บทที่ 127 ไม่เกลียด
มู่เทียนซิง ด้วยความเป็นห่วงหลิงเล่ จึงเค้นถามหนีหย่าจูนไปอย่างไม่หยุดหย่อน!
ตอนนี้ นอกจากหนีหย่าจูนแล้ว ในบ้านหลังนี้ยังมีใครที่รู้ความจริงอีก?
ขณะที่หนีหย่าจูนกำลังรู้สึกเหมือนจิตใจกำลังโดนฉีกกระชาก จนจะแบกแทบไม่ไหวแล้ว รถเข็นสีเงินคันหนึ่งก็เลื่อนตรงเข้ามาที่เขา
หลิงเล่จ้องมองเขา จ้องมองเขาอย่างจริงจังสุดๆ แล้วถามไปหนึ่งประโยค“แม่แท้ๆของฉัน คือป้าของนายใช่ไหม?”
ในใจของหลิงเล่ คุณหญิงเยว่หยาให้ความรู้สึกอบอุ่นราวกับกับแม่แท้ๆมาโดยตลอด
แม้ว่าจะไม่เคยเจอกันมาก่อน แต่ว่าเธอก็คอยดูแลให้ความช่วยเหลือเขาเสมอ
หลิงเล่รักและเคารพเธอ อุตสาหกรรมที่เธอส่งต่อให้เขา เขาพยายามเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อที่จะสร้างความมั่นคงและขยายให้เติบโตอย่างถึงที่สุด จนมีอยู่ครั้งหนึ่งตอนที่อยู่ที่เมืองh หนีจื่อหยางถึงกับพูดว่า หลิงเล่มีพรสวรรค์มาก ให้เขาไปแค่หนึ่งแต่เขาสามารถเอาไปพัฒนาต่อให้เป็นสิบได้
เพราะว่าคุณหญิงเยว่หยาเป็นคนเดียวในโลกนี้ที่นึกถึงเขาเสมอ ดังนั้นเขารับไม่ได้ที่จะทำให้คุณหญิงเยว่หยาต้องผิดหวัง แม้ว่าเหตุผลที่พวกเขาให้กับเขาจะดูไกลตัวยากที่จะเชื่อ บอกว่าแม่ของเขาเป็นลูกสาวบุญธรรมของตระกูลหนีก็ตาม
แววตาของหลิงเล่ เริ่มดำมืดขึ้นมา!
หนีหย่าจูนพยายามใช้ปัญญาเท่าที่มีแล้ว ก็ไม่อาจเข้าใจอารมณ์ที่แฝงอยู่ในสองตาคู่นั้นได้!
ใครบอกกับเขาได้บ้าง หลิงเล่ตอนนี้ กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?
มู่เทียนซิงที่เห็นสภาพตอนหลิงเล่รู้ความจริง ก็ชักจะทนไม่ไหว“พี่หย่าจูน คุณพูดความจริงเถอะ!ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว อีกสามวันผลdnaของคุณกับคุณอาก็ออกมาแล้ว ใช่หรือไม่ใช่ ทางวิทยาศาสตร์จะบอกความจริงเอง!ต่อให้ตอนนี้คุณจะปกปิดต่อไป ก็ไม่มีความหมายอะไรแล้ว!”
หนีหย่าจูนเม้มปาก ยังคงลังเลไม่แน่ใจ!
จั๋วซีพูดขึ้น“คุณชายหนี คุณพูดเถอะ”
ฉวีซือพูดเสริม“คุณผู้ชาย ซือซ่าวแค่อยากรู้ว่าแม่ของตัวเองเป็นใครก็เท่านั้นเองค่ะ”
จั๋วหรันเสริมอีกคน“คุณชายหนี ขอร้องเถอะครับ”
ทุกคนต่างพากันมองจ้องหนีหย่าจูน ราวกับว่าเขาต้องพูดออกมาให้ได้วันนี้!
ใบหน้าหล่อเหลาของหนีหย่าจูนเริ่มขมวดย่น เขาหลบหน้าของหลิงเล่ก่อนจะพูดขึ้น ก่อนจะพยักหน้า“คุณเป็นลูกของคุณป้าของผม แต่ว่า คุณควรรู้ไว้ว่า คุณป้าของผมตอนนี้เธอเป็นถึงคุณหญิง คุณหญิงคือตำแหน่งของสุภาพสตรีที่มีตำแหน่งสูงที่สุดในประเทศหนิง ถ้าขืนไปป่าวประกาศว่าเธอไปแอบคลอดบุตรอย่างลับๆแล้วล่ะก็ จะกลายเป็นเรื่องอื้อฉาวไปทั่วบ้านทั่วเมืองได้”
คนในตระกูลจั๋วยืนจ้องหนีหย่าจูนด้วยความตกใจ
สีหน้าของหลิงเล่ ยังคงไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ สองตาจ้องมองหนีหย่าจูน แฝงไปด้วยความโกรธอย่างเห็นได้ชัด!
มู่เทียนซิงพอได้ฟังก็อึ้งไป มองหนีหย่าจูนอย่างไม่อยากที่จะเชื่อ“คุณหมายความว่า คุณหญิงเยว่หยายอมทอดทิ้งคุณอา เพื่ออนาคตของตัวเอง?”
หนีหย่าจูนไม่อยากที่จะพูดแบบนี้
แต่ว่าเมื่อคืนก่อนที่จะออกมา หลังจากที่บอกในแชทกลุ่มของครอบครัวว่าหลิงเล่จะต้องฉุดกระชากเขาแน่นอน หนีจื่อหยางตอบกลับมาตามปกติ แต่คำตอบของคุณหญิงเยว่หยา กลับเป็น:ถ้าเกิดปิดบังเสี่ยวเล่ต่อไปไม่ได้แล้ว ก็ให้บอกว่าทั้งหมดเป็นเพราะฉันหลงในชื่อเสียง ไม่อยากทำลายอนาคตของตัวเอง ก็เลยทอดทิ้งเขา ถึงขนาดที่พ่อของเขาก็ห้ามพูดถึง!
หนีหย่าจูนที่พูดออกไปแบบนี้ ทุกคำทุกประโยคมันล้วนแต่ทำให้เขาต้องเจ็บปวดใจ
ปวดใจที่ว่าคุณป้าจะยอมแบกรับสิ่งที่ไม่ดีไว้แต่เพียงผู้เดียว!
เห็นๆอยู่ว่าความจริงมันไม่ใช่แบบนี้เลย!
มู่เทียนซิงตกใจก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว คุณหญิงเยว่หยาเนี่ยนะ ผู้หญิงที่บริสุทธิ์ผุดผ่องอย่างไม่มีที่สิ้นสุดราวกับแสงจันทร์แบบนั้น ฝ่าบาทยอมครองโสดจนถึงปัจจุบันนี้ก็เพื่อเธอ แต่เธอกลับทอดทิ้งคุณอาเพื่ออนาคตของตัวเองอย่างนั้นเหรอ?
ทั่วผืนแผ่นดินไม่มีใครไม่รู้ คุณหญิงเยว่หยาเป็นความภาคภูมิใจของประเทศหนิง มีเธอแล้ว กลุ่มผู้ด้อยโอกาส ผู้สูงอายุตัวคนเดียว เด็กไร้บ้าน ผู้หญิงยากจนของประเทศหนิง……พวกเขาล้วนแต่ได้มีอาหารกิน ได้ร่ำเรียน มีเสื้อผ้าใส่ มีบ้านอยู่ เธอและฝ่าบาทร่วมหัวจมท้ายมาด้วยกันเป็นระยะเวลาสิบปี นำเอากฎหมายแพ่งและระบบสวัสดิการของกลุ่มผู้ด้อยโอกาสกระจายไปทั่วทุกซอกทุกมุมของประเทศหนิง
มู่เทียนซิงในตาเริ่มแดง เธอไม่เริ่มไม่มั่นใจ และไม่กล้าจินตนาการว่าหลังจากที่คุณอาได้ยินแล้วจะรู้สึกยังไง
เธอก้าวเข้าไปกุมมือของหลิงเล่ไว้แน่น“คุณอา!ไม่โกรธนะ!บางทีคุณหญิงเยว่หยาอาจจะไม่ได้ทำเพราะตัวเองอย่างเดียวก็ได้!เธอก็เป็นลูกสาวของตระกูลหนี บางทีเธออาจจะกำลังคำนึงถึงชื่อเสียงของตระกูลหนีอยู่ก็ได้!”
จั๋วซีพยักหน้า พร้อมกับพูดปลอบขึ้นมาเช่นกัน“บางที เธออาจจะรักมากเกินไปก็ได้ ถูกผู้ชายทอดทิ้ง ไม่กล้าพอที่จะตัดคุณทิ้ง ก็เลยคลอดคุณออกมา แต่ไม่สามารถเลี้ยงดูคุณได้ด้วยตัวเอง อย่างน้อยคุณหญิงเยว่หยาก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง เธอก็อาจจะมีความจำใจของเธอเช่นกัน”
คู่ของจั๋วหรันและฉวีซือไม่พูดอะไร เพราะว่าฉวีซือเอาแต่ร้องไห้ จั๋วหรันก็กอดเธอไว้แน่น
หนีหย่าจูนไม่กล้าหันไปมองตาของหลิงเล่ แววตาที่ราวกับบ่อน้ำลึกจนมองไม่เห็นก้นบึ้งคู่นั้น เหมือนกับว่าจะรู้แจ่มแจ้งทั้งหมดแล้ว!
บวกเข้ากับ ปากของหลิงเล่ที่เม้มอยู่ สองมือที่กำแน่น ช่วงระหว่างคิ้วขมวดด้วยความโกรธ พอดูรวมกันแล้ว ออร่าชัดเจนมาก!
ขณะที่ทุกคนกำลังคิดอยู่ว่าจะปลอบหลิงเล่ยังไงดี หลิงเล่ที่จ้องหนีหย่าจูนอยู่ ก็พูดขึ้นมาหนึ่งประโยค“พูดจาใส่ร้ายป้ายสีใส่ป้าของตัวเอง นายไม่กลัวกรรมสนองหรือไง?”
ทุกคนต่างพากันอึ้งตะลึง!
หนีหย่าจูนจ้องมองหลิงเล่อย่างไม่อยากจะเชื่อ“คุณ……”
“ฉันเหนื่อย อยากจะนอนแล้ว”
หลิงเลพูดทิ้งท้ายมาอีกประโยคที่เหนือความคาดหมายของทุกคน จากนั้นก็หันรถเข็นกลับ หลังจากที่หันหลังให้หนีหย่าจูนแล้ว ก็ลากมือน้อยๆของมู่เทียนซิงจากไป
หนีหย่าจูนไม่รู้ว่าตัวเองกลับมาถึงห้องได้ยังไง แต่พอกลับมาแล้ว เขาก็หยิบมือถือขึ้นมาพูดอธิบายเหตุการณ์ที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจเมื่อตะกี้ทีละฉากทีละตอน แล้วส่งไปให้สมาชิกที่อยู่ในแชทกลุ่มของครอบครัวฟัง
เสียงของเขาที่ส่งไป พูดอธิบายอย่างละเอียด ในใจยังคงมีความรู้สึกอัดอั้นเนื่องจากความตื่นตกใจ ทั้งหมดถูกส่งเข้าไป!
หลังจากที่เขาพูดจบ ก็รอคำตอบกลับจากสมาชิกในกลุ่ม เพื่อจะได้ช่วยเขาคิดหาวิธีว่าจะทำยังไงต่อไป
แต่หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงเต็มๆ กลับมีเพียงหนีจื่อหยางที่ตอบกลับมาแค่หนึ่งประโยค: ปล่อยไปตามนั้นแล้วกัน!
หนีหย่าจูน:……
——ฉันเป็นเส้นบรรทัดขั้นซือซ่าวในที่สุดก็รู้แล้วว่าแม่แท้ๆของตัวเองคือใคร——
ภายในห้องนอน
หลิงเล่ใช้สองมือพยายามพาตัวเองลงมาจากรถเข็น มู่เทียนซิงอยู่ข้างๆก็ช่วยพยุงอีกแรง พาเขาลงมายังเตียง
หลังจากนั้น เขาก็นอนลงบนเตียงอย่างสงบเงียบ
เธอมุดคลอเคลียเข้าในอ้อมแขนของเขาอย่างน่ารักน่าเอ็นดู
ทั้งสองต่างให้ความอบอุ่นซึ่งกันและกันอยู่สักพัก มู่เทียนซิงถามขึ้นอย่างอ่อนโยน“คุณอา คุณเกลียดเธอไหม?”
สถานภาพทางครอบครัวดีขนาดนั้น แต่ดันให้ลูกของตัวเองมาทนทุกข์ลำบากอยู่กับโลกภายนอก จะเป็นจะตายอยู่หลายต่อหลายครั้ง เกือบจะไม่รอดมาจนถึงตอนนี้!
จริงๆแล้ว ถ้าดูจากสถานภาพทางครอบครัวของคุณหญิงเยว่หยา สามารถที่จะส่งหลิงเล่ให้ไปเติบโตที่ต่างประเทศได้เลย หรือไม่ก็รับเขาเข้ามาดูแลในบ้านของตัวเอง ในฐานะของลูกในสายเลือดก็ได้
ถ้าเกิดเป็นแบบนี้ล่ะก็ หลิงเล่ก็ไม่ถึงกับต้องทนลำบากตรากตรำทุกวันทุกคืนมานานขนาดนี้!
หลิงเล่หอมลงบนหน้าผากของเธอ ก่อนจะตอบมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนราวกับอยู่ในฝัน“ไม่เกลียด”
มู่เทียนซิงเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร
จากที่เธอรู้จักเขา เขาไม่ใช่คนประเภทที่ดีมากมายอะไร แล้วก็ไม่ใช่คนใจกว้าง!
เธอยกคางขึ้น จ้องมองไปที่ใบหน้าดูดีไร้ที่ติของเขา“ทำไมล่ะคะ?”
ในตอนนี้ สมองของมู่เทียนซิงพอมีคำตอบอยู่บ้างแล้ว แต่คำตอบที่ออกมาจากปากของหลิงเล่ ทำให้เธอสะเทือนใจจนถึงกับแสดงสีหน้าออกมา“ฉันเชื่อว่าเธอมีความจำเป็นของเธอ ฉันไม่เกลียดเธอ ฉันแค่เกลียดที่ตัวเองไม่เข้มแข็งมากพอ ตัวเล็ก ฉันต้องเข้มแข็ง ฉันจะเข้มแข็ง จากนี้ไป ไม่ว่าใครหน้าไหนกล้ามารังแกพวกเธอ ฉันหลิงเล่คนนี้จะไม่ปล่อยมันไว้แน่นอน ไม่ว่าหน้าไหนก็ตาม!ฉันจะปกป้องพวกเธอเอง!”