ตอนที่ 127 จดหมายชมเชย

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

ตอนที่ 127 จดหมายชมเชย

สิ่งที่สวี่จงเหล่ยพูดดึงดูดความสนใจของทุกคนได้อย่างไม่ต้องสงสัย!

บรรณาธิการวารสาร ‘เซลล์’ ตัวจริงเสียงจริงอยู่ที่นี่แล้ว!

เป็นการส่งไม้ต่อได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆ!

เหล่านักข่าวต่างตัวสั่น วันนี้จะต้องมีข่าวใหญ่แน่ๆ…

หูเฟิงอวิ๋นมองไป๋เยี่ยด้วยแววตาสงสัย ทำเอาไป๋เยี่ยชะงักไปเล็กน้อย เพราะเขาจำได้ว่าคาร์ลเคยบอกเขาไว้ว่าจะมาหาเมื่อเขาสอบเสร็จ

คิดไม่ถึงว่าเขาจะมาตอนนี้

หูเฟิงอวิ๋นมองไปที่ประตู ชายผมบลอนด์รูปร่างโปร่งสูงราวๆ หนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรยืนอยู่ด้านหน้าประตูด้วยความนอบน้อม ทันทีที่เขาเห็นว่าทุกคนกำลังจับจ้องมาทางเขา เขาก็รีบโค้งคำนับ

จากนั้นจึงเอ่ยปากขึ้นในทันใด “ขออนุญาตนะครับ ผมขอขัดจังหวะงานแถลงข่าวสักครู่!”

ทันทีที่ไป๋เยี่ยได้ยินภาษาอังกฤษสำเนียงนิวยอร์ก เขาก็รู้ได้ทันทีว่าชายคนนี้คือ ‘คาร์ล’ นั่นเอง

แม้ว่าคาร์ลจะพูดภาษาอังกฤษ แต่ที่นี่ก็มีนักข่าวมืออาชีพหลายคนที่พอมีพื้นฐานภาษาอังกฤษในระดับดี และไป๋เยี่ยเองก็พูดภาษาอังกฤษได้อย่างชัดถ้อยชัดคำ ทุกคนจึงพอเข้าใจความหมายคร่าวๆ ที่คาร์ลสื่อได้

คาร์ลหันไปทางหูเฟิงอวิ๋น “ผมเข้าไปได้ไหมครับ”

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หูเฟิงอวิ๋นมีโอกาสไปเข้าร่วมการประชุมด้านวิชาการที่ต่างประเทศหลายครั้ง ภาษาอังกฤษของเธอจึงอยู่ในระดับดีมาก ไม่มีปัญหาในการสื่อสารในชีวิตประจำวันเลย ส่วนจางฮั่นหลินก็พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของตนเองได้ดีขึ้นมากหลังจากที่กลับมาจากต่างประเทศ

หูเฟิงอวิ๋นยืนขึ้นพลางยิ้มให้อย่างเป็นมิตร “ยินดีต้อนรับสู่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีนะคะ ท่านนี้คือผู้อำนวยการของทางมหาวิทยาลัยค่ะ…”

หูเฟิงอวิ๋นแนะนำตัวคร่าวๆ ก่อนจะเชิญคาร์ลเข้ามา

คาร์ลมารยาทดีมาก จึงเอ่ยปากขอโทษทุกคนก่อน “โปรดยกโทษให้ผมที่เข้ามาขัดจังหวะงานแถลงข่าวนะครับ ในฐานะบรรณาธิการบทความของไป๋เยี่ย ผมคิดว่าผมพิสูจน์ความเป็นอัจฉริยะของเขาได้!”

คาร์ลเดินขึ้นไปยังโต๊ะแถลงข่าว เขาเหลือบมองไป๋เยี่ยครู่หนึ่งก่อนจะกระซิบเบาๆ “คุณหล่อกว่าที่ผมคิดไว้อีกนะเนี่ย!”

ไป๋เยี่ยนึกไม่ถึงว่าคาร์ลจะมาที่นี่ไวขนาดนี้ แต่อย่างไรก็ตามการมาของเขาถือเป็นตัวพลิกสถานการณ์ชั้นดีเลยทีเดียว!

ไป๋เยี่ยคิดก่อนจะกล่าวขอบคุณไป “ขอบคุณมากนะครับ”

จู่ๆ บรรณาธิการที่เพิ่งถามคำถามไปก็เบิกตากว้างพร้อมกับจ้องมองไปที่คาร์ลซึ่งอยู่บนเวทีอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง

เขาเคยพบกับคาร์ลที่งานประชุมสุดยอดของวงการวารสารมาก่อน ตอนนั้นเขาเป็นบรรณาธิการที่ทางหน่วยงานส่งไปศึกษาดูงานและส่งรายงานเท่านั้น

เขาได้พบกับบรรณาธิการจากวารสารชื่อดังหลายเล่ม รวมถึงบรรณาธิการวารสาร ‘เซลล์‘ อย่างคาร์ลด้วย

เมื่อสองปีที่แล้ว คาร์ลไปที่นั่นในฐานะรองบรรณาธิการของวารสาร ‘เซลล์’ เท่านั้น!

ทว่าในตอนนั้น คาร์ลเองก็เป็นที่รู้จักในฐานะดาวรุ่งแห่งแวดวงวิชาการ เพราะว่าแต่ละบทความที่ผ่านการอนุมัติและการอ่านจากเขาล้วนได้รับรางวัลในงานคัดเลือกนิตยสารประจำปี

อาจกล่าวได้ว่าสถานะของคาร์ลสูงกว่าเจ้าของวารสารหลายสิบเท่า!

นั่นคือเขาได้เป็นหนึ่งในทีมบริหารของวารสาร ‘เซลล์’ และเป็นรองบรรณาธิการของวารสารชื่อดังระดับแนวหน้าของโลก

ใครๆ ก็รู้ว่าสถานะของคาร์ลสูงส่งเพียงใด

นี่คือสิ่งที่เขาได้เห็นด้วยตาตนเองมาก่อน โดยที่ไม่คาดคิดเลยว่าตนจะมีโอกาสได้พบกับบุคคลสำคัญอย่างคาร์ล ณ ที่นี่ ในวันนี้

ทว่าแค่เขารู้จักคาร์ลคนเดียวก็ไม่ได้แปลว่าคนอื่นจะรู้จักคาร์ลเหมือนกัน ทันใดนั้นก็มีนักข่าวลุกขึ้นถาม “คุณบอกว่าคุณเป็นบรรณาธิการของ ‘เซลล์’ ใช่ไหมครับ ถ้างั้นมีหลักฐานยืนยันบ้างไหมครับ บางที…คุณอาจจะเตี๊ยมกันกับไป๋เยี่ยแล้วมาแถลงข่าวเท็จก็ได้นี่”

นักข่าวคนนั้นพูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก คาร์ลยกยิ้มก่อนจะพยักหน้าและพูดว่า “ที่คุณพูดมาก็ฟังดูมีเหตุผลนะครับ ผมรีบมาที่นี่เลยไม่ค่อยได้นำอะไรติดตัวมาด้วย แต่ผมคิดว่าสิ่งนี้น่าจะพอพิสูจน์ตัวตนของผมได้บ้างนะ นี่ใบขับขี่และพาสปอร์ตของผมเอง ตรวจสอบได้เลยครับ”

ทันใดนั้นบรรณาธิการจาก ‘การแพทย์สมัยใหม่’ ก็โพล่งขึ้นมา “เขาเป็นบรรณาธิการของ ‘เซลล์’ จริงๆ ครับ เขาคือคุณคาร์ลจริงๆ ด้วย ผมเคยเจอเขาแล้ว ผมพิสูจน์ได้จริงๆ นะ”

ชายคนนั้นพูดจบก็ถามต่อด้วยน้ำเสียงกระอักกระอ่วนเล็กน้อย “คุณคาร์ล ไม่ทราบว่าคุณมาจีนทำไมเหรอครับ”

คาร์ลชะงัก “แน่นอน ผมมาหาไป๋เยี่ยไงครับ ตอนแรกคิดว่าพวกคุณกำลังสัมภาษณ์ไป๋เยี่ยอยู่ เลยว่าจะรอให้สัมภาษณ์กันเสร็จก่อน แต่ก็เพิ่งได้รู้เมื่อกี้เองครับว่าพวกคุณกำลังตั้งข้อสงสัยเรื่องบทความสองฉบับนั้นของไป๋เยี่ยอยู่ โอ้…เหลือจะเชื่อจริงๆ ครับ”

“ผมได้ฟังคำถามของคุณก็รู้แล้วว่าคุณอยากพิสูจน์ว่าบทความของไป๋เยี่ยในวารสาร ‘เซลล์’ นั้นเขียนขึ้นโดยไป๋เยี่ยเองหรือไม่! งั้นผมขอตอบตรงนี้เลยแล้วกัน ใช่ครับ! ไป๋เยี่ยเป็นผู้เขียนบทความทั้งสองฉบับด้วยตนเองครับ!”

“ถ้าคุณคิดว่าผมช่วยให้เขาได้ตีพิมพ์บทความเพราะว่าเขาเป็นเพื่อนผมล่ะก็ ผมคงต้องขอโทษด้วยนะครับ เพราะผมมาที่นี่ก็เพื่อนำจดหมายชมเชยจากหัวหน้าฝ่ายบรรณาธิการของเรามามอบให้เขา ผมหวังว่าทุกคนจะใช้โอกาสนี้ในการอ่านมันสักหน่อยนะครับ”

พูดจบคาร์ลก็หยิบจดหมายฉบับนั้นออกมาจากกระเป๋าและอ่านออกเสียง

“ถึงคุณไป๋เยี่ย ฉันชื่อแคร์รี่ แน็กซ์เตอร์ หัวหน้าฝ่ายบรรณาธิการของ ‘เซลล์’ ฉันรู้สึกขอบคุณและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่บทความทั้งสองของคุณเกี่ยวกับอาร์เทแอนนิวอินที่สร้างคุณประโยชน์มากมายให้กับยุคสมัยนี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารของทางเรา…”

“หากไม่มีบทความทั้งสองฉบับของคุณ บางทีอาจจะมีผู้คนมากมายต้องล้มป่วยจากโรคมาลาเรียในทวีปแอฟริกาใต้อันห่างไกลมากขึ้นก็เป็นได้…”

“เมื่อฉันรู้ว่าคาร์ลกำลังจะเดินทางไปประเทศจีน จึงฝากให้เขานำจดหมายชมเชยฉบับนี้มามอบให้คุณด้วย วารสาร ‘เซลล์’ กำลังรอคอยการมีส่วนร่วมของคุณอยู่ และทางเราจะให้ความสำคัญกับการเผยแพร่บทความของคุณ…”

ทันทีที่คาร์ลอ่านจบ ผู้คนด้านล่างก็พากันตกตะลึงไปตามๆ กัน!

บ่ายวันนั้น พาดหัวข่าวเกี่ยวกับการมาเยือนมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีของบรรณาธิการจาก ‘เซลล์‘ เพื่อช่วยกู้หน้าให้ไป๋เยี่ยก็ถูกตีพิมพ์และเผยแพร่ออกไป

ทำให้ผู้คนต้องตกตะลึงไปสักพักหนึ่ง!

“ไป๋เยี่ยนี่เจ๋งขนาดนั้นจริงเหรอ นี่พวกเรากำลังเข้าใจเขาผิดหรือเปล่านะ”

“พูดบ้าอะไร เขาบอกว่าเป็นบก.ของ ‘เซลล์‘ แล้วไง หัดใช้สมองบ้างนะ แกว่างมากหรือไง”

“ก็จริงนะ ก็เป็นไปได้ว่า ‘เซลล์’ มาที่นี่เพราะอยากเพิ่มเรตติ้ง!”

“จะบ้าเหรอ ชื่อ ‘เซลล์’ ออกจะดังมาตั้งหลายปี!”

การมาเยือนของคาร์ลทำให้สถานการณ์การกดดันแต่เพียงฝ่ายเดียวนั้นผ่อนคลายลงบ้าง

สือฉีเองก็ประหลาดใจอยู่พอสมควร คิดว่าเขาจะปล่อยให้เกิดเรื่องพรรค์นี้งั้นเหรอ

เขาจึงรีบโพสต์สถานะทันที

[แสดงทั้งทีก็ต้องแสดงให้เนียน ถูกไหม ดูเหมือนว่าเขาจะจ้างให้ฝรั่งมาเป็นบก.ของ ‘เซลล์’ แหละ แค่เขียนจดหมายก็บอกว่าเป็นจดหมายขอบคุณจาก ‘เซลล์’ ได้แล้วเหรอ]

[ปลอมเปลือกขนาดนี้แล้วก็คำนึงถึงความเป็นจริงบ้างเถอะ ช่วยชีวิตผู้ป่วยมาลาเรียในแอฟริกาใต้? ทำไมไม่เขียนไปล่ะว่ารักษาโรคเอดส์ได้ ปราบมะเร็งได้อยู่หมัดอะไรแบบนี้น่ะ]

[ตรรกะบ้าบออะไร ไร้สาระสิ้นดี! เป็นแค่นักศึกษาป.ตรีที่ยังเรียนไม่จบดีเลยด้วยซ้ำ แต่กลับมีความสามารถเหนือความคาดหมายเนี่ยนะ!]