ในที่สุดซือถูอวิ๋นก็ถูกพวกซูสุ่ยเลี่ยนบีบให้ขึ้นเขาเหลียงซาน[1] จนได้ รับปากไปช่วยหลงซีเยว่ที่อาจถูกหมูหมากาไก่มาแย่งไปแล้วก็ก้าวสู่อำนาจวาสนาทันที
เหลียงเอินไจ่กินข้าวพรวดเดียวหมด จากนั้นก็หายออกจากจวนไปไม่เห็นเงา
“เอินไจ่…ระยะนี้แปลกๆ บอกเขาไม่ใส่ใจซีเยว่ ก็เหมือนไม่ใช่” เฟิงไฉ่อวิ้นเท้าคางมองทิศทางที่เหลียงเอินไจ่หายลับตาไปพลางงึมงำกล่าว
“นั่นคือวิธีการใส่ใจของเขา ผู้หญิงเช่นพวกเจ้ารู้จักแต่ว่าแย่งลูกแพรเป็นการช่วยเหลือหลงซีเยว่ แล้วจากนี้เล่า?” เหลียงเสวียนจิ้งกล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบ แม้ว่าเอินไจ่ไม่ใช่ลูกชายแท้ๆ ของเขา แต่อยู่ร่วมกันมาสิบเจ็ดปีเต็ม ก็ยิ่งกว่าลูกชายของเขาแท้ๆ เสียอีก
หากเพราะเขารู้สิ่งที่เอินไจ่กังวล จึงได้เห็นด้วยกับข้อเสนอลูกสาว
“จากนี้?” เฟิงไฉ่อวิ้นสบตากับซูสุ่ยเลี่ยน ไม่เข้าใจความหมายท่านอ๋องผู้เฒ่า
“เฮ้อ ก็บอกแล้วว่าพวกเจ้าเป็นสตรีรู้ตื้นๆ อย่างไร! ฮ่องเต้เพียงแต่ให้หลงซีเยว่โยนแทนองค์หญิงสาม ไม่ได้ว่าให้แต่งแทน ในใจฮ่องเต้คิดอย่างไร ข้าไม่รู้หรือ หากคนที่โยนบอลแพรได้เป็นคนที่พร้อมทั้งบุ๋นบู๊ องค์หญิงสามชื่นชม คนที่แต่งก็คือองค์หญิงสามเอง แต่หากเป็นคนธรรมดาหรือพวกกเฬวรากที่ไหน องค์หญิงสามไม่พอพระทัย คนที่แต่งก็ย่อมต้องเป็นหลงซีเยว่อย่างไม่ต้องสงสัย”
“สวรรค์!”
“ไม่กระมัง!”
เฟิงไฉ่อวิ้นกับซูสุ่ยเลี่ยนส่งเสียงร้องตกใจแทบไม่อยากจะเชื่อ
นี่จะทำเช่นไรดี!
ทุกคนหันไปมองซือถูอวิ๋นพร้อมกัน
“เฮ้อ ข้าคิดไว้แล้ว ในเมื่อเป็นการช่วยคน ไยไม่ชิงตัวนางหนีไปเลยล่ะ มาชิงลูกแพรอะไรกัน!” ซือถูอวิ๋นลูบใบหน้าถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้
“แต่ว่าหมอโอวหยาง…”
“ก็แค่คุกวังหลวงไหม ช่วยออกมาก็ได้นี่ จะทำเรื่องให้มันมากมายไปทำไมกัน!” ซือถูอวิ๋นเหลือบหลินซือเย่าอย่างฮึดฮัด พี่สาวคนสวยคิดไม่ถึง หรือว่าอาจารย์ลุงเองก็ไม่เคยคิด ไม่สิ เขาคงแค่อยากดูเรื่องสนุก อย่างไรในใจเขาขอเพียงคนที่เกิดเรื่องไม่ใช่พี่สาวคนสวยหรือทารกแฝด คนอื่นๆ ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเขาทั้งสิ้น ไม่อยู่ในสายตาเขาแม้แต่น้อย เฮ้อ มีอาจารย์ลุงเช่นนี้ถือเป็นหายนะของเขา ‘ซือถูอวิ๋น’
“วิธีนี้ ข้าก็เคยคิด แต่…วังหลวงไม่เหมือนที่อื่น องครักษ์ที่แจ้งและที่ลับไม่รู้มีกี่ชั้น หากไม่สำเร็จ ไม่เพียงแต่ทำให้หมอโอวหยางกับหลงซีเยว่ติดร่างแหไปด้วย…” เหลียงเสวียนจิ้งส่ายหน้ากล่าวอย่างไร้หนทาง ตอนเขารู้เรื่องโอวหยางซวินถูกจับเข้าคุกก็เคยคิดเช่นนี้ เพียงแต่ไม่มีคนอยากเสี่ยงภัย โดยเฉพาะข้าในพระองค์ในเมืองหลวง
“ท่านพ่อ ในวังเกิดเรื่องแล้ว” เหลียงเอินไจ่ออกไปแล้วก็กลับมา มายืนพิงเสาห้องอาหารสีหน้าตกใจเล็กน้อย
เหมือนว่า…โชคดี…ในใจซูสุ่ยเลี่ยนรู้สึกเช่นนี้ขึ้นมาแวบหนึ่ง
……
โอวหยางซวินถูกคนช่วยออกไปแล้ว?
ผู้ใดลงมือ?
ทุกคนที่ได้ข่าวพากันสบตากัน
พวกเขาเคยคิดเช่นนี้เหมือนกัน เพียงแต่คิดเท่านั้น ทำไมมีคนลงมือก่อนหน้าพวกเขา?!
เหลียงเสวียนจิ้งเดินวนไปมาในห้องอาหาร เงยหน้ามองเหลียงเอินไจ่แววตาวาววับ “ไม่ใช่เจ้า?”
“ไม่ใช่” เหลียงเอินไจ่มองตอบไม่กะพริบตา เขาเคยคิดจริง แต่สติทำให้สุดท้ายเขาไม่ได้ลงมือ
”เช่นนั้น ซีเยว่ นาง…”
“หายตัวไปแล้ว” เหลียงเอินไจ่หมุนถ้วยชาในมือเล่น ทำให้คนมองไม่เห็นอารมณ์ในแววตาเขา
“หายตัวไป? กล่าวเช่นนี้…” เหลียงเสวียนจิ้งก็อึ้งไป “ข้าเข้าวังก่อน”
“ท่านพ่อ วังหลวงตอนนี้ปิดทางเข้าออกทั้งหมด มีแต่ออกห้ามเข้า” เหลียงเอินไจ่รีบเรียกเหลียงเสวียนจิ้งที่รีบร้อนออกไปเอาไว้
“ปิดทางเข้าออก?” เหลียงเสวียนจิ้งขมวดคิ้วคิดครู่หนึ่งแล้วก็ค่อยๆ เดาออกว่า “หรือว่า เซวี่ยหมิง…”
“ไม่รู้ ท่านพ่อ ฮ่องเต้เซวี่ยหมิงเคยให้หมอโอวหยางช่วยชีวิตไว้ไหม” เหลียงเอินไจ่จ้องมองถ้วยชาในมือ พลางถามย้ำทีละคำ
“เป็นไปได้อย่างไร! โอวหยางซวินก็แค่…” เหลียงเสวียนจิ้งโบกมือ คิดจะปัดวาจาที่ไร้ที่มาที่ไปของเหลียงเอินไจ่ทิ้ง แต่พริบตาก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
โอวหยางซวิน…เซวี่ยหมิง…สวรรค์ โอวหยางซวินเดิมเป็นคนแผ่นดินเซวี่ยหมิงนี่นา ตอนนั้นเพราะองค์ชายสามไม่ยอมรับฮ่องเต้แผ่นดินต้าหุ้ยคนใหม่ จึงได้วางยาพิษหนอนเพลิงที่ไร้ยาถอนพิษ หากไม่ใช่ว่าตอนนั้นโอวหยางซวินหนีภัยจากเซวี่ยหมิงมาแผ่นดินต้าหุ้ยช่วยถอนพิษสำเร็จ แผ่นดินต้าหุ้ยก็เปลี่ยนนายแล้ว
ตั้งแต่นั้นมา โอวหยางซวินก็ถูกฮ่องเต้รั้งให้อยู่วังหลวงในตำแหน่งหมอหลวง ความจริงก็เพื่อป้องกันหากฮ่องเต้โดนพิษอีก
แต่นั้นมาโอวหยางซวินก็ไม่เคยเอ่ยถึงเซวี่ยหมิงอีก ตอนนี้ผ่านมาสิบสองปี แม้แต่พวกเขาก็ลืมความจริงไปแล้วว่าโอวหยางซวินเดิมเป็นชาวแผ่นดินเซวี่ยหมิง
“หากเป็นพวกเซวี่ยหมิงชิงโอวหยางซวินกับหลงซีเยว่ไปจริง ฮ่องเต้ไยต้องปิดทางเข้าออกวังหลวง?” เหลียงเสวียนจิ้งคิดไม่เข้าใจ “เอินไจ่ ข่าวนี้มาจากผู้ใด?”
“สยาเอ่อร์”เหลียงเอินไจ่ตอบ เห็นเหลียงเสวียนจิ้งไม่เข้าใจ ก็อธิบายเสริมว่า “เช้านี้เขาได้รับราชโองการเข้าวังไปเฝ้าไทเฮาที่ตำหนักหวารุ่ย จึงได้รู้ข่าวนี้”
“หรือว่ามีเรื่องผิดพลาดอะไรไหม” เหลียงเสวียนจิ้งอดจะออกไปอีกไม่ได้ “ไม่ได้ ข้าต้องไปดูเอง”
“ท่านอ๋อง…” เฟิงไฉ่อวิ้นเห็นเหลียงเสวียนจิ้งจะเข้าวังตอนนี้ก็กลัวเขาเกิดเรื่อง รีบรั้งแขนเสื้อ เหลียงเสวียนจิ้งไว้ “ท่านอ๋อง เอินไจ่บอกแล้วว่าวังหลวงปิดทางเข้าออก ไยท่านต้อง…”
“เจ้าไม่รู้ ข้า…”
“ท่านพ่อ ข้าไปเป็นเพื่อนท่าน” เหลียงเอินไจ่ลุกขึ้น
“เอินไจ่!” เฟิงไฉ่อวิ้นมองเหลียงเอินไจ่แทบไม่อยากจะเชื่อ เขาไม่เตือนบิดาก็แล้วไป ยังถึงกับจะตามไปด้วย เสียสติไปแล้วหรือ!
“ท่านแม่วางใจ ข้าย่อมดูแลท่านพ่อให้ดี” เหลียงเอินไจ่ไม่ปล่อยให้เฟิงไฉ่อวิ้นเอ่ยค้าน รีบรับคำทันที
“ซวี่เอ๋อร์ เจ้าดูบิดาเจ้า…” เฟิงไฉ่อวิ้นร้อนใจไม่รู้จะทำเช่นไร หากที่พวกเขาคาดเดาเป็นความจริง เช่นนั้น พวกเขาเข้าไปตอนนี้ เห็นชัดว่าส่งตัวเองขึ้นเขียง
“ท่านพ่อ…อาเย่า…” แม้ว่าซูสุ่ยเลี่ยนไม่ค่อยเข้าใจเนื้อหาที่พวกเขาหารือกัน รู้แต่หมอโอวหยางกับซีเยว่ถูกคนช่วยออกไปแล้ว แต่เห็นเฟิงไฉ่อวิ้นร้อนใจก็แอบเคร่งเครียดตามอยู่บ้าง หันไปขอความช่วยเหลือจากหลินซือเย่าที่อยู่ข้างกายนางเงียบๆ
“ข้าไปเป็นเพื่อนพวกเขา” หลินซือเย่าพยักหน้าให้ซูสุ่ยเลี่ยน ในเมื่อเป็นบิดาและพี่ชายนาง เขาย่อมไม่อาจนิ่งดูดาย
“แต่ว่า…” ซูสุ่ยเลี่ยนร้อนใจดึงเสื้อเขาไว้ นางขอความช่วยเหลือจากเขาก็จริง แต่ไม่คิดให้เขาตามไปด้วยนี่ นางก็แค่หวังว่าเขาจะคิดหาทางรั้งพวกเขาเข้าวังหลวง
“ไม่เป็นไร” หลินซือเย่าอมยิ้มปลอบใจนาง ท่าทีเหลียงเสวียนจิ้งกับเหลียงเอินไจ่เห็นชัดว่าหากไม่ไปดูด้วยตนเองก็จะไม่สบายใจ หากเขาเอ่ยทัดทานพวกเขาไว้ แน่นอนว่าเป็นการดูแคลนพวกเขาที่เป็นขุนนางในพระองค์ ราชวงศ์มีภัย เป็นขุนนางจะนิ่งดูดายได้อย่างไร?!
“เฮ้อ ทีนี้เอาอย่างไรดีล่ะเนี่ย?” เฟิงไฉ่อวิ้นเห็นชายทั้งสามกำลังจะออกไป ก็อดถอนหายใจไม่ได้ กล่าวว่า “บอกตั้งนานแล้วว่าให้เขาหลบเรื่องพวกนั้นในวัง…”
……
ยามแรกของยามเหม่าวันที่หกเดือนสาม รัชศกเฟิงชิ่งที่สิบสอง เดิมควรเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาฮ่องเต้แผ่นดินต้าหุ้ยห้าสิบพรรษา และเป็นวันโยนลูกแพรเลือกราชบุตรเขยขององค์หญิงสาม แต่เมืองหลวงเฟิงเฉิงกลับไร้กลิ่นอายยินดี ทั้งเมืองเหมือนถูกเมฆดำก้อนใหญ่ที่มากับเหตุอึมครึมก่อนหน้าปกคลุม
ก่อนหน้านี้หนึ่งชั่วยาม แผ่นดินต้าหุ้ยวังหลวงมีข่าวด่วนออกมาว่ายกเลิกพิธีการทั้งหมด ฮ่องเต้ออกพบราษฎรก็ยกเลิก โยนลูกแพรหาคู่ขององค์หญิงสามที่หอหงเยี่ยนก็ยกเลิก ยกเลิกทั้งสามอย่าง ทำให้ราษฎรที่มาออกันอยู่ตามท้องถนนในเมืองหลวงพากันตกใจ
ยามนี้ในเมืองหลวงมีองครักษ์พกดาบเข้าคุมพื้นที่ ราษฎรในเมืองต้องพากันเดินออกจากถนนใหญ่กลับบ้านตนเองไปก็มี เดินออกจากเมืองไปก็มี…จนลานกลางเมืองหลวง ถนนเป่าอัน ถนนอันโย่ว หอหงเยี่ยน…ไร้ผู้คน นอกจากองครักษ์พกดาบลาดตระเวน
……
“ทำอย่างไรดี? ยังเข้าไปไม่ได้?” เหลียงเสวียนจิ้งเห็นเหลียงเอินไจ่วิ่งมาก็รีบถาม
“อืมประตูวังสี่ทิศปิดหมด ครึ่งชั่วยามก่อน ประตูวังก็ปิดหมดแล้ว” เหลียงเอินไจ่ขมวดคิ้วเล่าข่าวที่เขาไปสืบมาได้
“นี่มัน…” เหลียงเสวียนจิ้งฟังรายงานลูกชายจบก็อึ้งไป เป็นนานก็ไม่ทันได้สติ ประตูกำแพงวังปิดทางเข้าออก…ประตูทั้งหมดปิด…เข้าไม่ได้…ออกไม่ได้…
วิธีการเช่นนี้จะเป็นราชโองการฮ่องเต้ได้อย่างไร ไม่ใช่เด็ดขาด!
“ไม่ว่าอย่างไร ข้าต้องเข้าวัง” เหลียงเสวียนจิ้งตัดสินใจเด็ดขาด ไม่เข้าไปก็ไม่อาจรู้ความจริงได้ หากวันนี้เรื่องพวกนี้ล้วนเป็นการจัดการของฮ่องเต้ เขาก็ย่อมโดนโทษฝ่าฝืนราชโองการดึงดันเข้าวัง เช่นนั้นเขาก็คงต้องยอมรับแล้ว อย่างไรก็ดีกว่านั่งรอความตาย
“ท่านพ่อ…” เหลียงเอินไจ่เดิมคิดกล่อมให้เขาอย่าวู่วามเข้าวัง อย่างไรผู้ใดก็ไม่รู้ว่าในวังเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หากในวังท่านนั้นมีใจคิดทดสอบข้าในพระองค์ ผู้ใดบุกเข้าไป ผู้นั้นก็ย่อมถูกส่งเข้าคุกหลวงทันที
เพียงแต่เห็นท่าทางร้อนใจของเหลียงเสวียนจิ้ง เหลียงเอินไจ่ได้แต่กลืนวาจาเกลี้ยกล่อมลงท้องไป ท่านพ่อเขาเป็นคนเช่นไร เขาไม่รู้ได้หรือ นิสัยตรงไปตรงมาไม่ชอบอ้อมค้อม เขาย่อมเลือกวิธีที่ตรงไปตรงมาในการไขข้อสงสัย
นับประสาอันใดกับที่ท่านพ่อเขาใส่ใจที่สุดก็คือราษฎรแผ่นดินต้าหุ้ย หากในวังถูกพวกเซวี่ยหมิงบุกจริง ไม่เข้าไปหยุดไว้ให้ทันการณ์ ก็หมายความว่าแผ่นดินต้าหุ้ยจะต้องเผชิญกับภัยสงครามแบบร้อยปีก่อนแล้ว
คิดถึงตรงนี้ เหลียงเอินไจ่ถอนหายใจเบาๆ “ท่านพ่อ ข้าไปแล้วกัน”
“ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าไป!” เหลียงเสวียนจิ้งได้ยินก็ตวาดเบา
“แต่ว่าท่านพ่อ…” เหลียงเอินไจ่หรี่ตามองเหลียงเสวียนจิ้งอย่างไม่รู้ทำเช่นกับเขาดี “ท่านไม่เป็นวิทยายุทธ ไปแล้ว…” ก็ไปเสียเปล่า ไม่กี่ก้าวก็คงโดนจับแล้ว
“ไม่เป็นวิทยายุทธแล้วอย่างไร ก็ไม่ใช่ไปก่อเรื่องอะไรนี่!” เหลียงเสวียนจิ้งถลึงตาโต แม้รู้ลูกชายไม่ใช่ดูแคลนเขา แต่เพราะห่วงเขา หากฟังวาจานี้แล้วทำไมรู้สึกเหมือนโดนดูถูกกัน
“ท่านพ่อ…” เหลียงเอินไจ่แทบอยากจะร้องไห้ ก่อนจะมองไปยังหลินซือเย่าที่ยืนนิ่งเงียบข้างเหลียงเสวียนจิ้งพลางขยิบตา หมายความว่าให้เขาพาบิดากลับไปก่อน อย่าให้เขาต้องมาปีนกำแพงจริงๆ จะถูกองครักษ์วังหลวงจับในฐานะโจรเอา
“ข้าไป” ไม่คาดว่าได้ยินเสียงเย็นเยียบหลินซือเย่ามาแทน จากนั้นหายวับไปทันที
“เอินไจ่…” เหลียงเสวียนจิ้งมองเหลียงเอินไจ่กล่าวพึมพำ “ลูกเขย…” วิทยายุทธลึกล้ำเพียงนี้เลยหรือ แม้แต่โดดข้ามกำแพงวังหลวงไปอย่างไรก็ยังมองไม่ทัน
“กลับบ้านไปรอข่าวกันเถอะ ท่านพ่อ” เหลียงเอินไจ่ถอนสายตากลับคืน หันไปเสนอกับเหลียงเสวียนจิ้ง แม้ว่าเขาเคยคิดว่าจะขอความช่วยเหลือหลินซือเย่า แต่ไม่ใช่วันนี้ เฮ้อ ยามนี้กลับไปต้องถูกน้ำตาน้องสาวเขาท่วมตายแน่แล้ว เดิมคิดว่ามาเป็นเพื่อนพวกเขา แต่กลับเข้าวังแทนพวกเขา…หวังว่าเขาจะรีบไปรีบกลับ
————————-
[1] นิยายเรื่องสุ่ยหู่จว้านหรือตำนานวีรบุรุษเขาเหลียงซานที่ตัวละครถูกทางการบีบคั้นจนต้องทำผิดกฎหมายและหนีขึ้นไปอยู่เขาเหลียงซานกัน