ตอนที่ 87 บีบซิ่นอ๋องให้ตาย

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 87 บีบซิ่นอ๋องให้ตาย
องค์หญิงใหญ่กุมมือไป๋ชิงเหยียนแน่น หมุนกายหันกลับไปมองบรรดาลูกสะใภ้ แววตาสงบนิ่ง เอ่ยขึ้น “ลูกสะใภ้ใหญ่ ฝากเจ้าแล้ว ลูกสะใภ้สองและลูกสะใภ้สามดูแลจวนและดูแลลูกสะใภ้สี่กับลูกสะใภ้ห้าให้ดีด้วย!”

ต่งซื่อข่มความรู้สึกเจ็บปวดในใจไว้ ย่อกายทำความเคารพองค์หญิงใหญ่ “ท่านแม่วางใจเถิดเจ้าค่ะ ทางจวนมีพวกข้าคอยดูแลอยู่ ไม่มีเรื่องอันใดหรอกเจ้าค่ะ!”

องค์หญิงใหญ่แห่งราชวงศ์ซึ่งเป็นป้าแท้ๆ ของฮ่องเต้เกาะแขนหลานสาวเดินทางไปยังวังหลวงโดยมีชาวบ้านติดตามไปด้วย

“ไป! พวกเราก็ไปเช่นกัน พวกเราไปร้องทุกข์พร้อมกับองค์หญิงใหญ่ ทวงความยุติธรรมคืนให้วีรบุรุษตระกูลไป๋กัน!”

“ไป! ไปด้วยกัน!”

ชาวบ้านต่างฮึกเหิมด้วยความโกรธเคือง

องค์หญิงใหญ่กำไม้เท้าที่ทำจากไม้มะเกลือ ด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างกุมมือของไป๋ชิงเหยียนแน่นพลางเดินตรงไปด้านหน้า ฝีเท้าเต็มไปด้วยความมั่นคงหนักแน่น น้ำเสียงใสกังวานราวกับระฆังดังขึ้น “อาเป่า เรื่องการบีบซิ่นอ๋องให้ตาย เจ้าใจร้อน วู่วามเกินไปแล้ว! เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังบีบให้ฮ่องเต้ทรงประหารโอรสเพียงองค์เดียวที่เกิดจากฮองเฮา! เจ้าไม่กลัวหรือว่าความโกรธของชาวบ้านฆ่าซิ่นอ๋องได้ก็จริง แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถกลายเป็นดาบคมที่วกกลับมาแทงเจ้าได้เช่นเดียวกัน! ความจริงแล้วเป็นเพราะเจ้าไม่เชื่อใจย่าใช่หรือไม่”

ไป๋ชิงเหยียนกุมมือที่สั่นเทาขององค์หญิงใหญ่แน่น เอ่ยตอบ “ชาวบ้านในเมืองหลวงติดตามข้ามาด้วยเช่นนี้ เรื่องราวในบันทึกถูกเปิดเผยให้ทุกคนได้รับรู้กันหมดแล้ว หากฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ต้าจิ้นไม่กลัวชาวบ้าน ไม่กลัวสูญเสียความรักความศรัทธาจากชาวบ้าน ก็เชิญตัดศีรษะของข้าไปได้เลยเจ้าค่ะ! ข้าออกรบเพื่อแคว้นต้าจิ้นได้รับบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถตั้งครรภ์ได้! ท่านปู่ ท่านพ่อ ท่านอาและบรรดาน้องชายของข้าล้วนเสียชีวิตอยู่ที่หนานเจียง ท่ามกลางสักขีพยานและหลักฐานที่ชัดเจนแจ่มแจ้งเช่นนี้ ข้าพนันว่าฮ่องเต้ทรงไม่กล้าประหารข้า…”

“อาเป่าเป็นสตรีของตระกูลไป๋ หากไม่มีความกล้าที่ไม่กลัวตายเฉกเช่นบุรุษและปณิธานที่แรงกล้า เหตุใดจึงต้องเอ่ยถึงเรื่องล้างแค้นด้วย”

องค์หญิงใหญ่ชะงักฝีเท้าลงเล็กน้อย หลับตาลงจากนั้นเริ่มเดินต่อ เสียงสั่นเล็กน้อย “อาเป่า เมื่อใดเจ้าจะเข้าใจว่าการมีชีวิตอยู่เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด! ย่าไม่อยากสูญเสียพวกเจ้าคนใดคนหนึ่งไปอีกแล้ว!”

น้ำเสียงขององค์หญิงใหญ่บ่งบอกถึงความชราภาพ ริ้วรอยเหี่ยวย่นมองเห็นได้อย่างชัดเจน เช่นเดียวกับน้ำเสียงที่สื่อชัดถึงความผิดหวังและกังวลใจในตัวนาง

ทหารองครักษ์ที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าวังหลวงมองดูถนนที่เดิมทีมีแต่หิมะถาถมอยู่เต็มสองข้างทาง บัดนี้มองเห็นกลุ่มคนเดินตรงเข้ามาทางวังหลวง

ขบวนยิ่งใหญ่เป็นที่สะดุดตาของผู้พบเห็น

ทหารองครักษ์เฝ้าประตูเตรียมพร้อมในทันที ทหารองครักษ์ผู้หนึ่งรีบวิ่งไปยังกระโจมเพื่อรายงานหัวหน้าองครักษ์เฝ้าประตู เมื่อหัวหน้าองครักษ์เฝ้าประตูเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเสร็จเรียบร้อย เดินออกมานอกกระโจม องค์หญิงใหญ่ซึ่งจับแขนของคุณหนูใหญ่ตระกูลไป๋ซึ่งอยู่ในชุดไว้อาลัย คุณหนูรองไป๋ คุณหนูสามไป๋ คุณหนูสี่ไป๋และบรรดาชาวบ้านเดินมาถึงหน้าประตูอู่เต๋อแล้ว

หัวหน้าทหารองครักษ์เฝ้าประตูก้าวไปด้านหน้า ทำความเคารพองค์หญิงใหญ่ เมื่อหยัดกายขึ้นจึงเอ่ยถาม “คาราวะองค์หญิงใหญ่พ่ะย่ะค่ะ มิทราบว่าเหตุใดองค์หญิงใหญ่…”

ผู้ใดจะคาดคิดว่าหัวหน้าทหารองครักษ์เฝ้าประตูยังไม่ทันจะกล่าวจบ คุณหนูสามไป๋กลับหยิบไม้ตีกลองออกมาแล้วตีไปที่กลองอย่างแรง…

เสียงของกลองเติงเหวินที่ตั้งอยู่หน้าประตูวังหลวงอย่างสงบมาเป็นร้อยปีโดยไม่มีผู้ใดสนใจจนขึ้นสนิมดังสะท้านไปทั่ววังหลวงจนหมู่นกต่างบินหนีกันอย่างแตกตื่น

องค์หญิงใหญ่ใช้มือค้ำยันไม้เท้าหัวพยัคฆ์ค่อยๆ ทรุดกายคุกเข่าลงบนพื้นด้วยร่างกายที่สั่นเทา หัวหน้าทหารองครักษ์เฝ้าประตูตกใจจนต้องรีบคุกเข่าตาม

เห็นคุณหนูตระกูลไป๋ พวกบ่าวรับใช้และบรรดาชาวบ้านคุกเข่าอยู่ทางด้านหลังขององค์หญิงใหญ่ ภาพที่ทรงอิทธิพลเช่นนี้ทำให้เขาทำตัวไม่ถูก

เพลานี้ ฮ่องเต้กำลังเอนกายพิงเบาะนวมจิบน้ำชาพลางทอดพระเนตรสาวงามบรรเลงเพลงพิณ เมื่อได้ยินเสียงกลองก็ขมวดคิ้วแน่น ตะโกนออกมา “เกาเต๋อเม่า…”

เกาเต๋อเม่า ขันทีใหญ่ที่ได้รับการไว้วางใจมากที่สุดจากฮ่องเต้รีบเดินเข้ามา คุกเข่าลง “ฝ่าบาท…”

“เสียงกลองจากที่ใดกัน! บังอาจขัดช่วงเวลาแห่งความสุขในการเสพบทบรรเลงของข้า!” ฮ่องเต้ตรัสอย่างไม่สบอารมณ์

“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมรู้สึกว่ามันดังมาจากนอกวังหลวง กระหม่อมให้ขันทีไปตรวจสอบแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เกาเต๋อเม่าตอบ

หน้าประตูอู่เต๋อ

ไป๋จิ่นซิ่วคุกเข่าอยู่ด้านข้างองค์หญิงใหญ่ ถือม้วนไม้ไผ่พลางอ่านเนื้อหาในนั้นออกมาทีละคำอย่างชัดเจนทั้งน้ำตา

ไป๋จิ่นซิ่วอ่านเสียงดังฟังชัด แม้จะมีเสียงสะอื้น ทว่าแต่ละคำชัดเจนและรวดเร็ว ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์เข้าใจแจ่มแจ้ง

ม้วนไม้ไผ่ทั้งหกม้วนเป็นเพียงบันทึกสถานการณ์การรบเท่านั้น ทว่าเมื่อไป๋จิ่นซิ่วใส่อารมณ์และจังหวะในการอ่านเข้าไปด้วยจึงทำให้ทุกรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในสงครามนั้นจริงๆ เสียงฆ่าฟัน เงาจากดาบคมกริบ เลือดสดที่สาดกระเซ็นมากมาย อยู่ในสงครามที่ศัตรูไม่ตายก็เป็นเราที่ต้องตาย

หลิวฮ่วนจางผู้ทรยศแคว้นสร้างข่าวปลอมว่าเสบียงอาหารถูกส่งมาถึงแค่เมืองเฟิ่งก็ถูกกองทัพของหนานเยี่ยนบุกโจมตีแย่งไปเสียก่อน กองทัพทหารจำนวนห้าหมื่นนายเข้าล้อมเมือง เสบียงอาหารถูกกักอยู่ในเมืองเฟิ่ง ไม่รอให้เจิ้นกั๋วกงถ่ายถอดคำสั่ง ซิ่นอ๋องกลับเหิมเกริมออกคำสั่งให้ไป๋ฉีอิง บุตรชายคนรองของ

ไป๋เวยถิงนำทหารยอดฝีมือจำนวนสี่หมื่นนายไปเสริมทัพที่เมืองซิ่นโจว

เจิ้นกั๋วกงออกรบมาหลายปี มีประสบการณ์มากมาย คาดเดาว่าต้องมีกับดัก ทว่า ซิ่นอ๋องนำป้ายอาญาสิทธิ์ของฮ่องเต้ออกมาบังคับ เจิ้นกั๋วกงจนปัญญาจึงต้องยอมทำตาม ต่อมาทหารลาดตระเวนมารายงานว่ากองทัพของซีเหลียงจำนวนสองแสนห้าหมื่นนายที่ดักซุ่มโจมตีอยู่ที่เขาชวนหลิงได้ล้อมกองทัพเสริมสี่หมื่นนายของไป๋ฉีอิงไว้แล้ว

ซิ่นอ๋องตระหนักได้ว่าเป็นกับดักจึงเริ่มร้อนรน บังคับให้ไป๋เวยถิงนำกองกำลังทั้งหมดไปช่วยไป๋ฉีอิงรับมือกับกองกำลังหลักของซีเหลียงที่เขาชวนหลิง ไป๋เวยถิงสงสัยว่านี่คือกับดัก แต่ซิ่นอ๋องอ้างว่าตนเองได้รับคำสั่งจากฮ่องเต้ให้เป็นคนคุมกองทัพ บังคับให้ไป๋เวยถิงออกรบ กล่าวว่าหากไป๋เวยถิงไม่ทำตามเขาจะฟ้องฮ่องเต้ กล่าวว่าไป๋เวยถิงเห็นป้ายอาญาสิทธิ์แต่ยังขัดราชโองการสมควรได้รับโทษประหารทั้งตระกูล

เจิ้นกั๋วกงไป๋เวยถิงจึงได้แต่ยอมเสี่ยง สั่งให้แม่ทัพเปียวฉีไป๋ฉีจิ่งนำทหารสองหมื่นนายอ้อมไปทางอำเภอเฟิงเพื่อบุกเข้าโจมตีค่ายทหารของซีเหลียง รองแม่ทัพใหญ่ไป๋ฉีซานนำทหารฝีมือดีจำนวนห้าพันนายไปเสริมทัพที่เมืองเฟิ่ง

ไป๋ชิงหมิง ไป๋ชิงฉีนำกองทัพไป๋ฝีมือดีจำนวนหนึ่งหมื่นนายซุ่มอยู่ที่ถนนสายหลักหุบเขาหลิงเพื่อเป็นกำลังสนับสนุนทุกฝ่าย

ไป๋เวยถิงนำทัพทหารห้าหมื่นนายไปยังเขาชวนหลิงด้วยตัวเอง สั่งให้รองแม่ทัพหลิวฮ่วนจางนำกองกำลังหลักหนึ่งแสนแปดหมื่นนายซ่อนตัวอยู่ที่หุบเขาหมีดำเพื่อรอโอกาสบุกเข้าโจมตีเขาชวนหลิง

เป็นดังที่ไป๋เวยถิงคาดการณ์ไว้จริงๆ กองกำลังห้าหมื่นนายของเขาติดกับอยู่ที่เขาชวนหลิง กองทัพยอดฝีมือจำนวนสี่หมื่นนายที่ไป๋ฉีอิงนำทัพโดนทำลายไม่หลงเหลือ กองทัพทหารสี่แสนห้าหมื่นนายของซีเหลียงเผชิญหน้ากับกองทัพของเจิ้นกั๋วกง เจิ้นกั๋วกงฝากความหวังไว้ที่รองแม่ทัพหลิวฮ่วนจาง นำทัพเข้าสู้ศัตรูจนสุดกำลัง

วันที่หก เดือนสิบสอง กองทัพแคว้นต้าจิ้นสู้รบอย่างลำบากอยู่สามวัน ทหารห้าหมื่นนายแทบไม่หลงเหลือแต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววทัพเสริมของหลิวฮ่วนจาง

แม่ทัพใหญ่ของซีเหลียงขอเข้าพบเจิ้นกั๋วกงไป๋เวยถิงและกล่าวว่าหลิวฮ่วนจางทรยศเจิ้นกั๋วกงเพราะอยากได้อำนาจ เขาบอกแผนการรบของกองทัพต้าจิ้นให้ซีเหลียงรู้หมดแล้ว ซีเหลียงส่งกองทัพใหญ่เกือบทั้งหมดของแคว้นจำนวนเจ็ดแสนกว่านาย หนานเยี่ยนซึ่งเป็นแคว้นรองส่งทหารยอดฝีมือจำนวนสี่แสนกว่านาย ครานี้พวกเขาจะกวาดล้างกองทัพไป๋และคนตระกูลไป๋ให้สิ้นซาก หักกระดูกสันหลังของแคว้นต้าจิ้นให้หมดไป

แม่ทัพใหญ่ของซีเหลียงยังกล่าวอีกว่าหลิวฮ่วนจางอ้างชื่อของเจิ้นกั๋วกงหลอกคุณชายตระกูลไป๋จนจับได้ห้าคน บัดนี้เขานำกองกำลังกลับไปโจมตีเมืองเฟิ่งโดยอ้างว่าเจิ้นกั๋วกงเป็นกบฏ ทหารของต้าจิ้นที่กำลังต่อสู้สุดชีวิตได้ยินข่าวนี้ก็หมดกำลังใจในทันที ราวกับแกะที่โดนฝูงหมาป่าห้อมล้อมไร้ซึ่งเรี่ยวแรงขัดขืน

แม่ทัพใหญ่ไป๋เวยถิงโดนธนูยิงนับไม่ถ้วน ก่อนเสียชีวิตสั่งให้ไป๋ชิงฮุย ไป๋ชิงหยางแห่งค่ายเหมิงหู่นำบันทึกสถานการณ์รบไปมอบให้ซิ่นอ๋อง รายงานซิ่นอ๋องว่าหลิวฮ่วนจางทรยศ! สั่งให้ทหารทุกคนในกองทัพแหวกทางให้ทั้งสองคนหนีออกไปให้ได้ไม่ว่าจะแลกด้วยสิ่งใดก็ตาม

———————————————

[1] ไม้มะเกลือ ไม้ยืนต้นชนิดหนึ่งพบตามป่าทั่วไป เป็นต้นไม้ที่มีขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มีเรือนยอดเป็นพุ่ม ลำต้นเปลือย