บทที่ 117 งานเลี้ยงต้อนรับศิษย์

จี้จือฮวนถอนหายใจออกมา จึงไม่ทันสังเกตเห็นประกายคมกล้าในสายตาของผู้ชายทั้งสองคน “เอาล่ะ ๆ ข้ารับปากก็ได้ แต่มีหลายอย่างที่ข้าไม่สามารถอธิบายกับท่านได้ ท่านต้องไปศึกษาเอาเอง”

“ขอเพียงอาจารย์ยอมตกลงก็พอ ข้าได้จองห้องที่เค่ออวิ๋นไหลเพื่องานเลี้ยงฉลองคารวะอาจารย์เอาไว้แล้ว สามารถไปกินกันตอนนี้ได้เลย”

เยี่ยมจริง ๆ นี่เตรียมการเอาไว้หมดแล้วนี่นา

ฟางจวิ่นเหมยรู้จักจางหยวนเฉียวดี นั่นเป็นถึงหมออันดับหนึ่งของตำบลเชียวนะ เขายังต้องมาหาน้องสาวของนางเลย เช่นนั้นน้องสาวของนางก็เป็นหมอเทวดาจริง ๆ น่ะสิ!

เผยจื่อนอนเป็นผักมาตั้งนานยังสามารถฟื้นขึ้นมาได้ นี่จะไม่ใช่เทวดากลับชาติมาเกิดหรอกหรืออย่างไร

“ก็ได้ แต่ว่าข้าไม่ชอบคนเยอะ แค่พวกเราไม่กี่คนก็พอ อาอินเจ้าไปบอกทุกคนที คืนนี้พวกเราจะไปกินข้าวที่เค่ออวิ๋นไหลกัน”

“อ่อ เจ้าค่ะ!” อาอินวิ่งตึก ๆ เข้าไปในห้องเพื่อเรียกเผยจี้ฉือ

เดิมก็เป็นเวลาพลบค่ำอยู่แล้ว จี้จือฮวนเองก็ยังไม่ได้เริ่มทำมื้อเย็น

ทั้งครอบครัวหลังจากผูกรถม้าเสร็จ ลงกลอนประตูรั้วเรียบร้อยแล้ว ก็เข้าไปที่ตำบลด้วยกัน

ท่านป้ามองพิจารณาจางหยวนเฉียวเงียบ ๆ จากนั้นก็ล้วงเอาห่อเงินออกมาจากแขนเสื้อ “ให้ เป็นอั่งเปาที่ท่านป้าให้เจ้า”

ศิษย์คนนี้ของฮวนฮวนนับว่าใช้ได้ เพียงแต่อายุมากไปเสียหน่อย แต่ในฐานะผู้อาวุโสของบ้านนี้ ท่านป้าก็ยังพอหาเงินด้วยตัวเองได้อยู่บ้าง

จางหยวนเฉียวตกตะลึงไปในทันที อาอินลอบเข้าไปกระซิบข้าง ๆ หูท่านพ่อกับท่านแม่ “เมื่อคืนข้าเห็นท่านป้านับเงิน สองวันมานี้นางได้เงินมาสิบตำลึง จากนั้นก็ไปหมู่บ้านข้าง ๆ …ได้มาอีกสิบห้าตำลึงเจ้าค่ะ”

จี้จือฮวน “!!!”

มองไม่ออกเลยว่าท่านป้าที่มีความสามารถเช่นนี้ กลับต้องมาอยู่ในหมู่บ้านที่ทุรกันดาร นี่ไม่เท่ากับเป็นการเสียของหรอกหรือ ไม่ควรไปถล่มบ่อนให้เละหรืออย่างไร?

เผยยวนรู้สึกถึงวิกฤตทางเงิน เขาล้วงเข้าไปในถุงเงินที่ตอบจนน่าสงสารของตัวเอง

วันก่อนช่วยอาชิงให้อาหารลูกไก่ได้ค่าขนมมาหนึ่งเหวิน ช่วยอาอินล้างผัก ตัดหญ้าให้หมูได้มาอีกห้าเหวิน

เผยยวนจึงเริ่มคิด หากเป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่ได้การเป็นแน่ ใกล้ ๆ นี้มีศัตรูของเขาอยู่หรือไม่นะ ถ้าไปฆ่าแล้วเอาเงินที่บ้านพวกเขามาสักก้อน…

มือก็เคลื่อนไหวไม่หยุด เขาหยิบเงินสองเหวินออกมาจากเงินค่าขนมที่มีอยู่ไม่มากนัก และยัดใส่มือของจางหยวนเฉียว “เงินค่าขนมนี่อาจารย์ผู้ชายให้”

ถูกต้อง ข้ายังไม่ถูกไล่ออกจากบ้าน ข้ายังนับว่าเป็นอาจารย์ผู้ชายอยู่!

ใช่~ เป็นสามีของฮวนฮวน!

เผยยวนรู้สึกว่าหลังของตนเองตั้งตรงผึ่งผายขึ้นไปอีก

อาชิงเห็นดังนั้นก็หยิบลูกอมสองเม็ดออกมาจากในกระเป๋าใบน้อยที่พกติดตัว “ศิษย์น้องเล็ก ข้าให้ท่านนะ”

จางหยวนเฉียวอึ้งไปเล็กน้อย รู้สึกประทับใจจริง ๆ แต่ครั้งหน้าไม่เอาดีกว่า

จางหยวนเฉียวรู้แค่ว่าจี้จือฮวนจะมาขายของที่เค่ออวิ๋นไหล แต่ไม่รู้ว่าจี้จือฮวนต่างหากที่เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้มีเค่ออวิ๋นไหลได้อย่างทุกวันนี้ มีแขกหลั่งไหลเข้ามาราวกับหมู่เมฆ

ฮวาเซียงเซียงเมื่อเห็นว่าที่แท้จางหยวนเฉียวเชิญจี้จือฮวนมา ก็รีบสั่งให้คนเก็บห้องส่วนตัวที่ดีที่สุดของเค่ออวิ๋นไหลไว้ให้ ทั้งครอบครัวจึงได้เดินขึ้นไปชั้นบน

เมื่อฮวาเซียงเซียงเห็นเผยยวนเดินผ่านหน้า ก็ตกตะลึงจนตาแทบจะถลนออกจากเบ้า ก่อนจะรีบดึงจี้จือฮวนเอาไว้ “คนนี้ใครหรือ?”

“ชู่…” จี้จือฮวนที่กำลังคิดว่าจะแนะนำเผยยวนในฐานะอะไรดีนั้น

“เถ้าแก่เนี้ยฮวา ข้าคือเผยยวน” หลังจากเอ่ยประโยคนี้จบ เผยยวนก็หันไปมองจี้จือฮวนโดยไม่รู้ตัว กลัวว่านางจะไม่พอใจ

แต่จี้จือฮวนกลับมีสีหน้าที่เป็นปกติ และเป็นอาฉือที่หันมาตะโกนเรียกว่า ‘ท่านพ่อ’ นั่นจึงเท่ากับเป็นการบอกฐานะของเผยยวนให้กับฮวาเซียงเซียงแล้ว ฮวาเซียงเซียงจึงรู้ได้ทันทีว่าเผยยวนก็คือสามีของจี้จือฮวน

เด็กดี หน้าตาหล่อเหลาเพียงนี้แล้วยังเป็นเด็กดีอีก มิน่าเล่าน้องสาวฮวนฮวนถึงได้รีบกลับบ้านทุกวัน!

เป็นนางก็จะไม่ทำอะไรเหมือนกัน วันหน้านางจะต้องหาสามีหล่อ ๆ เช่นนี้บ้าง ฮวาเซียงเซียงหันไปยิ้มให้กับจี้จือฮวนอย่างมีเลศนัย ก่อนจะสะบัดผ้าเช็ดหน้าแล้วเดินลงไปชั้นล่าง

เผยจี้ฉือมองเผยยวนที่มีท่าทางระแวดระวังก็ถอนหายใจออกมา เป็นเช่นนี้แล้วจะมัดใจของท่านแม่เอาไว้ได้อย่างไร เสียดายหน้าตาจริง ๆ

เผยยวนจะไม่รู้อย่างนั้นหรือว่าเจ้าเด็กนี่คิดอะไรอยู่ เขาถอนหายใจออกมาแล้วเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าคิดว่าหากข้าเดินเข้าไป โอบเอวของนางเอาไว้แล้วบอกว่าข้าเป็นสามีของนาง ข้าจะมีจุดจบเช่นใด”

เผยจี้ฉือชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยอธิบายด้วยมาดของผู้ใหญ่ “ตามที่ข้ารู้จักท่านแม่มา ท่านมีโอกาสมากที่จะถูกตีตายขอรับ”

สองพ่อลูกสบตากันเล็กน้อย ก่อนจะรับรู้ถึงความเห็นใจในสายตาของอีกฝ่าย

น่าเวทนาจริง ๆ

จะว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่ หลังจากที่ทั้งครอบครัวเผยเข้าไปในห้องส่วนตัวแล้ว ประตูของห้องส่วนตัวที่อยู่ข้างกันก็ถูกเปิดออก ชายหนุ่มรูปงามสวมชุดผ้าแพร สวมกวานครอบผมที่ทำจากเงินผู้หนึ่งก็เดินออกมาจากด้านใน

เขามองไปที่สตรีชุดขาวที่เดินขึ้นบันไดมาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะประสานมือคารวะและเอ่ยขึ้นมา “แม่นางลู่”

ลู่อวิ๋นเซียงที่สวมหมวกปิดบังใบหน้า เมื่อได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าให้ ก่อนจะตามเขาเข้าไปในห้อง แล้วจึงได้ถอดหมวกออก อู๋จิงรับมาและวางไว้ด้านข้าง

ถังหมิงรินชาให้ลู่อวิ๋นเซียงด้วยตัวเอง

“ตำบลฉาซู่แห่งนี้ไม่มีหอสุราดี ๆ เลย แต่ได้ยินว่าอาหารของเค่ออวิ๋นไหลนั้นไม่เลว ผู้น้อยซาบซึ้งใจมากที่แม่นางลู่ให้เกียรติมาพบ”

ลู่อวิ๋นเซียงได้ยินดังนั้นจึงยกยิ้มมุมปาก “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ เพียงแต่ไม่รู้ว่าคุณชายถังเชิญข้ามามีเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ?”

ถังหมิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ความจริงแล้วก็ไม่มีอะไรหรอกขอรับ ท่านปู่ของข้ากลับไปถึงเมืองหลวงแล้ว ข้าจึงเป็นตัวแทนของท่านปู่มาขอบคุณแม่นางลู่ที่ช่วยท่านเอาไว้ หากไม่ได้แม่นาง เกรงว่าในจวนคงจะเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ขึ้นเป็นแน่”

ถังกั๋วกงมีลูกชายทั้งหมดแปดคน บุตรภรรยาเอกสามคน บุตรอนุภรรยาอีกห้าคน และถังหมิงก็เป็นหลานที่เกิดจากบุตรคนรองของภรรยาเอก แต่ว่าคนอย่างถังกั๋วกงไม่เหมือนคนอื่น เขาไม่สนใจว่าจะเป็นบุตรของภรรยาเอกหรืออนุภรรยา หากต้องการจะสืบทอดตำแหน่งกั๋วกงของเขา ก็ต้องอาศัยความสามารถของตนเอง

ถังหมิงในฐานะบุตรของบุตรภรรยาเอก เหตุใดจะยอมถูกบุตรอนุเหล่านั้นเหยียบหัวได้กัน แต่พ่อของถังหมิงตายตั้งแต่ยังหนุ่ม จึงเหลือท่านแม่เพียงคนเดียว เขาต้องการที่จะเป็นกั๋วกงคนต่อไป ดังนั้นจึงต้องประจบถังกั๋วกงให้ดี

กว่าจะสืบได้ว่าระหว่างทางที่ถังกั๋วกงกลับจากโหย่วหยางมาเมืองหลวงได้ผ่านตำบลฉาซู่ อีกทั้งหมอที่ติดตามร่วมทางมาก็มีเพียงลู่อวิ๋นเซียง ยิ่งเมื่อตอนที่ถังกั๋วกงกลับมาถึงจวนกั๋วกงก็มีท่าทางแจ่มใส และยังบอกด้วยว่าได้พบกับหมอเทวดา ถังหมิงย่อมยกความดีความชอบทั้งหมดให้แก่ลู่อวิ๋นเซียง

ลู่อวิ๋นเซียงได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้อธิบายใด ๆ ตัวนางเองก็คิดว่าเป็นเพราะนางที่ช่วยรักษากั๋วกงมาตลอดทาง จึงทำให้สาวชาวบ้านนั่นได้ผลงานไป

ตอนนี้เมื่อเห็นหลานที่เกิดจากบุตรภรรยาเอกของจวนกั๋วกงสนใจนางเช่นนี้ ก็เริ่มเล่นตัวขึ้นมาและวางท่าเป็นผู้สูงส่งทันที

“การช่วยคนที่กำลังจะตาย รักษาผู้บาดเจ็บ ล้วนเป็นหน้าที่ของคนเป็นหมออยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นท่านกั๋วกงได้ทำงานหนักเพื่อบ้านเมืองและราษฎร ข้าย่อมตั้งใจรักษาอย่างดี คุณชายไม่ต้องเกรงใจหรอกเจ้าค่ะ”

ถังหมิงเห็นลู่อวิ๋นเซียงเอ่ยเช่นนี้ ในใจก็ยิ่งนับถือนางมากขึ้นไปอีก

“ยังดีที่ข้ามาได้ทันเวลา จึงไม่ได้คลาดกับแม่นางลู่ไปเสียก่อน ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าควรจะขอบคุณท่านเช่นไร”

เมื่อลู่อวิ๋นเซียงออกจากที่พักชั่วคราวของถังกั๋วกงในวันนั้น ระหว่างทางก็เจอโจรล้วงกระเป๋าและมีเงินเหลือเพียงเล็กน้อย จึงได้เขียนจดหมายส่งกลับไปที่บ้านเพื่อขอความช่วยเหลือ และไม่มีหน้าจะกลับไปเมืองหลวง

นางเป็นคนรักหน้าตาตัวเอง หากให้คนรู้ว่านางถูกถังกั๋วกงไล่ออกมา มิเท่ากับจะถูกคนหัวเราะเยาะไปอีกหลายปีหรอกหรือ?

โชคดีที่ถังหมิงมาหา นางจึงไม่ต้องขลุกอยู่ในโรงเตี๊ยมเล็ก ๆ นั่นอีกแล้ว

“เฮ้อ ความจริงแล้วที่ข้ายังอยู่ที่นี่ต่อก็เป็นเรื่องบังเอิญเช่นกัน วันนั้นไม่ได้มีข้าแค่คนเดียวที่ช่วยถังกั๋วกงเอาไว้ ยังมีสาวชาวบ้านอีกคนด้วย แต่ข้ากังวลว่านางจะใช้คาถาอะไรทำให้ร่างกายของท่านกั๋วกงทรุดลง จึงคิดที่จะตามหานางเลยยังไม่ได้กลับไป ในเมื่อคุณชายถังมาแล้ว เช่นนั้นข้าก็วางใจ”

“วาดชีวิต ลิขิตชะตา เกิดใหม่ครั้งหน้า ขอข้าเป็นนางเอก” เป็นนิยายที่ผู้ติดตามตำหนักหมื่นบุปผาถามหากันเยอะมากจนฝ่ายผลิตทำงานไม่ทันต้องสั่งปิดเรื่องไปก่อน มาเวลานี้ด้วยฤกษ์งามยามสะดวก(อันที่จริงคือกำลังการผลิตกลับมา) ตำหนักหมื่นบุปผาจึงขอเปิดตัวแม่นางผู้นี้อีกครั้ง!

“ใบรายชื่อดวงชะตาระบุว่า หากนางอยากหลุดพ้นจากชะตาน่าอนาถก็ต้องหาวิธีคว้าเอาโชคลาภจากผู้ที่มีนามปรากฏอยู่ จากนั้นพันธุ์ไม้ในกระถางวิเศษจะงอกเงย ไม้ต้นนี้เป็นดัชนีชี้วัดโชค ยิ่งต้นไม้งามเท่าไหร่ชะตาก็เปลี่ยนไปมากเท่านั้น

ทว่าเหมือนสวรรค์ชอบเล่นสนุก เพราะรายชื่อลำดับแรกสุดที่ระบุไว้บนใบรายชื่อนี้ก็คือ —— เยี่ยนอ๋อง!เชื้อพระวงศ์โฉดโหดเหี้ยมอำมหิต เป็นที่หวาดกลัวของคนทั่วเมืองหลวง และสิ่งที่เขาไม่ชอบที่สุดคืออิสตรี . หึ! อ๋องโฉดหรือ? …ข้าแต่ง!

.

.

เขาผุดลุกขึ้น มือเรียวยังไม่ลืมคว้าไหเหล้าใบน้อยติดกายไปด้วย คนผู้นั้นก้าวเดินตามความเย้ายวนที่ติดตรึงอยู่กับปลายจมูกประหนึ่งกลิ่นนั้นเป็นเชือกล่องหนที่ฉุดรั้งให้เขาต้องก้าวตาม

เมื่อผู้ติดตามเห็นท่าทางประหลาดของเจ้านายตน คำว่า ‘ฉิบหาย’ ก็แจ่มชัดขึ้นในใจ”