ตอนที่ 124 กลับบ้านฉลองปีใหม่

ตอนที่ 124 กลับบ้านฉลองปีใหม่

เมื่อเสิ่นเจิ้นอวี่และเสิ่นหรูฮุ่ยเห็นลูกสาว/น้องสาวของตนเป็นเช่นนี้ หัวใจพลันกระตุกในทันใด

“หรูฮวน เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

ตั้งแต่วันนั้นที่เจิ้งเต๋อข่ายหันหลังและเดินจากไปเพราะซูอวี้เจี๋ย หัวใจของเสิ่นหรูฮวนก็เย็นชาขึ้นเล็กน้อย ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงคำพูดที่เจิ้งเต๋อข่ายกล่าวในวันนี้ ดังนั้นหล่อนจึงไม่อยากมีการแต่งงานนี้อีกแล้ว “พ่อ พี่ใหญ่ เจิ้งเต๋อข่ายเป็นผู้ชายห่วยๆ”

ขณะกล่าว เสิ่นหรูฮวนก็เอ่ยคำพูดที่เจิ้งเต่อข่ายเพิ่งกล่าวไปเมื่อสักครู่นี้โดยไม่ตกหล่นแม้แต่คำพูดเดียว สุดท้ายหันไปมองฟู่ซวี่ตงและกล่าว “ฟู่ซวี่ตงฟังแล้วเลยโกรธมากจนเข้าไปต่อยเจิ้งเต๋อข่าย”

“ดี……ดีมากเจิ้งเต๋อข่าย ดีมากตระกูลเจิ้ง”

เสิ่นเจิ้นอวี่โกรธจนใบหน้าแดงก่ำ ตอนนี้เขาแทบอยากจะฆ่าเจิ้งเต๋อข่ายให้ตาย

เสิ่นหรูฮุ่ยเองก็จ้องมองเจิ้งเต๋อข่ายด้วยสีหน้ามืดมนและครุ่นคิดว่าจะลงโทษเจิ้งเต๋อข่ายอย่างไรดี

ฟู่ซวี่ตงเห็นว่าคนภายในตระกูลของเสิ่นหรูฮวนกลับมาแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นจะต้องช่วยออกหน้าแทน ดังนั้นจึงเอ่ยลา “คุณลุงเสิ่น พี่ใหญ่เสิ่น หรูฮวน งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เสิ่นเจิ้นอวี่พลันเอ่ยรั้งเขา “เสี่ยวฟู่ เข้าไปนั่งด้านในเถอะ”

ฟู่ซวี่ตงนั้นพอจะเข้าใจสถานการณ์และรู้ว่าเสิ่นเจิ้นอวี่กล่าวเช่นนี้ด้วยมารยาท ดังนั้นเขายิ้มและเอ่ย “ผมยังมีธุระ ขอตัวกลับก่อนนะครับ”

เป็นไปตามคาดการณ์ เสิ่นเจิ้นอวี่ไม่ได้รั้งเขาอีก และบอกให้ฟู่ซวี่ตงกลับบ้านดีๆ

หลังจากฟู่ซวี่ตงกลับไปแล้ว เสิ่นเจิ้นอวี่จ้องมองเจิ้งเต๋อข่ายด้วยสายตาโกรธเคืองและเอ่ยอย่างเย็นชา “เจิ้งเต๋อข่ายนะเจิ้งเต๋อข่าย คาดไม่ถึงจริงๆ ว่าเธอจะคิดแบบนี้กับหรูฮวน นับว่ายังโชคดีที่ตอนนี้รู้ว่าเธอมีความคิดแบบนี้ ไม่อย่างนั้นรอให้หรูฮวนแต่งงานเข้าตระกูลเจิ้ง ถึงตอนนั้นก็คงสายไปเสียแล้ว”

เมื่อเอ่ยคำพูดสุดท้าย เสิ่นเจิ้นอวี่พลันรู้สึกหวาดกลัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน บางครั้งเขาเองก็มองผิดพลาด แรกเริ่มนั้นเห็นได้ว่าเจิ้งเต๋อข่ายนั้นไม่เลวเลยทีเดียว แต่ในใจกลับเลวร้ายมากถึงขนาดนี้

“หรูฮุ่ย พาเขาเข้าไปด้านใน ฉันมีเรื่องบางอย่างอยากจะถามเขา”

เสิ่นหรูฮุ่ยได้ยินเช่นนี้ เขาก้าวไปด้านหน้าและอุ้มคนขึ้นในทันที “ครับพ่อ”

เจิ้งเต๋อข่ายในตอนนี้รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา เมื่อครู่นั้นเขาเห็นเสิ่นหรูฮวนอยู่กับฟู่ซวี่ตง ทำให้รู้สึกโกรธในชั่ววูบและเอ่ยคำพูดเหล่านั้นโดยไม่ทันคิด ตอนนี้ถูกคนตระกูลเสิ่นจับตัวไว้แล้ว พวกเขาจะต้องเอาคืนตนเองอย่างแน่นอน

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เจิ้งเต๋อข่ายดิ้นรนขัดขืนและเอ่ย “ครั้งหน้าผมจะไม่พูดอีกแล้ว พวกคุณรีบปล่อยผมเถอะ”

เสิ่นหรูฮุ่ยไม่แม้แต่จะสนใจเขาและอุ้มเขาเข้าไป

ส่วนทางด้านฉินมู่หลาน หลังขึ้นรถไฟแล้วเธอก็นั่งพักผ่อน โดยมีเซี่ยเจ๋อหลี่คอยเฝ้ามองอยู่ด้านข้าง จนกระทั่งถึงเวลาของมื้อเที่ยง เขาเห็นฉินมู่หลานยังไม่ตื่นจึงหยิบหมั่นโถวสองชิ้นออกมาจากกระเป๋าผ้าและเริ่มกินก่อน อย่างไรก็ตามตอนนี้อากาศหนาว หมั่นโถวจึงทั้งเย็นและแข็งจนต้องใช้ความพยายามในการเคี้ยวเล็กน้อย

หลังจากฉินมู่หลานตื่นขึ้นมา เซี่ยเจ๋อหลี่ก็กินหมั่นโถวเสร็จแล้ว เขาเห็นว่าเวลาล่วงเลยไปมากแล้วจึงรีบเอ่ยถาม “มู่หลาน คุณหิวหรือยัง ผมจะไปซื้อของที่ตู้เสบียงมาให้คุณนะ”

ฉินมู่หลานรู้สึกหิวเล็กน้อย แต่เธอจำได้ว่าพวกเขานำอาหารมาด้วย “ไม่ต้องหรอกค่ะ ไม่ใช่ว่ามีหมั่นโถวกับผักดองหรอกเหรอ กินง่ายๆ ก็ได้”

“ไม่ได้ หมั่นโถวแข็งหมดแล้ว ผมจะไปซื้อข้าวให้เดี๋ยวนี้ คุณนั่งรอก่อนนะ”

“อ่า……”

โดยไม่รอให้ฉินมู่หลานกล่าวอะไรมากนัก เซี่ยเจ๋อหลี่ก็เดินออกไปซื้ออาหารแล้ว

อาหารบนรถไฟนั้นมีจำกัด แต่ยังดีที่ยังร้อนอยู่ หลังจากเซี่ยเจ๋อหลี่ซื้ออาหารมาแล้วก็รีบบอกให้ฉินมู่หลานกินเยอะๆ

“อาหลี่ ทำไมคุณไม่กิน”

“ผมกินแล้ว”

ฉินมู่หลานเข้าใจในทันทีว่าเซี่ยเจ๋อหลี่กินอาหารแห้งเหล่านั้น เธอชำเลืองมองเขาอย่างอดไม่ได้และเอ่ย “ในเมื่อหมั่นโถวแข็งแล้ว คุณเองก็กินอาหารนี้เถอะ”

เซี่ยเจ๋อหลี่ยิ้มพลางวางตะเกียบและเอ่ย “คุณรีบกินเถอะ ผมกินอิ่มแล้ว”

ฉินมู่หลานหยิบตะเกียบขึ้นมาและเริ่มกินอาหาร ซึ่งรสชาติธรรมดามาก และอาจเป็นเพราะอยู่บนรถไฟ ความอยากอาหารของเธอจึงไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเธอกินไปได้เพียงครึ่งหนึ่งก็รู้สึกอิ่มแล้ว

เซี่ยเจ๋อหลี่มองฉินมู่หลานด้วยความกังวลเล็กน้อย

ฉินมู่หลานโบกมือและเอ่ย “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวลงจากรถไฟก็ดีขึ้นแล้ว”

เมื่อเซี่ยเจ๋อหลี่เห็นว่าฉินมู่หลานไม่กินแล้วจริงๆ ก็รีบจัดการอาหารที่เหลืออยู่จนหมด หลังจากนั่งลงด้านข้างมู่หลาน เขาก็เอ่ยถามว่าต้องการนอนพักอีกสักหน่อยหรือเปล่า

ฉินมู่หลานพยักหน้าและนอนลงอีกครั้ง

เซี่ยเจ๋อหลี่เฝ้าอยู่ข้างกายเธอตลอดเวลา กระทั่งถึงช่วงเวลาบ่ายจึงได้มาถึงมณฑลซานตง

“มู่หลาน ตื่นได้แล้ว พวกเราถึงแล้ว”

ฉินมู่หลานตื่นขึ้นด้วยความสะลึมสะลือ เมื่อเซี่ยเจ๋อหลี่ช่วยเธอสวมรองเท้า เธอก็พลันได้สติ เมื่อเห็นว่าคนรอบข้างกำลังจ้องมองมาทางนี้ จึงพูดด้วยความเขินอายในทันที “อาหลี่ ฉันจัดการเอง”

อย่างไรก็ตามเซี่ยเจ๋อหลี่สวมรองเท้าให้เธอเสร็จแล้ว艾琳小說

บรรดาผู้หญิงท่ามกลางฝูงชนรอบข้างรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย ส่วนผู้ชายเหล่านั้นรู้สึกว่าเซี่ยเจ๋อหลี่ทำให้ผู้ชายด้วยกันขายหน้าที่ยอมก้มลงสวมรองเท้าให้กับผู้หญิง เดิมทีมีผู้ชายร่างกายสูงใหญ่คนหนึ่งอยากจะพูดบางอย่างกับเซี่ยเจ๋อหลี่ เพียงแต่หลังจากที่เซี่ยเจ๋อหลี่ยืนขึ้นด้วยท่าทางสง่างาม สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้กล่าวอะไร

หลังจากฉินมู่หลานและเซี่ยเจ๋อหลี่ลงจากรถไฟ พวกเขาก็รีบขึ้นรถเข้าไปภายในตัวเมือง หลังจากถึงบ้าน ท้องฟ้าก็มืดแล้ว

เมื่อคนตระกูลเซี่ยเห็นฉินมู่หลานและเซี่ยเจ๋อหลี่กลับมา สีหน้าก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

เหยาจิ้งจือรีบก้าวเท้ามาด้านหน้าและคว้าเซี่ยเจ๋อหลี่พลางมองสำรวจตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า จากนั้นเอ่ยถามด้วยความเป็นกังวล “อาหลี่ แกไม่เป็นอะไรจริงๆใช่ไหม ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนใช่หรือเปล่า?”

“แม่ ผมทำให้พวกแม่เป็นห่วงแล้ว โชคดีมีมู่หลานอยู่ด้วย อาการบาดเจ็บของผมเลยหายดีแล้ว พวกแม่วางใจเถอะ”艾琳小說

หลี่เสวี่ยเยี่ยนที่อยู่ด้านข้างพยักหน้าอย่างรวดเร็วและกล่าว “ใช่แล้วค่ะแม่ ทักษะการแพทย์ของมู่หลานดีขนาดนั้น ดังนั้นน้องรองไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน”

เหยาจิ้งจือเห็นว่าเซี่ยเจ๋อหลี่ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ แล้วก็รู้สึกโล่งใจ หลังจากนั้นจ้องมองไปทางฉินมู่หลานด้วยท่าทางเป็นกังวลเล็กน้อย “มู่หลาน ช่วงนี้เธอเป็นอย่างไรบ้าง เธอตั้งครรภ์อยู่แต่ยังต้องวิ่งไปวิ่งมาเช่นนี้ พวกเราเองก็เป็นห่วงเธอมากนะ”

ครั้นได้ฟังเช่นนี้ ฉินมู่หลานยิ้มพร้อมกับกล่าว “แม่ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ ฉันสบายดี แม่ดูสิคะ ไม่ใช่ว่าฉันเป็นปกติดีหรอกเหรอ”

อย่างไรก็ตาม เหยาจิ้งจือกลับรู้สึกว่าสีหน้าของฉินมู่หลานนั้นไม่ค่อยดีเท่าไรนัก

เซี่ยเจ๋อหลี่ที่อยู่ด้านข้างรีบกล่าว “แม่ อาหารบนรถไฟไม่อร่อยเลยครับ มู่หลานเลยไม่ค่อยได้กินมื้อเที่ยง ที่บ้านมีอะไรกินบ้างไหมครับ?”

เหยาจิ้งจือได้ยินเช่นนั้นก็เอ่ยทันใด “มี มีสิ มี ฉันจะไปทำให้พวกแกเดี๋ยวนี้”

แม้พวกเขาจะรู้ว่าลูกชายและลูกสะใภ้จะกลับมาก่อนช่วงปีใหม่ แต่ยังไม่รู้วันกลับอย่างแน่ชัด ดังนั้นค่ำคืนนี้พวกเขาจึงกินอาหารกันไปแล้ว ยังโชคดีที่เก็บของเตรียมทำอาหารช่วงส่งท้ายปีเก่าไว้ ภายในบ้านจึงมีสิ่งของมากมาย ในไม่ช้าเหยาจิ้งจือทำบะหมี่ไข่สองชามเสร็จเรียบร้อย

หลังจากฉินมู่หลานนั่งลงและกินบะหมี่ไปคำหนึ่ง เธอก็รู้สึกเพียงว่าความอยากอาหารทั้งหมดนั้นถูกกระตุ้น

“แม่คะ คุณทำบะหมี่อร่อยจริงๆค่ะ”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของลูกสะใภ้ ใบหน้าของเหยาจิงจื้อก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ถ้างั้นเธอก็ต้องรีบกินเยอะๆ”

เซี่ยเจ๋อหลี่เห็นฉินมู่หลานกินบะหมี่อย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็รู้สึกสบายใจ จากนั้นตนเองก็เริ่มกินด้วย

หลังจากที่ทั้งสองคนกินบะหมี่เสร็จแล้ว ฉินมู่หลานก็กลับห้องเพื่อพักผ่อน ขณะเซี่ยเจ๋อหลี่กำลังพูดคุยกับเซี่ยเหวินปิงและเซี่ยเจ๋อเหว่ย

เซี่ยเหวินปิงตบไหล่ของลูกชายคนเล็กอย่างอดไม่ได้และเอ่ย “กลับมาก็ดีแล้ว ปีนี้ครอบครัวของพวกเราสามารถฉลองปีใหม่ได้อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา” นับตั้งแต่ลูกชายคนเล็กเข้าร่วมทหาร ช่วงปีใหม่ของทุกปีก็ไม่เคยได้กลับบ้าน หลังจากเซี่ยเจ๋อหลี่เริ่มทำงาน นี่คือครั้งแรกที่ได้ฉลองปีใหม่ที่บ้าน

“ครับ วันปีใหม่ปีนี้ที่บ้านจะต้องครึกครื้นอย่างแน่นอน”

เซี่ยเจ๋อหลี่เอ่ยตอบรับด้วยรอยยิ้ม พ่อและลูกชายต่างก็พูดคุยกันจนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปมากแล้ว จากนั้นเซี่ยเจ๋อหลี่ก็กลับห้องไปพักผ่อน

เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานผล็อยหลับไปแล้ว เขาก็ขยับเข้าใกล้อย่างอดไม่ได้ ก้มลงและจูบหน้าผากของเธอ ภายในหัวใจเต็มไปด้วยความสุข ปีนี้ไม่เพียงแต่เขาจะกลับบ้านเพื่อเฉลิมฉลองปีใหม่ แต่เขายังมีคนรักของตนเองและลูกที่กำลังจะเกิดมา เขาไม่เคยรู้สึกพอใจขนาดนี้มาก่อน

“มู่หลาน ขอบคุณนะ”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

นาทีนี้ไม่มีใครคลั่งรักภรรยาได้เท่ากับพี่หลี่อีกแล้ว ทำทุกอย่างยันใส่รองเท้าให้เลย

ไหหม่า(海馬)