ตอนที่ 125 ลังเลที่จะเอ่ย (1)

ตอนที่ 125 ลังเลที่จะเอ่ย (1)

หลังจากจูบฉินมู่หลานจนพอใจแล้ว เขาก็ทิ้งกายลงข้างเธอเพื่อพักผ่อน

ขณะนี้ตระกูลเซี่ยที่หมู่บ้านชิงซานคลื่นลมสงบ ต่างจากตระกูลเหยาในเมืองหลวงที่กำลังเผชิญกับความปั่นป่วน

วันนี้ลุงเหยาได้พบกับเจี่ยงสือเหิงอีกครั้งที่สถานีรถไฟ ขณะเดียวกันก็นึกถึงเซี่ยเจ๋อหลี่ บนโลกนี้มีคนมากมายที่หน้าตาคล้ายคลึงกัน แต่เขาก็ยังกังวลใจเล็กน้อย หลังจากที่ลังเลมาทั้งวัน สุดท้ายเขาก็ได้พบปะกับท่านเหยา ก่อนจะเอ่ยบอกเกี่ยวกับเรื่องของเซี่ยเจ๋อหลี่

หลังจากเหยาสือหงฟังคำพูดของลุงเหยาแล้ว สีหน้าก็ฉายแววประหลาดใจดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

“นายจะบอกว่า…นายเจอชายหนุ่มที่หน้าตาคล้ายกับฉันตอนวัยรุ่นอย่างนั้นหรือ?”

ลุงเหยาพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ใช่ครับ เซี่ยเจ๋อหลี่คนนั้นดูเหมือนผู้อาวุโสตอนยังหนุ่มมาก แต่มีดวงดูคล้ายกับคุณนายนิดหน่อย ถึงอย่างไรก็เหมือนกับพวกคุณทั้งสองตอนยังหนุ่มสาวมากเลยครับ”

เมื่อเอ่ยจบ เขาก็เอ่ยขึ้นด้วยความประหม่านิดหน่อย “หรือว่า…จริง ๆ แล้วคุณหนูยังมีชีวิตอยู่ ถ้าดูจากอายุ หากคุณหนูแต่งงานและมีลูกแล้ว ตอนนี้ลูกชายก็คงโตมากแล้ว อายุคงพอ ๆ กับนายน้อยหนิง”

เมื่อได้ฟังเช่นนี้ สีหน้าของเหยาสือหงก็ดูตื่นเต้นขึ้น

แต่ไม่นานก็สงบลงอีกครั้ง เป็นเพราะเมื่อช่วงสองสามปีแรกเขาผิดหวังมามากมายเหลือเกิน จนทำให้ภรรยาทนไม่ไหวแล้วล้มป่วยลง หากตอนนั้นไม่รับลูกสาวของพี่สะใภ้มาเลี้ยง บางทีภรรยาของเขาอาจเสียชีวิตไปนานกว่าสามสิบปีได้แล้ว

“อย่าเพิ่งบอกให้ย่ารู้เรื่องนี้ ถ้านายคิดว่าเซี่ยเจ๋อหลี่หน้าเหมือนพวกเรา ถ้าอย่างนั้นฉันจะลองให้คนตรวจสอบดู”

ลุงเหยาได้ยินสิ่งนี้ จึงพยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้น “ครับ ผมเข้าใจแล้ว ผมจะยังไม่บอกให้ท่านย่าทราบครับ”

“อย่าให้ฉันรู้เรื่องอะไรเหรอ”

หยินอวี๋เจินเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า หล่อนกำลังจะมาหาชายชราเพราะเรื่องอะไรบางอย่างพอดี ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินคำพูดเช่นนี้ตอนมาถึง

เหยาสือหงได้ยินเช่นนี้ จึงรีบโบกมือปฏิเสธพัลวัล “ไม่มีอะไรหรอก ตอนแรกผมตั้งใจจะอาศศัยตอนช่วงคุณเผลอแอบเตรียมของขวัญให้คุณ แต่คุณกลับมาได้ยินเข้าจนได้”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หยินอวี๋เจินก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้ม “แก่ป่านนี้แล้วยังทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่อีก อยู่ด้วยกันมาทั้งชีวิต ให้ทุกคนได้มากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันก็พอแล้ว”

“แบบนั้นไม่ได้หรอก ยังไงก็ต้องเป็นวันเกิดที่ดี”

หยินอวี๋เจินเห็นสามีของตนตอนนี้แล้ว ยังอยากที่จะฉลองวันเกิดดี ๆ ให้หล่อนในทุกปี จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “เอาเถอะ เอาเถอะ แล้วแต่คุณเลย”

เมื่อเห็นหยินอวี๋เจินพยักหน้า เหยาสือหงก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองลุงเหยาแล้วพูด “เอาล่ะ นายรีบไปเตรียมให้พร้อมเถอะ” ขณะที่พูดเขาก็ขยิบตาให้ลุงเหยา

ลุงเหยาพยักหน้าแล้วรีบกล่าวทันที “ครับ จะไปเดี๋ยวนี้ครับ”

หลังจากที่ลุงเหยาไปแล้ว เหยาสือหงก็มองดูภรรยาแล้วเอ่ยถาม “ทำไมมาเอาเย็นป่านนี้ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”

“เป็นเรื่องของเจ้าอี้หนิงน่ะสิ หลังจากปีใหม่เขาจะพาหมานลี่ไปอยู่ที่ฐานทัพด้วย คุณคิดวิธีอะไรได้บ้างไหม สั่งย้ายพวกเขามาที่เมืองหลวงสิ แบบนี้คู่รักหนุ่มสาวก็จะได้กลับบ้านบ่อยขึ้น”

เมื่อได้ฟังเช่นนี้ เหยาสือหงก็ขมวดคิ้วนิดหน่อย แล้วเอ่ยถาม “อี้หนิงบอกเหรอ?”

หยินอวี๋เจินรีบส่ายหัวทันที “ไม่น่าใช่ อี้หนิงมีสติตลอด แล้วจะมาบอกฉันเรื่องนี้ได้ยังไง หลังจากที่ฉันเห็นคู่รักหนุ่มสาวเขากลับมาช่วงปีใหม่ ก็เลยอยากให้คุณคิดช่วยหาวิธีหน่อย”

หลังจากเอ่ยจนจบ หล่อนก็ยังพูดคุยเกี่ยวกับงานเลี้ยงรวมญาติในวันส่งท้ายปีเก่าด้วย

“พรุ่งนี้เช้าฉันบอกให้จิ้งถงกับอี้หนิงไปชวนอวี๋โหรวมาด้วย พวกเราจะได้รวมตัวกันกินอาหารมื้อดี ๆ กัน”

หยินอวี๋โหรวเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของหยินอวี๋เจิน พวกหล่อนสองมีลูกในเวลาใกล้เคียงกัน เด็ก ๆ ล้วนเป็นผู้หญิง แต่ต่อมาสามีของหยินอวี๋โหรวได้ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไป หล่อนซึ่งเป็นพี่สาวเมื่อเห็นว่าน้องสาวน่าสงสารขนาดไหน จึงให้หล่นอนพักอยู่ด้วย

หลังจากนั้น…

ลูกสาวของหยินอวี๋เตินก็ได้พลัดหลงไปตอนอายุแปดขวบ เธอเองจึงล้มป่วยลง

หยินอวี๋โหรวผู้เป็นน้องสาว เมื่อเห็นพี่สาวเป็นเช่นนั้น จึงมอบบุตรสาวแท้ ๆ ให้กับพี่สาวไปเลี้ยงดูแทน ทั้งให้ลูกสาวเปลี่ยนชื่อแซ่เป็นเหยาจิ้งถง ดังนั้นเหยาจิ้งถงจึงกลายเป็นคุณหนูคนปัจจุบันของตระกูลเหยา เธอยังไม่ได้แต่งงาน หลังจากดูตะชัวก็แต่งงานไป และให้กำเนิดลูกชายคือเหยาอี้หนิง

เหยาสือหงได้ยินสิ่งที่ภรรยาเอ่ย ก็ไม่มีความคิดเห็นใด เพียงแค่พยักหน้ากล่าว “เอาสิ”

ในขณะนี้ ไฟทางมุมตะวันออกเฉียงเหนือของลานหน้าบ้านก็ยังคงเปิดอยู่ เหยาอี้หนิงและเหยาจิ้งถงแม่ของเขากำลังพูดเกี่ยวกับเรื่องจะไปหาคุณย่าในวันพรุ่งนี้ หลังจากพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้เสร็จ เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามอีกครั้ง

“แม่ แม่รู้ไหมว่าลุงเหยายังมีญาติคนอื่นอีกหรือเปล่า?”

เมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกชายพูด เหยาจิ้งถงก็เอ่ยถามด้วยสีหน้าสับสน “ทำไมอยู่ ๆ ลูกถึงถามถึงลุงเหยาล่ะ”

เหยาอี้หนิงเองก็อยู่ที่สถานีรถไฟเช่นกัน ตอนที่ลุงเหยาพบเจี่ยงสือเหิงและพูดคุยเรื่องของเซี่ยเจ๋อหลี่ สุดท้ายก็เอ่ยออกมา “ผมรู้สึกว่าลุงเหยามองเซี่ยเจ๋อหลี่แปลก ๆ”

เหยาจิ้งถงได้ยินสิ่งนี้จึงส่ายหัว แล้วเอ่ยขึ้น “แม่ก็ไม่รู้เรื่องของลุงเหยามากนักหรอก คนเก่าคนแก่พวกนั้นน่ะ ทุกครั้งที่เห็นมภายนอกก็ดูน่านับถือ แต่ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ในใจ แค่เพราะแม่ไม่ใช่ลูกสาวคนโตแท้ ๆ ของตระกูลเหยา เขาเลยทำกับแม่เหมือนไม่ใช่คุณหนู”โนเวลพีดีเอฟ

เมื่อพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เหยาจิ้งถงก็รู้สึกรังเกียจ

แม้หล่อนจะเป็นลูกสาวบุญธรรมของตระกูลเหยา แต่หลายคนในเมืองหลวงก็ต่างทราบกันดีว่าหล่อนเป็นเพียงหลานสาวของเหยาสือหงและหยินอวี๋เจิน ไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ด้วยเหตุนี้หล่อนจึงเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์มาโดยตลอด แต่โชคดีที่อายุมากขึ้นแล้วก็ยังหาลูกพี่ลูกน้องของเธอไม่เจอ เธอจึงยังได้เป็นคุณหนูคนโตแห่งตระกูลเหยา

เหยาอี้หนิงเห็นว่าผู้เป็นแม่เองก็ไม่ทราบ จึงไม่ได้เอ่ยถามอะไรอีก แต่ในใจก็ยังคิดสงสัยตลอด

เหยาจิ้งถงเห็นลูกชายไม่สบายใจ จึงเอ่ยถามขึ้นอีก “เจ้าหนุ่มเซี่ยอะไรนั่นน่ะ อยู่ฐานทัพเดียวกับลูกใช่ไหม มีรูปเขาหรือเปล่า ขอแม่ดูหน้าเขาหน่อยสิ บางทีหลังจากได้เห็นหน้าเขา แม่อาจจะคิดได้ว่าเป็นญาติคนไหนของลุงเหยา”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหยาอี้หนิงก็ส่ายศีรษะแล้วเอ่ยว่า “ตอนนี้ผมไม่มีรูปเซี่ยเจ๋อหลี่หรอก เดี๋ยวกลับไปที่ฐานทัพ ผมจะถ่ายรูปเขาแล้วส่งกลับมาให้แม่นะ”

เหยาจิ้งถงได้ยินเช่นนี้ จึงพยักหน้าอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก “ก็ได้ แต่ลูกอย่าลืมแล้วกัน”

หล่อนไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้นัก เพราะสุดท้ายก็ไม่ได้สนใจญาติของลุงเหยาแต่อย่างใด “เอาเถอะ อี้หนิง นี่ก็ดึกแล้ว ลูกรีบกลับไปนอนเถอะ ลูกกับหมานลี่แต่งงานกันมานานแล้ว พยายามเข้าหน่อยล่ะ จะได้รีบมีลูก”

เหยาอี้หนิงยืนขึ้นแล้วเอ่ยว่า “ครับ แม่ ผมเข้าใจแล้ว”

ไม่นานตระกูลเหยาก็เข้าสู่ความเงียบสงบ ทุกคนหลับไปแล้ว

ส่วนทางด้านฉินมู่หลานและเซี่ยเจ๋อหลี่ก็นอนหลับสนิท ทั้งสองนอนหลับจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น

เมื่อฉินมู่หลานตื่นขึ้นมา ก็พบว่าเซี่ยเจ๋อหลี่ยังคงนอนอยู่ตรงนั้น ซึ่งเป็นเรื่องพบเจอได้ยาก “อาหลี่ นายนอนเกินเวลาหรือเปล่าเนี่ย”

เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินเช่นนั้นจึงยกยิ้มแล้วพูดขึ้น “ใช่แล้ว วันนี้ผมไม่ต้องตื่นเช้าไปซ้อม คงดีถ้าได้ตื่นพร้อมกับคุณ”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฉินมู่หลานก็ยกยิ้ม

หลังจากที่ทั้งสองลุกขึ้นแล้ว เหยาจิ้งจือก็เตรียมอาหารเช้าไว้เรียบร้อย วันนี้แม้แต่หลี่เสวี่ยเยี่ยนเองก็ได้หยุดพักเหมือนกัน ทันทีที่เธอเห็นฉินมู่หลานลุกขึ้น ก็เดินเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “มู่หลาน เมื่อคืนนอนหลับสบายไหม”

“พี่สะใภ้ เมื่อคืนฉันนอนหลับสบายมากค่ะ วันนี้พี่เริ่มหยุดแล้วใช่ไหมคะ ปีใหม่นี้ได้หยุดพักผ่อนกี่วันคะ”

“ครั้งนี้หยุดได้ห้าวันน่ะ”

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

หน้าพี่หลี่ดันเหมือนกับคุณหนูตระกูลเหยาที่หายตัวไป ทีนี้ก็วุ่นวายเลยสิ

ไหหม่า(海馬)