ตอนที่ 140 ทําไม่ได้ก็ลาออกไป!

“เอ่อ..”

ผู้เฒ่ากู่มีสีหน้าท่าทางลังเล คล้ายต้องการจะพูดอะไรออกมา แต่แล้วกลับหยุดนิ่งไปอย่างนั้น

“อาวุโส มีอะไรจะพูดก็พูดออกมาได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ!” หลินหนานยิ้มให้กับชายชรา

ผู้เฒ่ากู่ทําสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็พูดขึ้นว่า “คุณชายหลิน อีกสามวันจะมีการประชุมแลกเปลี่ยนความรู้ทางการแพทย์ขึ้นในเมืองเจียงไฮว ผมอยากจะขอเชิญคุณชายหลินไปร่วมประชุมด้วย…”

“การประชุมแลกเปลี่ยนความรู้ทางการแพทย์?! ไม่ล่ะ ผมไม่สนใจ!”

หลินหนานปฏิเสธโดยแทบไม่ต้องคิด เพราะตั้งแต่เล็กจนโต สิ่งที่เขาเบื่อหน่ายและรําคาญใจที่สุดก็คือ การประชุมในทุกๆเรื่อง และเพียงแค่นึกถึงภาพที่ต้องไปนั่งทนฟังบรรดาชนชั้นสูงที่ไม่ได้มีความรู้จริง พล่ามแข่งกันในห้องประชุม เขาก็ถึงกับง่วงนอนขึ้นมาทันที!

อีกอย่าง.. เขาไม่ชอบที่จะเอาทองไปลูบกระเบื้อง!

ผู้เฒ่ากู่ถึงกับแสดงสีหน้าแสดงความเสียดายออกมาอย่างชัดเจน ปากก็พยายามโน้มน้าวหลินหนานต่อ

“น่าเสียดาย! ความจริงผมต้องการที่จะอาศัยโอกาสนี้ แนะนําคุณชายหลินให้กับบรรดาสมาชิกของสมาคมแพทย์แผนจีนได้รู้จัก แต่ในเมื่อคุณชายหลินไม่สนใจ ผมก็ไม่อยากบังคับฝืนใจ..”

“ขอบคุณอาวุโสที่เข้าใจ!” หลินหนานพยักหน้าพร้อมกับยิ้มกว้าง

“ผมได้ยินมาว่าครั้งนี้จะมีการนําสมุนไพร และยาหายากมาประมูลกันด้วย น่าเสียดาย.. ผมคิดว่าคุณชายหลินน่าจะสนใจซะอีก!” ผู้เฒ่ากู่พ้อต่ถอนหายใจด้วยความรู้สึกผิดหวัง

“สมุนไพรและยาหายากงั้นเหรอ?!” คิ้วทั้งสองข้างของหลินหนานเลิกขึ้นสูงทันที

“ใช่! ในงานไม่ได้มีเพียงแค่ผู้ผลิตยามาร่วมประชุมแลกเปลี่ยนเท่านั้นนะ แต่ยังมีการนําพวกสมุนไพร และยาที่ไม่มีในท้องตลาดมาให้ผู้เข้าร่วมประชุมประมูลกันด้วย..” ผู้เฒ่ากู่พยักหน้าพร้อมกับย้ำอีกครั้ง

“อาวุโส.. ทําไมถึงไม่บอกผมตั้งแต่แรก! การประชุมครั้งนี้จะขาดผมไปได้ยังไงล่ะใช่มั้ย?” หลินหนานยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาว

ผู้เฒ่ากู่ถึงกับตกตะลึงไปเล็กน้อย ในใจก็ได้แต่คิดว่า..

ทําไมถึงได้เปลี่ยนใจเร็วแบบนี้?

เมื่อครู่ ยังยืนกรานปฏิเสธที่จะไม่เข้าร่วมอยู่เลย!

แต่เมื่อหลินหนานยอมไปร่วมประชุมด้วยแบบนี้ ผู้เฒ่ากู่ก็ถึงกับยิ้มออกมาอย่างมีความสุขเช่นกัน จากนั้นจึงได้บอกรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่จัดงาน และข้อมูลการติดต่อให้กับหลินหนานรู้ แล้วทั้งคู่ต่างก็ร่ำลากัน

แต่ก่อนที่จะแยกย้าย ผู้เฒ่ากู่ก็เป็นฝ่ายพูดเชื้อเชิญหลินหนาน “คุณชายหลิน ตั้งแต่แยกจากกันคราวนั้น หลานสาวของผมก็ถามถึงคุณตลอด เวลานี้เธอไปเรียนทําอาหารมา ไม่ทราบว่าคุณชายหลินอยากจะไปชิมอาหารฝีมือของหยุนลิ่วบ้างมั้ยล่ะ?”

ผู้เฒ่ากู่ดูออกว่าหลานสาวของตนนั้น ชื่นชอบและสนใจในตัวหลินหนานมาก เขาจึงต้องทําหน้าที่เป็นผู้เฒ่าจันทราไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“ฮ่าๆๆๆ ถ้ามีเวลาผมต้องไปชิมรสชาดอาหารฝีมือของเธอแน่!” หลินหนานหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี

“ถ้าอย่างนั้นผมก็จะรอข่าวดีจากคุณชายหลิน..” ผู้เฒ่ากู้ตอบหลินหนาน แล้วต่างฝ่ายต่างก็แยกย้ายกันไปจริงๆ

หลังจากที่ผู้เฒ่ากู่เดินออกไปแล้ว หลินหนานก็หันไปมองหน้าอกใหญ่โตของฉินเสี่ยวยู่ เธอยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน..

“หลินหนาน.. ฉันคิดไม่ถึงจริงๆว่านายจะมีชื่อเสียงขนาดนี้! ดูท่าอาวุโสกู่คงจะรัก แล้วก็ชื่นชอบในตัวนายมากด้วย! แล้วหลานสาวของเขาก็น่าจะชอบนายมากด้วยเหมือนกัน นี่ถ้านายได้เป็นลูกเขยของอาวุโสกู่ คงจะสบายไปตลอดชาติเลยล่ะ” ฉินเสี่ยวยพูดขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

หลังจากที่แม่ของเธอพ้นขีดอันตรายแล้ว ฉินเสี่ยวยู่ก็รู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก เธอจึงค่อนข้างผ่อนคลาย และมีอารมณ์ที่จะหยอกเย้าหลินหนานเล่น

แต่หลินหนานกลับรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ พร้อมกับตอบไปว่า “ไม่! หลานสาวของเขาไม่ใช่ผู้หญิงในสเปคของผม!”

ฉินเสี่ยวยู่ขมวดคิ้วเข้าหากัน พร้อมกับถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น “เหรอ?! ถ้าอย่างนั้นนายชอบผู้หญิงแบบไหนกัน?”

“ผมเหรอ.. ชอบผมผู้หญิงหน้าตาสวยๆ แล้วก็หน้าอกใหญ่ๆ!” ระหว่างที่พูดประโยคสุดท้ายนั้น หลินหนานก็จงใจมองไปที่หน้าอกของฉินเสี่ยวยู่

มีหรือที่ฉินเสี่ยวยู่จะไม่รู้ว่า หลินหนานเพียงแค่หยอกเย้าเธอเล่นเท่านั้น?

แต่ถึงอย่างนั้น ฉินเสี่ยวยู่ก็ถึงกับหน้าแดงก่ำ แต่ก็แกล้งทําเป็นใจกล้ายืดอกใหญ่โตใส่หน้าหลินหนาน พร้อมกับพูดจาท้าทาย

“ก็ดีสิ! ฉันไม่มีปัญหาถ้าเราสองคนจะตกร่องปล่องชิ้นกัน!”

หลินหนานถึงกับนิ่งไปด้วยความตกตะลึง เมื่อเห็นหน้าอกใหญ่โตของหญิงสาวยื่นเข้ามาตรงห

ทําไมจู่ๆเสี่ยวยู่ถึงได้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือแบบนี้นะ? ปกติเธอต้องอายม้วนไปแล้วนี่!

“ทําไม? ไม่กล้าเหรอ?” ฉินเสี่ยวยู่ยังคงท้าทายไม่หยุด

“แย่แล้ว! ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีธุระด่วนต้องรีบไปทํา ลืมซะสนิทเลย!” หลินหนานร้องตะโกนบอกฉินเสี่ยวยู่ แล้วรีบวิ่งออกไปจากโรงพยาบาลทันที

ที่! คิดจะหนีเหรอ? นายหนีฉันไม่พ้นหรอก!

ที่แท้ก็เก่งแต่ปาก!

ฉินเสี่ยวยู่จ้องมองแผ่นหลังของหลินหนานที่วิ่งห่างออกไป พร้อมกับยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย..

“ฮู่วว..”

หลินหนานถึงกับเปาลมออกจากปาก หลังจากวิ่งหนีออกมาได้..

ผู้หญิงสมัยนี้น่ากลัวชะมัด!

โลกนี้ช่างเต็มไปด้วยอันตราย ผู้ชายบริสุทธิ์โลกสวยอย่างฉันคงจะอยู่ยากขึ้น!

แต่ในระหว่างที่หลินหนานกําลังเดินไปตามท้องถนน และครุ่นคิดอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงของเขาก็ดังขึ้น เขารีบล้วงออกมา และกดรับสายทันที โดยไม่ได้ดูว่าใครโทรมา

“หลินหนาน ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน?”

เมื่อหลินหนานกดรับสาย เสียงร้องตะโกนของหลิวเฉียนซึ่งเป็นผู้จัดการฝ่ายขาย ก็ดังแทรกขึ้นมาทันที!

“ผู้จัดการหลิว มีอะไรกับผมอีกล่ะ?” หลินหนานต้องถือโทรศัพท์ให้ห่างจากใบหูไปเกือบครึ่งเมตร

“ฉันก็จะโทรมาบอกนายอย่างเป็นทางการน่ะสิ! วันนี้นายไม่ต้องกลับมาทํางานที่บริษัทอีกแล้ว เพราะนายจงใจหยุดงานโดยไม่ได้รับอนุญต.” น้ำเสียงของหลิวเฉียนเต็มไปด้วยความสะใจ

“คุณแน่ใจนะว่าจะไล่ผมออกจริงๆ?” หลินหนานถามยิ้มๆ

“แน่ใจสิ! ในเมื่อฉันมีเหตุผลเพียงพอที่จะไล่นายออกได้เ” หลิงเฉียนยังคงตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่มีความสุขอย่างมาก

“แน่ใจนะว่าคุณไม่ได้โทรหาผมเพื่อขอให้ผมกลับไปทํางาน?” หลินหนานยิ้มกว้าง

“นี่.. สมองของนายมีปัญหาหรือยังไง? มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะต้องขอให้นายกลับมาทํางานด้วย?”

หลิวเฉียนยังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ต่อให้นายคุกเข่าขอร้องฉัน เพื่อขอกลับมาทํางาน ฉันก็ไม่มีทางยอมรับนายกลับมา…”

“เสียใจด้วย! เหตุการณ์แบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นแน่!” พูดจบหลินหนานก็กดวางสายทันที

หากเป็นเมื่อก่อน เย่จิงเฉิงอาจจะต้องการให้หลินหนานออกจากบริษัทของเธอให้เร็วที่สุด แต่นับแต่นี้ต่อไปนั้น ไม่แน่

หลังจากที่หลินหนานกดวางสายไปแล้ว หลิวเฉียนก็รีบวิ่งไปที่ฝ่ายบุคคลขอเอกสารเลิกจ้างหลินหนานทันที จากนั้นจึงรีบไปหาเจิงเฉิงที่ห้องทํางาน

หลิวเฉียนยกมือขึ้นเคาะประตู แล้วเสียงเย็นชาของเยจิงเฉิงก็ดังขึ้น “เข้ามาได้!”

หลิวเฉียนจัดแจ้งเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินตัวตรงเข้าไปในห้องทํางานของเยจิงเฉิงอย่างรวดเร็ซ

เยจิงเฉิงเงยหน้าขึ้นมาเห็นหลิวเฉียน จึงได้แต่ถามออกไปว่า “มีเรื่องอะไรเหรอผู้จัดการหลิว?”

“มีสิครับคุณเย่ เรื่องใหญ่เชียวล่ะ!” หลิวเฉียนร้องบอกพร้อมกับยิ้มกว้าง

“มีเรื่องอะไรก็รีบพูดมา..” เยจิงเฉิงเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ พร้อมกับยกมือขึ้นกอดอก

“คืออย่างนี้ครับประธานเย่ เรื่องที่คุณสั่งให้ผมคอยจับผิดหลินหนาน ที่ผ่านมาหมอนี่ลื่นอย่างกับปลาไหล ผมก็เลยหาโอกาสจัดการกับเขาไม่ได้ซะที..”

หลิวเฉียนพูดต่อด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ “แต่วันนี้ ในที่สุดผมก็มีโอกาสจนได้ เขาโดดงานออกไปข้างนอก ผมก็เลยใช้เหตุผลข้อนี้ไล่เขาออก!”

ระหว่างที่เล่านั้น ผู้จัดการหลิวก็ได้ยื่นเอกสารจากฝ่ายบุคคลให้เยจิงเฉิงดู

“อะไรนะ?! นี่คุณไล่เขาออกไปแล้วเหรอ?”

เยจิงเฉิงร้องถามด้วยความตกใจ แต่หลิวเฉียนกลับคิดว่าเย่จิงเฉิงกําลังตื่นเต้นดีใจ จึงรีบตอบกลับไปอย่างผู้ชนะ

“ครับ! ครั้งนี้ หมอนั่นดิ้นไม่รอดแน่!”

“ใครสั่งให้คุณไล่เขาออก? ฉันสั่งให้คุณโทรไปตามเขากลับเข้ามาทํางานที่บริษัทไม่ใช่เหรอ?” เย่จิงเฉิงลุกขึ้นยืน พร้อมกับจ้องมองผู้จัดการหลิวราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“อะไรนะ?!” หลิวเฉียนถามขึ้น เพราะเกรงว่าตนเองจะหูฝาด

“ที่ฉันบอกให้คุณโทรตามหลินหนานกลับมาทํางาน และถ้าทําไม่ได้ก็ให้ลาออกไป.. ฉันหมายถึงถ้าคุณต่างหาก!” เยจิงเฉิงตอบกลับด้วยสีหน้าท่าทางเย็นชา