นที่ 6 ข้อตกลงและงานเอเลน

—————

ในเช้าวันถัดมาบรูโนได้รับจดหมายจากนกพิราบสื่อสารที่ส่งมาจากเอเลน

เนื้อความกล่าวว่า เธอมีอาการไข้สูงในวันนี้จึงจำเป็นต้องทำการหยุดสอน อีกทั้งเธอยังบอกว่าอยากจะลาออกจากการเป็นครูสอนพิเศษ ด้วยเหตุนี้บรูโนจึงได้เรียกฟาร์มาเข้าพบ

“ดูเหมือนวันนี้เธอจะลาหยุดเนื่องจากไข้ขึ้นสูง อีกทั้งยังมีความทุกข์ใจเกี่ยวกับฝันร้ายที่เธอได้เจอเมื่อคืนอีก….มันแปลกๆนะเรื่องนี้”

ฟาร์มาไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้เพราะตัวเขานั้นอาจจะเป็นสาเหตุของฝันร้ายนั้น ซึ่งในกรณีนี้อาจจะทำให้เธอไข้ขึ้นสูงตามมาด้วย

“ลาออกจากการเป็นครูสอนพิเศษงั้นเหรอ นี่ล้อกันเล่นหรือเปล่า ทั้งที่ฉันบอกเธอไปแล้วแท้ๆว่าการมีลูกศิษย์และสั่งสอนพวกเขานั้นก็เป็นส่วนหนึ่งในงานของแพทย์”

ฟาร์มาคิดว่าคงจะดีกว่าถ้าปล่อยให้เอเลนอยู่คนเดียวในตอนนี้ ในขณะที่บรูโนพูดต่อมา

“พ่อคิดว่าบางทีเจ้าควรจะมีประสบการณ์เกี่ยวกับการรับมืออาการไข้บ้าง ดังนั้นช่วยเอาสิ่งนี้ไปส่งให้เธอที”

และสุดท้ายก็มาลงเอยที่เราอีกแล้ว

อ้าาา….. แววตาของฟาร์มาได้เปลี่ยนไปเหมือนกันปลาตาย

(ถ้าหากเราไปตอนนี้ไม่ใช่ว่ามันจะทำให้สถานการณ์มันแย่ลงกว่าเดิมหรือ? ให้ตายสิ..บางทีเธออาจไม่รับยาจากเราเลยด้วยซ้ำ)

ถึงจะพูดอย่างนั้นก็ตามเขาก็ไม่อาจจะขัดคำสั่งของพ่อเขาได้

สุดท้ายแล้วฟาร์มาก็ขึ้นรถม้าออกไปโดยได้รับคำสั่งให้นำยารักษาไปส่งให้กับเอเลน

“นายน้อยครับ พวกเรามาถึงคฤหาสน์ของตระกูลบอนฟัวแล้วครับ”

คนขับได้เข้ามาเคาะประตูรถที่ฟาร์มานั่งอยู่

“ขอบคุณครับ”

แม้จะเป็นการเดินทางที่เดิมไปด้วยหินตามทาง แต่ในที่สุดเขาก็ได้มาถึงคฤหาสน์ที่สวยงามนี้ เอเลโอนอร์ บอนฟัว บุตรสาวเอิร์ลบอนฟัว แม้จะไม่ได้มีขนาดใหญ่เท่าคฤหาสน์ของฟาร์มา แต่มันก็ใหญ่เกินกว่าที่จะมาอยู่บริเวณนอกเขตตัวเมืองหลวง คฤหาสน์ถูกออกแบบในสไตล์เรเนสซองที่ถูกจัดวางมาเป็นอย่างดี

“ได้โปรดให้อภัยกับลูกสาวผู้ไร้ความสามารถของกระผมเพราะในตอนนี้เธอรู้สึกไม่สบายจึงไม่อาจออกมาต้อนรับได้ ดังนั้นหากท่านมีเวลสักเล็กน้อยขอเรียนเชิญท่านไปรอยังห้องรับรองด้วยครับ”

เพราะว่าบุตรชายของแกรนดยุกได้เข้ามาพบเป็นการส่วนตัว ดังนั้นพ่อของเอเลน เอิร์ลบอนฟัวจึงออกมาเป็นผู้ต้อนรับที่โถงทางเข้าด้วยตัวเอง

“ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะครับ แต่ถ้าหากเธอรู้สึกไม่สบายขนาดนั้นเพื่อไม่เป็นการรบกวนแล้วผมก็จะกลับก่อนแล้วกันนะครับ แล้วก็กรุณามอบสิ่งนี้ให้กับอาจารย์เอเลโอนอร์ด้วยครับ”

จดหมายของบรูโนได้ถูกส่งไป โดยเนื้อความภายในมีเนื้อหาบอกเธอว่าหากเธอต้องการจะลาออกเธอก็ไม่ควรจะหนีมาแบบนี้และยังบอกอีกว่าเธอจำเป็นต้องเป็นครูสอนพิเศษต่อไปหลังจากอาการไข้หายไปแล้ว

“สำหรับท่านที่อุตส่าห์เดินทางมาถึงที่แห่งนี้กระผมคงไม่อาจจะส่งท่านกลับได้ทันที กระผมจะไปเรียกเธอมาที่นี่ให้ครับ”

“แต่ตอนนี้เธอมีไข้สูงอยู่นะครับ”

“ยังไงเธอก็ต้องมาครับแม้ว่าจะต้องคลานมาก็ตาม”

ฟาร์มาไม่ได้มีความตั้งใจที่จะพบเธอเลยแม้แต่น้อยถึงอย่างนั้นเขาก็ได้ถูกพาตัวไปยังของรับแขกโดยท่านเอิร์ลเรียบร้อยแล้ว

ขณะที่กำลังคิดอะไรอยู่เอเลนก็ได้เข้ามาในห้องทางประตูแม้ตอนแรกจะไม่มั่นใจว่าเป็นเธอเนื่องจากหมวกเหล็กที่เธอสวมได้เปิดออกมาเพียงครึ่งเดียวจนเขาต้องพยายามมองอย่างละเอียดอีกที

“เอเลนสินะ? ผมขอโทษที่มารบกวนคุณ”

“เธอมาที่นี่ทำไมกัน? หรือว่าเธอมาที่นี่เพื่อฆ่าฉันที่บังอาจไปรู้ความลับเข้า!? อย่างนั้นใช่ไหม!?”

“ไม่ใช่อยู่แล้ว! ก่อนอื่นกรุณานั่งลงก่อนเถอะ”

ฟาร์มาได้ยกมือทั้งสองข้างของเขาขึ้นเพื่อยืนยันว่าตอนนี้เขาไม่มีคทาแห่งเทพ

ในทางกลับกันตัวของเอเลนตอนนี้นั้นได้อยู่ในสภาพติดอาวุธเต็มอัตราศึก เธอสวมชุดเกราะที่ดูเหมือนจะมีความสามารถในการต้านทานพลังแห่งเทพและมีเพียงดวงตาของเธอเท่านั้นที่ผมสามารถมองเห็นได้ อีกทั้งตัวเธอยังมีคทาแห่งเทพระดับสูงถึง3เล่ม ดูเหมือนว่าจะตั้งใจเข้ามาสู้เป็นอย่างมาก

แม้ว่าตอนนี้เธอจะเข้ามาในห้องแล้วก็ตามแต่เธอก็ยังตัดสินใจที่จะออกห่างจากฟาร์มา โดยการเอาหลังเข้าไปติดกับผนังห้อง ฟาร์มาได้ตรวจสอบอาการเธอด้วยจักษุเทพ ดูเหมือนว่าไข้จะขึ้นสูงจริงและมีอาการสั่น การที่จะสวมชุดเกราะที่ปกคลุมร่างกายทั้งหมดนั้นสำหรับคนที่ป่วยอยู่คงจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากแน่นอน

“ท่านพ่อ ผมสั่งให้เอายามาให้คุณ ดูนี่สิ”

ฟาร์มาได้วางขวดยาสีเขียวที่ดูน่าสงสัยลงบนโต๊ะรับแขก เนื่องจากยาดังกล่าวดูเหมือนจะมีผลเหมือนยาชูกำลัง เมื่อฟาร์มาตรวจสอบสูตรยาของพ่อเขาแล้วเขาจึงได้ทำการปรับปรุงสูตรยาขึ้นมาใหม่ที่จะช่วยลดอาการหนาวสั่นของเธอลงได้ด้วย

“ทำไมท่านอาจารย์ถึงได้….ทั้งๆที่ฉันเองก็สามารถรักษาอาการไข้ด้วยยาลดไข้ที่ปรุงเองได้อยู่แล้วทำไมถึงยังต้องทำเรื่องแบบนี้ด้วย?”

(ถ้าเธอมาลาออกจากการเป็นครูสอนเพราะไข้แล้วมันก็ไม่ใช่ว่ายาที่เธอทำมันไม่ได้ผลเหรอ?)

ฟาร์มาคิดแต่ไม่ได้พูดมันออกมา

“เดี๋ยวผมจะเตรียมยาไว้ให้ ผมอยากให้ใช้สิ่งนี้กับนิ้วมือที่เคล็ดของคุณด้วย”

เขาได้บดยาแก้ปวดที่มีผลลดอาการอักเสบ ซึ่งดูจะได้ผลมากที่สุดในขณะนี้

“แล้วก็คุณทิ้งกรอบแว่นนี้ไว้”

เขานำแว่นสำรองที่เธอลืมไว้ในคฤหาสน์ของเขามาด้วย

ฟาร์มาวางแว่นตาที่ห่อด้วยผ้าและกรอบแว่นตาไว้บนโต๊ะรับแขก

“โอ้ ขอบคุณนะ”

เอเลนเริ่มลดการ์ดลงเล็กน้อย

“คุณจะออกจากการเป็นครูสอนพิเศษจริงเหรอ? เพราะผมได้ยินมาอย่างนั้น”

“ใช่แล้ว มันจะมีอะไรที่ฉันจะสามารถสอนเธอในตอนนี้ได้อีกกันล่ะ? แล้วเธอก็ยังเป็นร่างสถิตของเทพโอสถอยู่ด้วยรู้หรือเปล่า? แล้วครูสอนพิเศษมันยังจำเป็นอีกงั้นเหรอ ยังไงเธอก็สามารถยืนได้ด้วยพลังของเธออยู่แล้ว?

ในที่สุดเอเลนก็ตัดสินว่าฟาร์มานั้นเป็นเทพโอสถกลับชาติมาเกิด

“ไม่หรอก ยังไงผมก็คิดว่าตัวเองยังเป็นมนุษย์อยู่ครับ อีกทั้งความรู้ทางศาสตร์แห่งเทพของผมก็ยังมีจุดที่ผมไม่เข้าใจอีกหลายอย่างเลย”

แม้ว่าฟาร์มาจะบอกว่าตัวเองเป็นมนุษย์ก็ตามที่ แต่ลึกๆแล้วเขาก็ยังไม่ค่อยมั่นใจกับสภาพของตัวเองในตอนนี้เท่าไรนัก

“ฟาร์มาคุง แล้วเธอจะอธิบายยังไงเกี่ยวกับสิ่งนี้? คนปกติเขาต้องมีเงากันสิ อ้า! แล้วทำไมต้องมีแต่ฉันที่รู้เรื่องนี้เพียงคนเดียวกันล่ะ ทำไมคนอื่นในคฤหาสน์ของตระกูลเมดิซิสไม่สังเหตุเห็นกันเลยนะ?”

ก็เพราะในคฤหาสน์มันค่อนข้างมืดสลัวนี่นา ฟาร์มาตอบคำถามนั้นในใจ

เอเลนถอดหมวกเหล็กของเธอออกและทุบมันลงที่โต๊ะ บางที่อาจจะเป็นเพราะความร้อนจนถึงจุดเดือดในชุดเกราะก็เป็นได้

“ผมอยากให้คุณเป็นครูสอนผมต่อไปนะ ผมอยากให้คุณสอนผมหลายๆสิ่งหลายๆอย่างต่อจากนี้ด้วย”

“เอ๋?”

สีหน้าของเอลเลนได้แสดงถึงความตกใจเป็นอย่างมาก

ดูเหมือนว่าหนังสือในคฤหาสน์ของฟาร์มาจะไม่มีหนังสือที่มีความเกี่ยวของกับศาสตร์แห่งเทพโดยตรงอีก ทั้งคนทั่วไปก็คงไม่เห็นความสำคัญของศาสตร์แห่งเทพเท่าไรนักเพราะในความเป็นจริงมีคนจำนวนไม่มากเท่านั้นที่สามารถใช้ศาสตร์แห่งเทพได้ ดังนั้นฟาร์มาจึงอยากให้เอเลนอยู่ในสถานะเป็นครูสอนเขาต่อไป ไม่อย่างนั้นฟาร์มาอาจจะต้องลำบากอย่างมากเพราะเขาไม่รู้ว่าจะควบคุมพลังของเขาให้ดีได้อย่างไร

“ถ้าฉันปฏิเสธเธอจะฆ่าฉันที่รู้ความลับของเธอหรือเปล่า?”

“ผมไม่ทำอย่างนั้นหรอก เสร็จเรื่องนี้แล้วก็กลับคฤหาสน์เพียงเท่านั้น”

“อะไรกัน?”

“ตอนคุณถอดหมวกเหล็กออกเมื่อกี้ ดูเหมือนแว่นตาที่วางอยู่บนโต๊ะจะแตกอีกแล้วนะ”

เขาพยายามที่จะห้ามก่อนหน้านี้เหมือนกันแต่เหมือนจะไม่ทัน

“ว๊ายยยยยย!?”

ฟาร์มาคิดว่าเอเลนนั้นไม่มีโชคกับแว่นตาเอาเสียเลยขณะที่ออกจากคฤหาสน์ของบอนฟัว

วันถัดมา

“ฟาร์มาคุงมาเริ่มเรียนศาสตร์แห่งเทพกันเถอะ! วันนี้ฉันจะเข้มงวดให้เป็นพิเศษเลย!”

หลังจากทานมื้อเช้าเสร็จเอเลนได้เดินทางไปยังคฤหาสน์ของครอบครัวเมดิซิสคนเดียวด้วยม้า “ในสภาพติดเกราะเต็มอัตราศึกพร้อมรบ”

“คือคุณจะมาสอนผมหรือจะมาสู้กับผมกันแน่เนี่ย?”

“ก็ต้องมาสอนอยู่แล้วสิ แค่เตรียมไว้เผื่อกรณีฉุกเฉินเท่านั้นเอง ก็ช่วยไม่ได้นี่ ทำไมเธอถึงไม่บอกฉันก่อนว่าไม่มีความรู้ด้านศาสตร์แห่งเทพเลย ฉันละกังวลจริงๆว่าเธอจะไประเบิดราชวังหรือเปล่า แล้วฉันอาจจะถูกหางเลขไปด้วยก็ได้ ฉันยังไม่อยากจะตายเอาตอนนี้นะ ว่าล้วก็เราจะไปฝึกกันที่เกาะที่ไม่มีคน กันดีกว่านะ”

เอเลนกล่าวเรื่องที่ว่ามาทั้งหมดในลมหายใจเดียวดูเหมือนจะมีความร้อนออกมาจากชุดเกราะของเธอด้วย

ฟาร์มาที่ตอนนี้ไร้ซึ่งอาวุธใดๆก็เกิดความรู้สึกสงสารต่อเอเลนผู้ติดอาวุธมาเต็มอัตราศึกเหมือนอัศวินหญิงที่พยายามจะเสี่ยงชีวิตของเธอเข้าสยบมารร้ายที่ถือกำเนิดขึ้นมา

“แล้วตอนนี้ร่ายกายของคุณไม่เป็นไรแล้วเหรอ?”

“ตอนนี้ฉันหายดีแล้ว ยานั้นมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ยาที่เธอบดให้ก็เหมือนกันมันได้ผลมากเลยทีเดียว”

เอเลนลงมาจากหลังม้าแล้วเดินมาหาฟาร์มา

“ฉันไม่รู้ว่าส่วนผสมพวกนั้นมันคืออะไรกันแน่ ทำไมมันถึงได้แสดงผลออกมาได้ดีขนาดนั้นกัน?”

เอเลนขยับแว่นตาใหม่ของเธอขึ้นแล้วจ้องมองไปยังดวงตาของฟาร์มา

“คุณรู้ด้วยเหรอ ว่ามันต่างจากยาปกติ”

ทั้งๆที่มันไม่น่าจะมีความต่างกับยาชนิดอื่นเรื่องรสที่จืดชืด แต่เธอก็ยังสามารถรู้ได้เหตุผลบางอย่าง ฟาร์มารู้สึกชื่นชมเธออยู่พอสมควร

“แน่อยู่แล้วสิ ถึงจะเห็นแบบนี้แต่ฉันก็เป็นแพทย์โอสถชั้นเลิศคนหนึ่งเลยนะ ดังนั้นให้อภัยไม่ได้หรอกที่ฉันคนนี้ไม่รู้ว่ายาชนิดนั้นมันคืออะไร”

ฟาร์มาเริ่มมั่นใจแล้วว่านี่คือเหตุผลที่เธอกลับมา เธอมีความเป็นมืออาชีพสูงมากทีเดียว

“ฉันอยากจะเรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับศาสตร์แห่งเทพโอสถ!”

ในที่สุดเอเลนก็เริ่มเรียกเขาว่าเทพโอสถ ดูเหมือนคุณค่าการดำรงอยู่ของเขาต่อเอเลนนั้นได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมากทีเดียว

“เอ่อคือ มันไม่ใช่ศาสตร์แบบนั้นนะ”

“มันเป็นความลับงั้นเหรอ? เหมือนกับที่ไม่มีเงาหรือเปล่าแล้วถ้าอย่างนั้นคนอื่นก็รู้เรื่องนี้แล้วเหมือนกันงั้นเหรอ?

“มีแค่คุณที่รู้เรื่องนี้”

พวกเขาต้องทำงานในที่สาธารณะกันอยู่แล้วดังนั้นจึงต้องพยายามทำตัวให้เหมือนคนปกติเพื่อไม่ให้ใครรู้เรื่องนี้ ฟาร์มาจึงทำสัญญากับเอเลน

เอเลนจะสอนฟาร์มาเกี่ยวกับศาสตร์แห่งเทพในขณะที่ฟาร์มาจะสอนเภสัชศาสตร์แขนงใหม่ให้กับเธอด้วยข้อตกลงนี้จึงทำให้เอเลนนั้นกลับมาทำการสอนอีกครั้ง

และเมื่อพ่อของฟาร์มาได้รู้ข่าวว่าไข้ของเอเลนนั้นหายไปเพียงชั่วข้ามคืนและกลับมาสอนเหมือนเดิม เขาก็กล่าวขึ้นมาว่า “มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วสิ!” และดูเหมือนความมั่นใจในตัวเองด้านการปรุงยาของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก

จากตรงนี้ทั้งสองได้ออกไปแลกเปลี่ยนความรู้กันบริเวณเกาะแถบชายฝั่งที่ไม่มีผู้คน

ในช่วงเวลานั้นได้มีเกาะเล็กๆบริเวณแถบชายฝั่งของจักรวรรดิแซงต์เฟลิฟหลายแห่งที่ไม่มีใครอาศัยอยู่หายไปจากแผนที่โดยไม่มีผู้ใดสามารถหาคำอธิบายได้

อย่างไรก็ตามในตอนนี้เอเลนสามารถจะเข้าหาฟาร์มาได้โดยไม่ต้องระวังตัวอะไรอีกต่อไปแล้วเพราะผลจากการเรียนรู้ซึ่งกันและกันของทั้งสอง

ตอนนี้เธอไม่จำเป็นต้องสวมเกราะป้องกันศาสตร์แห่งเทพอีกต่อไป

——–