ตอนที่ 173 เป็นราชันย์ไก่สมบูรณ์แบบ ตอนที่ 174 ไม่เชื่อเจ้าก็ลองดู

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 173 เป็นราชันย์ไก่สมบูรณ์แบบ

ซ่งอิงเพียงแค่พูดกับต้าหวงด้วยนิสัยอยากรู้อยากลอง จากนั้นไปบอกกล่าวครอบครัวซ่ง หลังกลับมาเก็บกวาดข้าวของก็ถึงเวลานอนพอดี

แน่นอนว่าหลังนางกลับบ้านไปได้ครึ่งชั่วยาม หัวขโมยกระจอกทั้งสองคนก็หาที่หมายเจอจนได้

เพราะไม่กล้าสอบถามพวกผู้ใหญ่ ครุ่นคิดหาทางอยู่พักใหญ่ จึงรับรู้จากปากเด็กๆ ว่าบ้านฮั่วอยู่ตรงไหน มองเห็นกำแพงลานบ้านที่สูงตระหง่านนั่นมาแต่ไกล ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ว่าตัวเองมาถูกที่แล้วเป็นแน่!

แต่ก็ไม่กล้าผลีผลามเข้าไป

ต่อให้เป็นการเข้าไปลักขโมย ก็ต้องถามไถ่ให้กระจ่างว่าในบ้านมีจำนวนคนอยู่กี่คน และเข้าใจนิสัยเคยชินในการดำรงชีวิตของพวกเขาให้ดีเสียก่อนจึงจะสำเร็จ

สองคนนี้ด้วยความที่ทำเรื่องประเภทนี้จนเคยชิน จึงพกพาอาหารแห้งติดตัวเอาไว้ด้วยเช่นกัน เพราะต้องหาอาหารให้ม้าก็เลยไปนั่งยองอยู่ในเขา ตั้งใจว่าตอนกลางวันจะคอยสังเกตให้ถี่ถ้วน มากสุดสองวัน จากนั้นต้องชิงเจ้าลาน้อยตัวนั้นเอามาได้แน่!

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ซ่งอิงอยู่ในเรือนหลังนี้ เงาร่างสีทองแดงกระพือปีก กระโดดเบาๆ ลอยขึ้นที่สูงในคราเดียว

ถัดจากนั้น เสียงไก่ตัวหนึ่งก็ดังกึกก้องทั่วท้องฟ้า

ดึงเอาซ่งอิงที่หลับใหลออกมาจากความฝันทันทีทันใด นางประหลาดใจเล็กน้อย ก็ได้ยินเสียงแว่วๆ จากด้านนอกอย่างต่อเนื่องๆ มีเสียงของไก่และนกดังขึ้นทั้งใกล้และไกล!

ไก่นับร้อยส่งเสียงขัน!?

ซ่งอิงตกอกตกใจปรี่ออกไปข้างนอก

มองเห็นไก่ตัวสีเหลืองทองอร่ามอยู่บนสันกำแพงตามลำพัง สายตามันมองลงเล็กน้อย สีขนบนตัวทอแสงประกาย หงอนไก่สีแดงเพลิงส่วนนั้นตั้งตรงสง่า และจิตวิญญาณในดวงตาดูเต็มไปด้วยแสงแห่งความดุดัน!

หากมันไม่ใช่ลักษณะอย่างไก่ตัวหนึ่ง เกรงว่าซ่งอิงจะอดสงสัยไม่ได้ว่านี่คือสัตว์ดุร้ายที่ไหนมาเยือนเสียแล้ว

“ต้าหวง นี่ไม่ใช่ฝีมือเจ้ากระมัง?” ซ่งอิงเลียริมฝีปาก

กลายเป็นภูตแล้วแน่นอน

ราชันย์ไก่สินะ!

ไก่ด้านนอกยังส่งเสียงขันไม่สิ้นสุดเลย ซ่งอิงก็มองเห็นสุนัขในหมูบ้านส่งเสียงตามๆ กันขึ้นมาบ้างแล้ว หนวกหูจนคนนอนหลับไม่ได้ เกรงว่าวันนี้จะเป็นการปลุก…เด็กๆ ทั้งหมู่บ้านให้ตื่นกันแต่เช้าตรู่ถ้วนหน้า…

บาปกรรมจริงๆ…

“พี่รอง ข้างนอกเสียงดังจริง…” พวกซ่งต๋าทั้งสามคนตื่นนอนแล้วเช่นกัน

นี่ใครยังจะนอนอยู่ได้อีก

ส่งเสียงกันประมาณหนึ่งเค่อแล้วเห็นจะได้กระมัง?

“ถึงเวลาพอดี พวกเจ้าทั้งสามคนเตรียมตัวให้พร้อม วิ่งรอบเส้นทางหลักในหมู่บ้าน ไปกลับสามรอบ!” ซ่งอิงไม่พูดพร่ำทำเพลง บอกกล่าวทันทีทันใด “วิ่งเสร็จแล้วข้าจะทำดอกจินเช่ว์ผัดไข่ไก่ให้พวกเจ้า แล้วก็นึ่งเซี่ยนปิ่ง[1]ชิ้นใหญ่ๆ ให้อีกอย่าง ปิ่งไส้เนื้อหมูด้วยละ”

ซ่งอิงพูดจบ เด็กน้อยทั้งสามก็หายวับไปแล้ว

ซ่งอิงหัวเราะคิกคัก แล้วไปทำกับข้าว

“วันนี้ช่างแปลกประหลาดจริงๆ ไก่ในหมู่บ้านเป็นอะไรกันไปแล้วนะ? ขันกันไม่หยุดอย่างกับเห็นผีเข้าแล้ว…”

“พวกเจ้าก็ตื่นกันแล้วหรือ ไก่ของบ้านเจ้าขันหรือไม่…อ้อ ขันเหมือนกันหรือ?”

“ไก่และนกก็พอๆ กันกระมัง? ไม่ใช่ร้อยนกเผชิญหน้าพญาหงส์หรอกกระมัง หรือว่าหมู่บ้านเราจะเกิดเรื่องมงคลครั้งใหญ่ขึ้น?”

“…”

คนจำนวนไม่น้อยว่างงานจนไม่รู้จะทำอะไร จึงเกาะกลุ่มแล้วเริ่มพูดคุยกันขึ้นมา

ที่ผ่านมา เหตุการณ์ไก่ขันพร้อมเพรียงกันก็พอจะมีบ้าง แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะส่งเสียงร้องขึ้นมาพร้อมกันทั่วทั้งหมู่บ้าน!

เมื่อครู่เสียงนั่นเหมือนนัดกันไว้แล้ว ไม่มีเสียงแทรกวุ่นวายเลยสักนิด เป็นเสียงที่ดังขึ้นตามๆ กันเป็นระรอก เป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแน่!

เทียบกับไก่ สุนัขเหล่านั้นยิ่งแล้วใหญ่ ไก่และนกเมื่อครู่แม้เสียงดังแต่กลับไม่หนวกหู ทว่าเสียงหมาเห่ามีความวุ่นวายเล็กน้อย ทำให้คนรำคาญใจ

“นั่นเป็นเด็กๆ ของตระกูลซ่งนี่? แต่เช้าตรู่เช่นนี้มาทำอะไรกันล่ะ” มีคนพูดคุยกันอยู่ เหลือบมองเห็นพวกซ่งต๋า

กระทั่งซ่งต๋าวิ่งมาถึงข้างๆ พวกนาง จึงอดเข้าไปรั้งเอาไว้ไม่ได้ “พวกเจ้าเด็กน้อยสามคนทำอะไรกันหรือ แล้วหน้าไปถูกอะไรมา ใครต่อยเข้าให้แล้วล่ะ”

“ท่านอาหญิง พวกเราวิ่งฝึกฝนกำลังกันอยู่ ไว้ข้าเก่งกาจแล้ว ก็จะเล่นงานหนิวซานซานได้แล้ว!” ซ่งต๋าปั้นหน้าจริงจัง

เขาไม่พูดหรอกว่าตนทำไปเพื่อของกิน

นึกถึงของกิน ซ่งต๋าก็ไม่อยากหยุดนิ่งเลยแม้แต่ชั่วครู่เดียว เขาทิ้งประโยคนี้เอาไว้แล้วออกตัววิ่งต่อไป

“ไอ้เด็กคนนี้…วันนี้พิลึกพิลั่นจริงๆ เลย! เสี่ยวลิ่วตระกูลซ่งไม่ใช่ขี้เกียจและเกเรที่สุดหรอกหรือ คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะพูดว่าวิ่งฝึกฝนกำลัง?” หญิงผู้นั้นเดาะปากเบาๆ จากนั้นก็ปรี่เข้าไปในเรือนแล้วส่งเสียงตะโกนทันที “เจ้าเด็กขี้เกียจ เจ้าดูอย่างซ่งต๋า ซ่งอู่ตระกูลซ่ง แล้วก็เจ้าหนูฮั่วนั่นสิ พวกเขาต่างรู้จักออกกำลังกายฝึกฝนกำลังกันแล้ว เจ้าก็หัดเลียนแบบคนเขาบ้าง รีบๆ ออกไปวิ่งสักหน่อยสิ!”

ตอนที่ 174 ไม่เชื่อเจ้าก็ลองดู

ยังมีอีกหลายบ้านที่เห็นภาพนี้ต่างก็แอบประหลาดใจ ถึงขั้นที่ว่าฉุดกระชากลากถูเด็กๆ ในครอบครัวตัวเองให้ออกมาจากผ้าห่ม แล้วผลักไสขึ้นไปบนถนน ตามด้วยหนึ่งคำที่ว่า “วิ่ง!”

ใครบ้างไม่รู้ว่าการวิ่งดีต่อสุขภาพร่างกาย?

เด็กๆ ในชนบทแต่ละคนล้วนฝีก้าวฉับไว ปกติแต่ละวันก็ขึ้นเขาลงห้วยกันคล่องแคล่วทั้งนั้น

เพียงแต่ ไม่เคยได้ออกกำลังกายอย่างเป็นจริงเป็นจัง มองซ้ายมองขวา ท้องนภาเกือบสว่างแล้ว ยังมัวนอนอะไรกันอีก หากไม่ไปทำงานเช่นนั้นก็ไปวิ่งเช่นคนอื่นเขาสักหน่อย ถึงอย่างไรก็ดีกว่าการนอนเอกเขนกอยู่ในบ้าน!

ภูตโสมวิ่งได้รวดเร็วสุด ซ่งอู่ตามหลังมาติดๆ ซ่งต๋าแม้วิ่งไปหลายฝีก้าว แต่ด้วยความเร็วระดับนี้จึงตามไม่ทัน หายใจหอบดูน่าสงสาร อยากจะลดระดับความเร็วลงหน่อย แต่ครั้นหันมองไปข้างหลัง ตามเส้นทางเล็กๆ ในหมู่บ้านกลับปรากฏเด็กห้าหกคนเพิ่มขึ้นมา!

เขากระตุ้นให้คนออกมาวิ่งด้วยกันจำนวนมากขนาดนี้เชียวหรือ

ซ่งต๋ารู้สึกเหนือความคาดหมาย แต่ในใจอดเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองไม่ได้

ดูสิ คนเหล่านี้ต่างก็เลียนแบบเขาอยู่!

เช่นนั้นหมายถึงอะไรล่ะ จ่าฝูงเช่นนั้นหรือ

คิดได้เช่นนี้ เรี่ยวแรงซ่งต๋าก็ทวีเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย หากตอนนี้ซ่งอิงรับรู้ความนึกคิดของเขา จะต้องอุทานให้กับความทรงพลังที่ถ่ายทอดมาทางพันธุกรรมเป็นแน่ เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ก็เป็นคนที่นิสัยหลงใหลในศักดิ์ศรีและชื่นชอบการมีหน้ามีตาในสังคมเช่นนี้ ซึ่งบุตรชายของนาง ที่แท้ก็ไม่ได้ต่างกัน

วิ่งเสร็จสามรอบ ซ่งต๋าและซ่งอู่แทบหมดเรี่ยวแรง เหงื่อออกท่วมตัว

“หลานหลิน ทำไมเจ้าไม่หอบสักเท่าไรเลย! เจ้าวิ่งเร็วขนาดนั้น ไม่เหนื่อยเลยหรือ” ระหว่างทางกลับบ้าน มองเห็นท่าทีฮั่วหลินสดใสน่าเอ็นดูไม่เปลี่ยน ซ่งต๋าจึงตกตะลึงเล็กน้อย

หลานหลินเด็กกว่าพวกเขาอีกนะ! แต่หลังวิ่งเสร็จสามรอบ ใบหน้านี้ยังไม่แดงสักเท่าไรเลย!

น่ากลัวเกินไปแล้ว!

“ลูกหลินพละกำลังดีเป็นพิเศษมาแต่เกิด พวกเจ้าไม่ต้องเทียบกับเขาหรอก” ซ่งอิงหัวเราะ “วันนี้ทำได้ไม่เลว ออกท่วงท่าไทเก๊กกันอีกสองเค่อก็อาบน้ำกินข้าวกันได้แล้ว”

“ยังต้องเล่นไทเก๊กอีกหรือ!” ซ่งต๋าโวยด้วยความตกตะลึง

ขาของเขาแทบหลุดอยู่แล้ว!

“พี่รอง…ข้าช่วยทุบบ่าให้ท่านดีหรือไม่ แม่ข้าชอบให้ข้าทุบไหล่ให้มากที่สุด ฝีมือข้ายอดเยี่ยมเป็นพิเศษเลยละ” ซ่งต๋ารีบเอ่ยพูดอย่างสุนัขรับใช้ก็ไม่ปาน

“ตอนที่ออกกำลังท่าไทเก๊กก็ท่อง ‘คัมภีร์สามอักษร’ ไปด้วยสองจบ จะให้ผิดไม่ได้แม้แต่คำเดียว มิเช่นนั้นท่องถูกต้องเมื่อไหร่ถึงจะกินข้าวได้เมื่อนั้น” ซ่งอิงกล่าวอย่างไม่เห็นใจ

พูดจบ ก็ย้ายโต๊ะอาหารไปวางในลานบ้าน

บนโต๊ะวางอาหารเช้าหลากหลายเอาไว้แล้ว

อาหารหลักคือแป้งทอดกรอบไส้เนื้อ แม้จะเลี่ยนไปหน่อย แต่เด็กๆ เหล่านี้ได้กินเนื้อหมูกันน้อยครั้ง ของเช่นนี้จึงเพียงพอที่จะดึงดูดพวกเขาได้ นอกจากนั้นยังมีโจ๊กเห็ดหอมหัวไชเท้าที่เรียบง่าย แล้วยังมีดอกจินเช่ว์ผัดไข่ นอกจากนี้ยังมีเต้าหู้นึ่ง และผัดผักคื่นฉ่ายอีกหนึ่งอย่าง ด้วยสีสันอาหารเช่นนี้ จะไม่ได้เห็นในบ้านตระกูลซ่งเป็นแน่

อาหารเช้าของบ้านซ่งที่ผ่านๆ มาอย่างมากสุดก็วอวอโถวคู่กับผักกาดดองและโจ๊กธัญพืชที่ไม่ต่างจากน้ำ เด็กๆ ที่ได้รับความโปรดปรานหรือผู้ใหญ่กว่าจะได้ไข่ไก่หนึ่งฟองเพิ่มเข้ามาเพื่อบำรุงร่างกายก็ต้องพยายามไม่น้อย

เหมือนอย่างที่บ้านซ่งอิงแห่งนี้เสียที่ไหนกัน เช้าตรู่นอกจากมีแป้งทอดไส้หมูแล้ว ยังมีผัดไข่อีกด้วย

เด็กทั้งสามคนวิ่งกันมาก็รู้สึกหิวพักใหญ่แล้ว ยามนี้มองเห็นอาหาร ได้กลิ่นโจ๊กหอมๆ ท้องไส้อดร้องโครกครากขึ้นมาไม่ได้

อยากจะลงมือกินเสียเดี๋ยวนี้

แน่นอนละว่า ซ่งต๋าก็ทำอย่างที่ว่าเช่นกัน

เขาอยู่ในบ้านซ่งไม่เกรงกลัวใดๆ ทั้งสิ้น สองวันมานี้การเชื่อฟังคำพูดซ่งอิงจึงถือเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ยากยิ่ง ตอนนี้อาหารวางตรงหน้ากลับไม่ให้เขากิน มีหรือจะทนไหว? จึงยื่นมืออกมาหมายคว้าแป้งทอดไส้เนื้อนั่น

เสียงดัง ‘เพียะ’ ซ่งอิงหยิบไม้บรรทัดที่ทำขึ้นด้วยตัวเองออกมาจากแขนเสื้อ ตีลงไปอย่างไม่ให้ความสงสาร

“ข้าว่าแล้วเชียว! ไม่ทำตามที่ข้าพูดแล้วยังคิดจะขโมยกินอีกหรือ” ซ่งอิงแสยะยิ้มเย็น “ไทเก๊กวันนี้ เจ้าไม่อยากทำก็ต้องทำ ข้าก็จะเฝ้าอยู่ตรงนี้ละ เจ้าอยากหนีก็หนีไม่ได้แล้ว ไม่เชื่อเจ้าก็ลองดู?”

———————

[1] เซี่ยนปิ่ง (馅饼) แป้งแผ่นกลมๆ ลักษณะเหมือนกับพาย มีไส้รสชาติต่างๆ อยู่ในแผ่นแป้งกลมๆ เช่นไส้หมูสับผัด ไส้ผัก เป็นต้น