บทที่ 135 – สิ่งมีชีวิตในจักรวาล

 

แน่นอนว่า case ของมิว ถือเป็นเคาแรกที่ไม่มีพลังพิเศษแต่ก็สามารถขึ้นไปยังชั้นสิบได้ แต่จากที่มิวสามารถขึ้นไปบนจุดสูงสุดของกระดานจัดอันดับได้

ทั้งที่เธอน่าจะไม่มีทางเข้าหอคอยบ่อยไปกว่าองค์หญิงไร้เสียงได้ นั่นก็คงเป็นหลักคำอธิบายที่ชัดเจน

กระดานจัดอันดับแม้ไม่มีใครรู้หลักการทำงานเบื้องลึกเบื้องหลังของมันขนาดนั้น แต่ในความจริงแล้วคะแนนล้วนขึ้นอยู่กับการจัดการศัตรูนั่นแหละ

เพราะในหอคอยนอกจากการจัดการกับศัตรูก็แทบไม่มีอะไรอีกแล้ว แต่การที่มิวไม่มีเนมนั่นจึงหมายความว่าเธอต้องไม่ใช่ผู้ใช้อารยธรรม

อีกอย่างคำบอกเล่าของมิวเป็นฉากๆ เทริโน่ไม่คิดว่ามิวเป็นคนมาจากนอกโลกหรือที่อื่นแล้วในตอนนี้ แม้จะยังมีจุดน่าสงสัยอยู่บ้าง

แต่ก็มั่นใจว่ามิวเป็นคนของโลกนี้ไม่ผิดแน่…

แต่เขาพอเดาได้ว่ามิวอาจจะมีพลังอะไรบางอย่างอยู่ก็จริง แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องเดา เพราะมิวคือคนของโลกใบนี้นั่นคือความเป็นจริง

อันที่จริงสาเหตุที่เขามาเยือนยังที่แห่งนี้นั้นก็เพราะแบบนั้นเลยล่ะ.. กลัวว่ามิวจะเป็นคนจากที่อื่น.. พูดให้ถูกคือมนุษย์ต่างดาว

เทริโน่หลับตาลงหวนย้อนกลับคืนไปยังความทรงจำก่อนจะมายังที่แห่งนี้

เขาเป็นผู้ดูแลจากองค์กรบอร์เดอร์ไลน์ของเมืองเหนือน่านน้ำแห่งนี้ก็จริง แต่ไม่ได้แปลว่าเขาเป็นราชาหรือนายกรัฐมนตรีอะไรทำนองนั้น

เขาเป็นเหมือนผู้บังคับใช้กฎหมายซะมากกว่า ซึ่งมีอำนาจพอสมควรในมือ แต่ในองค์กรบอร์เดอร์ไลน์ด้วยแล้วเขาอยู่ระดับเดียวกับคุโระพ่อของรินนะนั่นแหละ

ในองค์กรบอร์เดอร์ไลน์นั้นมีเครือข่ายที่ค่อนข้างใหญ่และแทรกซึมไปทั่วทั้งโลก ต่อให้เป็นเขาเองเขาที่เป็นผู้บังคับใช้กฎหมายของเมืองนี้

ยังไม่ได้มีสิทธิ์มากพอจะรู้รากฐานขององค์กรบอร์เดอร์ไลน์ทั้งหมดด้วยซ้ำ องค์กรปริศนาที่จู่ๆ ก็เหมือนกลายเป็นขุมอำนาจที่ใหญ่เทียบเคียงกับสหรัฐได้..

และแน่นอนว่า.. เมืองเหนือน่านน้ำแห่งนี้ว่ากันแค่ในแง่ของความเจริญถือเป็นเมืองที่ห่างไกลความเจริญมากที่สุดเพราะตั้งอยู่ใจกลางมหาสมุทรแปซิฟิก

ดังนั้นข่าวจึงมาถึงมือเขาค่อนข้างช้า.. ไม่สิ ที่มันมาถึงช้ามันไม่ใช่เพราะห่างไกลความเจริญหรอก เหตุผลที่แท้จริงเป็นเพราะคุโระเสียชีวิตต่างหาก

เลยทำให้ทางองค์กรที่ดูแลเขตนี้ค่อนข้างกังขากับสิ่งที่เกิดขึ้นเลยส่งข่าวมาถึงเขาช้ากว่าเดิม.. ทว่าข่าวนั้นมันก็มาถึงเมื่อประมาณอาทิตย์ก่อน

เทริโน่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ตรงหน้ามีวัตถุทรงกลมทำจากอะลูมิเนียมวางอยู่ ก่อนที่มันจะฉายภาพขึ้นมา ซึ่งเป็นภาพสามมิติโดยเป็นชายที่มองไม่เห็นหน้ายืนอยู่

คนคนนั้นก็คือหนึ่งในผู้มีอำนาจสูงสุดในองค์กรบอร์เดอร์ไลน์ แน่นอนว่าเทริโน่ก็เป็นลูกน้องเขา คุโระเองก็เป็นลูกน้องคนคนนี้เช่นกัน

“อันที่จริงข่าวนี้ถูกส่งไปให้หลายๆ ฝ่ายตั้งแต่เดือนสองเดือนก่อนแล้ว แต่เพราะมีปัญหาเล็กน้อยเลยส่งไปทางนายช้าหน่อย จนอีกไม่นานนายเกือบได้รู้พร้อมประชาชนคนธรรมดาแล้วเนี่ย ขอโทษด้วยนะเทริโน่”

“หมายความว่าไงครับ…?”

เสียงเขาดูหนุ่มกว่าเทริโน่ด้วยซ้ำ..เทริโน่เองก็ตอบกลับอย่างสุภาพหลังจากนั้นคนในภาพก็อธิบายทุกอย่าง

ดวงตาของเทริโน่เบิกกว้างขึ้น….

………

……

กลับมาที่ปัจจุบันในขณะที่มิวกับเทริโน่กำลังตกลงเรื่องหลังจากนี้ จู่ๆ ทีวีในห้องผู้ป่วยก็ประกาศข่าวหนึ่งขึ้นมากะทันหัน

เทริโน่เองเหมือนจะรู้แต่แรกอยู่แล้วจึงเงียบลงหันไปดูข่าว มิวเองก็เงียบไปเพราะหัวข้อข่าวคือข่าวด่วนที่เขียนนำหน้าว่า ‘จักรวาลกำลังถึงจุดจบ’

ผู้ประกาศข่าวในหน้าจอก็เริ่มร่ายข่าวด่วนที่แพร่กระจายไปทั่วโลกทันที

อย่างแรกที่ประกาศออกมา ในการสำรวจดวงจันทร์ดวงที่สองที่เริ่มขึ้นประมาณเดือนก่อน.. ดวงจันทร์ดวงที่สองมีร่องรอยของ ‘สิ่งมีชีวิต’ อยู่จริงๆ

บางทีพวกนั้นคงรู้การมีอยู่ของคนบนโลกก่อนแล้ว แต่การที่ไม่เคลื่อนไหวหรืออะไรเลยคงเป็นเพราะไม่ต้องการเป็นศัตรูกับคนบนโลก

ทางองค์กรกับนานาชาติจึงลงมติว่าดูท่าทีกันไปก่อน แต่ก็มีโอกาสที่พวกนั้นจะแอบเข้ามาแล้ว เพราะเราเคยตรวจสอบหาการใช้งานคลื่นสัญญาณวิทยุจากภายในดวงจันทร์ก็ไม่สามารถตรวจพบคลื่นสัญญาณที่ใช้ในการสื่อสารได้

นั่นหมายความว่าวิทยาการของทางนั้นอาจจะไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกเราในตอนนี้มาก ควรคุมเข้มเรื่องการตรวจสอบคนเข้าออกเมืองมากขึ้น

หากพวกนั้นจะอยากได้ทรัพยากรจากในโลกเรามันไม่แปลกเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นทางองค์กรบอร์เดอร์ไลน์และสหประชาชาติจึงกำลังหาวิธีที่จะติดต่อกับทางฝั่งนั้นอยู่ในตอนนี้ นี่คือข่าวแรก

เรื่องนี้มิวรู้ตั้งแต่ที่ได้รู้เรื่องของเทรต้าแล้ว แต่การเมืองอื่นๆ เธอไม่ได้สันทัดเท่าไหร่

แน่นอนตอนเทริโน่ทราบข่าวนี้ก็ตกใจไม่น้อย เพราะดวงจันทร์ก็โผล่มานานแล้วพวกมันคงศึกษาและเข้าใจโลกเราไปไกลแล้วด้วย.. ในทางตรงกันข้ามพวกเรายังไม่รู้เลยว่ามันอยู่ยังไงบนดวงจันทร์

ที่แน่ๆ ไม่น่าจะอาศัยอยู่บนพื้นผิวดวงจันทร์อย่างแน่นอน เพราะพื้นผิวดวงจันทร์ไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้

ในกรณีที่พวกนั้นเป็นสิ่งมีชีวิต Base คาร์บอนเหมือนสิ่งมีชีวิตในโลกนี้น่ะนะ

ข่าวที่สองคือ.. ในตอนนี้ ไม่สิ.. เมื่อประมาณครึ่งปีก่อนทางอเมริกาได้พบกับประตูบอร์เดอร์ใหม่ซึ่งเป็นประตูบอร์เดอร์ที่เชื่อมไปอีกโลกซึ่งเป็นโลกอนาคตอีกเกือบหมื่นปีข้างหน้า.. โดยปกปิดจากคนทั้งโลกแม้แต่องค์กรบอร์เดอร์ไลน์อย่างเราเราน่ะนะ

“เกือบหมื่นปี?!”

คนที่ตกใจไม่ใช่เทริโน่หรือมิวแต่เป็นคาเอะที่ฟังอยู่ด้วย

ใช่แล้ว มันเป็นตัวเลขที่สูงระดับนั้นเลย ระดับที่น่าจะสูงที่สุดเท่าที่เคยมีการปรากฏตัวของประตูบอร์เดอร์ประเภทโลกอนาคตเลยล่ะ แน่นอนผู้ใช้อารยธรรมจากประตูนี้จึงค่อนข้างจะ ‘พิเศษ’ นิดหน่อย

หากถามว่าพิเศษอย่างไรก็…

ก็เป็นถึงอารยธรรมอีก 8000-9000 ปีข้างหน้าเลยน

“…..”

ในที่แห่งนี้ไม่มีใครที่สามารถจินตนาการถึงโลกที่ต่างจากปัจจุบันเกือบหมื่นปีไม่ออกหรอก.. แต่ตัวเลขที่สูงจนน่ากลัวนี้ทำให้เทริโน่พอจะเดาออกเลยว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ขนาดไหน

ไม่แปลกที่ทางอเมริกาจะปิดเรื่องนี้เอาไว้โดยไม่บอก.. เพราะวิทยาการอีกหมื่นปีข้างหน้ามันหอมหวานเกินกว่าจะแบ่งให้ใครได้

“นี่เป็นรูปถ่ายหลุมดำ M87 ที่ถ่ายในปี 2019 ที่ผ่านมา”

นักข่าวพูดแบบนั้นพร้อมกับมีภาพมัวๆ ของเทหวัตถุสีดำที่มีจานแสงสีแดงอมส้มปรากฏขึ้นด้านข้างชายคนนั้น ภาพนี้เป็นภาพที่ใครก็รู้จักเพราะเป็นครั้งแรกที่หลุมดำถูกถ่ายไว้ได้โดยฝีมือมนุษย์ โดยใช้กล้องโทรทรรศน์ขอบฟ้าเหตุการณ์ที่ทำงานเป็นเครือข่ายอยู่หลายแห่งทั่วโลก

“และนี่คือภาพของหลุมดำที่พึ่งถ่ายได้โดยใช้กล้องขอบฟ้าเหตุการณ์ชิ้นเดียวจากอารยธรรมเกือบหมื่นปีข้างหน้า”

แน่นอนว่าไอ้กล้องขอบฟ้าเหตุการณ์ที่ว่าทางอเมริกาสร้างขึ้นโดยที่ทั่วโลกไม่รู้ไม่เห็น ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่าศักยภาพอนาคตเกือบหมื่นปีนั้นน่ากลัวขนาดไหน

และในเวลาถัดมาภาพอีกภาพปรากฏขึ้นแน่นอนเป็นภาพที่ชัดเจนเห็นหลุมดำชัดเจน และรูปร่างหน้าตามันก็เหมือนกับที่เจ้าพ่อแห่งวิทยาศาสตร์ได้ทำนายไว้

ไม่ว่าจะเป็นขอบฟ้าเหตุการณ์ ควอซาร์หรือจานพอกพูนมวล.. ทุกอย่างล้วนเป็นตามนั้นจริงๆ แต่ทว่าสีที่เห็นตอนนี้มันไม่ใช่สีส้มอมแดง.. แต่เป็นสีฟ้า!

และสาเหตุที่มันเป็นสีนี้เพราะ…

“กล้องโทรทรรศน์ขอบฟ้าเหตุการณ์นี้ไม่ได้บันทึกแสงที่ส่องมาประมาณ 65 ล้านปีแสงก่อน แต่เป็นปัจจุบันตอนนี้.. พูดง่ายๆ คือมันเป็นกล้องวิเศษจากโลกยุคอนาคตที่สามารถเก็บความยาวคลื่นโดยไม่สนระยะการเดินทางของแสงได้นั่นแหละ”

และนั่นก็หมายถึงว่า

“ตอนนี้คือสภาพที่แท้จริงในปัจจุบันของกาแลคซี่ M87 นั่นแหละ.. พูดให้ถูกคือตอนนี้ M87 ไม่ได้กำลังอยู่ห่างเราออกไป แต่กำลังใกล้เข้ามา”

หากจะให้ข้อมูลที่ชัดเจนกว่านี้ก็คือ

“พลังงานมืด (Dark energy) ในจักรวาลตอนนี้.. ได้หายไปจากเราแล้ว.. และน่าเสียดายที่การยุบตัวของจักรวาลได้เริ่มไปแล้ว และมันเริ่มขึ้นไปนานแล้วด้วย”

“และในความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ จริงๆ ในตอนที่อเมริกาค้นพบสิ่งนี้ก็มีการค้นพบพลังงานที่มาแทนที่พลังงานมืดน่ะ”

“มันปรากฏขึ้นหลังการหายไปของพลังงานมืด.. มันคล้ายๆ กับพลังงานมืดด้านลบ (negative dark energy) แต่พลังงานนี้มันดึงวัตถุมีมวลเข้าด้วยกันด้วยความเร็วสูงซึ่งต่างจากความโน้มถ่วงที่เกิดจากความโค้งของกาลอวกาศ”

“แทนที่จะบอกว่าถูกดึงเข้าหากันเพราะแรงโน้มถ่วงที่มีมวล ต้องบอกในตอนนี้มันกำลังบีบทุกๆ กาแลคซี่กลับไปยังจุดเริ่มต้น Big bang.. ภายในระยะเวลาที่เร็วมากกว่าแสงและกำลังเร็วขึ้นเรื่อยๆ”

หรือก็คือ.. พูดอีกอย่างก็คือจักรวาลนั้น…

จักรวาล…กำลังจะตาย!

“แต่แน่นอนว่ามันก็ยังคงเป็นเวลาอีกอย่างน้อยหลายแสนหลายล้านปี.. ในตอนนี้ทางนักวิทยาศาสตร์นักดาราศาสตร์ต่างกำลังเร่งคำนวณหาเวลาที่ชัดเจน หาการหดตัวเพิ่มขึ้นด้วยอัตราประมาณไหนอะไรยังไง”

นักข่าวกล่าวแบบนั้นก็เงียบลงก่อนจะพูดถึงข่าวที่สาม

“ข่าวที่สาม ห่างไกลออกไปร่วมประมาณ หนึ่งร้อยปีแสงในดาวเคราะห์ดวงหนึ่งที่สภาพแวดล้อมที่มีโอกาสเกิดสิ่งมีชีวิตมากที่สุดนั้น”

“ได้ค้นพบสัญญาณของสิ่งมีชีวิตที่มีอารยธรรมในดาวนั้น..!!”

..หรือก็คือมนุษย์ไม่ได้โดดเดี่ยวท่ามกลางจักรวาลอันเวิ้งว้าง! ถ้าไม่นับดวงจันทร์ที่น่าจะมาจากอีกมิติหนึ่งซึ่งอาจจะเป็นมิติคู่ขนานหรืออะไรนั้น

แน่นอนว่าต้องมีคนบอกว่าก็มีสิ่งมีชีวิตอื่นจากดวงจันทร์นั่นไงตามมา แต่ทว่าการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตจากอีกดาวนั้นจะทำให้เราอาจจะหาสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาที่อื่นในจักรวาลนี้ได้อีก!

และเรื่องนี้เทริโน่รู้ก่อนแล้ว แต่มีอย่างหนึ่งที่ทางนั้นไม่ได้ประกาศคือ..เรื่องที่ว่าพวกนั้นอาจจะสังเกตเห็นเราก่อนที่เราจะเห็นพวกนั้นอีก

และก็เพราะด้วยเหตุประการเช่นนี้ที่มีคนไม่ใช่ผู้ใช้อารยธรรมเคลียร์จนถึงชั้น 10 ได้เทริโน่จึงกังวลว่ามิวอาจจะเป็นมนุษย์ต่างดาวหรือเอเลี่ยนนั่นเอง

แต่แน่นอนว่าอีกฝ่ายใช้คำว่าอาจจะ.. อันที่จริงเทริโน่พึ่งมารู้สึกตัวหลังจากได้คำตอบจากมิวเหมือนกันว่า ตัวเองน่าจะตื่นตูมเกินเหตุไปหน่อย

เป็นเพราะข้อมูลที่ได้รับมาในตอนนั้นมันมีมากด้วยนั่นแหละนะ

เอาเข้าจริงแม้ระยะ 100 ปีแสงจะดูเป็นจำนวนเลขที่น้อยหากเทียบกับความห่างของหลุมดำ M87 ที่ห่างออกไปเป็นล้านปีแสง แต่.. 100 ปี ก็คือ 100 ปีของความเร็วแสง

อย่างน้อยถ้าพวกนั้นจะมา ต่อให้มีความเร็วเทียบเท่าแสงก็ยังใช้เวลาถึง 100 ปีอยู่ดี.. และแน่นอนการที่จะดันวัตถุให้ถึงแสงตามหลักแล้วมันเป็นไปไม่ได้ กล่าวคือระยะเดินทางที่พวกมันใช้ต้องไม่ต่ำกว่า 100 ปี

อีกอย่างมนุษย์โลกพึ่งคิดค้นการใช้คลื่นสัญญาณวิทยุขึ้นมาได้ประมาณ 100 ปีเศษๆ เท่านั้น เพราะกว่าคลื่นสัญญาณวิทยุที่ผิดปกติจากการใช้คลื่นวิทยุสื่อสารของมนุษย์บนดาวโลกจะถูกส่งไปถึงที่นั่นก็ต้องหนึ่งร้อยปีเช่นเดียวกับความเร็วของแสง

และหากที่นั่นมุ่งหน้ามาทางนี้ทันทีที่พบคลื่นสัญญาณวิทยุที่ผิดปกติของโลก ซึ่งเป็นไปได้น้อยเพราะต่อให้ที่นั่นมีสิ่งมีชีวิตอยู่จริงก็ไม่ได้แปลว่าจะมีอารยธรรมที่เทียบเท่าดาวโลก แต่ถ้าหากว่าเป็นแบบนั้นก็ยังต้องรออีกอย่างต่ำ 100 ปีอยู่ดี

ดังนั้นความเป็นไปได้ที่พวกนั้นมาถึงที่นี่ได้มันจึงน้อยยิ่งกว่าน้อยเหมือนกับที่ความเป็นไปได้ว่าพวกนั้นจะดำรงอยู่เลยก็ว่าได้

 

………..