ตอนที่ 171 อันธพาลน้อย ตอนที่ 172 ข้าเต็มใจ

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 171 อันธพาลน้อย

ซ่งอิงคลี่ยิ้มประดับไว้บนใบหน้า แต่มองดูกลับน่าหวาดหลัวยิ่งนัก นางย่างก้าวเดินเข้าไป ปรากฏว่าห้องโถงกลางไม่มีคนอยู่

จากนั้นก็ไปห้องนอนของฮั่วหลิน เห็นเพียงเด็กน้อยสามคนที่นูนขึ้นมาจากใต้ผ้านวม

“เสี่ยวอู่ เสี่ยวลิ่ว ฮั่วมู่โถว! ออกมาให้หมดเลย!” ครั้นซ่งอิงเอ่ยปาก สร้างความตกใจจนผ้านวมสั่นไหว

ฮั่วหลินโผล่ศีรษะออกมา

เด็กน้อยอีกสองคนที่เหลือยื่นท่อนขาทั้งสองข้าง ได้ยินซ่งต๋ากล่าวเพียงว่า “พี่รอง วันนี้พวกเราง่วงเหลือเกิน อยากนอนสักประเดี๋ยวหนึ่ง…”

“ข้าซื้อฮะเก๋ากุ้งและซาลาเปาไส้หมูมา พวกเจ้าไม่อยากกินใช่หรือไม่” สีหน้าซ่งอิงยังคงเป็นเช่นเดิมไม่เปลี่ยน

“กิน!” ทันใดนั้นซ่งต๋าก็เลิกผ้าห่มเปิดออก

จากนั้น เบื้องหน้าสายตาซ่งอิงก็ปรากฏใบหน้าปูดบวมของเด็กทั้งสอง

เห็นเพียงดวงตาซ่งต๋าบวมเสมือนกันลูกเหอเถา[1] บนใบหน้าเขียวช้ำด้วยเช่นกัน มองดูน่าสงสารอย่างยิ่ง ซ่งอู่ดีกว่าซ่งต๋านิดหน่อย แต่…ก็ทำให้คนอดมองสังเกตไม่ได้อยู่ดี ยกเว้นก็แต่ฮั่วหลินที่ยังอยู่ดี ดวงหน้าน้อยๆ แต่งแต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “ท่านแม่ ข้าหิวแล้ว”

ซ่งอิงมองดูเด็กน้อยทั้งสามคนในภาพเช่นนี้ จิตใจเตลิดเปิดเปิงเล็กน้อย

น่าเกลียดเกินไปแล้ว…

“หนิวซานซานชกต่อยพวกเจ้าแล้วหรือ” ซ่งอิงเลียริมฝีปาก ท้ายที่สุดเผยยิ้มเล็กน้อย มองดูออกว่าเป็นท่าทางที่ยินดีปรีดาในความโชคร้ายของผู้อื่นเล็กน้อยด้วยซ้ำ

“แล้วจะเป็นใครไปได้! ไอ้เด็กนิสัยเสียผู้นั้นระดมคนมาตั้งหลายคน พวกเรามีกันแค่สามคน ก็ย่อมสู้ไม่ได้เป็นธรรมดา แต่ว่าหลานหลินเก่งกาจมาก ก็เลยเล่นงานหนิวซานซานลงไปนอนร้องโอดโอยบนพื้นได้ ผมเผ้าถูกกระชากลงมาตั้งเยอะ คงทำเขาเจ็บไปได้หลายวันเชียวละ!” ซ่งต๋าเอ่ยพูดอย่างภาคภูมิใจ “ทว่าพี่รอง ข้าขออยู่บ้านท่านสักสามสี่วันได้หรือไม่ รอยบาดเจ็บของข้านี่หากถูกแม่ข้าเห็นเข้า แม้ว่านางจะช่วยจัดการแทนข้า แต่ต้องว่ากล่าวข้าไม่เอาไหนแน่”

“ข้าก็อยากอยู่ด้วยเช่นกัน…” ต๋าอู่กล่าวเสียงค่อย

มารดาเขายิ่งแล้วใหญ่ เมื่อได้เห็นรอยบาดเจ็บของเขา จะต้องวิ่งไปอาละวาดใหญ่โตที่บ้านหนิวซานซานทันทีแน่นอน และต้องด่าทอจนทั่วทั้งหมู่บ้านรับรู้ ให้ครอบครัวหนิวซานซานชดใช้ด้วยไข่ไก่จึงจะใช้ได้!

เขาไม่อยากทำอย่างนี้ เพราะนี่เป็นเรื่องระหว่างเด็กผู้ชาย พวกเขาตกลงกันไว้แล้วว่า ใครให้แม่ไปแก้แค้น คนนั้นก็คือไอ้ลูกแหง่!

“พวกเจ้าสองคนสู้หลานหลินคนเดียวไม่ได้เลยหรือ” ซ่งอิงยกมุมปาก “ดูสภาพ เห็นทีต้องเริ่มสั่งสอนด้านพลศึกษากับพวกเจ้าด้วยเสียแล้ว”

“อะไรนะ?” ซ่งต๋าตกตะลึง มีลางสังหรณ์ล่วงหน้าที่ไม่ดีนัก

“ข้าจะบอกกล่าวแม่พวกเจ้าเอาไว้หน่อย จากนี้หนึ่งเดือนพวกเจ้าก็พักอยู่กับข้าที่นี่แล้วกัน ข้าจะช่วยแก้ความเคยชินในการใช้ชีวิตให้พวกเจ้า” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง

ตอนนี้ในใจเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่เต็มไปด้วยความนึกคิดที่ว่าจะแพ้ให้บ้านรองไม่ได้ ดังนั้นขอเพียงซ่งต๋าได้ดี นางจะไม่ปฏิเสธแน่นอน

ส่วนเจียวซื่อน่ะ อยากให้การปันส่วนอาหารในครอบครัวลดน้อยไปสักคน ดังนั้นการที่ซ่งอิงช่วยเลี้ยงบุตรชายแทนนาง เกรงว่าเจียวซื่อจะดีใจถึงขั้นจุดประทัดด้วยซ้ำ

“พวกเราอยู่ที่นี่แค่รักษาอาการบาดเจ็บก็พอ…” ซ่งต๋ารีบกล่าวทันควัน

“เจ้าอยากจับหนิวซานซานกดพื้นเล่นงานเขาหนักๆ สักยกเพื่อระบายความโกรธหรือไม่” ซ่งอิงกล่าว

“ต้องอยากอยู่แล้วสิ?” ซ่งต๋าไม่ลังเลแม้แต่น้อย

“อยากก็ไปจัดการเสียสิ ฉะนั้นนับแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าตื่นนอนยามเหมา[2] เข้านอนยามซวี[3] ข้าจะให้ตารางเวลาแก่พวกเจ้าหนึ่งแผ่น จำเป็นต้องดำเนินชีวิตตามระเบียบของข้า มิเช่นนั้น ของอร่อยๆ ที่ข้าซื้อเอามา ก็จะไม่มีส่วนของพวกเจ้า และจะฟ้องเรื่องแย่ๆ กับแม่พวกเจ้าด้วย” ซ่งอิงกล่าวข่มขู่

ส่วนหนิวซานซานผู้นั้นพร้อมเด็กน้อยจอมเกเร นางจำเป็นต้องให้เด็กน้อยทั้งสามเอาคืนแทนนางให้จงได้!

เจ้าของร่างก็เพราะถูกพวกหนิวซานซานปาก้อนหินใส่จนสะดุดล้มเสียชีวิต ไม่ให้บทเรียนไม่ได้

แต่นางเป็นหญิงสาวตัวเล็กๆ ที่ออกเรือนแล้วคนหนึ่ง จะไปหาเรื่องเด็กคงไม่ดีนัก ดังนั้น…

อาศัยน้องชาย อาศัยบุตรชาย อบรมเลี้ยงดูให้เป็นอันธพาลน้อยเสียเลย!

เมื่อซ่งอิงพูดเยี่ยงนี้ ก็ไปจัดแจงหยิบกระดาษมาทันที

เวลาที่กำหนดไว้หากแปลเป็นช่วงเวลาในภพชาติก่อน เช่นนั้นก็คือตื่นตอนตีห้า หลังตื่นนอนฝึกฝนร่างกายด้วยการออกกำลังกาย เจ็ดโมงเช้ากินข้าว ปล่อยให้ใช้เวลาตามที่ตนเองต้องการครึ่งชั่วยาม จากนั้นก็เป็นเวลาท่องตำราเรียน และเก้าโมงเช้าต้องไปถึงโรงเรียน

ตอนที่ 172 ข้าเต็มใจ

ตามจริงเวลาเรียนของโรงเรียนในหมู่บ้านไม่เคร่งครัดอย่างยิ่ง ไม่ได้เข้มงวดกับเด็กๆ ด้วยเช่นกัน ตอนเช้าเพียงแค่หนึ่งชั่วยามเท่านั้น และตอนเที่ยงจะให้เวลากินข้าวครึ่งชั่วยาม และเวลาประมาณสี่โมงเย็นของภพชาติก่อนจึงเลิกเรียน

ซ่งอิงยังคงใช้ระเบียบปฏิบัติเช่นเดิมกับพฤติกรรมของพวกเขาหลังเลิกเรียน

อันดับแรก ฝึกคัดตัวอักษรหนึ่งชั่วยาม หลังฝึกคัดตัวอักษรแล้วก็อ่านหนังสือทำความเข้าใจ ตอนที่ถามหยั่งเชิงความรู้ ช่วงเวลานี้กินข้าวไปด้วยก็ได้เช่นกัน ไม่ต้องรีบร้อน โดยสรุปก่อนเวลานอนประมาณสองทุ่ม จำเป็นต้องนำความรู้ที่ได้เรียนตอนกลางวันทั้งหมดมาทำความเข้าใจ มิเช่นนั้น นอกจากถูกลงโทษทางกาย ก็ยังลงโทษโดยการงดขนมของวันถัดไปอีกด้วย

ในช่วงเวลาที่เอ่ยแผนการออกมานี้เอง ซ่งต๋าถึงกับงุนงงทำอะไรไม่ถูก

ในใจเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมเป็นธรรมดา

นี่มันยากเกินไปแล้ว!

ไม่มีเวลาให้เที่ยวเล่นเลยสักนิด!

แม้อยู่ในห้องเรียนจะเล่นได้ แต่…

หากในห้องเรียนไม่ตั้งใจเรียน เช่นนั้นหลังเลิกเรียนก็ต้องใช้เวลาไปกับการอ่านหนังสือมากยิ่งขึ้น มิหนำซ้ำยังถูกพี่สาวคนรองจับตาดูอีก และถึงขั้นว่าการประเมิณชนของอาจารย์ที่มีต่อเขาก็จะไม่ดี…เช่นนี้เขาก็จะไม่ได้ดอกไม้แดงแล้วน่ะสิ!

ซ่งต๋าเพิ่งเตรียมแสดงออกว่าตัวเองหวาดกลัวกับการเรียนหนังสือ ก็เหลือบไปมองเห็นของที่ซ่งอิงซื้อกลับมา

ทันใดนั้น ความไม่สุขใจอะไรที่ว่านี้ล้วนลืมไปเสียสนิท

“พี่รอง! ข้ายังไม่เคยกินฮะเก๋ากุ้งเลย…ข้าขอชิมได้หรือไม่” ซ่งต๋าอยากกินถึงขั้นน้ำลายไหลหยดลงมา ควบคุมเอาไว้ไม่อยู่จริงๆ

อย่าว่าแต่เขาเลย ก็แม้แต่ซ่งอู่ที่ถือว่าสุขุมหนักแน่นมาแต่ไหนแต่ไร ยามนี้ก็กลืนน้ำลายไม่หยุดเช่นกัน

แค่ได้กลิ่นก็หอมฉุยแล้ว!

“ยังมีปิงถังหูลู่และขนมอบด้วยนะ! ฮ่าๆๆ! นี่คือเมล็ดแตงโมคั่วกับน้ำผึ้งกวนนี่! ท่านช่างดีเหลือเกิน! ข้าเต็มใจ! ข้าเต็มใจ ท่านให้ข้าทำอะไรข้ายอมทำทั้งนั้น!” ซ่งต๋ามองเห็นห่อกระดาษน้ำมันอื่นๆ อีกหลายห่อ ถึงขั้นเสียสติกันเลยทีเดียว

ท่านแม่ดีต่อเขาเช่นกัน แต่ขนมอย่างดีที่สุดที่เขาเคยกินก็แค่ถังเกา!

ขนมประเภทขนมดอกกุ้ยนี้ เขาเคยเห็นคนอื่นกินครั้งหนึ่งเท่านั้น!

เป็นของดีๆ ทั้งนั้น ต้องหมดเงินไม่น้อยเป็นแน่ ก็เคยพบเคยเห็นแค่ตอนอยู่ที่บ้านท่านตาเท่านั้น เพราะแต่ไหนแต่ไรมาในครอบครัวตัวเองเสียดายเกินกว่าจะทำใจซื้อของเช่นนี้!

“ซาลาเปาและฮะเก๋ากุ้งพวกเจ้าเอาไปแบ่งๆ กัน ส่วนของที่เหลือเอาไว้เป็นรางวัลให้หลายวันหลังจากนี้ ขอเพียงพวกเจ้าเชื่อฟัง ทุกวันก็จะมีของเหล่านี้ให้ หลังจากนี้พี่จะขยันหาเงิน ถึงขั้นที่ว่าจะซื้อของกินที่อร่อยยิ่งกว่านี้ให้พวกเจ้าด้วย แต่มีข้อแม้เดียวก็คือ…”

“เชื่อฟัง!” ซ่งต๋าผงกหน้าเหมือนลูกไก่ตัวหนึ่ง “ข้าเชื่อฟัง ข้าเชื่อฟัง! พี่รองต่ อให้ท่านต้องการให้ข้าตัดขาดกับท่านแม่ข้าก็ยินยอมเช่นกัน!”

เสียงฟาดมือดัง ‘เพียะ’ ซ่งอิงตบศีรษะของเขา “ต้องกตัญญูเข้าไว้! ขอเพียงไม่ใช่ความกตัญญูอย่างโง่เขลาเท่านั้นก็พอ หนังสือที่เจ้าอุตส่าห์เล่าเรียนมาเอาไปใส่ท้องหมาหมดแล้วหรือไร?”

“เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้วขอรับ!” ซ่งต๋าเบิกตาโต

พอมองดูอย่างนี้ ภูตโสมดูเอาไหนกว่าน้าชายทั้งสองคนไปโดยปริยาย…

แต่อย่างไรก็ตาม ซ่งอิงเพิ่งมีความนึกคิดนี้ผุดขึ้นมาไม่ทันไร ก็พบว่า ถังหูลู่ไม่รู้หายไปไม้หนึ่งตั้งแต่เมื่อไร ส่วนภูตโสม ริอ่านฉวยโอกาสตอนที่นางอบรมสั่งสอนซ่งต๋าหันหลังไป กินเข้าไปแล้วหน้าตาเฉย!

นางหิ้วเขาลอยขึ้นมา แล้วลงมือตียกใหญ่

แต่เห็นว่าวันนี้พวกเขาถูกหนิวซานซานรังแก ซ่งอิงก็เลยไม่ได้เข้มงวดเกินไป ปล่อยให้พวกเขากินกันตามสบาย

ส่วนนาง เดินพ้นประตูออกไปมองดูต้าหวง

“ต้าหวงอา หากเจ้าฟังคำพูดข้าเข้าใจ เช่นนั้น…พรุ่งนี้เช้าตรู่ ฟ้าสว่างรำไร แต่เป็นตอนที่พระจันทร์ยังอยู่ ช่วยส่งเสียงปลุกเจ้าเด็กน้อยในบ้านให้ตื่นนอนด้วยแล้วกัน…” ซ่งอิงคุกเข่าส่งเสียงพึมพำอยู่ตรงหน้าต้าหวง แต่ก็กลัวว่าต้าหวงจะฟังไม่เข้าใจ จึงกล่าวซ้ำอีกครั้ง “ก็เป็นตอนที่ข้างนอกมีแม่นางน้อยขึ้นเขาไปตัดหญ้าจูเฉ่า ตอนนั้นก็ส่งเสียงขันได้เลย…”

บรรดาชาวบ้านชนบทต้องตื่นกันแต่เช้าทั้งนั้น โดยเฉพาะแม่นางน้อยเหล่านั้นที่ต้องไปตัดหญ้าจูเฉ่า โดยส่วนใหญ่ล้วนออกกันไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง

โดยทั่วไปเด็กผู้หญิงในยุคสมัยนี้ค่อนข้างลำบากกว่าเด็กผู้ชายมาก

—————————

[1] เหอเถา (核桃) ลูกวอลนัท

[2] ยามเหม่า (卯时) คือ ช่วงเวลาระหว่าง 05:00 น. – 07:00 น.

[3] ยามซวี (戌时) คือเวลา 19.00 น. – 21.00 น.