บทที่ 133 – อันดับหนึ่ง

 

หลังจากที่มิวตื่นขึ้นมาก็ผ่านมาแล้วหลายวัน.. เอาเข้าจริงที่มิวหลับไปก็เป็นเวลาแค่หนึ่งวันเองหากเทียบกับบาดแผลที่มิวได้รับคงจะดูไวไปเลย

แต่ก็นะเรื่องนั้นไม่มีใครสังเกตเห็นนอกจากผู้กล้าเอริเนีย และสำหรับผู้กล้าเอริเนียเธอก้ไม่ได้คิดว่ามันแปลกขนาดนั้น

เพราะมิวคือเทพมังกรที่ทรงพลังที่สุด เธอแปลกใจคนที่ทำให้เทพมังกรที่ว่าตกอยู่ในสถานการณ์นี้ได้มากกว่า

แน่นอนในระหว่างนี้มิวได้สอบถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้กล้าเอริเนีย.. อย่างเรื่องของรินนะที่เหมือนจะอยู่ในอาการโคม่ายังไม่ได้สติ

จากการวินิจฉัยอธิบายว่าเพราะการสูญเสียความทรงจำไปจำนวนมากทีเดียวทำให้สมองเธอทำงานผิดปกติเลยตกอยู่ในอาการโคม่า

ส่วนเอริเนียน้อยก็ยังเหมือนเดิม นั่งมองมิวเงียบๆ ไม่พูดไม่จา.. แต่จะว่าเงียบก็ไม่ถูก พอเห็นมิวฟื้นเธอก็ดูดีใจอยู่ไม่น้อย

ถึงจะอธิบายเป็นคำพูดหรือท่าทางไม่ได้เลยก็ตามที ซึ่งมิวเหมือนจะชินกับท่าทางของเธอ แถมยังรู้สึกว่าเอริเนียน้อยนั้นดูออกง่ายกว่าที่คิดด้วย

“จะว่าไปตอนชั้นสามมีอีกคนอยู่ด้วยนิ.. จากความทรงจำของรินนะเหมือนจะชื่อ.. เอวานหรือเปล่า เป็นคนช่วยเอริเนียน้อยด้วยนิ”

“นายท่านหมายถึงอีกคนน่ะนะ ไม่รู้สิ ฉันก็ไม่เห็นเธอนับจากนั้นเลย แต่รู้สึกว่า…”

“รู้สึกว่า..?”

“อิออนเหมือนจะอยู่กับเจ้าตัวนะ”

“อิออน?”

“ก็คล้ายๆ กับไอออนนั่นแหละ แค่เป็นตัวที่ชั่วน่ะ”

พอพูดถึงไอออนมิวก็เงียบลง.. เธอเงยหน้ามองเพดาน ซึ่งจริงๆ แล้วอยากจะมองดวงจันทร์ แต่ต่อให้มองไปยังดวงจันทร์ก็ไม่เห็นอยู่ดี

เพราะตอนนี้เป็นเวลากลางวัน มิวเองก็จำเรื่องของเทรต้าได้.. เทรต้านั้นเหมือนจะมาตามหาคนที่ช่วยดวงจันทร์ตอนชั้นสิบ

มิวไม่แน่ใจว่าเทรต้าช่วยสำเร็จหรือยัง.. ซึ่งมิวก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เธอเก็บเรื่องของเทรต้าไว้ในใจและคิดว่าสักวันจะออกไปดู

แต่จะให้บินออกนอกชั้นบรรยากาศ.. นี่มิวคิดว่าแบบนั้นอาจจะไม่ไหว เพราะแรง G ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ถึงจะมีทางเลือกอย่างการกระโดดแรงสุดตีนพุ่งชนดวงจันทร์

แต่แบบนั้นคงทำดวงจันทร์เป็นรูแหงแซะ มิวไม่อยากทำลายบ้านเพื่อน และต่อให้บินออกไปได้จริงๆ แต่ขืนดาวเทียมถ่ายภาพได้กลายเป็นไวรัลชั่วข้ามคืนแน่ๆ

ในขณะที่มิวนั่งคุยผ่านกระแสจิตกับผู้กล้าเอริเนียอยู่ เอริเนียน้อยก็นั่งเงียบๆ อยู่ด้านข้างนั้นเอง ประตูห้องก็เปิดออก

และก็มีคนสวมชุดสูทสองสามคนเดินเข้ามา แน่นอนว่าเป็นคนที่มิวไม่ได้รู้จัก.. แต่ก็เห็นคนเดินตามหลังมาเป็นคาเอะมิวจึงพอเดาออกว่าน่าจะเป็นคนรู้จักของคาเอะ

คนสวมชุดสูทเหมือนจะเป็นบอดี้การ์ด เพราะมิวรู้สึกได้ว่าสองคนนี้น่าจะเก่งพอสมควร อีกทั้งยังมีอีกคนที่เดินตามหลังคาเอะและคนสองคนมา

มิวมองหน้าคาเอะ คาเอะเองก็ทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ได้แต่มองหน้ามิวด้วยสีหน้าขอโทษ

มิวไม่เข้าใจว่าคาเอะหมายถึงอะไร.. แต่คนที่เดินตามหลังคาเอะมาก็ค่อยๆ เดินออกมา เขาเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างแก่ดูมีอายุเยอะ

ดวงตาผ่านสมรภูมิมาพอสมควรเลยล่ะ ชายแก่คนนั้นเดินเข้ามาหามิวพร้อมกล่าวทักทายขึ้น

“ขออภัยที่มารบกวนในระหว่างรักษาตัว ผมมีชื่อว่า เทริโน่ ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณมิว”

ว่าแล้วเขาก็ยื่นนามบัตรมาให้มิว ท่าทางของเขาดูเป็นมิตรและมีความเคารพ แต่ไม่ได้แสดงออกถึงท่าทางที่ต่ำกว่าแต่อย่างใด

มิวรับนามบัตรมาก็เห็นชื่อเขาเขียนอยู่และตำแหน่ง ซึ่งเขาเหมือนจะเป็นผู้ควบคุมและบังคับใช้กฎในหอคอยเหนือน่านน้ำแห่งนี้

หนึ่งในผู้ดูแลหอคอยทั้ง 6 เทริโน่.. ใช่แล้ว เป็นคนขององค์กรบอร์เดอร์ไลน์นั่นแหละนะ เป็นคนใหญ่คนโตชัดเจน

แน่นอนว่าใหญ่กว่าพ่อของรินนะแบบกินขาด ซึ่งมิวเองก็ได้แต่เอียงคอด้วยความสงสัยว่า

“เอ่อ.. แล้วคนใหญ่คนโตแบบคุณมีธุระอะไรกับคนแบบฉันเหรอ?”

“ฮะๆ คุณนี่เป็นคนตลกอยู่เหมือนกันนะครับ”

มิวถามออกไปชายมีอายุก็หัวเราะด้วยน้ำเสียงที่ประหลาดใจ.. ทางด้านมิวก็จำไม่ยักได้ว่าตัวเองไปทำอะไรไว้นอกจากไต่หอคอย

เอาจริง ตั้งแต่ตื่นมาที่นี่เธอก็ไต่หอคอยมาตลอด เธอจะเอาเวลาไหนไปสร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง.. สิ่งที่คิดได้ก็มีแค่คาเอะเหรอ

แต่พอมองไปที่คาเอะ คาเอะเหมือนจะส่ายหน้าว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอนะมิวจึงได้แต่สงสัยว่าทำไมคนใหญ่คนโตถึงมีเรื่องกับเธอ

ไม่ว่าจะนึกไงก็นึกไม่ออก เทริโน่ก็พูดต่อว่า..

“ถ้าคนที่ติดอันดับหนึ่งบนกระดานจัดอันดับหอคอยเป็น ‘คนแบบฉัน’ ผมก็คงไม่ต่างจากหมดปลวกแล้วละครับ”

“เอ้ะ.. เมื่อกี้นายพูดอะไรนะ?”

“เอ้ะ?”

ในจังหวะที่เทริโน่อธิบาย มิวก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงงุนงง และเทริโน่เองก็เหมือนจะตามเรื่องราวไม่ทันเหมือนกัน

ทำให้บรรยากาศในห้องก็เงียบลงแบบไม่มีการกล่าวเตือนใดๆ มิวที่กำลังสับสนกับชีวิตอยู่ก็รีบถามผู้กล้าเอริเนียในใจว่า

“เจ้านี่มันพูดอะไรของมัน”

“อ้ะ.. จะว่าไปแล้ว.. ฉันลืมบอกนายท่านไป ที่จริงนายท่านตอนนี้อะนะ อันดับในการจัดอันดับของหอคอยอะนะ นายท่านแซงองค์หญิงไร้เสียงไปแล้ว”

“ห้ะ.. เอ้ะ.. ห้ะ เอาใหม่สิ?”

หลังจากตั้งสติได้แล้วมิวก็ฟังผู้กล้าเอริเนียอธิบาย.. เหมือนตอนนี้มิวจะติดอันดับหนึ่งของกระดานจัดอันดับไปแล้ว

กระดานจัดอันดับหอคอยคืออะไร.. หลักการทำงานของการให้คะแนนของมันทุกวันนี้ยังไม่แน่ชัดมากนัก

แต่ว่ายิ่งฆ่ามอนสเตอร์เยอะ เข้าหอคอยบ่อยจะยิ่งขึ้นอันดับได้สูง.. และยิ่งไต่หอคอยได้สูงจะยิ่งขึ้นอันดับได้เร็ว

อย่างเช่นองค์หญิงไร้เสียงนี่ขึ้นอันดับหนึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเธอเป็นคนเคลียร์หอคอยชั้นสิบคนแรก

ซึ่งรวมทุกอย่างเข้ากัน มิวก็สรุปได้ว่า.. หอคอยนี้จัดอันดับคนผ่านสิ่งที่เรียกว่า Tower point ที่ใครสักคนได้บอกมิวเอาไว้

แต่มิวก็เอา Tower point นั้นไปแลกเป็นความปรารถนาจนหมดแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วคะแนนอันดับจะมาแต่ไหนอีก

ไม่ว่าจะคิดยังไงก็คิดไม่ออก.. จนผู้กล้าเอริเนียถึงพูดขึ้นว่า

“ไม่ใช่เพราะนายท่านเคลียร์เควสลับต่อเนื่องเหรอ?”

“เอ้ะ?”

“ก็แบบเควสลับนั่น เป็นเควสที่ไม่มีใครเคลียร์ได้มาตลอดหลายปีใช่ป่ะละ แต่นายท่านเคลียร์ได้มันต้องสุดยอดที่สุดนี่”

“…เอาจริงฉันไม่อยากเป็นคนที่ว่านั้นนะ เพราะคนที่ว่านั่นมันหมายความว่าต้องเป็นคนที่จะทำให้คนในโลกนั้นตายกันหมด..”

“ฉันเดาว่าอาจจะเป็นเพราะเรื่องนั้นแหละ”

หลังจากได้รู้ความจริงมิวก็ได้แต่ร้องอ้อ พลางคิดในใจว่าหนักแล้ว.. เธอไม่มีบัตรประจำตัวหรือบัตรประชาชน จะโดนจับไหมเนี่ย

รู้แบบนี้ไม่น่าจะเข้าไปในหอคอยเลย.. เอาจริงถ้าเธอไม่เคลียร์เควสก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอก

“ฉันล้อเล่นน่ะ แล้วนายมีอะไรกับฉันล่ะ”

“อ้ะ.. ฮ่าๆ ที่แท้ก็ล้อเล่นนี่เอง”

เทริโน่หัวเราะออกมาแห้งๆ มิวเองก็หัวเราะแห้งๆ เหมือนกันทำให้บรรยากาศดูแปลกยิ่งกว่าเดิม

แต่ก็เพราะแบบนี้มิวถึงได้รู้ว่าคนตรงหน้าก็ไม่ใช่คนไม่ดีอะไรขนาดนั้น

ซึ่งอันที่จริงมิวอาจจะไม่รู้ แม้เธอจะออกมาจากหอคอยก่อนชั้นสี่ก็ตามที.. เธอก็คงดังเป็นพลุแตกเพราะมอนสเตอร์ที่เธอฆ่าไปในชั้นสาม

มันก็มากเกินกว่าที่มนุษย์บนโลกใดๆ จะทำได้ไปแล้ว.. ยังไม่นับเรื่องยิงบีมทะลุหอคอยออกมาด้วยนะ

แต่เรื่องนั้นไม่มีใครรู้ว่าต้นเหตุมาจากมิว.. ทว่าถึงแบบนั้นมิวในตอนนี้ก็กลายเป็นคนดังที่สุดไม่แพ้องค์หญิงหรือองค์ชายไปแล้ว

และแน่นอนว่าความแข็งแกร่งนั้นก็มาพร้อมกับความวุ่นวายต่อจากนี้เช่นเดียวกัน

……….

…….

ท่ามกลางซากปรักหักพังที่มองไปไหนก็เห็นแต่ซากปรักหักพัง แต่ว่าท่ามกลางความพังพินาศนี้ยังมีภูเขาที่เกิดจากซากปรักหักพังอยู่อีกด้วย

บนเขานั้นมีคนคนหนึ่งสวมผ้าคลุมปกปิดตัวตนนั่งอยู่ในซากปรักหักพังแห่งหนึ่ง.. คนคนนี้นั่งพิงคอตกลมหายใจแน่นิ่งแสดงให้เห็นว่าคนคนนี้ได้ตายไปแล้ว

บนใบหน้าของเธอมีคราบน้ำตาที่แต่งแต้มอยู่ ไม่มีใครจินตนาการได้ถึงความเจ็บปวดก่อนตายของเธอได้เลย

ความเจ็บปวดจากความโดดเดี่ยว จากความอ้างว้าง ความรู้สึกผิดและความเสียใจจนวาระสุดท้ายของชีวิต

ในตอนนั้นเองเบื้องหน้าของศพที่นั่งแน่นิ่งก็มีแสงสว่างพรางตาจ้าขึ้นตามมาด้วยเงาร่างของคนคนหนึ่ง

“ทุกอย่าง… ตลอดเวลาที่ผ่านมา.. ทุกอย่างก็เพื่อเวลานี้”

เสียงพึมพำของคนดังกล่าวดังขึ้น

“ถ้าเพื่อเธอแล้วละก็–”

ท่ามกลางสุ้มเสียงปริศนานั้นเองบางสิ่งบางอย่างก็แทงเข้ากลางหลังของต้นตอเสียงจนทะลุออกมาจากหน้าอก ดวงตาของต้นตอเสียงเบิกกว้างขึ้น

เลือดสีแดงไหลทะลักออกจากหน้าอกของคนปริศนา

“ทำ…ไม…”

“ขอโทษนะ แต่ฉันรักเธอมากกว่า”

“มันต้อง.. ไม่ใช่.. แบบนี้..สิ โกหกใช่ไหม.. โกหก…”

“…….”

…….

…..

.