บทที่ 116 ข้าไม่มีฐานะอะไรในบ้านหลังนี้

จวนอู่อันโหว

เซียวเย่เจ๋อกำลังเอนตัวอยู่บนเก้าอี้เอนหลัง หลับกลางวันอยู่ใต้ต้นไม้ ช่วงนี้กิจการขายน้ำแข็งในเมืองหลวงกำลังไปได้ดี ยุ่งจนเขาไม่ได้นอนหลับอย่างเต็มอิ่มอีกเลย

เพิ่งจะเข้าสู่ห้วงความฝัน กำลังรับบะหมี่หอยขมร้อน ๆ จากมือของจี้จือฮวนมา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกราวกับว่าหน้าอกของเขาถูกกระแทกด้วยวัตถุที่หนักและแข็งอย่างแรง

“แม่เจ้า” เซียวเย่เจ๋อตื่นขึ้นจากความฝัน ยังไม่ทันจะได้เช็ดน้ำลายที่มุมปาก เขาก็มองเห็นหมูล่าเหยื่อ อ้อ ไม่ใช่! นกเหยี่ยวล่าเหยื่อที่หน้าอก

“ห้องครัวซื้อหมูมีปีกมาตั้งแต่เมื่อไรกัน!” เซียวเย่เจ๋อตะโกนถามคนรับใช้ที่กำลังทำความสะอาดทางเดินอยู่

เซียวผิงคิดว่ามีนักฆ่าลอบเข้ามาเสียอีก จึงได้รีบพุ่งตัวมาหา ก่อนจะพบว่าเซียวเย่เจ๋อกำลังตีกับนกเหยี่ยวล่าเหยื่อตัวอ้วนกลมตัวหนึ่งอยู่ เขาจึงรีบเข้าไปขวางการโจมตีของพญาครุฑต้าเผิงทันที หลังจากพิจารณาอยู่สักพักจึงเอ่ยขึ้นมา “นี่ไม่ใช่หมูมีปีกขอรับ แต่เป็นนกเหยี่ยวล่าเหยื่อที่พวกเรามอบให้กับแม่นางจี้ขอรับ”

เซียวเย่เจ๋อจ้องหน้านกเหยี่ยวล่าเหยื่อเขม็ง

นกเหยี่ยวล่าเหยื่อเองก็จ้องเซียวเย่เจ๋อด้วยความเคียดแค้นเช่นกัน จากนั้นก็ย่ำกรงเล็บอย่างหมดความอดทน เตรียมอาศัยตอนที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวพุ่งเข้าไปตะปบอีกรอบ

กล้าบอกว่าข้าอ้วนหรือ ข้ามีรูปร่างสวยงามแข็งแรงต่างหาก!!!

“นี่…นี่เลี้ยงจนเป็นหมูไปแล้วหรือ” เซียวเย่เจ๋อแสยะยิ้มมุมปากอย่างนึกรังเกียจ

พญาครุฑต้าเผิงจะพุ่งเข้ามาอีก เซียวผิงจึงรีบหยิบเอาจดหมายบนเท้าของมันออกมา เซียวเย่เจ๋อก็รีบแย่งไปทันที

“ข้าจะบอกเจ้าให้ นางส่งจดหมายมาหาข้าเร็วเพียงนี้ ต้องเป็นเพราะนางคิดถึงข้าอย่างแน่นอน

นางคงอายที่จะพูดออกมาเอง เลยเก็บไว้จนอึดอัด” เซียวเย่เจ๋อย่อมรู้อยู่แล้ว นางอยู่ในหมู่บ้านทุรกันดารเช่นนั้น จะไม่คิดถึงการมีชีวิตที่ดีได้อย่างไร!

ทว่าทันทีที่อ่านจดหมายจบ เซียวเย่เจ๋อก็หงอยเหงาลง “สั่งการลงไป ให้คนขนดินประสิวชุดหนึ่งไปที่ภัตตาคารเค่ออวิ๋นไหลในตำบลฉาซู่”

เซียวผิงคิดเอาไว้แล้ว ว่าซื่อจื่อนั้นจะต้องคิดเข้าข้างตัวเองเป็นแน่

พญาครุฑต้าเผิงเริ่มรู้สึกหมดความอดทน มันย่ำกรงเล็บไปมาเพื่อเร่งให้เขารีบเขียนจดหมายตอบ มันจะได้รีบกลับบ้านไปกินข้าวเสียที

คนกับนกจ้องตากันครู่หนึ่ง เซียวเย่เจ๋อก็เริ่มโมโหขึ้นมาแล้ว “มองอะไรของเจ้า ข้าตัวใหญ่กว่าเจ้าอีกนะ!”

พญาครุฑต้าเผิงเอียงคอเล็กน้อย ก่อนจะเบือนหน้าหนีอย่างดูแคลน ข้าต่างหากที่เป็นนกยักษ์ ส่วนเจ้าน่ะหรือ? ดูก็รู้ว่าไม่ใหญ่

หลังจากตอบจดหมายเสร็จ พญาครุฑต้าเผิงก็บินจากไปอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย

ทำไมต้องมาส่งจดหมายให้เจ้าโง่คนนี้ด้วยกัน แทะเนื้ออยู่บ้านไม่ดีกว่าหรืออย่างไร!

เซียวเย่เจ๋อเดินนำเซียวผิงกำลังจะออกไปด้านนอก

“พี่ชาย” เซียวหรงหรงเดินมาจากด้านข้าง หลังจากคำนับให้เซียวเย่เจ๋อแล้วก็เอ่ยถามขึ้นมา “อีกเดี๋ยวหมิงซูจะมา ท่านจะไปที่ใดอีกเล่าเจ้าคะ ไม่รอนางก่อนหรือเจ้าคะ?”

“นางมาอีกแล้วหรือ ที่นี่คือจวนตระกูลเซียวหรือว่าจวนตระกูลจี้กันแน่?”

“เหตุใดท่านถึงพูดเช่นนี้เล่าเจ้าคะ หมิงซูบอกว่านางมีเส้นสายทางฝั่งองค์ชายรอง บอกว่าหากท่านต้องการขายน้ำแข็ง ไม่สู้ขายให้กับราชวงศ์ดีกว่า ชาวบ้านร้านตลาดพวกนั้นมีอะไรน่าคบค้าสมาคมกัน” เซียวหรงหรงไม่พอใจ

เซียวเย่เจ๋อเปล่งเสียงหัวเราะออกมา “จี้หมิงซูนั่นนับเป็นตัวอะไรกัน เรื่องของข้านางมีสิทธิ์อะไรเข้ามายุ่งด้วย นางอยากจะเกาะองค์ชายรองล่ะสิไม่ว่า เจ้าอย่าลืมว่าครอบครัวเราไม่เลือกข้างฝ่ายใดทั้งสิ้น งานวันเกิดของจวนจี้กั๋วกงข้าก็จะไม่ไปด้วย เจ้าจะไปก็ไปเอง”

เซียวเย่เจ๋อเอ่ยจบก็เดินจากไปทันที เซียวหรงหรงได้แต่กระทืบเท้าไปมา แต่นางจะกล้าโมโหได้อย่างไร?

“คุณหนู วันนี้ซื่อจื่อน่าจะอารมณ์ไม่ดีนะเจ้าคะ”

“เจ้าบอกว่าพวกองครักษ์ของท่านพี่ข้าบอกว่า เขาเจอภัตตาคารที่มีอาหารอร่อยมากแห่งหนึ่งในตำบลฉาซู่ อาหารก็มีหลากหลาย ถ้าข้าเอาข่าวนี้ไปบอกหมิงซู นางจะดีใจมากหรือไม่?”

“ตำบลฉาซู่ก็อยู่ไม่ไกล ใช้เวลาเดินทางสองวันก็ไปถึงแล้ว เพียงแต่เปลี่ยวร้างอยู่สักหน่อย มีแต่ภูเขากับท้องนา มีแต่พวกบ้านนอกถึงจะไปที่นั่น คุณหนูจี้หมิงซูไม่น่าจะไปที่นั่นนะเจ้าคะ”

“แต่ว่าฝีมือการทำอาหารของคนผู้นั้นต้องดีมากจริง ๆ ไม่อย่างนั้น ตั้งแต่พี่ชายข้ากลับมาคงไม่ตำหนิพ่อครัวในจวนหรอก ตั้งแต่เด็กเขากินยากเป็นที่สุด หากไม่ชอบกินก็จะทนหิวอยู่อย่างนั้น จี้หมิงซูเกาะองค์ชายรองได้แล้ว ข้าก็อยากจะลองดูบ้าง” เซียวหรงหรงตั้งใจว่าจะให้คนไปสืบที่ตำบลฉาซู่

เมื่อหม้อร้อน จี้จือฮวนที่เพิ่งโยนพริกที่สับแล้วลงไป ตั้งใจว่าจะทำหอยขมผัดพริกกิน ก็ได้ยินเสียงเอะอะในลานบ้านว่ามีแขกมา

จี้จือฮวนมองไปทางประตู ก็เห็นจางหยวนเฉียวเดินเข้ามาพร้อมเสียงหัวเราะ

จี้จือฮวนหันมาผัดหอยขมต่อ “มีอะไรหรือ?”

“อาจารย์ เจ้าอย่าเย็นชาเช่นนี้สิ”

“ท่านเช็ดน้ำลายของท่านก่อนจะดีกว่า” จี้จือฮวนเอ่ยเย้า

จางหยวนเฉียวได้ยินดังนั้นก็รีบซูดน้ำลายทันที “ไม่ไหล ๆ แต่มันหอมมากเลย” (ˉ﹃ ˉ)

จี้จือฮวนปิดฝาหม้อแล้วเช็ดมือ “ในเมื่อมาแล้วก็อยู่กินข้าวด้วยกันเถอะ ข้าเพิ่งทำของว่างเสร็จพอดี มีถั่วลิสงอบน้ำเกลือกับตีนไก่หนังเสือ ท่านเลือกเอาเองก็แล้วกัน”

“ไม่รีบ ไม่รีบ ข้าไม่ใช่คนตะกละขนาดนั้น” เอ่ยจบมือก็หยิบถั่วลิสงข้าง ๆ และเอาใส่ปากกินไปเม็ดหนึ่งทันที

จี้จือฮวน “…”

“จริงสิ อาจารย์ผู้ชายไปอยู่ที่ไหนเสียล่ะ ข้าเพิ่งไปดูเขาที่ห้องมา เหตุใดบนเตียงถึงไม่มีคนอยู่แล้วเล่า?”

“อ้อ เขาหายแล้ว เลยออกไปตัดหญ้าเลี้ยงหมูบนเขากับอาอิน”

“อะไรนะ? หายแล้ว?” จางหยวนเฉียวรีบเช็ดปากของตัวเอง ก่อนจะชะโงกหัวออกมานอกประตูพลางมองไปทางภูเขา ราวกับต้องการมองให้ทะลุจนเป็นรูอย่างไรอย่างนั้น

จี้จือฮวนจึงปล่อยเขาไป อย่างไรเสียก็ไม่สามารถบอกเรื่องยาหลิงเฉวียนกับเขาได้ บอกไปเขาก็ไม่เข้าใจ หญิงสาวที่ถูกเลือกให้มีดัชนีทองอย่างนาง คงทำได้เพียงเพลิดเพลินกับความสุขที่คนอื่นไม่มีก็เท่านั้น

จี้จือฮวนยังคงวางท่าต่อ จากนั้นก็นั่งพักผ่อนบนชิงช้าในลานบ้าน

ฟางจวิ่นเหมยจูงอาฝูเข้ามา “น้องสาวฮวนฮวน เจ้าว่าแปลกหรือไม่ ที่ตำบลฉาซู่ตอนนี้มีร้านอะไรนะ อืม ร้านเครื่องดื่มเย็นเปิดใหม่ร้านหนึ่ง มีคนเข้าแถวรอซื้อเต็มไปหมดเลย

ตอนที่ข้าไปตลาดเลยแวะไปดูมา เฮ้อ ข้าก็คิดว่าขายอะไรเสียอีก ที่ไหนได้ก็น้ำแข็งแท่งที่ปกติเจ้าชอบทำให้พวกเรากินนั่นแหละ ข้ายังคิดว่าคนในตำบลจะหูตากว้างไกลกว่าคนบ้านนอกอย่างเราเสียอีก ตอนนี้ดูท่าก็คงจะไม่เท่าไร”

จี้จือฮวนเลิกคิ้วขึ้น “ขายดีมากหรือ?”

“ไม่ใช่แค่นั้นนะ เพราะมีทั้งชาย หญิง คนแก่และเด็กเล็ก เขาบอกว่าวันนี้อากาศร้อนมาก หากซื้อกินคลายร้อนสักแท่งก็คงดี”

จี้จือฮวนได้ฟังก็มีความสุขเป็นอย่างมาก ขอแค่การค้าไปได้ดีและมีเงินเข้าตลอด เช่นนี้ช่องว่างมิติของนางก็จะใหญ่ขึ้นอีก!

เงินต่อเงิน ดอกเบี้ยทบต้น แม้แต่ในอากาศก็แทบจะได้กลิ่นหอมของเงินไปด้วย

“อาจารย์ผู้ชาย เจ้าฟื้นแล้วจริง ๆ ด้วย!” เสียงตื่นตระหนกของจางหยวนเฉียวดังขึ้น จี้จือฮวนจึงหันไปมอง

เผยยวนแม้จะยังใช้ไม้ค้ำอยู่แต่ก็สามารถแบกตะกร้าใบใหญ่ได้ ส่วนอาอินก็แบกของป่าจำนวนมากมาด้วยตนเอง

เผยยวนไม่รู้ว่าจางหยวนเฉียวเป็นใคร จึงมองไปทางจี้จือฮวน

“อ้อ ข้าเกือบลืมไปเลยว่าอาจารย์ผู้ชายยังไม่รู้จักข้า ข้าคือจางหยวนเฉียว เป็นหมอคนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้มีความสามารถอะไรมากมาย ข้าขอตรวจชีพจรของเจ้าหน่อยจะได้หรือไม่? ข้าแปลกใจมากว่าเจ้าฟื้นขึ้นมาได้อย่างไรกัน?”

เผยยวนถูกจางหยวนเฉียวลากเข้าไปในห้องโถงพร้อมสีหน้างุนงง ไม่นาน จางหยวนเฉียวก็พุ่งตัวออกมาคุกเข่าให้กับจี้จือฮวน

“อาจารย์ ช่วยสอนข้าหน่อยจะได้หรือไม่ เพียงหนึ่งส่วนก็ยังดี!” จางหยวนเฉียวตั้งใจว่าจะไม่ไปไหนอีก วันนี้หากเขาไม่ได้เป็นศิษย์อย่างแท้จริง เขาก็จะไม่ยอมกลับ!

แต่หากได้กินหอยขมผัดพริก เช่นนั้นเขาจะยอมกลับไปก่อน ประเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยกลับมาใหม่!

จางหยวนเฉียวอายุมากแล้วมาคุกเข่าให้นางเช่นนี้ จี้จือฮวนไม่อยากจะรับจริง ๆ ทว่ากลับเป็นเผยยวนที่คว้าแขนของจางหยวนเฉียวเอาไว้ “ท่านผู้เฒ่า จะคุกเข่าเช่นนี้ไม่ได้นะขอรับ”

“อาจารย์ผู้ชาย เจ้าช่วยสงสารข้าสักหน่อยเถอะ ข้าอายุปูนนี้แล้ว แต่ข้ายังอยากเรียนรู้อะไรเพิ่มอีกสักหน่อย” จางหยวนเฉียวมองเผยยวนด้วยสายตาน่าสงสาร

เผยยวนอยากจะกลอกตามองบนยิ่งนัก ท่านมองข้าไปก็ไม่มีประโยชน์ ท่านมองนางสิ ข้ามีฐานะอะไรในบ้านหลังนี้ ท่านก็ดูเอาเอง