บทที่ 126 ตรวจพบ

“ใช่ๆ คุณหนูมู่ สรุปแล้วคุณเห็นอะไรกันแน่ครับ?”จั๋วหรันที่นิ่งเงียบมาตลอด ก็ถามขึ้นต่อจากภรรยา

มู่เทียนซิงที่กำลังจะพูด ก็ถูกหนีหย่าจูนก้าวเข้ามาจับข้อมือของเธอเอาไว้“สาวน้อย!”

หนีหย่าจูนเริ่มลุกลี้ลุกลน แล้วก็รู้สึกลังเลใจไม่น้อย

คุณย่าของเขาเป็นคนจิตใจบริสุทธิ์ อ่อนโยน เข้าใจจิตใจคนมาตลอดทั้งชีวิต ไม่มีทางที่จะไปเตือนหญิงสาวตั้งแต่ครั้งแรกที่เจออย่างไม่มีสาเหตุแน่นอน ในโลกนี้ หาผู้หญิงที่จิตใจดีแบบคุณย่าไม่ได้อีกแล้ว

นี่มันจะต้องมีอะไร ที่เขาไม่รู้แน่นอน

ให้ตายสิ!

ก่อนมา คุณย่าควรจะบอกเรื่องนี้กับเขาสักครั้ง ตอนนี้เขาก็คงไม่ถึงขั้นต้องกระวนกระวายจนทำอะไรไม่ถูกแบบนี้!

ตื่นตระหนกตกใจ!

มือใหญ่หนึ่งมือเข้ามาบีบข้อมือของเขาอย่างแรง เขาตอบสนองอย่างรวดเร็วก่อนที่จะมีปฏิกิริยาตอบกลับม

“โอ้ย~!”

หนีหย่าจูนปล่อยมู่เทียนซิงด้วยความเจ็บปวด เจ็บจนตัวโก่ง กัดฟันกรอด

จั๋วหรันจับข้อมือของเขาไว้แล้วก้าวเข้าไปดูๆอย่างระมัดระวัง ถอนหายใจเบาๆหนึ่งเฮือก ก่อนจะพูดขึ้น“คุณชายหนี ที่ซือซ่าวทำมันเป็นแค่กลเม็ด ถึงจะเจ็บ แต่ไม่ถึงขั้นปวดรวดร้าว ซือซ่าวรักและหวงคุณหนูมู่มาก จากนี้ไปคุณอย่าไปล้ำเขตของซือซ่าวจะดีกว่า จะได้ไม่มีปัญหา”

มู่เทียนซิงที่มองหนีหย่าจูนอยู่ กู้รู้สึกกดดันไม่น้อย“พี่หย่าจูน คุณอยากนั่งพักผ่อนที่โซฟาสักหน่อยไหม?”

พอเห็นเหงื่อที่หน้าผากของเขาไหลพลูออกมา มู่เทียนซิงก็หันไปมองหลิงเล่ด้วยสายตาตำหนิติเตียน“คุณอา ต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ ล้วนแต่เป็น……”

เธออยากจะพูดก็คือ ล้วนแต่เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน

แต่ว่าไม่กล้าพูดออกไป

หลิงเล่คว้ามือของมู่เทียนซิงไว้ พร้อมกับมองเธอ“เธอก็จำได้นี่ ว่าชีวิตนี้ อย่ามาร้องขออะไรกับฉันเพื่อผู้ชายคนอื่น!”

มู่เทียนซิงจ้องไปในแววตาที่จริงจังของเขา ในใจก็เริ่มรู้สึกขี้ขลาดขึ้นมา ก่อนจะพยักหน้า“ค่ะ”

หนีหย่าจูนเริ่มมีแรงกลับมา เขาสะบัดข้อมือออก แล้วมองจ้องมู่เทียนซิงพร้อมกับพูดขึ้น“สาวน้อย เธอคิดให้ดีก่อนแล้วค่อยพูด!ฉันจำได้ตอนที่ไปเมืองh เธอเป็นไข้ตัวร้อน ไม่ใช่ว่าทั้งหมดที่เธอเห็น มันก็แค่ภาพหลอนหรอกเหรอ?”

เขากำลังพูดชักจูงจิตใจเธอ

หลอกล่อให้เธอพูดตามที่เขาเกริ่นไว้ แล้วเก็บความคิดที่กำลังจะพูดออกเมื่อตะกี้กลับไป

ไม่เพียงแต่มู่เทียนซิงที่เริ่มตระหนักและพอจะเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างแล้ว แม้แต่คนของตระกูลจั๋วก็เช่นกัน

หลิงเล่สีหน้ามืดมน สองตาจ้องเขม็งหนีหย่าจูน“ขืนนายพูดพล่ามมาอีกแค่ประโยคเดียว ทั้งชีวิตนี้ ไม่ต้องย่างเข้ามาในบ้านของฉันอีก!”

หนีหย่าจูน“……”

ปลายนิ้วของหลิงเล่วนๆที่บริเวณหลังมือของมู่เทียนซิง พร้อมกับพูดกับเธออย่างอ่อนโยน“ตัวเล็ก เธอบอกฉันมาหน่อย ว่าเธอเห็นอะไร?”

ทุกคนล้วนแต่รอมู่เทียนซิงเปิดปากพูดออกมา

เธอมองหนีหย่าจูนด้วยแววตากลัวๆ หลิงเล่ดึงแขนกลับมาทันที เอาเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขา ให้เธอหันหลังให้กับหนีหย่าจูน เพื่อไม่ให้มีสิ่งรบกวน“ตัวเล็ก ฉันอยากรู้ ฉันอยากรู้มากๆๆ เธอควรจะเชื่อฉันสิ เชื่อว่าฉันมีความสามารถในการแยกแยะได้ว่าเรื่องไหนหนักเรื่องไหนเบา ถ้าเกิดมันหนักจริงๆ ฉันรู้อยู่ในใจแล้วว่าจะต้องทำยังไง ฉันสามารถแสร้งทำสีหน้าเป็นปกติให้คนเดาอารมณ์ไม่ถูกได้นะ!”

พอได้ฟังสิ่งที่หลิงเล่พูด มู่เทียนซิงในใจก็เริ่มรู้สึกแน่วแน่ขึ้นมาครึ่งหนึ่งแล้ว

มู่เทียนซิงสบตาที่ราวกับบ่อน้ำลึกของหลิงเล่พร้อมกับพูดออกมาอย่างนิ่งๆ“ฉันเห็นในรูปถ่ายวงศ์ตระกูลอยู่บนผนังของคุณหญิงเยว่หยา มีใบหน้าของคุณหญิงหรูเกอและพระมหากษัตริย์เทียนหลิงสมัยยังวัยเยาว์ พวกเขาเป็นแม่ลูกกัน หน้าถอดแบบมากันเลย ดูสง่างาม มัน มันเหมือนกับใบหน้าของคุณอามาก!”

หลังจากที่เด็กยุคนี้เติบโตไป ยุคสมัยของพระมหากษัตริย์เทียนหลิงได้ผ่านไปแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะต้องเคยเห็นภาพถ่ายจากในข่าวบ้าง แต่ต้องไม่เคยเห็นยุคสมัยที่รุ่งเรืองที่สุดของพระมหากษัตริย์เทียนหลิงสมัยวัยเยาว์แน่นอน

คนคนหนึ่ง ความเปลี่ยนแปลงในช่วงหลายสิบปีเยอะมาก

พอพูดจบ มู่เทียนซิงมองหลิงเล่พร้อมกับพูดขึ้น“คุณเคยเห็นรูปภาพของพระมหากษัตริย์เทียนหลิงไหม?”

หลิงเล่นึกๆคิดๆพร้อมกับตอบกลับ“ฉัน……เคยเห็นแต่ประกาศสละราชสมบัติของพระองค์ ในโทรทัศน์ แต่ไม่เคยเห็นตอนพระองค์สมัยวัยเยาว์……”

ในเวลานี้ ทุกคนต่างก็พยายามนึกย้อนความจำกลับไป แต่ดูเหมือนว่าต่างก็จำช่วงเวลาที่เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์เทียนหลิงไม่ได้เลย

ฉวีซือรู้สึกขัดใจ เลยหยิบมือขึ้นมาค้นหา

มันจะต้องมีแน่นอน!

มู่เทียนซิงที่เห็นหลิงเล่หยุดนิ่งไป ก็เริ่มรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมา

“คุณอา ที่ฉันพูดไปคุณอาจจะไม่เชื่อ แต่ว่านี่มันเป็นเรื่องจริงนะ!หน้าของคุณกับพระมหากษัตริย์เทียนหลิงแทบจะเหมือนกันเลย ถ้าเกิดคุณไปยืนอยู่กับคุณหญิงหรูเกอและพระมหากษัตริย์เทียนหลิงสมัยวัยเยาว์ล่ะก็ ใบหน้าพวกคุณสามคน แทบจะเหมือนกันเปี๊ยบเลย!”

หลิงเล่ไม่พูดอะไร

ด้านหน้าของเขา หนีหย่าจูนตกใจจนสีหน้าขาวซีด ก้าวถอยหลังไปเรื่อยๆ!

แต่มู่เทียนซิงที่ยืนหันหน้าให้หลิงเล่ และหันหลังให้กับหนีหย่าจูน เธอจึงไม่เห็นท่าทางของหนีหย่าจูน สัมผัสได้เพียงแต่ว่าแววตาของหลิงเล่ดูโหดเหี้ยม และอัดอั้นตันใจไม่น้อย

“คุณอา ตอนที่อยู่ต่อหน้าคุณหญิงหนี ฉันก็พูดออกไปเหมือนกัน ฉันบอกว่า คุณกับคุณหญิงหรูเกอและพระมหากษัตริย์เทียนหลิงคล้ายกันมาก!”

มู่เทียนซิงสีหน้าจริงจัง พยายามที่จะใช้คำพูดอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น“คุณหญิงหนีพอฟังแล้ว ก็เอามือมาปิดปากฉันไว้ ไม่ให้ฉันพูด แถมยังเตือนฉันอีกว่าถ้าออกจากห้องไปแล้วห้ามพูดออกมาเป็นอันขาด หลังจากที่ฉันสัญญากับเธอแล้ว เธอถึงจะปล่อยฉันไป ทำเอาฉันตกใจแทบตาย!”

ขณะนี้ ในที่สุดฉวีซือก็ค้นหารูปตอนที่พระมหากษัตริย์เทียนหลิงขึ้นครองราชย์ในวันนั้นเจอ

พอรูปนั้นปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอมือถือ มือของฉวีซือก็สั่นกระส่ายทันที……

หน้าของซือซ่าว เหมือนหน้าของพระมหากษัตริย์เทียนหลิง……

จั๋วหรันเข้ามาดู สีหน้าก็ชะงักทันที!

พวกเขาต่างก็เคยสงสัยชีวิตความเป็นมาของซือซ่าวเหมือนกัน แต่ก็ไม่กล้าคิดไปโยงเกี่ยวถึงพระมหากษัตริย์เทียนหลิง

พอคิดว่าคุณพ่อของพวกเขา ล้วนแต่เป็นคนพิเศษที่อยู่ใกล้ชิดกับพระมหากษัตริย์ จั๋วหรันก็เหงื่อไหลออกมาเต็มหน้าผาก!

“กำลังดูอะไรกัน?”

มีเสียงดังออกมาจากไกลๆ ฟังแล้วมีเสน่ห์น่าดึงดูด

ทุกคนต่างมองตามไปยังเสียงนั้น เห็นหลิงเล่กำลังเข็นรถเข็นมุ่งตรงเข้ามาใกล้พวกเขา

ยื่นมือขาวๆใหญ่ๆที่ดูดีออกมา ฉวีซือส่งมือถือให้เขาอย่างเชื่อฟัง

หลิงเล่รับมา พอเห็น ก็หยุดชะงักไป!

มู่เทียนซิงวิ่งเข้ามา สายตามองมายังหน้าจอมือถือก่อนจะพูดขึ้น“ใช่ไหมล่ะ? ฉันบอกแล้วใช่ไหม? เหมือนกันเลยใช่ไหม?”

หลิงเล่ลูกระเดือกขยับเล็กน้อย แววตาสีดำสั่นคลอน ปลายนิ้วมือที่จับมือถือไว้เริ่มขาวซีด ตาจ้องที่รูปดูแล้วดูอีก ก่อนจะขยับนิ้ว แล้วส่งรูปเข้าไปในมือถือของตัวเอง!

มู่เทียนซิงที่เห็นเขาสภาพแบบนี้ ก็รู้สึกเป็นห่วงไม่น้อย!

เธอรีบหันไปมองหนีหย่าจูนพร้อมกับพูดขึ้น“คุณอาเป็นพระราชกุมารของพระราชวงศ์ แล้วด้วยสาเหตุอะไร ถึงให้ชายผู้ที่มีเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ออกมาใช้ชีวิตอยู่ข้างนอก? มันมีลับลมคมในอะไรหรือว่ามีเหตุผลอื่นกัน? ไม่อย่างนั้น แล้วทำไมคุณหญิงหนีถึงต้องเตือนฉันว่าห้ามพูดออกไปเป็นอันขาดกันล่ะ? พ่อแม่แท้ๆของคุณอา ทำไมถึงจิตใจโหดเหี้ยมเช่นนี้!”

หนีหย่าจูนแทบจะจนตรอก เรื่องที่คนมากมายขนาดนั้นต่างกันจงใจปิดบังมาหลายปี แต่ตอนนี้เขาที่เป็นคนรุ่นหลังแค่คนเดียวกลับทำเรื่องแตกซะไม่เหลือชิ้นดี แรงกดดันมากเหลือเกิน!