ตอนที่ 117 แข่งขันด้วยศักยภาพและความสง่างาม
ตอนที่ 117 แข่งขันด้วยศักยภาพและความสง่างาม
ในที่สุด ท่ามกลางเสียงร้องเรียกและการพร่ำบ่นของเธอ เฉินเจียเหอก็เปิดประตูห้องน้ำ ก่อนจะออกมาด้วยใบหน้ามืดมน
สีหน้าของเขาเห็นได้ชัดว่าไม่พอใจ
หลังจากแต่งงานกับเขามาสักพัก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาแสดงอาการก้าวร้าวต่อเธอ
มีวันไหนบ้างที่เขาไม่ได้มองเธอด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความรัก?
หลินเซี่ยกลั้นปัสสาวะจนอึดอัดพออยู่แล้ว ยังถูกเขาจ้องมองแบบนี้อีก เธอพองแก้มแล้วถามอย่างแง่งอน “ทำไมมาจ้องหน้าฉันแบบนั้นล่ะ?”
เฉินเจียเหอเริ่มรู้สึกตัว สีหน้าของเขาจึงเปลี่ยนไป “ผมผิดไปแล้ว เดี๋ยวผมจะไปทำกับข้าว”
“แล้วล้างมือหรือยังล่ะ?” หลินเซี่ยมองตามแผ่นหลังของเขา ก่อนจะตะโกนด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ
เฉินเจียเหอโดนทักจนเกือบเสียศูนย์
หลังจากโดนหลินเซี่ยล้อเลียน เขาก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง แล้วปิดประตูเสียงดังปัง
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เดินเข้าไปในห้องครัว สะบัดคราบน้ำบนมือออก หลินเซี่ยที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำจึงเบียดเขาที่กำลังจะตอกไข่ออกไป “ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้ไม่ต้องทำกับข้าว”
เฉินเจียเหอมองหน้าเธอแล้วถามว่า “ทำไมล่ะ?”
“วันนี้ฉันไม่อยากกินอาหารฝีมือคุณน่ะสิ” พูดจบหลินเซี่ยก็ไล่สายตามองมือเรียวของเขาด้วยสายตาเหมือนไม่ตั้งใจด้วยท่าทางที่มีความหมายบางอย่าง
เฉินเจียเหอมองดูมือของเขาที่ถือไข่ไว้ จากนั้นก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ตระหนักว่าเธอหมายถึงอะไร รอยยับย่นบนหน้าผากกลับมาเรียบตึงอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นดีดหน้าผากเธอเบา ๆ “เล่นอะไรของคุณเนี่ย?”
เฉินเจียเหอเหลือบมองประตูห้องครัวเพื่อให้แน่ใจว่าหู่จือจะไม่พรวดพราดเข้ามา จากนั้นก็ปิดเตาแก๊สและวางไข่ไก่ไว้หน้าเตา ดวงตาเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าสวยสะพรั่ง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความอันตราย “คุณยังเด็กอยู่เลยนะ หรือว่าอยากโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว?”
เขาไม่คิดว่าเธอจะเชิญชวนในทางนั้นจริง ๆ
“ฉันแค่อยากแกล้งคุณเล่นแค่นั้นเอง”
เขาขยับเข้าไปใกล้เธอแล้วขบติ่งหูของเธอเล่น “ถ้าคุณยังเล่นซุกซนแบบนี้ เชื่อไหมว่าผมอาจทนไม่ได้แล้วลากคุณเข้าห้องมืดในสักวัน?”
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ทำอาหารเร็ว ๆ เข้า ฉันจะไปสระผม”
หลินเซี่ยมุดออกจากใต้วงแขนของเขาแล้ววิ่งออกไปนอกห้องครัว
หู่จือมองหลินเซี่ยที่วิ่งพรวดออกมาจากครัว แล้วถามด้วยความเป็นห่วง
“น้าเซี่ยเซี่ย ทำไมถึงหน้าแดงอย่างนั้นล่ะ?”
หลินเซี่ยตบแก้มตัวเองแล้วอธิบายว่า “พอดีในครัวมันร้อนนิดหน่อย”
“น้าเซี่ยเซี่ย ผมอยากดูทีวีฮะ”
“เดี๋ยวฉันดูให้นะว่าตอนเช้าแบบนี้มีช่องไหนออกอากาศไหม”
หลินเซี่ยเปิดทีวี เปิดสวิตช์ แล้วหมุนปุ่มเปลี่ยนช่องไปจนเจอช่องโทรทัศน์ที่จูนสัญญาณติดพอดี ซึ่งกำลังออกอากาศรายการข่าว
ไม่ว่าเนื้อหาจะเป็นอย่างไร แต่รูปภาพในจอสามารถดึงดูดความสนใจคนได้เสมอ
หู่จือนั่งบนโซฟา แล้วเริ่มดูทีวีอย่างจริงจัง
หลินเซี่ยไปสระผม หลังจากสระผมเสร็จแล้วก็ตั้งใจว่าจะเข้าไปที่ห้องนอนเพื่อเป่าผมให้แห้ง ส่วนเฉินเจียเหอทอดไข่เรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็อุ่นซาลาเปาที่หวังซิ่วฟางนำมาให้ตั้งแต่เมื่อวานนี้
เมื่อคืนเขาลองกินซาลาเปาดูแล้ว พบว่ามันไม่มีปัญหาอะไร
พี่สาวหวังคนนี้เป็นคนที่มีความคิดตื้นเขิน คงไม่คิดแผนทำร้ายใครลับหลัง
เฉินเจียเหอเดินเข้ามาและเรียกหาเธอ หลินเซี่ยหยิบไดร์เป่าผมขึ้นมาเตรียมจะเป่าผมตัวเองพอดี
เมื่อเห็นเฉินเจียเหอเข้ามา เธอก็เบือนหน้าหนีอย่างเชื่องช้า “พวกคุณกินข้าวกันก่อนเถอะ ฉันขอเป่าผมให้แห้งก่อน”
เธอเดินเข้าไปในห้องนอน เฉินเจียเหอบอกให้หู่จือกินข้าวก่อน แต่เขาเดินตามเธอเข้าไป “ผมเป่าผมให้”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”
“ผมเอง” เฉินเจียเหอยืนกรานคำเดิม คว้าไดร์เป่าผมมาเป่าผมเธอให้แห้ง
หลังจากหยิบจับเครื่องมือนี้มาหลายครั้ง เขาก็พอจะมีประสบการณ์บ้างแล้ว เขาจัดให้เธอนั่งลงบนเก้าอี้ แล้วใช้ฝ่ามือใหญ่ของเขาสางเส้นผมให้เธอเบา ๆ กดปุ่มไดร์เป่าผมเบอร์เบาแล้วเป่าแห้งอย่างค่อยเป็นค่อยไป
หลินเซี่ยนั่งบนเก้าอี้อย่างเรียบร้อยไม่กระโตกกระตาก ปล่อยให้เขาทำในสิ่งที่เขาอยากทำ
ขณะนี้หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความสุข
เธอคิดผิดถนัด เธอไม่ได้ชอบเขาแค่นิดเดียว แต่ตกหลุมรักเขาเข้าแล้วจริง ๆ
เริ่มจากสำนึกบุญคุณของเขาในชาติที่แล้ว เรื่อยมาจนเริ่มผูกพันกับเขาอย่างช้า ๆ และตกผลึกอย่างสมบูรณ์หลังจากใช้เวลาอยู่ด้วยกัน
“เสร็จแล้ว” เฉินเจียเหอปิดสวิตช์ เมื่อเห็นว่าเธอนั่งทำตาเหม่อลอยแปลก ๆ จึงโบกมือใหญ่ไปมาตรงหน้าเธอ “ทำไมจู่ ๆ ก็นั่งเหม่อล่ะ?”
หลินเซี่ยกลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง เธอลุกขึ้นยืนทันที จากนั้นยืนเขย่งเท้าและจูบแก้มเขาฟอดหนึ่ง แล้วหันหลังกลับและวิ่งออกไป
เฉินเจียเหอยังคงถือไดร์เป่าผมค้างไว้ในมือ เมื่อมองดูร่างบางที่วิ่งออกไปจากห้อง ก่อนจะยกมือขึ้นแล้วแตะแก้มที่ถูกเธอจูบเบา ๆ ริมฝีปากค่อย ๆ ปรากฏรอยยิ้มซุกซน
เขาวางไดร์เป่าผมแล้วตามออกไป
หูจือมองดูไข่ดาวสามฟองที่เฉินเจียเหอเป็นคนทอดด้วยสีหน้าประหลาดใจ “พ่อครับ พ่อทอดไข่ดาวเป็นด้วยเหรอ?”
เฉินเจียเหอตักไข่ดาวให้เขาแล้วพูดว่า “เมื่อก่อนพ่อก็เคยทำให้ลูกกินไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่เห็นจำได้เลย” หู่จือปฏิเสธ “ผมไม่เคยกินไข่ดาวฝีมือพ่อ”
“ตอนที่ลูกอายุได้สองหรือสามขวบ พ่อเคยนึ่งไข่ตุ๋นให้ลูกกินด้วยนะ”
เพียงแต่เขาไม่ได้พูดต่อว่าไข่ตุ๋นชามนั้นรสชาติแย่มาก เด็กชายคนนี้บ้วนออกหลังจากกินเข้าไปแค่คำเดียว
เฉินเจียเหอตักไข่ดาวอีกฟองให้หลินเซี่ย มองเธอด้วยสายตาอ่อนโยนแล้วพูดเบา ๆ “กินเยอะ ๆ นะ”
พูดจบแล้วเขาก็หยิบแก้วน้ำมาให้เธอพลางพูดว่า “ดื่มน้ำด้วย”
“เดี๋ยวฉันเทน้ำเองค่ะ” เธอเขินอายเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเขาเอาใจใส่มาก เหนือสิ่งอื่นใดคือเธอกลัวว่าหู่จือจะอิจฉา
หลังจากกินมื้อเช้าเรียบร้อยแล้ว หู่จือก็สวมเสื้อผ้าตัวใหม่แล้ววิ่งไปหาเสี่ยวฮวา
หลินเซี่ยฉวยโอกาสตอนที่ยังไม่มีคนมาแต่งตัวและแต่งหน้าก่อนคนอื่น ๆ
ในขณะเดียวกันก็ไม่ลืมหันไปกำชับกับเฉินเจียเหอ
“วันนี้คุณสวมแจ็กเกตหนังคู่กับกางเกงสีดำเถอะ วันนี้ไม่หนาวมาก ใส่แค่เสื้อแล้วถอดปกที่เป็นขนสัตว์ออกก็ได้”
ดวงตาของเฉินเจียเหอจับจ้องมองที่เธออยู่เสมอ พอได้ยินเธอพูดเขาก็ตอบรับอย่างว่าง่าย “ได้”
หลินเซี่ยเข้าไปจัดเสื้อผ้าให้เฉินเจียเหอ แต่เขายืนกรานว่าจะให้เธอโกนหนวดให้ หลินเซี่ยจึงทำได้เพียง ‘ปรนนิบัติ’ เขาเท่านั้น
เธอพูดอย่างเสียไม่ได้ “พอได้ทีก็ใช้ฉันจังเลยนะ อย่าขยับหัวล่ะ ถ้าวันนี้ปากคุณถูกมีดโกนบาดเป็นรอยอีกก็ไม่ต้องออกไปข้างนอกแล้ว”
ไม่ว่าเธอจะจู้จี้แค่ไหน เฉินเจียเหอก็ยังคงมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า อารมณ์ดีอยู่เสมอ
“ผมคุณเริ่มยาวแล้ว ไว้ก่อนแล้วกัน วันนี้ฉันยังไม่มีเวลา ไว้ค่อยตัดให้วันที่ 2 เดือน 2 นะ”
หลังจากจับเฉินเจียเหอแต่งตัวแล้ว หลินเซี่ยก็เริ่มจัดการตัวเอง
วันนี้เธอมัดรวบผมขึ้นเป็นหางม้าสูง หลังจากมัดเรียบร้อยแล้วก็หาโบว์มาผูกทับยางรัดผม แล้วเริ่มแต่งหน้า
เฉินเจียเหอยืนอยู่ด้านข้าง มองดูเธอหยิบจับเครื่องสำอางหน้าตาแปลก ๆ มากมายแต่งแต้มบนใบหน้า
ปกติตอนที่เธอไม่แต่งหน้าเธอก็สวยมากอยู่แล้ว พอแต่งหน้าแบบนี้ก็ทำให้เสน่ห์ความงามแบบธรรมชาติของเธอถูกกลบลงไป
เขาชอบเธอตอนที่ไม่แต่งหน้ามากกว่า
“สวยไหมคะ?” หลังจากที่เธอวาดคิ้วเสร็จแล้ว เธอก็เงยหน้าขึ้นแล้วถามเฉินเจียเหอ
เฉินเจียเหอตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “สวยมาก แต่สีแดง ๆ ที่คุณทาไว้บนเปลือกตาดูแปลกตาดี”
“นั่นเรียกว่าอายแชโดว์”
หลินเซี่ยพูดกับเฉินเจียเหอ “ฉันจะขอเวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าสักครู่ คุณช่วยออกไปข้างนอกแล้วเรียกพี่สาวจางกับคนอื่น ๆ ให้เข้ามาแต่งหน้าทำผมที่นี่หน่อยได้ไหมคะ?”
“ไม่นานพวกเขาก็น่าจะมากันแล้ว คุณแต่งตัวไปก่อนเถอะ”
เฉินเจียเหอรอให้เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเสร็จ จากนั้นก็ดึงเธอไปนั่งที่ขอบเตียง แล้วนั่งยอง ๆ ลงเพื่อสวมรองเท้าให้
หลินเซี่ยเกรงใจ “ฉันใส่เองได้ค่ะ”
“อย่าขยับสิ”
เขาจับข้อเท้าของเธอไว้เบา ๆ สวมรองเท้าให้ จากนั้นก็ผูกเชือกรองเท้า
หลินเซี่ยมองไปที่ชายหนุ่มซึ่งนั่งยอง ๆ อยู่บนพื้นเพื่อสวมรองเท้าให้เธอ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเหมือนเขาปฏิบัติต่อเธอเหมือนเป็นลูกสาว
ทันทีที่สวมรองเท้าเสร็จ ก็ได้ยินเสียงคนคุยกันดังมาจากข้างนอก
“เสี่ยวหลิน ตื่นนอนหรือยัง?”
“ตื่นแล้วค่ะ ตื่นแล้ว ทุกคนเข้ามาเร็ว” หลินเซี่ยตะโกนบอกอย่างเร่งรีบ
เฉินเจียเหอผูกเชือกรองเท้าให้เธอเสร็จ พี่สาวจางและคนอื่น ๆ ก็เดินเรียงแถวกันเข้ามาโดยสวมเสื้อผ้าชุดใหม่และรองเท้าคู่ใหม่
พี่สาวจางและคนอื่น ๆ เห็นว่าผมของหลินเซี่ยที่ถูกมัดรวบขึ้นและผูกโบว์อย่างสวยงาม ใบหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอางเรียบร้อย พวกเธอก็หัวเราะและพูดว่า “ไอหยา เสี่ยวหลิน เธอตื่นมาแต่งตัวแต่เช้าแล้วเหรอเนี่ย? สวยมากเลยนะ”
“ระหว่างรอพวกคุณมา ฉันก็เลยจัดการตัวเองก่อนค่ะ” หลินเซี่ยพูด “นั่งลงเร็วเข้า ฉันจะถักผมเปียให้พี่สาวหลิวก่อน”
เฉินเจียเหอยอมสละอาณาเขตส่วนตัวของเขาโดยสมัครใจ จากนั้นก็ออกไปตามหาเหล่าหยาง
หลินเซี่ยแต่งหน้าให้ทุกคนเรียงทีละคนอย่างรวดเร็ว ลุงหนิวและลุงหลี่ก็ได้รับการเตรียมใบหน้าใหม่จนสดใสกว่าปกติมาก
เธอขอให้เฉินเจียเหอช่วยถือกระเป๋าเครื่องสำอางไปด้วย เผื่อเอาไว้เติมเครื่องสำอางหลังเวทีก่อนขึ้นเวที
หลังจากแต่งหน้าเสร็จ ทุกคนก็ออกไปรวมตัวกันที่ลานกว้างหน้าอาคารพักอาศัย
หยางเป่าเฉวียนและเสี่ยวหวังนักแสดงอีกรายการก็ยืนอยู่กับทีมของพวกเขาเช่นกัน
เลขานุการหลี่สวมชุดเสื้อคอจีน พูดปลุกใจอย่างฮึกเหิมว่า “สหายทั้งหลาย วันนี้พวกเราถือเป็นตัวแทนของโรงงานยานยนต์ไห่เฉิง เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันศิลปะการแสดง ทุกคนต้องทุ่มเทแสดงผลงานอย่างสุดความสามารถ ทำให้คนอื่นเห็นว่าเราไม่ธรรมดา แข่งขันด้วยศักยภาพและความสง่างาม”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
พอรู้ตัวว่ารักก็หยอกพี่เขาใหญ่เลยนะเซี่ยเซี่ย ระวังพี่เหอเอาจริงขึ้นมาแล้วจะหนาว
ไหหม่า(海馬)