บทที่ 125 เถียงข้าง ๆ คู ๆ

คิงดราก้อน

เลิกงานตอนค่ำ ระหว่างที่เย่หยุนซูและเซียวหยางเพิ่งกลับถึงบ้าน หลิวฉ่ายเสียและเย่หรูซานได้รออยู่ที่หน้าประตูบ้านแล้ว

แววตาของทั้งสองคนเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ โดยเฉพาะหลิวฉ่ายเสีย ดีใจจนคิ้วเลิกขึ้น ขาดแค่จุดประทัดฉลองหน้าบ้านแล้วล่ะ

“พ่อ แม่ ทำไมถึงมากันได้คะ แถมยังทำกับข้าวเตรียมไว้อีก?”

เดินมาถึงห้องรับแขก เย่หยุนซูก็มองอาหารหน้าตาน่ารับประทานที่วางอยู่เต็มโต๊ะอาหารด้วยสีหน้าประหลาดใจ

ปกติหลิวฉ่ายเสียไม่ค่อยเข้าครัวทำอาหาร เธอเองก็จำไม่ได้แล้วว่าครั้งล่าสุดที่แม่ทำกับข้าวคือเมื่อไหร่

“หยุนซูจ๊ะ ลูกช่างยืนหยัดเพื่อพวกเราจริง ๆ พวกเราไม่นึกไม่ฝันเลย ว่าเค้กก้อนโตนี้จะตกถึงมือพวกเรา”

“พรุ่งนี้ปู่ลูกจะประกาศเรื่องที่ลูกรับตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ของบริษัท เย่ซื่อ กรุ๊ปแล้ว ลูกต้องตั้งใจทำให้ดีนะ ต่อไปลูกจะเป็นหางเสือของตระกูลเย่แล้วนะ!”

“จิ๊จิ๊ ตำแหน่งนั้นเหมือนกับตำแหน่งเหล่าไท่จวินในตอนนี้ไม่มีผิด ฉันจะดูสิว่าใครยังกล้าสะบัดหน้าใส่ฉันอีก ฉันจะตบให้ตายคามือเลยคอยดู!”

หลิวฉ่ายเสียนั่งลงแล้วก็พูดไม่หยุดปาก เหมือนกับมองเห็นลูกสาวสุดที่รักของตัวเองนั่งอยู่บนเก้าอี้ผู้จัดการใหญ่ของบริษัท เย่ซื่อ กรุ๊ป ท่าทางมีอำนาจและทรงพลัง

“แม่คะ หนูยังไม่ได้ตำแหน่งอะไรเลยนะคะ ดูแม่พูดเข้าสิ ถ้าหากหนูได้เป็นผู้จัดการใหญ่ของบริษัท เย่ซื่อ กรุ๊ปขึ้นมาจริง ๆ แม่ไม่ลอยขึ้นสวรรค์ไปเลยเหรอ หนูว่าไม่เอาดีกว่า พอได้ตำแหน่งขึ้นมาหมูหมากาไก่รอบตัวก็พลอยได้วางอำนาจบาตรใหญ่ไปด้วย หนูไม่ทำเรื่องแบบนี้หรอกค่ะ” เย่หยุนซูพึมพำออกมา หน้านิ่วคิ้วขมวด

หลิวฉ่ายเสียตบโต๊ะทันที แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า : “แกมันใจดำ ทำไมพูดแบบนี้ ใครเป็นไก่ ใครเป็นหมา ฉันไม่ชอบที่แกพูดอย่างนี้เลยนะ”

เย่หรูซานรีบพูดโน้มน้าว : “ลูกสาวไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นสักหน่อย แค่อยากให้เธอถ่อมตัวหน่อย ตอนนี้ลูกสาวเราไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ตำแหน่งนั่นคนในตระกูลเย่ตั้งมากมายคอยจับจ้องอยู่ เย่ถันหมิงสองพ่อลูกนั่นครองตำแหน่งยังไม่ทันไร ก็ถูกไล่ออกจากตำแหน่งแล้ว เธอคิดดูสิว่าพวกเขาจะเต็มใจเหรอ?”

ขณะเดียวกัน เขาก็ถอนหายใจออกมา “ฉันไม่คิดเรื่องอื่นเลย การประชุมครอบครัววันพรุ่งนี้ เย่ถันหมิงสองพ่อลูกนั่นต้องไม่ยอมรามือง่าย ๆ แน่นอน”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ เย่หยุนซูก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอีกครั้ง

อาหารมื้อนี้ ทานด้วยความกลัดกลุ้มใจ เย่หยุนซูทานเพียงไม่กี่คำก็ขึ้นไปด้านบน

เห็นลูกสาวอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ สองสามีภรรยาก็ไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อนของลูก จึงได้เก็บของแล้วกลับบ้านไป

เซียวหยางล้างถ้วยล้างจานเสร็จ ก็มายังชั้นสอง เห็นประตูเปิดอยู่ มือสวย ๆ ของเย่หยุนซูกำลังค้ำอยู่ที่โต๊ะ แล้วมองไปยังแสงไฟนีออนนอกหน้าต่าง

“เป็นอะไรไป ตอนบ่ายเห็นเธอใจลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มีเรื่องอะไรในใจเหรอ?” เซียวหยางยิ้มตาหยีเดินเข้าไปด้านใน แล้วจับใบหน้าสวย ๆ ของเธอหันมา

เย่หยุนซูตีมือของเขา แล้วถอนหายใจพลางพูดว่า :

“นายคิดว่าฉันสามารถรับตำแหน่งผู้จัดการใหญ่บริษัท เย่ซื่อ กรุ๊ปได้จริง ๆ เหรอ?”

“ได้แน่นอนอยู่แล้ว ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?” เซียวหยางถามอย่างไม่เข้าใจ

“ดูท่าทางนายจะยังไม่เข้าใจ ภายในตระกูลเย่ใช้คนโดยไม่สนคุณธรรมความสามารถอะไรกันทั้งนั้น ในบริษัทแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกัน ทุกแผนกมีคนของตระกูลเย่อยู่เต็มไปหมด แค่คิด ๆ ว่าฉันต้องดูแลบริษัท เย่ซื่อ กรุ๊ปที่ใหญ่โตขนาดนั้น ฉันก็ปวดหัวแล้วล่ะ”

“อีกอย่างการที่คุณปู่ให้ฉันไปดูแลบริษัท เย่ซื่อ กรุ๊ป จุดประสงค์ชัดเจนอยู่แล้ว ว่าต้องการให้บริษัทกลับมาทำกำไร แต่สามไตรมาสแรกขาดทุนไปตั้งมากมายขนาดนั้น ฉันจำเป็นต้องหาจุดทำกำไรใหม่ให้ได้ และต้องสร้างความร่วมมือกับธุรกิจภายนอก ไม่อย่างนั้นคงยากที่จะทำกำไรได้”

เซียวหยางตบไหล่ขาว ๆ ของเธอแล้วเอ่ยพูด : “ปัญหาทุกอย่างย่อมมีทางออก ฉันเชื่อในความสามารถของเธอ”

“บริษัทหยุนซูไปได้สวยแล้ว เรื่องการพัฒนา P—one สามารถมอบหมายให้นักวิจัยดำเนินการวิจัยและพัฒนาต่อ ส่วนเธอเองก็สามารถปลีกตัวออกมาดูแลบริษัท เย่ซื่อ กรุ๊ปได้”

“ยังไงซะตอนนี้บริษัท เย่ซื่อ กรุ๊ปได้ตกอยู่ในสภาพเลวร้ายที่สุดอยู่แล้ว เมื่อเธอเข้าไปบริหารดูแล ก็คงไม่แย่ไปมากกว่านี้แล้วล่ะ จริงไหม?”

เมื่อได้ฟังที่เซียวหยางชี้แนะและโน้มน้าว เย่หยุนซูก็รู้สึกดีมากขึ้น เธอขมวดคิ้วย่นจมูกสวย ๆ ของเธอแล้วเอ่ยพูด :

“ฉันพบว่า คนอย่างนายนี่ไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลยนะ ต่อให้ฟ้าถล่มลงมานายก็คงไม่กังวลใจ”

เซียวหยางหัวเราะแหะ ๆ “ถึงฟ้าจะถล่ม ก็คงมีคนที่อยู่สูงกว่ารับแทนไปแล้วล่ะ แต่ว่าฉันเองก็มีเรื่องทุกข์ใจนะ”

“นายจะมีเรื่องทุกข์ใจอะไรได้ คงทุกข์ใจว่าจะจีบสาวยังไงสินะ เหอะ” เย่หยุนซูกลอกตาใส่เซียวหยาง

เซียวหยางยิ้มอย่างชั่วร้ายออกมา “ไม่ไม่ไม่ ฉันกำลังทุกข์ใจเรื่องที่จะทำยังไงถึงพาเธอขึ้นเตียงได้ต่างหากล่ะ!”

รอยยิ้มของเย่หยุนซูหยุดชะงักไปทันที เธอลุกพรวดขึ้นอย่างรวดเร็ว “เซียวหยาง นายลองพูดอีกครั้งสิ ฉันจะจับนายฉีกปากเลยคอยดู เฮ้ หยุดเดี๋ยวนี้นะ ฉันยังพูดไม่จบ!”

ไปแล้ว ไปแล้ว!

เซียวหยางหัวเราะแหะแหะ รีบวิ่งไปที่ประตู แล้วปิดประตูดังปัง

“เจ้าหมอนี่ ตอนนี้กล้าพูดความคิดสกปรก ๆ ในใจออกมาแล้ว กล้าดีเข้าเรื่อยแล้วนะ”

เย่หยุนซูทำเสียงไม่พอใจ หน้าแดงระเรื่อ

……

วันถัดมา เย่หยุนซูไปที่คฤหาสน์ตระกูลเย่โดยมีเซียวหยางไปเป็นเพื่อน

หลิวฉ่ายเสียและเย่หรูซานตามมาติด ๆ

ภายในห้องประชุมคฤหาสน์ตระกูลเย่ สมาชิกในตระกูลมาถึงกันเกือบครบแล้ว

ทั้งญาติสายตรงและญาติที่ไม่ได้เกี่ยวข้องทางสายเลือดโดยตรงของตระกูลเย่ รวมกันแล้วมีทั้งเจ็ดสิบแปดคน สมาชิกรุ่นที่สามที่แต่งงานเร็วมีลูกกันแล้ว เท่ากับว่าครอบครัวใหญ่ขนาดนี้ มีสมาชิกถึงสี่ชั่วอายุคนอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน

วันนี้เหล่าไท่จวินอ้างว่าป่วยไม่มาร่วมประชุมด้วย ที่จริงเป็นความต้องการของเย่วั่นเหนียน เพราะเมื่อภรรยามา เรื่องราวก็จะยิ่งซับซ้อนวุ่นวายมากขึ้น เย่ถันหมิงสองพ่อลูกนั่นต้องพูดให้ภรรยาเขาใจอ่อนแน่นอน

ดังนั้นเย่วั่นเหนียนจึงให้ภรรยาอยู่หลังบ้านอย่าออกมาวุ่นวาย

เย่วั่นเหนียนนั่งอยู่ที่เก้าอี้ผู้นำ

“ที่จัดประชุมครอบครัวในวันนี้ ฉันคิดว่าทุกคนคงรู้ดีอยู่แก่ใจแล้วว่าเพราะอะไร”

“ตั้งแต่บริษัท เย่ซื่อ กรุ๊ปก่อตั้งมาจนถึงตอนนี้ มีอายุกว่าห้าสิบปีแล้ว วางรากฐานในเมืองหยินโจวอย่างมั่นคง ติดอันดับตระกูลชั้นนำแห่งเมืองหยินโจว”

“แต่เมื่อมาถึงรุ่นฉัน ตระกูลเย่กลับตกต่ำลง ฉันเย่วั่นเหนียนมันไม่เอาไหน ครึ่งค่อนชีวิตฉันไม่สามารถฟื้นฟูตระกูลเย่ให้กลับมารุ่งเรืองได้อีกครั้ง”

พูดจบ เขาก็หยุดไปครู่หนึ่ง รุ่นเด็ก ๆ ในตระกูลเย่ที่อยู่ด้านล่างต่างนิ่งเงียบ ไม่กล้าพูดอะไร

นายท่านเย่มีความน่าเกรงขามมากกว่าเหล่าไท่จวิน บรรดาสมาชิกในตระกูลเย่จึงไม่มีใครกล้าทำให้นายท่านเย่โมโห

“ฉันเลยฝากความหวังไว้กับคนรุ่นหลัง หลายปีมานี้ เป็นเย่หรูไห่ที่คอยคุมหางเสืออยู่ หรูไห่ แกกับถันหมิงสองพ่อลูกลุกขึ้นมาพูดอะไรหน่อย บริษัทอยู่ในมือพวกแก พัฒนาไปถึงไหนแล้ว?”

เย่หรูไห่กับเย่ถันหมิงมองหน้ากันไปมา พะว้าพะวังใจไม่เป็นสุข ในที่สุดเย่ถันหมิงก็ยืนขึ้นแล้วเอ่ยพูด :

“คุณปู่ครับ บริษัทอยู่ในความดูแลของพวกเรา ขาดทุนก็จริง แต่อยู่ในขอบเขตที่ยังรับได้ อีกอย่างสองปีมานี้เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก มีหลายบริษัทที่ต้องปิดตัวลง”

“ใช่ครับ คุณพ่อ พวกเราพยายามเต็มที่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเราคอยบริหารดูแลหุ้นที่มีอยู่ บริษัท เย่ซื่อ กรุ๊ปคงขาดทุนมากกว่านี้” เย่หรูไห่พูดโดยไม่มีความละอายใจเลยแม้แต่น้อย

เย่วั่นเหนียนตบโต๊ะทันที แล้วพูดว่า : “พูดอย่างนี้ ฉันต้องขอบคุณพวกแกงั้นสิ? ฉันต้องขอบคุณที่พวกแกทำให้บริษัท เย่ซื่อ กรุ๊ปของฉัน ขาดทุนไปแปดร้อยล้านในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งปี?”

ทันใดนั้น บรรดาลูกชายหลานชายตระกูลเย่ที่อยู่ด้านล่างต่างตกใจจนหน้าซีด พวกเขารู้ดีว่าระยะนี้บริษัทค่อนข้างแย่ แต่ไม่รู้ว่าขาดทุนมากมายขนาดนี้

แม่เจ้า แปดร้อยล้านเชียวนะ ต่อให้ตระกูลเย่ร่ำรวยแค่ไหน ก็ทนสภาพขาดทุนอย่างนี้ต่อไปไม่ไหว

นี่มัน……

เย่ถันหมิงพูดอะไรไม่ออกทันที ได้แต่อึดอัดอยู่ในใจ

ถ้าไม่ใช่เพราะเขาตัดสินใจผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า โครงการที่มีความเสี่ยงสูงหลายโครงการที่ลงทุนไปต่างล้มเหลวจนหมด ตอนนี้คงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้

เย่วั่นเหนียนทำเสียงไม่พอใจออกมา “อีกอย่างนะ ฉันไม่เห็นด้วยกับคำพูดแกเมื่อกี้นี้ ใครบอกว่ามีหลายบริษัทกำลังขาดทุน ฉันเห็นบริษัทหยุนซูดำเนินกิจการไปได้ด้วยดี เพิ่งเจรจาได้โครงการใหญ่ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งมา กำลังมาแรงเลยทีเดียว”

เย่วั่นเหนียนเอ่ยถึงบริษัทหยุนซูต่อหน้าสมาชิกในตระกูลเย่ทุกคน

ทุกคนในตระกูลเย่ต่างมองไปทางเย่หยุนซูอย่างอดไม่ได้