วันที่หกเดือนสามเป็นวันที่ครึกครื้นที่สุดในเมืองหลวงเฟิงเฉิง เพราะว่าวันนี้เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาฮ่องเต้แผ่นดินต้าหุ้ย ฮ่องเต้จะประทับบนรถม้าไปตามท้องถนนให้ประชาชนได้ชมพระบารมี เยี่ยมเยียนราษฎรเมืองเฟิงเฉิง
โดยเฉพาะวันที่หกเดือนสามในปีนี้เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาฮ่องเต้พระชนมายุครบห้าสิบพรรษา ตามธรรมเนียม เมืองเฟิงเฉิงตั้งแต่ปลายเดือนสองมาก็เริ่มคึกคักกันแล้ว เพียงแต่ปีนี้เดือนหนึ่ง พื้นที่ทะเลทรายตอนเหนือทางชายแดนตอนเหนือแผ่นดินต้าหุ้ยที่ติดกับเซวี่ยหมิง มีคนอพยพจำนวนมากทะลักเข้าเมืองหลวงเฟิงเฉิง ทำให้ชาวเมืองเฟิงเฉิงไม่พอใจมาก แม้ว่าต้นเดือนสองทางการจะได้รับราชโองการจากฮ่องเต้ให้นำทหารออกจับกุมพวกชาวเร่รอนเข้าคุกเมืองเฟิงเฉิงทั้งหมดแล้วก็ตาม
อาจเพราะเป็นกังวลว่าราษฎรจะคุยแต่เรื่องนี้จนลืมเรื่องงานวันเฉลิมไป ในปลายเดือนสองฮ่องเต้จึงมีราชโองการว่า องค์หญิงสามแผ่นดินต้าหุ้ยจะทรงมาโยนลูกผ้าแพรเลือกราชบุตรเขยที่หอหงเยี่ยนในเมืองหลวงวันที่หกนี้ด้วยพระองค์เอง
ข่าวนี้ทำให้ชาวเมืองเฟิงเฉิงยิ่งคึกคัก องค์หญิงสามเลยนะ ได้ยินว่ารูปโฉมและความสามารถเพียบพร้อม ยังมีสติปัญญาหลักแหลม เป็นพระราชธิดาที่ฮ่องเต้ทรงโปรดที่สุด
พอเช่นนี้ ไม่เพียงแต่เมืองเฟิงเฉิง แม้แต่เมืองติดกับเมืองเฟิงเฉิงอีกสองเมืองอย่างเมืองจิ่นและเมืองซิ่วซึ่งมีชาวบ้านหมู่บ้านเมืองย่อยอีกราวหกเมืองรวมกัน ชายที่ได้ยินข่าวนี้และยังไม่ได้แต่งงานก็เตรียมเดินทางมาหอหงเยี่ยนที่เมืองหลวงกันในวันที่หกนี้
นี่คือโอกาสฟ้าประทานที่พอจะทำให้ชาวบ้านธรรมดาได้ที่ไร้ชื่อเสียงหรือยากจนได้กลายเป็นสมาชิกราชวงศ์ที่มีเกียรติยศประมาณมิได้ในพริบตา
เรื่องดีเช่นนี้ ผู้ใดไม่คิดอยากลองเสี่ยงโชคดู ก็แค่เบียดไปอยู่ด้านหน้าท่ามกลางฝูงชน เอื้อมมือออกไปรับลูกผ้าแพร ก็มีโอกาสได้เป็นราชบุตรเขย ไม่มีผู้ใดอยากพลาดโอกาสอันดีนี้แน่
……
“อะไรนะ? ซีเยว่?!” ซูสุ่ยเลี่ยนได้รับข่าวนี้ก็ตกใจแทบจะโดดจากเก้าอี้
“ใช่แล้ว หลงซีเยว่ออกโยนลูกแพรแทนองค์หญิงสาม นี่คือความลับที่เปิดเผยในวังฝ่ายในวันนี้” เฟิงไฉ่อวิ้นถอนหายใจ ตอนเที่ยงนางเพิ่งกลับมาจากเข้าเฝ้าไทเฮา เพื่อพิสูจน์ว่าเรื่องนี้จริงดังที่ลือหรือไม่
“ทำไม ไม่ใช่บอกว่าฮ่องเต้ตรัสแล้วไม่คืนคำ?” ซูสุ่ยเลี่ยนถามงึมงำ “ในเมื่อประกาศไปว่าหาราชบุตรเขยให้องค์หญิงสาม ทำไมอยู่ๆ มาเปลี่ยนเป็นซีเยว่?”
หลงซีเยว่เป็นสตรีที่ข้ามมิติมาเหมือนกับนาง ซูสุ่ยเลี่ยนก็ไม่อยากให้วาสนาแต่งงานของนางต้องเป็นไปอย่างไม่ตั้งใจเช่นนี้ สตรีที่เปิดเผยตรงไปตรงมา ทำไมต้องใช้การโยนลูกแพรเลือกคู่มากำหนดวาสนาแต่งงานของนางด้วย?! หาก…หากลูกแพรไปตกในมือนักเลงหัวไม้กเฬวราก หรือว่านางก็ต้องแต่งเป็นภรรยาอีกฝ่าย?
พระเจ้าแผ่นดินต้าหุ้ยทำไมจึงได้เลอะเลือนเช่นนี้ ตอนแรกเป็นองค์หญิงสาม ต่อมาเป็นหลงซีเยว่…หรือว่าสตรีก็ได้แต่จำยอมแต่งงานเช่นนี้หรือ อาศัยแค่วาจาล้อเล่นเจ้านายก็ต้องทำตามชะตาที่ถูกกำหนด
ซูสุ่ยเลี่ยนคิดถึงเมืองซูโจวในยุคสาธารณรัฐ แม้ว่าการแต่งงานส่วนใหญ่ยังต้องให้ครอบครัวจัดการ โดยเฉพาะตระกูลใหญ่เช่นตระกูลซู แต่อย่างน้อยชายหญิงสองฝ่ายก็ต้องมีเวลาได้รู้จักกันพักหนึ่งก่อน ควรต้องรู้ว่าคนที่จะมาเป็นสามีตนไปทั้งชีวิตนี้เป็นชายเช่นไร มีข้อดีข้อเสียอย่างไร
แต่ตอนนี้ซีเยว่อาศัยเพียงแค่โยนลูกแพรที่ไม่อาจควบคุมอะไรได้ออกไป ก็กำหนดชายที่จะร่วมชีวิตกับนางในชาติภพนี้ นี่มัน! สำหรับซีเยว่ที่นางว่าตนเองมายุคศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดที่ประชาชนเปิดกว้าง การแต่งงานอิสระ ถือเป็นเรื่องโหดร้ายเพียงใดกัน!
“ก็เพราะว่าตรัสแล้วไม่คืนคำ ดังนั้นหลงซีเยว่จึงต้องออกโยนลูกบอลแพรแทนองค์หญิงสาม เป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว ไม่มีทางแก้ไขแล้ว” เฟิงไฉ่อวิ้นถอนหายใจเบาๆ
“ไม่มีทางอื่นแล้วหรือ” ซูสุ่ยเลี่ยนหันไปมองหลินซือเย่าข้างๆ ที่เอาแต่เงียบไม่กล่าวอันใด เหลียงเอินไจ่ที่เอาแต่จิบชาหอมแสดงท่าทางมีความสุข
“พี่ใหญ่…” ซูสุ่ยเลี่ยนขมวดคิ้วเรียกขึ้น ที่ทุกคนหารือกันอยู่นี่ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีกระมัง แม้ไม่มีทางอื่น แต่ก็ไม่ควรแสดงท่าทีทำร้ายจิตใจกันเช่นนี้
“นั่นเพราะนางเลือกเอง ทุกคนล้วนต้องรับผิดชอบต่อทางเลือกของตนเอง” เหลียงเอินไจ่ได้ยินน้องสาวเรียกเขา ก็วางถ้วยชาในมือลงพลางกล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“นางเลือกเอง?” ซูสุ่ยเลี่ยนมองเฟิงไฉ่อวิ้นอย่างแปลกใจ ไม่ใช่ว่าถูกบีบหรือ
“ใช่ โอวหยางซวินตรวจรักษาผิดพลาด ถูกฮ่องเต้สั่งจับตัวเข้าคุก หลงซีเยว่เป็นคนไปขออภัยโทษเอง ฮ่องเต้จึงได้จำใจยอมหาวิธีให้นางได้สมหวังทั้งกตัญญูและคุณธรรม” เหลียงเอินไจ่อธิบายอย่างไม่พอใจนัก “ฮึ สตรีนี่นะ แต่งเป็นภรรยาผู้ใดจะมีอะไรนักหนา อย่างไรก็ได้แต่งในฐานะองค์หญิง มีเกียรติอย่างยิ่ง!”
“เหลียงเอินไจ่!” มีคนแย่งซูสุ่ยเลี่ยนส่งเสียงปรามขึ้นก่อน
เฟิงไฉ่อวิ้นที่นั่งอยู่ตรงหน้าได้ยินเขากล่าวเช่นนี้ก็โมโหตบโต๊ะ “อย่าคิดว่าตนเองสูงส่งนัก มีความสามารถจริงก็ช่วยหมอโอวหยางออกมาสิ ดูซีเยว่ยังยอมไปโยนลูกผ้าแพรหาคู่แทน!”
“เกี่ยวอันใดกับข้า!” เหลียงเอินไจ่เห็นเฟิงไฉ่อวิ้นโมโหก็ลุกขึ้นสะบัดชุด ทิ้งท้ายวาจาไว้แล้วก็เดินออกจากโถงไป
“จริงๆ เลย…คงต้องถูกเขาทำโมโหตาย” เฟิงไฉ่อวิ้นดื่มน้ำชาพรวดเดียวพลางส่ายหน้าถอนหายใจ
“ท่านแม่ พี่ใหญ่เขา…” เรื่องซีเยว่ ภายนอกดูเหมือนเขาไม่ใส่ใจ แต่มาพูดเหน็บแนมเช่นนี้ กับวาจาที่ทำเอาคนฟังต้องโมโหของเขา ทำให้ซูสุ่ยเลี่ยนรู้สึกได้ถึงอารมณ์บางอย่างที่ไม่เหมือนปกติของเหลียงเอินไจ่ เขาจงใจ
เพียงแต่ทำไมต้องพูดตรงข้ามกับใจ
“ผู้ใดรู้! ท่าทางควรตายเหมือนกับบิดาเขา!!” เฟิงไฉ่อวิ้นโมโหสบถออกมา แต่พอคิดถึงเหลียงเอินไจ่ไม่ได้เป็นลูกเหลียงเสวียนจิ้ง แต่เป็นลูกเหลียงเสวียนอาน ก็หันไปยิ้มให้ซูสุ่ยเลี่ยน “ข้าหมายถึงท่าทางควรตายเหมือนบิดาเจ้า”
……
“เห็นชัดว่าใส่ใจ ทำไมไม่เอ่ยออกไปก่อน” โหลวสยาเอ่อร์เห็นเหลียงเอินไจ่ที่มาครอบครองศาลาแปดเหลี่ยมจวนเขา ดื่มสุราจวนเขา ท่าทางเหงาๆ
“เอ่ยอย่างไร? ผู้ใดจะรู้ท่านนั้นในวังจะเล่นอุบายอะไร” เหลียงเอินไจ่กรอกสุราดอกเหมยเข้าปากอีกชามใหญ่ กล่าวน้ำเสียงแหบพร่า
“อุบาย?” โหลวสยาเอ่อร์ได้ยินก็อึ้งไป แอบขำพลางส่ายหน้าถอนหายใจกล่าวว่า “เจ้าคงไม่ได้กลัวว่าเขาจะคืนคำ? บอกว่าให้หลงซีเยว่โยนลูกผ้าแพรแทนองค์หญิงสาม แต่หากเจ้าลงมือชิงบอล ที่แต่งเข้าตระกูลเหลียงยังคงเป็นองค์หญิงสาม แต่หากเจ้าไม่ชิง ถูกคนอื่นแย่งไป คนที่แต่งก็คือหลงซีเยว่?” ท่านนั้นในวังอาจทำเช่นนี้จริง เพราะว่าเขาทนเห็นคนได้ดีไม่ได้ที่สุด โดยเฉพาะคนที่เข้าตาเขาอย่างเหลียงเอินไจ่
“อืม” เหลียงเอินไจ่แค่นเสียงฮึขึ้นจมูก พลางกอดไหสุรากรอกเข้าปากโดยตรง
“เฮ้อ ดื่มแบบนี้ ย่ำยีสุราชั้นดีข้าจริงๆ” โหลวสยาเอ่อร์มองไหสุราในมือเหลียงเอินไจ่อย่างนึกเสียดาย นี่เป็นสุราชั้นดีที่เขาเก็บมาสามปีเลยนะ แต่กลับต้องมาถูกเจ้าหมอนี่กรอกเข้าปากไม่ได้สติสตังเช่นนี้
“พูดตามตรง องค์หญิงสามก็ไม่เลวนี่ เจ้าก็แต่งเถอะ อย่างมากค่อยรับหลงซีเยว่เป็นน้อยก็ได้นี่” โหลวสยาเอ่อร์ตบไหล่เหลียงเอินไจ่ที่ดื่มสะใจแล้วก็หมอบอยู่บนโต๊ะไม่รู้คิดอะไรอยู่ สุราดอกเหมยหนึ่งไหไม่อาจทำให้เขาเมาล้ม โหลวสยาเอ่อร์ที่คบหากับเขามาแต่เล็ก จะไม่รู้ความสามารถการดื่มของเขาหรือ
“ไสหัวไป!” เสียงคำรามหยาบคายดังมาจากโต๊ะหิน ทำเอาโหลวสยาเอ่อร์ขำพลางเหลือบมอง “จุ๊ๆ เมื่อก่อนไม่รู้ผู้ใด ทุกครั้งที่พูดถึงหลงซีเยว่ก็ทำหน้าบึ้งตึง ที่แท้…”
“เจ้าไม่อ้าปากไม่มีใครคิดว่าเจ้าเป็นใบ้” เหลียงเอินไจ่หน้าบึ้งลุกขึ้นเดินออกจากศาลาแปดเหลี่ยม
“กลับแล้ว? เช่นนั้นพรุ่งนี้…”
“พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน” เหลียงเอินไจ่พลิกมือมาโบกให้ด้านหลัง แล้วก็ออกจากประตูใหญ่จวนอ๋องเซียงไป
โหลวสยาเอ่อร์เห็นเงาร่างที่ค่อยๆ ไกลออกไป ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้พรุ่งนี้สหายรักจะตัดสินใจอย่างไร จะมองดูสตรีที่เขาแอบชอบมานานแต่งกับคนอื่นไปหรือว่าออกหน้าไปช่วย แล้วได้แต่แต่งกับองค์หญิงสามที่เขาไม่ได้รักแทน คืนโอกาสอิสระเลือกการแต่งงานให้หลงซีเยว่?
นี่คือทางเลือกที่ยากลำบากทั้งสองทาง…ลำบากที่ไม่ว่าเขาเลือกเช่นไร หลงซีเยว่ก็ไม่ใช่ภรรยาเขาอยู่ดี…
……
เช้าวันที่หก ทุกคนมารวมตัวกันในห้องอาหารจวนอ๋องจิ้ง นั่งล้อมวงกันที่โต๊ะกลมไม้จันทร์หอมม่วงที่นั่งได้ราวสิบห้าสิบหกคน
“พี่ใหญ่ ท่านไม่ไปชิงลูกแพรแน่หรือ” เมื่อวานหารือกับเฟิงไฉ่อวิ้นหลายรอบ คิดวิธีออกว่าให้เหลียงเอินไจ่ไปชิงลูกบอลแพร พอดีว่าเหลียงเอินไจ่อายุเท่ากับซีเยว่ สองฝ่ายเองก็รู้จัก จะได้หยุดยั้งชะตากรรมหลงซีเยว่ที่ต้องโยนลูกแพรเลือกคู่ นี่คือทางออกที่ดีที่สุดตอนนี้
แต่ปรากฏว่าเหลียงเอินไจ่ปฏิเสธทันทีโดยไม่หันมามองด้วยซ้ำ
“หรือให้อวิ๋นเอ๋อร์ไปชิง อวิ๋นเอ๋อร์วิทยายุทธสูงส่ง คงแย่งชิงได้” นี่คือซูสุ่ยเลี่ยนยื่นข้อเสนอตอนที่มองไปทางซือถูอวิ๋นแล้วก็นึกขึ้นมาได้
ซือถูอวิ๋นที่กำลังก้มหน้าก้มตากินข้าวได้ยินก็แทบจะพ่นข้าวที่พุ้ยเข้าปากไปเมื่อครู่ออกมา มองซูสุ่ยเลี่ยนด้วยสายตาแอบก่นด่าในใจ อยากบอกว่า เกี่ยวอันใดกับข้า
ปีนี้เขาอายุแค่สิบสามนะ ว่ากันว่าองค์หญิงสามนั่นสิบหกแล้ว หลงซีเยว่เหมือนจะสิบเจ็ดแล้ว ที่สำคัญที่สุดและอย่างที่สุดก็คือ เขา ‘ซือถูอวิ๋น’ ยังไม่ทันได้คิดเรื่องแต่งงาน! หรือว่าเป็นไปดังคำกล่าวไร้ที่มาที่ไปของเสี่ยวเอ้อร์ที่ร้านอาหารเยว่ขุยนั่น? ฮือ ฮือ ฮือ…เขาอยากร้องไห้
กำลังคิดอยากจะร้องไห้นั้นยังมีอีกคน ก็คนที่มองดูภายนอกไร้อารมณ์
“พวกเจ้า…คิดว่าไม่ดีหรือ อย่างน้อยอวิ๋นเอ๋อร์ก็ไว้ใจได้…” ซูสุ่ยเลี่ยนเห็นทุกคนพอได้ยินข้อเสนอนางก็พากันหันมาจ้องมองนาง เหมือนที่นางว่ามานั้นเป็นเรื่องน่าขันแปลกประหลาดสิ้นดี
แต่นางคิดอย่างดีแล้ว เทียบกับคนแปลกหน้าที่ไม่รู้นิสัยใจคอและหน้าตามาแต่งกับหลงซีเยว่ ไม่สู้เสนอคนกันเอง อวิ๋นเอ๋อร์แม้ว่าอายุยังน้อย แต่ก็แบกรับภาระได้ไม่แพ้ชายชาตรีอกสามศอก
เดิมตัวเลือกที่ดีที่สุดก็คือเหลียงเอินไจ่ แต่เขาไม่ใช่ว่าปฏิเสธแล้วหรือ ก็ได้แต่ถอยและหาทางอื่น ให้ซือถูอวิ๋นขึ้นชิงแทน
“อาจารย์ลุง…” ซือถูอวิ๋นจ้องมองนาง ซูสุ่ยเลี่ยนเหมือนไม่คิดเปลี่ยนใจแม้แต่น้อย ได้แต่หันไปขอความช่วยเหลือหลินซือเย่า
“จริงๆ แล้ว นี่ก็เป็นหนทางเหมือนกัน” ท่านอ๋องผู้เฒ่าที่เงียบไปนานยามนี้อยู่ๆ เอ่ยขึ้น พอเอ่ยออกมาก็เห็นด้วยกับซูสุ่ยเลี่ยน ทำเอาทุกคนพลันเงียบกริบไร้วาจา
“ไม่ให้ใครแย่งลูกแพรไปได้ก็ถือเป็นการช่วยไว้อย่างไร” เหลียงเสวียนจิ้งแอบทิ้งท้ายออกมา ทำเอาคนที่เหลืออึ้งไป แอบคิดความนัยแฝงในวาจาเขา
“ถูกต้อง หลังแต่งงานแล้ว อย่างมากก็แค่หย่า” เฟิงไฉ่อวิ้นตบมือพยักหน้าเห็นด้วย
“ข้าไม่…” ซือถูอวิ๋นอยากจะเอ่ยปากขอสิทธิ์เลือกการแต่งงานของตนเอง แต่กลับถูกหลินซือเย่าตบศีรษะ “ช่วยคนสำคัญกว่า ระงับความเศร้าด้วย”