บทที่ 115 วงล้อแห่งกรรม

จี้จือฮวนซื้อผลตีนตุ๊กแกสด ๆ กลับมาหนึ่งตะกร้าเต็ม ๆ ท่านย่าหวังไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ไม่ยอมรับเงินของนางท่าเดียว จี้จือฮวนจึงตั้งใจว่าทำเสร็จแล้วจะแบ่งไปให้ครอบครัวพวกเขาด้วย

อาอินที่รออยู่หน้าประตูนานแล้วเดินเข้ามาช่วย

จี้จือฮวนมองหน้านางเล็กน้อย “รองเท้าพอดีหรือไม่?”

“พอดีเจ้าค่ะ” อาอินไม่กล้ามองนาง

จี้จือฮวนจะไม่รู้ความคิดของนางอย่างนั้นหรือ?

“เอาน่า กลัวอะไรกัน แค่ตีผู้หญิงสองคนของครอบครัวเฉินเท่านั้นเอง ใช่เรื่องใหญ่ที่ไหนกัน”

อาอินใบหน้าแดงก่ำ “ขอโทษเจ้าค่ะ เพราะพวกนางพูดจาไม่ดี ข้าก็เลยทำลงไป ข้ารับปากท่านว่าต่อไปจะไม่หาเรื่องเดือดร้อนให้ที่บ้านอีกเจ้าค่ะ”

จี้จือฮวนตบบ่าของนาง “ข้าให้เจ้าควบคุมพละกำลังของตนเอง แต่ไม่ได้หมายความว่าให้เจ้าอดทนต่อการกดขี่ หากมีคนรังแกเจ้า เจ้าก็จัดการได้เลย ไม่จำเป็นต้องเกรงใจพวกนาง คนที่มาหาเรื่องคนอื่นก่อนก็ต้องได้รับผลกรรม”

อาอินพยักหน้ารับ นางกลัวว่าจี้จือฮวนจะโมโหแล้วไม่สนใจนางอีก

จี้จือฮวนหิ้วตะกร้าเดินไปที่ท่อไม้ไผ่เพื่อล้างผลตีนตุ๊กแก เผยจี้ฉือบังเอิญออกมายืดไหล่พอดี ดังนั้นจึงเข้ามาช่วยด้วย

จี้จือฮวนกำลังสอนวิธีแยกผลตีนตุ๊กแกตัวผู้กับตัวเมียให้อาอินอยู่

“ผลไม้แบ่งเป็นตัวผู้กับตัวเมียด้วยหรือขอรับ?”

“แน่นอน ลูกใหญ่ก็คือตัวผู้ ลูกเล็กก็คือตัวเมีย” จี้จือฮวนยังให้พวกเขาลองคัดเองอีกด้วย

แม้ในหนังสือจะมีเขียนเกี่ยวกับตัวโกงไม่มากนัก แต่เรียนรู้ให้มากหน่อย ต่อไปเมื่อออกไปข้างนอกแล้ว ก็จะสามารถยืนด้วยลำแข้งของตัวเองได้

“ดึงก้านแล้วออกแรงบีบ ข้างในก็คือน้ำยางธรรมชาติสามารถสกัดเป็นยางได้”

“ยางคืออันใดหรือเจ้าคะ?”

“ยางเป็นของแข็งที่มีความยืดหยุ่นที่เกิดจากการจับตัวเป็นก้อน ด้วยการทำให้แห้งและกระบวนการอื่น ๆ ยางประเภทนี้คือยางจากธรรมชาติและเป็นยางที่พบมากที่สุดที่นี่ ส่วนของอย่างอื่นพวกเจ้าอาจยังไม่มีโอกาสได้เห็นในตอนนี้”

เผยจี้ฉือครุ่นคิดตาม ของอย่างอื่นยังไม่ได้เห็นในตอนนี้ เพราะอยู่ในโลกปีศาจอย่างนั้นหรือ?

เช่นนั้นท่านแม่เป็นปีศาจอะไรกันแน่ เป็นปีศาจประเภทใดกัน?

“น้ำยางที่ผ่านการจับตัวเป็นก้อน ล้าง ขึ้นรูป และทำให้แห้งจะได้เป็นยางธรรมชาติ นอกจากนี้เถาของตีนตุ๊กแกยังเอามาใช้ทอผ้าและนำมาทำเป็นกระดาษ น้ำยางที่เปลือกของผลก็สามารถนำมาใช้ทำยางได้

พวกเจ้าอย่าได้ดูถูกยางพวกนี้เชียว เมื่อเวลาผ่านไปและด้วยการพัฒนาของเทคโนโลยี เราจะสามารถผลิตของใช้ประจำวันจากยางได้หลายอย่าง เช่น กระเป๋าใส่น้ำอุ่น ยางยืด ยังมีรองเท้ากันฝนด้วยนะ แต่สิ่งเหล่านี้สำหรับพวกเจ้าแล้วยังห่างไกลอีกมาก” จี้จือฮวนล้างผลตีนตุ๊กแกเสร็จแล้ว ก็ลุกขึ้นปิดน้ำ

อาอินเอ่ยอย่างครุ่นคิดออกมา “รองเท้ากันฝน หากสวมรองเท้ากันฝนแล้ว หน้าฝนเท้าก็จะไม่เปียกใช่หรือไม่เจ้าคะ?”

“อืม”

“เช่นนั้นหากใช้ในสนามรบ พวกทหารก็จะไม่เป็นโรคเกี่ยวกับเท้า ไม่เป็นแผลพุพองและนอนหลับได้สบายขึ้นในตอนกลางคืนใช่หรือไม่เจ้าคะ?”

“เหตุใดเจ้าถึงรู้เรื่องพวกนี้กัน?” จี้จือฮวนรู้สึกประหลาดใจ

“เมื่อก่อนข้าไปที่ค่ายทหารบ่อย ๆ ท่านลุงท่านอาเหล่านั้น ฝ่าเท้ามักจะถลอก รองเท้าขาดเพราะการฝึกและออกรบในช่วงหน้าฝน หากเสบียงทหารมาไม่ทันก็ต้องซ่อมด้วยตัวเอง ตอนนั้นข้าก็คิดว่าต่อไปหากมีรองเท้าที่กันน้ำได้ก็คงจะดี”

อาอินเอ่ยถึงตรงนี้ก็จับผลตีนตุ๊กแกขึ้นมาพิจารณา พยายามค้นคว้าบางอย่างจากมัน

จี้จือฮวนแอบประหลาดใจ ดูเหมือนว่าอาอินคนนี้เป็นคนที่มีความสนใจในเรื่องการทหารและสงครามมากที่สุดในบรรดาทั้งสามคน อาชิงนั้นยังมองไม่ออก แต่ว่าอาฉือไม่เดินทางนี้อย่างแน่นอน

“ต้องมีแน่นอน” จี้จือฮวนเอ่ยอย่างมั่นใจ

แม้ว่านี่จะเป็นเพียงโลกในนิยาย แต่ว่านางติดอยู่ในช่วงเวลานี้แล้ว ก็หวังว่าจะทิ้งความทรงจำที่ดีเอาไว้ที่นี่บ้าง

“กำลังคุยอะไรกันหรือ?” เผยยวนที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วเดินออกมา เมื่อเห็นจี้จือฮวนก็เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

“ท่านพ่อ! ข้าจะบอกท่านให้ ท่านแม่บอกว่าในผลตีนตุ๊กแก…” อาอินราวกับค้นพบขุมทรัพย์อันยิ่งใหญ่ และเริ่มเล่าให้เผยยวนฟัง

เผยยวนยิ่งฟังก็ยิ่งสนใจ ในขณะเดียวกันก็ยิ่งอยากรู้มากขึ้นไปอีกว่าจี้จือฮวนคือใครกันแน่

เป็นตัวละครในหนังสือเกี่ยวกับปีศาจที่บัณฑิตพวกนั้นแต่งขึ้นมาอย่างนั้นหรือ?

ส่วนเผยจี้ฉือก็ช่วยจี้จือฮวนสะเด็ดน้ำผลตีนตุ๊กแก จากนั้นก็หยิบเขียงมา เมื่อเห็นจี้จือฮวนเริ่มจัดการผลตีนตุ๊กแกแล้ว เขาก็ดึงแขนเสื้อของจี้จือฮวนเงียบ ๆ “ท่านแม่ ต่อไปเรื่องพวกนี้ ท่านสามารถพูดต่อหน้าข้ากับอาอินได้ แต่อยู่ต่อหน้าคนนอกท่านต้องเก็บเงียบเอาไว้นะขอรับ”

“ทำไม กลัวข้าถูกคนจับไปหรือ?” จี้จือฮวนยิ่งมองก็ยิ่งอยากหัวเราะ

ใบหน้าและหูของเผยจี้ฉือพลันแดงเรื่อขึ้นมา “ข้าจริงจังนะขอรับ ท่านอย่าทำเป็นล้อเล่นสิขอรับ”

“ได้ ข้าจะจำเอาไว้ แต่ข้าเป็นคนดื้อรั้นมาตั้งแต่เกิด ทำอะไรไม่เคยกลัวใคร ไม่เช่นนั้นทำอะไรก็จะไม่มีความสุข ข้าอยู่ในโลกนี้ก็เพื่อเงินทอง หลีกหนีโลกเพื่อความสุขสบาย ข้ารู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร”

รอนางหาเงินได้มากพอแล้ว ก็จะได้ใช้ชีวิตอย่างสบายแล้ว

ความคิดหรือหนังสือที่เผยจี้ฉือได้เรียนรู้มาตั้งแต่เด็ก ไม่มีหลักเหตุผลข้อใดที่สอนเรื่องพวกนี้ให้เขา เขาจึงตกตะลึงจนอ้าปากค้าง

“มา ผ่าผลตัวเมียที่เจ้าเพิ่งคัดออกมา จะมีเมล็ดอยู่ข้างใน จากนั้นให้เอาไปตากไว้กลางแดดหนึ่งเค่อ”

“ขอรับ”

ไม่นานอาอินก็เข้ามาช่วยด้วย เผยยวนเพิ่งจะยื่นมือมา จี้จือฮวนจึงสังเกตเห็นว่าเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว “ข้าคิดเอาไว้แล้วว่าสีนี้เหมาะกับเจ้า”

ในที่สุดแววตาของเผยยวนก็เปล่งประกายขึ้นมา ขณะมองนางด้วยความตกตะลึง

เมื่อครู่เขาตั้งใจเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ และรีดรอยพับให้เรียบ เกรงว่านางจะมองว่ามันไม่สวย สุดท้ายตอนที่นางเห็นเขาเมื่อครู่ แววตากลับไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เผยยวนจึงรู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมาเล็กน้อย

ในลานบ้านมีกลิ่นหอมของผลไม้ลอยคลุ้งไปทั่ว เผยยวนมองหน้านาง “เจ้าเลือกได้ดี”

จี้จือฮวนพยักหน้ารับ นางย่อมเชื่อในสายตาของตัวเองอยู่แล้ว

“เจ้ามาพอดีเลย ช่วยหยิบถุงผ้าตาข่ายมาให้ข้าที”

เผยยวนหมุนตัวออกไป แม้ว่าเขาจะใช้ไม้ค้ำ แต่ด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา ก็ทำให้คนรู้สึกว่าการเคลื่อนไหวทั้งหมดนั้นดูดีเป็นอย่างมาก

เวลาหนึ่งเค่อผ่านไป ในที่สุดเมล็ดก็แห้งแล้ว นางจึงใส่ลงไปในถุงผ้าตาข่ายและเอาไปแช่ในน้ำ จากนั้นก็ใช้มือบีบวุ้นในเมล็ดออกมา หลังจากปล่อยให้ขึ้นรูปแล้วก็ใช้มีดเล่มเล็ก ๆ ตัดเป็นชิ้น ๆ ใส่น้ำผึ้ง โรยถั่วลิสงบดบาง ๆ และเด็ดใบสะระแหน่ในลานบ้านมาตกแต่ง เพียงเท่านี้วุ้นมู่เหลียนจากธรรมชาติก็เสร็จแล้ว

จี้จือฮวนเช็ดมือของตัวเอง และเรียกให้ทุกคนมากินกัน

“โอ๊ย อายวน ข้าล่ะอิจฉาเจ้าจริง ๆ ที่มีภรรยาดีเช่นนี้” เหล่าเติ้งถึงกับถอนหายใจอย่างแรง

เผยยวนกินวุ้นมู่เหลียนไป ในใจก็รู้สึกมีความสุขยิ่งนัก

อีกด้านหนึ่ง จี้จือฮวนเข้าไปในห้อง ก่อนจะหยิบเสื้อผ้าที่ตนเองซื้อออกมาจากในตะกร้า อาศัยตอนที่ทุกคนไม่ได้สนใจ แอบขึ้นไปที่เขาด้านหลัง

นางตัดป้ายไม้ขนาดเล็กมาแผ่นหนึ่ง และเขียนคำว่า ‘หลุมศพของจี้จือฮวน’ ด้วยอักษรจีนตัวย่อ อย่างไรซะก็ไม่มีใครที่นี่อ่านออกอยู่แล้ว เพราะตัวอักษรไม่เหมือนกัน

“วันนี้เป็นวันเกิดของเจ้า ข้าซื้อเสื้อผ้าที่เจ้าเคยชอบที่สุดมาให้ เจ้าดูสิ มีสีชมพูอมฟ้า ชมพูอมเหลือง ข้าฝังให้เจ้าแล้ว ชาตินี้เจ้ามีชีวิตน่าเวทนา เป็นแค่ตัวประกอบของเรื่อง ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะได้ยินหรือไม่ แต่ในเมื่อข้าใช้ร่างของเจ้าและใช้ชีวิตต่อไปแทนเจ้า ข้าก็หวังว่าเจ้าที่อยู่อีกที่หนึ่ง อย่าได้เจ็บแค้นต่อชีวิต พยายามมีความสุขเข้าไว้

คนเราควรอยู่เพื่อตัวเอง ทำอะไรก็จะได้รับผลเช่นนั้น เจ้าสะดุดธรณีประตูทำให้ข้ามาที่โลกนี้ บางทีอาจเป็นพรหมลิขิตก็ได้ ข้าจะเดินเรื่องให้จบแทนเจ้าเอง ความแค้นของเจ้า หากมีโอกาสได้พบจี้หมิงซูกับพ่อของเจ้า ข้าจะล้างแค้นให้เอง เพราะหากไม่มีคนชั่วอย่างพวกเขา ข้าก็คงไม่ต้องมาทำงานที่นี่”

ลมภูเขาหอบหนึ่งพัดมา ราวกับรับรู้คำพูดของจี้จือฮวน

มุมปากของนางโค้งขึ้น “ลาก่อน”

หลังจากที่จี้จือฮวนเดินจากไปได้ไม่นาน เผยยวนก็เดินออกมาจากอีกด้าน เขาคารวะให้กับป้ายไม้เล็ก ๆ นั้นสามครั้ง “แม้เจ้าจะพยายามฆ่าข้าหลายครั้ง เกลียดสามีในนามเช่นข้า และต้องการจะขายพวกเด็ก ๆ แต่เด็กพวกนั้นก็ไม่ให้เจ้าได้ใช้ชีวิตที่ดี ความผิดทุกอย่างในอดีตข้าต้องขออภัยแทนพวกเขาด้วย การเป็นสามีภรรยาไม่ใช่ความตั้งใจของเรา หากจะพูดว่าใครผิดใครถูกนั้น ก็คงไม่อาจพูดได้อย่างชัดเจน แม่นางจี้ เผยยวนขอจุดตะเกียงให้เจ้า หวังว่าชาติหน้าเจ้าจะไม่มีความทุกข์ยากใด ๆ มีพ่อแม่ที่รักใคร่ มีพี่น้องที่คอยปกป้องดูแล ได้แต่งงานกับชายที่รัก”