ตอนที่ 95 จิตใจ

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเจียงซื่อ เจียงจั้นรู้สึกผิดหวัง แล้วทุบโต๊ะอาหารหนึ่งที “นึกไม่ถึงว่าอาหารมังสวิรัติชั้นสูงจะเกิดเรื่องแปลกๆ แบบนี้ขึ้นได้ ข้าจะไปหาไอ้โล้นพวกนั้นเพื่อคิดบัญชี”

“น้องเจียงเอ้อร์ อย่าได้หุนหันพลันแล่นไป”

เจียงจั้นปวดขมับ “พี่อวี๋ชีขวางข้าทำไม อาหารของพวกเขามีกลิ่นเน่าของซากสัตว์ มันก็น่าขยะแขยงเกินไป ต้องไปจัดการไอ้โล้นพวกนั้นสักหน่อยถึงจะระบายความโกรธได้”

แค่นึกถึงเรื่องนี้ ในท้องเขาก็เริ่มปั่นป่วนอีกครั้ง

อวี้จิ่นเหลือบมองเจียงซื่อ ถามเจียงจั้นด้วยรอยยิ้มจางๆ “น้องเจียงเอ้อร์แน่ใจได้อย่างไรว่ากลิ่นเน่าในอาหารนี้มาจากซากสัตว์น่ะ หรือว่าจะเป็น…คน?”

เจียงจั้นชะงักไปทั้งตัว ชั่วครู่หนึ่งใบหน้าที่หล่อเหลาก็กลายเป็นสีขาวซีด “พี่อวี๋ชี ล้อเล่นมั่วซั่วอาจถึงตายได้!”

“ใช่สิ บางทีอาจจะตายแล้วจริงๆ” อวี้จิ่นเอนหลัง แล้วพูดอย่างหดหู่

“เดี๋ยวก่อน ให้ข้าได้ตั้งสติหน่อย” เจียงจั้นหลับตาลง ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นเดินไปที่ประตูอย่างเร็วและปิดประตูห้องที่เปิดอยู่ พิงประตูไม้และเหงื่อไหลโชก

“น้องสี่ พี่ไม่ได้กลิ่นอะไรเลยจริงๆ” เจียงจั้นขยี้จมูก แล้วมองไปยังอวี้จิ่น “พี่อวี๋ชี แล้วท่านล่ะ?”

อวี้จิ่นส่ายหัว “ข้าก็ไม่ได้กลิ่นเหมือนกัน”

เมื่อเขาพูดจบ ก็จ้องไปที่เจียงซื่อ แล้วพูดโดยไม่ลังเลว่า “แต่ข้าเชื่อที่คุณหนูเจียงพูด”

เจียงจั้นกะพริบตา เกือบจะร้องไห้อย่างน่าสงสารแล้ว

ถึงตาย เขาก็ยังเชื่อ!

“ดังนั้นจะบอกว่า ข้ากินอาหารที่ทำจากน้ำที่แช่ศพคนงั้นหรือ?” เจียงจั้นที่กำลังจะหมดอาลัยตายอยากมองไปยังใบหน้าที่สงบนิ่งของน้องสาวอันเป็นที่รัก

“มีเพียงความเป็นไปได้นี้” เจียงซื่ออดไม่ได้ที่จะพูด

เจียงจั้นตาเป็นประกาย เต็มไปด้วยความหวัง “มีความเป็นไปได้อย่างอื่นอีกไหม”

“อาจจะเป็นซากศพหมาแมว……”

เจียงจั้นปิดปากตัวเองแล้วย่อลงบนพื้น

สวรรค์ ให้เขาตายเถอะ!

“แล้วอาหารอย่างอื่นล่ะ?” ทันใดนั้นอวี้จิ่นก็ถามขึ้นมา

เมื่อเทียบกับอาการคลื่นไส้ที่กินอาหารพวกนี้แล้ว เขาอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นมากกว่า

แน่นอน ที่สำคัญคือเขายังไม่ได้กิน…. เหอๆ ความคิดที่ไร้ความปรานีแบบนี้ไม่สามารถให้รั่วไหลออกมาได้

เจียงซื่อคีบเต้าหู้ผัดชิ้นที่อยู่ใกล้ที่สุดขึ้นมาดม จากนั้นวางลงแล้วดมอาหารจานอื่น ทีละจาน และสุดท้ายก็ยืนยันว่า “อาหารจานอื่นไม่เป็นไร มีเพียงแกงผักเท่านั้นที่มีกลิ่นแปลกๆ”

อวี้จิ่นถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ถ้าเช่นนั้นพวกเรากินข้าวกันก่อน กินอิ่มแล้วค่อยคุยกันต่อ”

เจียงจั้นหน้านิ่วคิ้วขมวด “อย่าเอ่ยถึง ‘กินข้าว’ คำนี้เลย ข้าอยากจะอ้วก”

เจียงซื่อกลับพยักหน้า “อืม กินข้าวก่อน”

กินอิ่มแล้วถึงจะมีแรงคุยเรื่องอื่น

ทั้งสองคนหยิบตะเกียบขึ้นมาพร้อมกัน แล้วกินอย่างง่ายๆ

เจียงจั้นคลานขึ้นมา ด้วยใบหน้าที่ไม่มีอะไรให้อาลัยอาวรณ์ “พวกเจ้ากินกันให้อร่อย ข้าขอออกไปอยู่ข้างนอกเงียบๆ”

ชั่วพริบตาในห้องก็เหลือเพียงสองคนอีกครั้ง

อวี้จิ่นวางตะเกียบลง “จะอยู่ที่วัดหลิงอู้นานเท่าไหร่”

“ไม่แน่นอน”

“ไปพักโรงเตี๊ยมเถอะ”

เจียงซื่อมองอวี้จิ่นอย่างเย็นชา และพูดอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด “คำพูดเหล่านี้ของคุณชายอวี๋ นับเป็นการพูดความในใจกับคนไม่สนิทแล้ว”

“พูดความในใจกับคนไม่สนิท?” ทันใดนั้นอวี้จิ่นก็เอนตัวไปข้างหน้า พูดเบาๆ “เมื่อคืนนั้น…”

“หุบปาก!” เจียงซื่อโกรธจนหน้าแดงจัด “คุณชายอวี๋ แบบนี้ท่านกับไอ้บ้าตัณหากลับจะแตกต่างกันตรงไหน ไม่นึกถึงจิตใจของหญิงอื่น อยากจะทำอะไรก็ทำ ถ้าน้องสาวของท่านถูกชายอื่นหยอกเย้าเช่นนี้ ท่านจะทำอย่างไร”

อวี้จิ่นจ้องไปที่เจียงซื่อ ทันใดนั้นก็ยื่นมือไปจับมือของนางไว้ ถามอย่างจริงจังว่า “แล้วใจของเจ้าล่ะเป็นอย่างไร”

เพราะความจริงจังของเขา ทำให้เจียงซื่อใจลอยอยู่พักหนึ่ง

เจียงจั้นเปิดประตูแล้วเดินเข้ามา “กินเสร็จหรือยัง”

เจียงซื่อเกร็งไปทั้งตัว และรีบพูด “กินเสร็จแล้ว” พูดจบถึงจะพบว่าลืมดึงมือกลับมา

ใต้โต๊ะ สาวน้อยออกแรงดึงมือกลับไป แต่มือที่ใหญ่นั้นกลับจับแน่นยิ่งขึ้น

“ยังกินไม่เสร็จเลย” อวี้จิ่นทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

แต่ในใจของเขากลับดีใจอย่างยิ่ง

จิตใจของนาง หลังจากคืนนั้นที่เขาลวนลามนางไปก็พอจะเข้าใจได้แล้ว

เขาไม่คิดว่าหญิงที่มีทัศนคติแบบนางจะกล้าลงไม้ลงมือกับชายที่นางไม่ได้รักด้วย เหมือนกับตอนนี้ที่นางอดทนไว้

สาวน้อยคนนี้ปากไม่ตรงกับใจ ยอมรับว่ารู้สึกกับเขามันจะเป็นอย่างไรหรือ

เจียงซื่อจ้องมองอวี้จิ่น ราวกับว่าเดาความคิดของเขาออก และพูดสบถอย่างเย็นชาในใจว่า ให้ตายเถอะ

ไม่เพียงเพราะแกล้งหวั่นไหวจะทำให้เสียใจเจียนตายแล้ว ยังเพราะฐานะเป็นพระชายาขององค์ชายเจ็ดบ้านั่นก็จะทำให้ไม่ตายดีอีกด้วย

“พี่อวี๋ชี ข้านับถือท่านจริงๆ เป็นแบบนี้แล้วท่านยังกินลงไปได้”

อวี้จิ่นเพิ่งจะปล่อยมือของเจียงซื่อ แล้วยิ้มให้เจียงจั้นด้วยรอยยิ้มที่สดใส “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่กินแล้ว”

เจียงจั้นตะลึง

ยิ้มก็ยิ้มดีๆ จะยั่วคนอื่นทำไม น้องสาวเขายังอยู่ตรงนี้นะ!

“เมื่อครู่นี้ข้าไปลองคิดดูแล้ว ในเมื่ออาหารจานอื่นไม่ปัญหา มีเพียงแกงผักที่มีกลิ่นแปลกๆ ไม่ใช่น้ำต้มที่ใช้ทำแกงผักมีปัญหา ก็เป็นน้ำที่รดน้ำผักป่ามีปัญหา” เจียงจั้นวิเคราะห์อย่างจริงจัง “พวกเจ้าคิดว่าอย่างไร”

อวี้จิ่นพยักหน้า “น้องเจียงเอ้อร์พูดมีเหตุผล แต่ว่า… เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับพวกเรา? ตามที่ข้าพูด ในเมื่ออาหารรสชาติไม่ถูกปาก จริงๆ แล้วควรรีบออกจากที่นี่”

หาได้ยากที่เจียงซื่อจะคล้อยตามคำพูดของอวี้จิ่น “ใช่ พี่รอง ในเมื่อน้ำของที่นี่ไม่สะอาด พวกเราไปพักที่โรงเตี๊ยมกันเถอะ”

เป้าหมายที่นางมาที่นี่ชัดเจนมาก และไม่ยอมให้มีปัญหาใหม่แทรกเข้ามาได้

เจียงจั้นขมวดคิ้ว “พวกเจ้าไม่สงสัยงั้นหรือ แล้วถ้ามีคนตายจริงๆ ล่ะ”

ทั้งสองคนส่ายหัวพร้อมกัน

“เช่นนั้นก็ได้ น้องสี่เจ้าไปนอนกลางวันเถอะ ตอนบ่ายพวกเราค่อยไป” เมื่อพบว่าไม่มีใครเห็นด้วย เจียงจั้นจึงต้องจำยอม

เจียงซื่อลุกขึ้น “ถ้าเช่นนั้นข้ากลับไปพักผ่อนแล้วนะ”

อวี้จิ่นก็ลุกขึ้นเช่นกัน “ข้าไม่รบกวนน้องเจียงเอ้อร์แล้ว เมื่อครู่นี้เจ้าอ้วกจนขนาดนั้น ดื่มน้ำร้อนหน่อยแล้วพักผ่อนสักพักเถอะ”

“อย่าได้เอ่ยถึงน้ำ……”

เจียงจั้นไม่มีอารมณ์เรียกบ่าวรับใช้อาจี๋มาเก็บกวาดโต๊ะที่เรี่ยราดนี้ เมื่อทั้งสองคนเดินจากไป แล้วก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงนอนเลย หลับตาลงอย่างหดหู่

มีเสียงดังมา เจียงจั้นลืมตาขึ้น

มีหญิงสาวผมเผ้ายุ่งเหยิงคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้า และทั้งตัวเปียกโชก

“เจ้าเป็นใคร” เจียงจั้นประหลาดใจ

หญิงสาวคนนั้นยกมือที่ขาวซีดขึ้นเสยผมยาวที่บังใบหน้าออก เผยให้เห็นใบหน้าที่ขาวซีดและบวมน้ำ และยิ้มอย่างสยอง “เจ้าดื่มน้ำอาบน้ำของข้าไปแล้ว ต้องรับผิดชอบต่อข้า……”

เจียงจั้นลุกขึ้นนั่งทันที หอบเฮือกๆ

แสงอาทิตย์ด้านนอกสาดส่อง เป็นช่วงที่อบอุ่นที่สุดของวันพอดี แต่ดูเหมือนว่าเขาตกลงไปในถ้ำน้ำแข็งในเดือนสิบสองตามปฏิทินจันทรคติจีนอย่างนั้น รู้สึกหนาวมาจากข้างใน

หลังจากสับสนเป็นเวลานาน เจียงจั้นก็พลิกตัวลงจากเตียง

ไม่ได้การ เขาต้องไปสืบหาแล้ว มิเช่นนั้นหลังจากนี้คงนอนไม่เป็นสุข

เมื่อเดินออกจากห้อง และมองไปยังประตูห้องอื่นที่ปิดอย่างเงียบๆ คุณชายรองเจียงก็เช็ดน้ำตา

พวกเขาไม่ได้ดื่มน้ำอาบน้ำของผีสาว แน่นอนว่าต้องออกไปอย่างสบายใจได้!

ในวัดเวลานี้ยังคงครึกครื้นมาก เจียงจั้นกำลังเดินออกไปข้างนอก เห็นพระสงฆ์กำลังถือกล่องอาหารมังสวิรัติไปให้ศาสนิกชนอื่นพอดี

เจียงจั้นเดินไปหาพระสงฆ์ และชมแกงผักไม่ขาดปากจนพระสงฆ์หน้าบานด้วยความดีใจ แล้วถือโอกาสนี้ถาม “นอกจากผักป่าจะอร่อยในตัวมันแล้ว หรือว่าน้ำที่ใช้ทำน้ำแกงก็มีความพิถีพิถันอยู่ด้วยงั้นหรือ”

พระสงฆ์ยิ้มอย่างสำรวม “ก็เหมือนกับน้ำชาที่ทางวัดของพวกเราใช้น้ำแร่จากภูเขาชงเพื่อต้อนรับแขก ผักป่าที่ใช้ต้มแกงผักนี้ก็ใช้น้ำจากบ่อน้ำที่ขุดไว้ด้านหลังภูเขารดโดยเฉพาะ ดังนั้นรสชาติของผักป่าถึงได้อร่อยอย่างนี้”

เจียงจั้นด่าในใจ มารดามันเถอะ ผักป่าของวันนี้ไม่ได้ล้างแน่นอน!