บทที่ 468 จ้าวสมุทร 'ข้าต้องรับอารมณ์กระต่ายด้วยหรือ'

รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人

บทที่ 468 จ้าวสมุทร ‘ข้าต้องรับอารมณ์กระต่ายด้วยหรือ?’

หลิงอิน?

หลังได้ยินคำกล่าวของจ้าวสมุทร พวกเมิ่งจีพลันนิ่งค้างไปหมด

หรือว่า ผู้ที่ต่อสู้ดุเดือดในทะเลต้องห้ามก่อนหน้านี้จะเป็นหลิงอิน

ใช่แล้ว!

ลองคิดดูสิว่าในปฐพีผืนนี้ นอกจากคนข้างกายท่านเซียน ผู้ใดแข็งแกร่งน่าสะพรึงกลัวได้ถึงขั้นนี้อีก ถึงกับเดินเล่นในทะเลต้องห้ามได้อย่างง่ายดายไร้อุปสรรค

ทว่า เหตุใดหลิงอินถึงต้องก่อสงครามใหญ่หลวงขนาดนี้ในทะเลต้องห้าม!?

แต่โมงยามนี้มิใช่เวลามาคิดเรื่องเหล่านี้

เมิ่งจีสังเกตที่จ้าวสมุทรกล่าวว่าบรรพชนอาณาจักรของเขามาถึง เขาเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “ทุกคนระวังตัวด้วย!”

ไม่ต้องสงสัยว่า บรรพชนที่กำลังจะมาถึงต้องทรงพลังสยดสยองอย่างมากแน่นอน มิฉะนั้น จ้าวสมุทรไม่มีทางยินดีปรีดาและมั่นใจขึ้นมาเพียงนี้!

“เหิมเกริมต่อไปสิ หลังท่านบรรพชนมา ข้าจะขอให้ท่านบรรพชนตัดหัวพวกเจ้าออกมาให้ข้าเตะเล่น!”

จ้าวสมุทรหัวเราะเสียงเย่อหยิ่ง มือค่อย ๆ ยันตัวขึ้นจากพื้น ไม่เหลือท่าทีเกรงกลัวอีกต่อไป

บรรพชนแห่งอาณาจักรของเขา!

นี่เป็นการดำรงอยู่สูงส่งที่สุดในโลกันตร์อย่างแท้จริง อีกฝ่ายมีชีวิตอยู่มาอย่างเนิ่นนาน ระดับเทียนตี้เมื่ออยู่ต่อหน้าท่านบรรพชนก็เป็นเพียงสิ่งที่เลื่อนลอย ห่างชั้นกันไกลโข!

แม้ผู้คนตรงหน้าจะเก่งกาจวิปริตเช่นเดียวกับหลิงอิน ซ้ำยังไม่อาจคาดการณ์ด้วยหลักการปกติ กระนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าท่านบรรพชน เขาเชื่อว่าคนเหล่านี้ไม่เหลือค่าอันใด ต้องถูกท่านบรรพชนกำจัดในรวดเดียว!

ขณะเดียวกัน หลุมดำขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ด้านหลังจ้าวสมุทร นี่คือทางเชื่อมที่ทะเลต้องห้ามของพวกเขาสร้างไว้ ท่านบรรพชนแห่งอาณาจักรของเขามาถึงแล้วจริง ๆ!

“เห็นหรือยัง นี่คือท่านบรรพชนแห่งอาณาจักรของข้า การดำรงอยู่ไร้เทียมทานในโลกันตร์อย่างแท้จริง!”

จ้าวสมุทรหัวเราะร่วน หันหลังให้หลุมดำ ไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง จดจ้องพวกเมิ่งจีด้วยสายตาดูแคลน

หลุมดำปรากฏ บ่งบอกว่าท่านบรรพชนแห่งอาณาจักรของเขามาถึงแล้ว!

ใช่แล้ว หลังหลุมดำปรากฏ มีสิ่งมีชีวิตโผล่ออกมาจริง ๆ

หลังพวกเมิ่งจีได้เห็นสิ่งมีชีวิตที่โผล่ออกมาจากหลุมดำ อย่าให้พูดเลยว่าสีหน้าแต่ละคนแปลกพิกลเพียงใด

นี่…นี่หรือคือที่มาของความมั่นใจของจ้าวสมุทร?

นี่…นี่หรือคือบรรพชนผู้ไร้เทียมทานในโลกันตร์ที่จ้าวสมุทรกล่าวถึง?

พวกเมิ่งจีมองหน้ากันไปมา ให้ตายสิ จ้าวสมุทรปั่นหัวพวกเขาเล่นหรือไร???

“กลัวแล้วใช่หรือไม่”

เมื่อจ้าวสมุทรได้เห็นสีหน้าประหลาดของพวกเมิ่งจี ก็นึกว่าพวกเมิ่งจีตกใจกับบรรพชนแห่งอาณาจักรเขา!

เขาหัวเราะเสียงเหี้ยม สายตาทอประกายดุดัน “ข้าขอบอกพวกเจ้า ป่านนี้เพิ่งรู้จักกลัวก็สายไปเสียแล้ว! บังอาจกำเริบสืบสานในทะเลต้องห้ามของข้า พวกเจ้าต้องตายทั้งหมด!”

“คือว่า…ท่านแน่ใจหรือว่านั่นคือบรรพชนของท่าน”

จู้จื่อน้อยทนไม่ไหว เอ่ยปากถามจ้าวสมุทรโดยตรง

“ถามมาได้! ไม่ใช่บรรพชนของข้า แล้วเป็นบรรพชนของเจ้าหรือไร”

จ้าวสมุทรตะคอก นึกในใจว่าท่านบรรพชนแห่งอาณาจักรของเขาสุดยอดจริง ๆ ดูเอาเถิดว่าคนพวกนี้ตกใจเพียงใด คำพูดคำจาเริ่มฟังไม่ได้ศัพท์แล้ว!

“บรรพชนของท่านเป็นกระต่ายหรอกหรือ! แต่หากว่ากันตามจริง บรรพชนของท่านก็น่ารักน่าชังยิ่งแล้ว!”

อ้ายฉานกะพริบตาปริบ ๆ พลางกล่าว

ใช่แล้ว สิ่งมีชีวิตที่ปรากฏกายออกจากหลุมดำก็คือกระต่ายหูโต ขนเป็นสีขาวผ่องหิมะไปทั้งตัว นี่มัน…สัตว์เลี้ยงแสนน่ารัก!

นี่คือบรรพชนของทะเลต้องห้ามตัวจริง เพียงแต่โชคร้ายไปหน่อยที่เจอกับหลี่จิ่วเต้า และด้วยความน่าขยะแขยงก็ทำให้หลี่จิ่วเต้าต้องตื่นตกใจ ชายหนุ่มจึงจัดการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ให้บรรพชนผู้นี้ ซ้ำยังดึงพลังทั้งหมดของบรรพชนผู้นี้ไป เปลี่ยนบรรพชนผู้นี้ให้เป็นกระต่ายน้อยสีขาวแสนธรรมดา

“บรรพชนเจ้าสิเป็นกระต่าย! บัดซบ! จนป่านนี้แล้วยังอวดดีอยู่อีก หมิ่นเกียรติท่านบรรพชนของข้า วันนี้เจ้าคงยากจะตายดี!”

จ้าวสมุทรสีหน้าอึมครึม อย่าให้พูดเลยว่าโมโหปานใด อ้ายฉานบังอาจท้าทายหยามเกียรติท่านบรรพชนแห่งอาณาจักรของเขาต่อหน้าท่านบรรพชนเยี่ยงนี้ ยกโทษให้ไม่ได้!

“ท่านบรรพชนว่าจริงหรือไม่”

เขาหันกลับไป สีหน้าแปรเปลี่ยนไวเหลือแสน

หน้าตาที่เคยอึมครึม ทันทีที่หันกลับไปก็แปรเปลี่ยนเป็นใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ประดุจดอกไม้ที่บานสะพรั่ง

แต่เมื่อเขาได้เห็นสิ่งมีชีวิตในหลุมดำก็นิ่งอึ้งไป คนทั้งคนแข็งทื่อดั่งหิน ยืนค้างอยู่อย่างนั้น ท่าทางราวกับเห็นผี

ไอ้บ้าเอ๊ย!

เป็นกระต่าย…จริงเรอะ???

ท่านบรรพชนเล่า

นี่มันเรื่องบ้ากระไร!

ข้าหรือ…คอยแล้วคอยเล่า กลับคอยมาได้แค่กระต่ายตัวหนึ่งอย่างนั้นหรือ???

อย่าให้พูดเลยว่าในใจจ้าวสมุทรระทมเพียงใด อยากกระโดดสาดคำด่าใส่ทุกคนที่ผ่าน

พลันตอนนั้นเอง กระต่ายในหลุมปริปากเอ่ยพูด

ทว่าสิ่งที่พูดมามิใช่ภาษาคน หากแต่เป็นภาษากระต่าย

เมื่อมีความสามารถสูงส่งระดับจ้าวสมุทร ไม่ว่าภาษาใดล้วนมิใช่ปัญหา เขาเข้าใจความหมายในถ้อยคำได้โดยตรง

กระต่ายตัวนั้นกล่าวว่า มัวนิ่งอยู่ไย ยังไม่รีบมารับมันลงไปอีก!

หลุมดำนั้นลอยอยู่กลางอากาศ ไม่รู้ว่าสูงจากพื้นดินตั้งเท่าไร อีกทั้ง ท่านบรรพชนในเวลานี้เป็นเพียงกระต่ายธรรมดา ขืนกระโดดลงไปแบบนี้มีหวังกระแทกจนร่างเละเป็นโจ๊ก ตายสนิทจนไม่อาจตายได้อีก

“บัดซบ! เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าเจ้าคือท่านบรรพชนแห่งอาณาจักรข้า!?”

จ้าวสมุทรเดือดดาล กระต่ายตัวเล็ก ๆ ธรรมดาเยี่ยงนี้ยังกล้าตำหนิเขา ออกคำสั่งใส่เขาด้วย?

เวรจริง ๆ!

เหตุไฉนเขาถึงโชคร้ายเพียงนี้ ไม่สมปรารถนาสักเรื่อง!

อีกด้าน กระต่ายเอ่ยปากอีกครั้ง

มันบอกว่า เจ้าคนมีตาหามีแววไม่ ข้านี่แหละบรรพชนของเจ้า รีบรับข้าลงไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน!

“ข้ารับกับย่าเจ้าสิ!”

จ้าวสมุทรฟังวาจากระต่ายรู้เรื่อง เขาบันดาลโทสะอย่างมาก โกรธจนอวัยวะภายในแทบระเบิด บ้า…เอ๊ย ยามนี้เขาต้องรับอารมณ์กระต่ายด้วยหรือ

“บรร…ย่าเจ้าสิ!”

จ้าวสมุทรโมโหยิ่งกว่าเดิม ฝ่ามือข้างนั้นตบเข้าไปอย่างไม่ปรานี กระต่ายขาวผุดผ่องดุจหิมะกลายเป็นหมอกเลือดในบัดดล ถูกฆ่าตายทันที!

ก่อนกระต่ายตาย มันทรมานใจเหลือคณา

ไอ้เวร…เอ๊ย มันพยายามคลานอยู่ในทางเชื่อมตั้งหลายวัน อุตส่าห์ออกมาได้แล้ว สุดท้ายเอื้อนเอ่ยได้ไม่ถึงสองประโยคก็ถูกคนของตัวเองคร่าชีวิตไป!

นี่น่าทรมานใจเหลือเกิน ในบรรดาการดำรงอยู่สูงส่งเหนือโลกันตร์ มันคงเป็นตนแรกที่ตายอย่างไม่เป็นธรรม ตายอย่างอเนจอนาถเช่นนี้กระมัง!

อนิจจา มันไม่เหลือพลังติดตัวแม้เพียงเศษเสี้ยว ไม่อาจขัดขืนได้เลย ต้องตายไปทั้งอย่างนี้

หากความจริงของเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป น่ากลัวว่าให้ตายผู้อื่นก็เชื่อไม่ลง

ผู้ใดเล่าจะเชื่อ การดำรงอยู่สูงส่งเหนือโลกันตร์ตนหนึ่ง ถูกสังหารง่าย ๆ เช่นนี้ ต่อให้แต่งนิทานยังมิกล้าแต่งแบบนี้เลย!

“พี่ชาย พี่สาว อยากยืมของวิเศษมิใช่หรือ ถุย ไม่สิ ใช้คำว่า ‘ยืม’ ได้อย่างไร ข้าเต็มใจประเคนสมบัติล้ำค่าของวิเศษทุกอย่างในทะเลต้องห้ามของข้า!”

จ้าวสมุทรรู้จักมองสถานการณ์เป็นอย่างดี รีบบอกกับพวกเมิ่งจีด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

แน่นอนสิ ขืนยังไม่รู้จักมองสถานการณ์ เขาคงต้องตายอยู่ที่นี่!

ในหัวนึกไปว่าท่านบรรพชนของเขาพึ่งพาไม่ได้เลยจริง ๆ กล่าวว่าจะมาตั้งนาน ผลสุดท้ายจนป่านนี้ยังไม่ถึง ทำให้เขาต้องถูกรังแกอยู่ที่นี่เรื่อยมา

เดี๋ยวก่อน…

เขานึกถึงกระต่ายตัวนั้น

กระต่ายทั่วไปไฉนเลยจะปรากฏตัวในทางเชื่อมได้

นั่นคือเส้นทางเชื่อมต่อกับอาณาจักรของเขาโดยตรง อย่าว่าแต่กระต่ายทั่วไปเลย แม้แต่เทียนตี้ยังไม่สามารถเข้าไปได้ตามใจชอบ

แม่เจ้า…คงมิใช่ว่ากระต่ายตัวนั้นเป็นบรรพชนจากอาณาจักรเขาจริง ๆ กระมัง

ทันใดนั้น ความคิดเหลวไหลนี้ก็ผุดขึ้นในใจเขา