเฉยๆ หรือครับ อีกทั้งก็เป็นไปได้ที่คนโดนฟ้าผ่าทุกคนก็อาจจะเป็นอย่างนี้กันหมดก็ได้”

ฟาร์มาได้มาทราบภายหลังเมื่อเขากลับมาตรวจสอบมันจากหนังสือว่ารอยแผลนั้นคล้ายสัญลักษณ์ของเทพโอสถจริงถึงแม้มันจะเหมือนกันมากก็จริงแต่ตามความคิดของฟาร์มาเขาคิดว่า “แผลนีรูปร่างคล้ายกับลิชเทนเบิร์กมากกว่าเพราะมาจากการโดนสายฟ้า”

“ตอนเธอใช้พลังออกมารู้สึกร้อนๆ ภายในร่างกายไหม? แล้วลมหายใจเธอมีอาการสั่นหรือหายใจไม่ถนัดไหม?”

“ผมไม่มีความรู้สึกแบบนั้นเลย ผมรู้สึกเพียงแค่ว่าเหมือนมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านเข้ามาในร่างจากมิติอื่น นั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมไม่รู้สึกเหนื่อยเลยก็ได้”

“ฉันก็ว่าอย่างนั้น….. พลังจากมิติอื่น…. โดยปกติแล้วหากใช้พลังมากเกินไปจะทำให้หมดสติหรือเสียชีวิตไปเลย ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังสามารถใช้พลังได้ต่ออีกอย่างงั้นเหรอ”

เอเลนกอดอกขึ้นมาด้วยท่าครุ่นคิดถึงพลังนี้ว่ามันคืออะไร ท่าทางของเธอดูเซ็กซี่มาก

“ฟาร์มาคุง ตั้งแต่นี้ไปห้ามใช้พลังต่อหน้าสาธารณชนและห้ามบอกท่านพ่อของเธอเรื่องพลังนี้ด้วยนะ อีกอย่างต่อจากนี้ห้ามใช้พลังอย่างเต็มที่อีกนะ”

เธอได้ทำการครุ่นคิดอีกครั้ง

เพราะตอนนี้แว่นของเธอได้แตกไป เธอจึงต้องจ้องหนังสือของเธอในระยะที่ใกล้เอามากๆ จนขนาดว่าลิ้นแตะหนังสือเลยก็ว่าได้ เธอทำการยืนยันคุณลักษณะพลังของผมและได้แสดงความคิดเห็นของเธอออกมา

“ดูเหมือนว่าตอนนี้เธอจะตกอยู่ในกลุ่มของผู้ใช้ศาสตร์ไร้ธาตุซะแล้วสิ”

ดูเหมือนจะเข้าใจคุณลักษณะนี้ได้ง่ายเพราะสีที่ปล่อยออกมาจากเครื่องวัดพลังเวท

เพราะว่ามันเป็นสีขาวจึงหมายความว่าไร้ธาตุ

“ศาสตร์ไร้ธาตุนี่มันหายากมากเลยเหรอครับ?”

จากที่เขาได้ยินก่อนหน้านี้ว่าไม่มีใครที่เป็นผู้ใช้ศาสตร์ไร้ธาตุมากว่าหลายร้อยปีแล้ว

“จะพูดว่าหายากเลยก็ได้ เพราะพลังที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้นี้มันมีพลังมากพอที่จะทำให้เธอขึ้นเป็นจักรพรรดิได้เลย แล้วเธอสนใจเรื่องบัลลังก์หรือเปล่าล่ะ? มันก็จะประมาณนี้แหละ”

“แต่ไม่ใช่ว่าตระกูล เดอ เมดิซิสของเราเป็นแพทย์โอสถหลวงหรือครับ?”

หลังจากการพูดถึงเรื่องจักรพรรดิขึ้นมาอย่างกะทันหันทำให้ฟาร์มาตัวแข็งเหมือนหินไปทันที

“นั่นไม่สำคัญหรอก”

ระบบสืบทอดราชบัลลังก์ของจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิแซงต์เฟลิฟ

จะถูกพิจารณาจากอำนาจสถานะของตระกูล พลังของเทพผู้พิทักษ์และเป็นบุตรของชนชั้นสูงที่ถูกต้องตามกฎหมายซึ่งชนชั้นสูงที่มีความสามารถนั้นก็จะสามารถได้รับการเลือกจากคนของศาสนจักรขึ้นมาเป็นจักรพรรดิได้

ในกรณีของฟาร์มานั้นตอนนี้ตัวเขาได้มีพลังแห่งเทพซึ่งมากกว่าองค์จักรพรรดินีแล้ว อีกทั้งถ้ารวมสถานะทางตระกูลเมดิซิสเข้าไปก็เพียงพอแล้วที่เขาจะมีคุณสมบัติขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์ถัดไป

อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงแล้วนั่นอาจจะเป็นดาบสองคมให้กับเขาเพราะเขาอาจจะถูกลอบสังหารจากคนของจักรพรรดินีก็เป็นได้

“ว่าแล้ว เธอสนใจหรือเปล่าล่ะ?”

“ไม่เลยสักนิด ผมไม่ได้มีความสามารถในการปกครองหรอก บางที่มันคงจะเลวร้ายสุดๆ เลยครับหากพวกเขายกบัลลังก์ให้กับผม”

มันก็เหมือนกับให้เขาที่เป็นคนของฝั่งวิทยาศาสตร์ไปทำงานฝั่งของศิลปศาสตร์นั่นแหละ.

หรือจะพูดได้ว่าเขาไม่สามารถทำสิ่งที่เขาไม่คุ้นเคยได้

“ถ้าอย่างงั้นคงจะดีกว่าถ้าเก็บมันเป็นความลับใช่ไหม? งั้นวันนี้เราหยุดเรื่องเรียนไว้แค่นี้ก่อนละกันแม้ว่าเราจะยังไม่ไปถึงครึ่งหลังของบทเรียนวันนี้ก็ตาม”

เอเลนดูเหมือนจะรู้สึกโล่งใจในตอนที่เธอได้ยินว่าฟาร์มาไม่มีความสนใจเรื่องบัลลังก์

“ขอบคุณครับ อีกเรื่องหนึ่งกรุณาอย่าลืมนำแว่นนี้กลับไปด้วยนะ เพราะว่ามันยังใช้ได้หากเอากลับไปเปลี่ยนเลนส์ใหม่”

ถึงจะเป็นอย่างนั้นแต่เอเลนก็ไม่ได้ขยับไปจากจุดเดิมของเธอเลย

“ไม่กลับบ้านเหรอ?”

“ถ้าฉันไม่มีแว่นแล้วฉันจะมองไม่เห็นอะไรเลยน่ะ ถึงจะมีสำรองในคฤหาสน์ก็เถอะ”

“งั้นให้ผมพาไปส่งที่คฤหาสน์ไหม?”

ฟาร์มาได้พาเอเลนข้ามสะพานออกจากสวนสมุนไพรเพื่อกลับไปยังคฤหาสน์

เขาไม่รู้ว่าระยะวิสัยทัศน์ของเอลเลนนั้นเห็นได้ไกลเพียงใดเพราะเธอดูเหมือนไม่สามารถเห็นอะไรได้เลยในตอนนี้

“ก้าวตรงนี้ระวังด้วยนะครับ”

เขาจับมือของเธอที่ระดับสูงกว่าเขาก่อนจะพาเธอข้ามสะพานจากริมฝั่งแม่น้ำไปยังคฤหาสน์

มือที่อ่อนนุ่มของเอลเลนนั้นเย็นเฉียบ

ดูเหมือนว่าเธอจะไม่รู้สึกถึงความเย็นนี้

“มือของคุณสั่นใหญ่เลยนะ เป็นอะไรหรือเปล่า?”

“คะ-ค่ะ?”

ตามมาด้วยความเงียบชั่วขณะและทำให้บรรยากาศที่ดูน่าอึดอัดตามมาอีกที

“ฟาร์มาคุง ไม่คิดบ้างเหรอว่าบางที่เธออาจจะได้รับพลังมาจากตอนที่ถูกฟ้าผ่า?”

ได้ฟังดังนั้นฟาร์มาถึงกับต้องนิ่งไป

จากที่เอเลนได้บอกเขาก่อนหน้านี้เทพโอสถนั้นถือว่ามีอิทธิพลยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาเทพจากการกำหนดของดาวฤกษ์

“พลังที่เธอใช้เมื่อครู่ฉันคิดว่าคงไม่มีมนุษย์คนไหนทำได้หรอก”

ฟาร์มาได้รู้อย่างชัดเจนแล้วว่าเรื่องที่เขาต้องกังวลในอนาคตเป็นเช่นไรและทำให้เขาหยุดเดิน

“บางที่เธออาจจะกลายเป็นอวตาลเทพผู้พิทักษ์ของเธอที่เป็นเทพโอสถก็ได้ ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิดตอนที่เธอถูกฟ้าผ่านั้นหัวใจของเธอได้หยุดเต้นลงไปแล้วอีกทั้งตอนนี้บุคลิกของท่านก็ได้เปลี่ยนไปอีกด้วย”

(งะ…งั้นเหรอ?)

ฟาร์มาเข้าใจถึงความรู้สึกกลัวของเธอที่มีต่อเขาในตอนนี้แล้ว

ชายผู้มีพลังอำนาจมากเกินกว่าที่จะปฏิบัติเหมือนกับมนุษย์คนอื่นได้ มันเป็นความกลัวต่อผู้ครอบครองพลังแห่งพระเจ้า

“ฉันก็อยากจะเชื่อนะคะว่าเธอคือฟาร์มาคนเดิมที่ฉันรู้จัก แต่ตัวเธอในตอนนี้นั้นแตกต่างจากเดิมไปอย่างสิ้นเชิงเลย”

จากมุมมองของเธอแล้วเธอคงจะเสียชีวิตทันทีหากว่าผมใช้พลังพลาดไปเพียงนิดเดียวคิดว่านี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอมือสั่นจนไม่สามารถควบคุมได้

“เธอสามารถควบคุมพลังได้ใช่ไหม? มันคงจะไม่อาละวาดออกมาใช่ไหม?”

“ก็ไม่ค่อยเข้าใจนะ แต่ผมมั่นใจว่าสามารถควบคุมมันได้”

แม้ว่าเขาจะได้พลังมา เขาก็ไม่คิดจะเอาไปใช้ในทางที่ผิดอยู่แล้ว

(ผมมีความเชี่ยวชาญในการรักษาคนเท่านั้นนะครับ)

เขาไม่มีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องพวกวิญญาณ ถึงแม้ว่าร่างของเขาจะเปลี่ยนไปและบุคลิกของเขานั้นเป็นเหมือนเดิม

“จริงสิตอนนี้คุณก็ไม่มีแว่นแล้วงั้นมาทำแบบนี้กันดีกว่านะ”

เมื่อฟาร์มาคิดถึงเรื่องนั้นแล้วเขาก็ได้จับมือของเอเลนขึ้นมาและทำเป็นรูปวงกลมด้วยนิ้วชี้และนิ้วโป้งของเธอไว้ที่มือทั้งสองข้างของเธอและนำขึ้นมาวางไว้บนดวงตาของเขาเหมือนแว่นตา

เมื่อบรรยากาศกดดันเริ่มผ่อนคลายลงเอเลนเริ่มหัวเราะขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติ

“อุฮ่าาๆๆ ดูตลกจัง”

“ลองทำมือให้เป็นรูเล็กขึ้นเรื่อยๆ ดูนะ คิดเสียว่าถูกหลอกก็ได้”

ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่เอลเลนก็ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใดและทำตามเขาด้วยการนำมือที่เป็นแว่นตานั้นมาไว้ตรงหน้าของเธอแทน

“ที่นี้มันก็จะเริ่มเล็กลงเรื่อยๆ จนเท่ารูเข็มแล้วนะ”

“เอ๋? เอ๋ แอ๋ะ? เดี๋ยวนะเหหหหหห!?”

เธอพูดอย่างนั้นออกมาในขณะที่กรีดร้องไปด้วย

แล้วเธอก็ยิ้มอย่างสนุกสนานออกมา

“ฉันเห็นแล้ว! ฉันมองเห็นได้ไกลขึ้นแล้ว! นี่เธอไปรู้วิธีการนี้มาจากไหนกัน!?”

ในทางตรงข้ามฟาร์มาซึ่งไม่รู้จะอธิบายอย่างไรก็ทำเพียงแค่ยังไหล่ของเขาขึ้นมา

“ถ้าทำให้ช่องมองแคบลงจะเห็นได้ชัดยิ่งกว่าเดิมอีกนะ!”

ทั้งสองคนพูดกันในขณะที่ยังทำมือเลียนแบบแว่นตาอยู่

“โอ๊ะ?”

(นี่มันอะไรกัน?)

ฟาร์มารู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่เขาเห็นเมื่อมองไปยังเอลเลนที่กำลังตื่นเต้นอยู่ในตอนนี้

เมื่อเขามองไปเหนือดวงตาของเอลเลนและเห็นปลายนิ้วมือข้างซ้ายของเธอเรืองแสงสีขาวอมฟ้าออกมา

“มีอะไรติดอยู่บนหน้าของฉันเหรอ?”

เอเลนได้ลูบไล้แก้มของตัวเองไปมา

เขาได้เอามือของเธอมาดูโดยไม่รู้ตัว

“อ๊ะ!”

“อะไรกัน?”

เมื่อฟาร์มามองเอลเลนผ่านวงกลมนิ้วของเขา ข้อต่อที่สองของนิ้วหัวแม่มือซ้ายของเธอดูเหมือนจะเรื่องแสงเป็นสีขาวอมฟ้าออกมา

เมื่อเขาขยับนิ้วของเขาออกไปมันก็หายไป

สรุปได้ว่าเขาสามารถมองเห็นได้ด้วยวงกลมบนมือซ้ายของเขาเท่านั้น

ฟาร์มาได้สัมผัสกับส่วนหนึ่งของนิ้วเอลเลนตรงที่จุดเรืองแสงนั้น

“โอ่ะ โอ๊ย! ทำอะไรของเธอกัน!?”

เอเลนกรีดร้องออกมาพร้อมกับสายตาที่ดูเหมือนโกรธอยู่

“เอ๋? แต่ผมก็ไม่ใช่ใส่แรงกดอะไรลงไปมากนะครับ”

“เมื่อเช้าของวันนี้ฉันได้รับบาดเจ็บตรงนิ้วนั้นและเจ็บมากด้วย แล้วเธอรู้ได้ยังไงกันว่านิ้วของฉันเคล็ดอยู่ ฉันก็ไม่ได้พันผ้าพันแผลไว้นี่!”

“นิ้วเคล็ด?”

หลังจากที่ฟาร์มาพูดแบบนั้นสีขาวอมฟ้าก็กลายเป็นสีขาวอย่างสมบูรณ์

หลังจากได้ทดลองพยายามหลายๆ อย่างเขาก็ได้ผลลัพธ์สรุปมาว่า ถ้าเขาทำเครื่องหมายวงกลมไว้ที่มือซ้ายของเขาและใส่พลังเข้าไปจะสามารถมองเห็นอาการของผู้ป่วยซึ่งจะมีสีขาวอมฟ้าและจะเปลี่ยนสีไปเมื่อสามารถระบุได้ว่าเป็นโรค หรือ อาการผิดปกติอะไร

“นี่มันน่าตกใจจริงๆ”

“นี่มันเหมือนกับจักษุแห่งเทพโอสถเลยนี่นา ฟาร์มาคุง เธอกลายเป็นอย่างที่ฉันคิดไปแล้วจริงๆ ด้วย อ๊าาาาา!”

ตามตำนานของเทพโอสถกล่าวว่าพระองค์มีดวงตาที่สามารถตรวจพบอาการเจ็บป่วยได้ทุกประเภทและจะสามารถประทานยาได้ถูกต้องตามชนิดของอาการ

ทันใดนั้นเอเลนก็ได้ชี้ไปที่เท้าของฟาร์มาขณะที่ปากของเธอกำลังเปิดๆ ปิดๆ อยู่ด้วยความตกใจ

“เธอไม่..เธอไม่มีเงา!”

ใต้ฝ่าเท้าของฟาร์มาที่อยู่ตรงหน้าเธอนั้นไม่มีเงาอยู่

“กรี๊ดดดดดดดดดดด———!?”

อย่างที่คิดเพราะฟาร์มานี่เอง

“ฉันไม่..ฉันจะไม่พูดอะไรหรือบอกใครทั้งสิ้นเลยค่ะว่าท่านเป็นร่างสถิตแห่งพระเจ้า จะไม่พูดด้วยค่ะว่าท่านมันเป็นเหมือนสัตว์ประหลาดเพราะฉะนั้น……………….ช่วยฉันด้วยค่าาาาาาาาาาาาาา!”

เอเลนที่ดูเหมือนรับรู้ได้ถึงอันตรายบางอย่างต่อตัวเองได้วิ่งหนีออกไปด้วยความรวดเร็วจนสะดุดล้มลง

ดูเหมือนว่าเธอจะกลัวมากจนเผลอปากรอบแว่นตาของเธอออกไปอีกครั้ง

“ผมจะทำยังไงดีล่ะ?”

ฟาร์มาได้แต่ตั้งท่ายอมแพ้อย่างใจจริง

มันคงจะไม่มีใครสังเกตเห็นได้ชัดหากเป็นในคฤหาสน์ที่มีเงาและความมืดอยู่ แต่หากเป็นด้านนอกที่มีแสงสว่างอยู่มากนั้นอาจจะทำให้สังเกตเห็นได้ง่าย

เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหวังให้เอเลนเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ

แต่แน่นอนว่าสักวันหนึ่งเขาคงจะถูกเปิดโปงเรื่องที่ไม่มีเงาและคงจะถูกข่มขู่หรืออะไรทำนองนั้นแน่นอน

เขารู้สึกปวดหัวในขณะที่คิดแบบนั้นอยู่

ขณะที่เขากำลังก้าวข้ามสะพานไปเขาก็เห็นร่างของเอเลนล้มลงอย่างงดงามอยู่ข้างหน้าเขา

ดูเหมือนว่าต้องใช้เวลาสักพักในการปรับความเข้าใจผิดนี้

____________________________________________________________

“ยินดีต้อนรับกลับค่ะ!”

“กลับมาแล้วครับ”

ฟาร์มาได้กลับมายังคฤหาสน์หลังจากเดินฆ่าเวลาช่วงเย็นไปจากนั้นเขาก็ได้มองไปยังลอตเต้ที่อยู่ในห้องนี้ด้วย [จักษุเทพ]

จากนั้นมือของหญิงสาวที่ทำงานหนักจากการซักผ้าและงานครัวกำลังเปล่งแสงสีน้ำเงินสลัวเขาเห็นผิวแตกลายเป็นจำนวนมาก

“ [ผิวแตกลาย] ”

แสงสีฟ้าในมือของเธอได้กลายเป็นสีขาว

ดูเหมือนว่าจะเป็นคำตอบที่ถูกต้อง

เขาได้ทำการสร้างสสารที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวซึ่งเป็นเหมือนโลชั่นที่มีกลิ่นหอมของดอกไม้ใส่ไว้ในขวดที่มีริบบิ้นน่ารักๆ ซึ่งผู้หญิงน่าจะชอบ

“ว๊าว! สิ่งนี้คือ?”

“นี่คือของแทนความรู้สึกขอบคุณของผมครับที่มอบให้กับคุณ นำไปใช้ทาผิวก่อนเข้านอนผิวจะกลับมาเรียบเนียนครับแล้วก็ยังสามารถเอาไปใช้กับใบหน้าก็ได้นะ”

“ค่ะ! ดีใจจังเลย!”

ลอตเต้รู้สึกดีใจอย่างมากจนไม่อาจเอื้อนเอ่ยคำพูดใดๆ ออกมาได้อีก

ท่าทางที่เหมือนอยากจะเต้นรำออกมาด้วยความสุข

“ขอให้แม่ของฉันได้ใช้ด้วยได้หรือเปล่าคะ? มือของท่านก็หยาบและแห้งเหมือนกัน”

ลอตเต้ได้ยกขวดขึ้นสูงและหมุนไปมารอบๆ ตรงใบหน้าของเธอยิ้มออกมาอย่างบริสุทธิ์ด้วยความยินดี

“แน่นอนครับ”

วันต่อมาลอตเต้และแม่ของเธอได้เข้าไปในเมืองเพื่อแสดงมือที่นุ่มนวลของพวกเธอที่ได้รับโลชั่นมาจากฟาร์มา

“นี่มันมหัศจรรย์มากเลยค่ะ! ทุกๆ คนอยากจะได้มันมาก!”

ว่ากันว่าสิ่งที่ใช้ในการดูแลสุขภาพมือนั้นมีเพียงน้ำมันและครีมทา ซึ่งทั้งสองก็ต่างเป็นของที่มีราคาแพง

และสำหรับของที่มีราคาแพงเหล่านั้นได้ถูกผูกขาดไว้ด้วยกิลด์แพทย์โอสถหมดแล้ว

“คุณผู้หญิงบางครั้งก็มอบยานั้นให้กับคุณแม่นะคะ แต่ยาดังกล่าวนั้นมีราคาแพงเกินกว่ามีสามัญชนทั่วไปจะเข้าถึงได้จริงๆ”

ขณะที่มองไปยังด้านหลังของลอตเต้ผู้ทักทายเขาด้วยความร่าเริงและกลับไปยังห้องใต้หลังคา เขาคิดว่าสามัญชนทั่วไปควรสามารถซื้อยาเหล่านี้ได้อย่างสบายใจ ถ้าเขาเสนอราคาที่เหมาะสมนี้ออกไปให้กับพวกนั้นอาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้

แต่เดิมที่ตัวเขานั้นก็เป็นเภสัชกรที่ทุ่มเทอย่างมากและเสียชีวิตในการพัฒนาแผนใหม่เพื่อรักษาผู้คน

เขาต้องการช่วยเหลือคนในโลกนี้ด้วยความสามารถความรู้เทคนิคที่เขามี

นอกจากนี้ฟาร์มายังไม่ต้องการที่จะให้เรื่องที่เขาไม่มีเงามาเป็นปัญหาด้วยเพราะอาจทำให้เขาถูกตราหน้าว่าเป็นพวกนอกรีตที่ไม่ใช่มนุษย์

เพื่อจะหลีกเลี่ยงการถูกกล่าวหาว่าเป็นสัตว์ประหลาดและถูกข่มเหงหรือถูกฆ่า เขาต้องทำให้ผู้คนรอบตัวของเขานั้นยอมรับ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เลวร้ายเหล่านั้นขึ้น เขาต้องแสดงให้เห็นว่าตัวเขานั้นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้คนอย่างมาก และเพื่อที่จะได้ทำงานได้อย่างสะดวกด้วย

เพื่อที่จะสามารถกระจายยาให้กับประชาชนในโลกใบนี้ได้เขาต้องการที่จะเปิดร้านขายยาขึ้นมาในอนาคต อีกทั้งต้องขอความร่วมมือจากพี่ชายของเขาในฐานะคู่ค้าทางธุรกิจเพื่อสนับสนุนเขาในการกระทำดังกล่าว

ฟาร์มาได้เริ่มคิดแผนสำหรับอนาคตภายภาคหน้า

———————-