ตอนที่ 122 คืนนี้พวกเรานอนด้วยกันเถอะ(1)
ตอนที่ 122 คืนนี้พวกเรานอนด้วยกันเถอะ(1)
การแสดงชุดถัดไปก็เปี่ยมคุณภาพเช่นเดียวกัน การแสดงคู่ของหยางเป่าเฉวียนและเสี่ยวหวังนั้นมีความเฮฮาเป็นพิเศษ เนื้อหาก็สอดคล้องกับอารมณ์ขันในยุคนี้ด้วย
ทำให้ผู้ชมหัวเราะไปตาม ๆ กัน
เสิ่นเถี่ยจวินและเซี่ยหลานคอยปลอบเสิ่นอวี้อิ๋ง แต่ยิ่งพวกเขาปลอบหล่อนมากเท่าใด หล่อนก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้นเท่านั้น
“พ่อคะ หยุดปลอบฉันเถอะค่ะ ฉันเติบโตมาในสังคมบ้านนอก จะไปเทียบกับลูกสาวที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีในเมืองได้ยังไง ดูสิคะว่าหลินเซี่ยทำให้ทุกคนตื่นตาตื่นใจแค่ไหนตอนอยู่บนเวที ฉันซะอีกที่เหมือนตัวตลก วันนี้ฉันไม่ควรมาที่นี่เลย”
เมื่อเห็นเสิ่นอวี้อิ๋งร้องไห้ หัวใจของเสิ่นเถี่ยจวินก็แตกสลาย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด จนอดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาเมื่อมองดูลูกสาวของเขา
เมื่อเห็นเสิ่นเถี่ยจวินร้องไห้ เซี่ยหลานก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน ดูเหมือนว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่หล่อนเห็นเสิ่นเถี่ยจวินหลั่งน้ำตาในรอบหลายปี
เขาดูรักลูกสาวคนนี้มากจริง ๆ
เซี่ยหลานจับมือของเสิ่นอวี้อิ๋งและปลอบโยนเบา ๆ
“อวี้อิ๋ง ลูกทำผลงานได้ดีมาก อย่าคำนึงถึงความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดขึ้นเลย ไว้ครั้งต่อไปค่อยแก้ตัวใหม่ก็ยังไม่สาย”
“แม่คะ ฉันไม่ควรขึ้นแสดงบนเวทีเลยจริง ๆ ตอนแรกฉันอยากมีส่วนร่วมในรายการแสดง แต่แม่ไม่เห็นด้วย ตอนนี้แม่ก็คงจะคิดตำหนิในใจว่าลูกคนนี้เตือนแล้วไม่ยอมฟังใช่ไหมคะ?”
เซี่ยหลานอธิบาย “อวี๋อิ๋ง อย่าเข้าใจแม่ผิดนะ”
หล่อนแค่ไม่ต้องการให้เสิ่นเถี่ยจวินตัดสิทธิ์คนอื่นในโรงงานเครื่องจักรจากการเข้าร่วมการแสดงเพราะเห็นแก่ลูกสาว ไม่ใช่คัดค้านไม่ให้เสิ่นอวี้อิ๋งร่วมการแสดงเสียที่ไหน
เสิ่นอวี้อิ๋งน้ำตาไหล “รู้ไหมคะ? ตอนอยู่หลังเวที หลินเซี่ยเหน็บแนมและดูถูกฉันด้วย หาว่าฉันไม่มีความสามารถและพรสวรรค์แต่ก็ยังดันทุรังจะขึ้นแสดง ฉันฟังแล้วรู้สึกแย่มากจริง ๆ”
เมื่อเสิ่นเสี่ยวเหมยได้ยินแบบนั้น หล่อนก็ระเบิดอารมณ์ทันที “ฉันนึกอยู่แล้วเชียวว่าทำไมอวี้อิ๋งถึงสะอึก ที่แท้ก็ถูกนังเด็กงี่เง่าคนนั้นกระตุ้นนี่เอง ตอนอยู่หลังเวทีถึงได้ร้องไห้หนักมากและเสียใจมากจนสะอึกแบบนั้น”
เจียงอวี่เฟยซึ่งนั่งอยู่ข้างหลังครอบครัวพวกเขาทนฟังไม่ไหวอีกต่อไป ก่อนจะลุกขึ้นและพูดจาเหน็บแนมพวกเขาด้วยถ้อยคำประชดประชัน “พิโธ่เอ๊ย ในวันที่อากาศหนาวเย็นแบบนี้ ใครกันหนออุตริใส่ชุดกระโปรงฤดูร้อน ห่วงความสวยความงามมากกว่าความอบอุ่นของร่างกายจริง ๆ ตัวเองสะอึกเพราะความหนาวเย็นแท้ ๆ กลับพาลตำหนิว่าเป็นความผิดของคนอื่น ไม่เคยเห็นใครหน้าไม่อายแบบนี้เลยจริง ๆ”
รองผู้อำนวยการโรงงานเจียงยื่นมือออกไปปรามเจียงอวี่เฟยพลางพูดว่า “อวี่เฟย อย่ายุ่งเรื่องชาวบ้านนักเลยน่า”
“ความผิดพลาดแค่นิดหน่อยก็ยอมรับไม่ได้ ไม่สมกับเป็นลูกสาวของผู้อำนวยการเสิ่นเลย ทีพ่อฉันต้องหลุดจากตำแหน่งผู้อำนวยการโรงงานโดยใช่เหตุฉันยังไม่พูดอะไรเลย”
เสิ่นเสี่ยวเหมยได้ยินคำครหาอันน่ากลัวของเจียงอวี่เฟย จึงหันกลับมาจ้องมองเธอเขม็ง แต่เจียงอวี่เฟยกลับไม่สะทกสะท้าน “จ้องฉันทำไม? พวกยุให้ร่ำตำให้รั่ว”
เสิ่นเถี่ยจวินฟังคำตัดพ้อของลูกสาวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม จากนั้นก็ตบไหล่หล่อนเบา ๆ แล้วพูดว่า “อวี้อิ๋ง หยุดร้องไห้เถอะ พ่อไปธุระหน่อยเดี๋ยวจะกลับมา”
หลังจากการแสดงทั้งหมดจบลง พิธีกรก็เรียนเชิญประธานการจัดงานขึ้นมากล่าวสุนทรพจน์บนเวที ชมเชยหน่วยงานและบุคลากรที่มีความก้าวหน้าของปีที่แล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน รายชื่อผู้ที่ได้รับรางวัลก็ออกมา พิธีกรก็เริ่มประกาศรายชื่ออย่างกระตือรือร้นอีกครั้ง
“ถึงเวลาที่พวกเรารอคอยแล้วครับ พิธีมอบรางวัลการแข่งขันศิลปะการแสดงประจำอุตสาหกรรมโรงงานไห่เฉิง ครั้งที่สอง”
เสียงปรบมือจากผู้ชมดังกึกก้อง
ทุกคนมองไปทางเวทีด้วยความคาดหวัง รอการประกาศรายชื่อผู้ได้รับรางวัลอย่างจดจ่อ
หลินเซี่ยกังวลมากเช่นกัน เธอเป็นคนออกแบบและฝึกซ้อมการแสดงนี้ด้วยความทุ่มเทเป็นพิเศษ ถ้าไม่ได้รับรางวัลอะไรเลย ทุกคนคงจะผิดหวังกันมาก ๆ และถ้าในอนาคตมีกิจกรรมการแข่งขันใด ๆ อีก จากนี้ทุกคนอาจไม่อยากให้เธอมีส่วนร่วมแล้วก็ได้
“ผู้ที่ได้รับรางวัลชมเชย คือการแสดงบรรยายบทกวีของเสิ่นอวี้อิ๋งจากโรงงานเครื่องจักรไห่เฉิงครับ”
หลินเซี่ยถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้ยินเสียงพิธีกรบนเวที
การแสดงของเสิ่นอวี้อิ๋งได้รับรางวัลชมเชยกับเขาด้วยหรือนี่
เธอจำได้ว่าก่อนหน้านี้ไม่กี่นาที เสิ่นเถี่ยจวินเบียดตัวเข้าไปในแถวที่นั่งของกรรมการ หรือว่าขอรางวัลปลอบใจให้ลูกสาวของเขากันนะ?
เห็นแก่หน้าลูกสาว เขาถึงกับยอมใช้วิธีสกปรกเชียวเหรอ
เมื่อเสิ่นเสี่ยวเหมยได้ยินชื่อของเสิ่นอวี้อิ๋งถูกเรียกบนเวที หล่อนก็รู้สึกตื่นเต้นมากกว่าตัวเสิ่นอวี้อิ๋งเองเสียอีก
“อวี้อิ๋ง เธอได้รับรางวัลแล้ว ดีใจด้วย ถึงเวลาที่เธอต้องขึ้นเวทีไปรับรางวัลแล้ว”
“ไปเร็วเข้า” เซี่ยหลานไม่คาดคิดว่าเสิ่นอวี้อิ๋งจะได้รับรางวัล ครู่นี้หล่อนสังเกตเห็นว่าเสิ่นเถี่ยจวินแทรกตัวเข้าไปที่โต๊ะของคณะกรรมการผู้ตัดสิน ทันใดนั้นก็คาดเดาสิ่งที่เกิดขึ้นในใจได้
เสิ่นเถี่ยจวินยอมฝ่าฝืนหลักการของตัวเองเพื่อลูกสาวคนนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า สิ่งนี้ทำให้เซี่ยหลานเหลือเชื่อมาก
เมื่อเสิ่นอวี้อิ๋งได้ยินว่าได้รับรางวัล รอยยิ้มอันแสนหวานก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าอีกครั้ง พอจัดผมเผ้าเสร็จก็เดินขึ้นไปบนเวที
“ผู้ที่ได้รับรางวัลชมเชยรายการที่สอง ได้แก่ การแสดงคู่จากโรงงานยานยนต์ไห่เฉิง ในหัวข้อ ‘ความลับของผู้อำนวยการโรงงาน’ ขอเชิญนักแสดงขึ้นมาบนเวทีเพื่อรับรางวัล”
หยางเป่าเฉวียนและเสี่ยวหวังต่างทำผลงานดีจนครองรางวัลไปอีกหนึ่งรายการ คนอื่น ๆ ก็ยิ่งกังวลมากขึ้นไปอีก
“เสี่ยวหลิน เธอคิดว่าเขาจะประกาศรายชื่อพวกเราไหม?”
หลินเซี่ยมองไปที่เวที ยิ้มพร้อมกับส่ายหัว “ไม่รู้สิคะ พวกเรารอฟังกันก่อนเถอะ”
“ผู้ที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง ได้แก่ การแสดงร้องประสานเสียงเพลง ‘Running’ จากโรงงานผลิตอาหารซินหยวน โปรดเชิญตัวแทนนักแสดงขึ้นมารับรางวัลบนเวทีด้วยครับ”
“แม้แต่ที่สามยังไม่มีชื่อเราเลย พวกเราคงไม่ได้แล้วล่ะ”
เมื่อเห็นสหายหญิงจากโรงงานผลิตอาหารซินหยวนเดินผ่านไปราวกับว่าพวกหล่อนชนะการแข่งขันรางวัลที่หนึ่ง และขึ้นไปบนเวทีเพื่อรับรางวัล หวังซิ่วฟางก็ถอนหายใจพร้อมกับทำคอตก
“ไม่เป็นไร แค่เราได้มีส่วนร่วมก็พอแล้ว”
เสียงของพิธีการบนเวทีประกาศต่อไปว่า “ผู้ที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง ได้แก่… การเต้นแอโรบิกประกอบเพลง ‘ความทรงจำสีชมพู’ จากโรงงานยานยนต์ไห่เฉิงครับ”
สิ้นเสียงประกาศของผู้ดำเนินรายการ สายตาของทุกคนก็หันไปทางหลินเซี่ยและคนอื่น ๆ
“ว้าว พวกเราได้รับรางวัลจริง ๆ เราได้ที่สอง”
“สุดยอดไปเลย”
“ขึ้นเวทีไปรับรางวัลกันเถอะ”
เฉินเจียเหอมองเธอด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักและภาคภูมิใจ ช่วยทัดปอยผมของเธอไว้ข้างหูเบา ๆ “ขึ้นไปรับรางวัลเถอะ”
เมื่อพี่สาวหลิวเห็นเฉินเจียเหอจัดทรงผมให้หลินเซี่ย เธอก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ไอ้หยา เฉินกง สายตาคุณจะหวานฉ่ำไปไหนกันนะ หนุ่มสาวคู่นี้นี่น่ารักกันจริงเชียว”
“รางวัลชนะเลิศ ได้แก่… การแสดงดนตรีจากโรงงานสิ่งทอ ในบทเพลง ‘ประวัติศาสตร์แห่งความทรงจำ’ ครับ”
รายการแสดงดังกล่าวเป็นการแสดงที่ครบเครื่องที่สุด จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะได้รับรางวัลชนะเลิศ
ทุกคนก้าวขึ้นเวทีเพื่อรับรางวัลอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยมีรอยยิ้มสดใสประดับบนใบหน้า
พี่สาวจางบอกว่า “เสี่ยวหลิน ไปยืนอยู่ตรงกลางเร็วเข้า เธอต้องเป็นคนรับรางวัลนะ”
“ไม่เอาค่ะ ให้ลุงหนิวไปยืนตรงกลางดีกว่า”
หลินเซี่ยปฏิเสธเพราะไม่ต้องการเป็นจุดเด่น และผลักลุงหนิวกับลุงหลี่ออกไปแทน
ประธานองค์กรสหภาพแรงงานมอบรางวัลให้พวกเขา ลุงหนิวจึงรับรางวัลในนามของทั้งทีม
พิธีกรชายมองดูลุงหนิวผู้ผมหงอกไปทั้งศีรษะด้วยความกระตือรือร้น ส่งยิ้มให้แล้วพูดว่า “เชิญคุณลุงพูดอะไรสักหน่อยครับ”
“ก่อนอื่นเลย ผมต้องขอขอบคุณองค์กรสหภาพแรงงานไห่เฉิงที่จัดให้มีการแข่งขันศิลปะการแสดงครั้งนี้ ขอบคุณคณะกรรมการผู้ตัดสิน และขอบคุณผู้ชมทุกท่าน แน่นอนว่าคนที่ผมอยากขอบคุณมากที่สุดคือหลินเซี่ย สหายเสี่ยวหลินของเรา หล่อนเป็นคนริเริ่มเชิญชวนพวกเราซึ่งเป็นพนักงานที่เกษียณอายุแล้วให้ร่วมฝึกซ้อมการแสดงกับพนักงานรุ่นน้องทั้งหลาย และได้มาแข่งขันร่วมกับรายการอื่นในที่นี้ ทำให้พวกเราได้แสดงศักยภาพของพนักงานเกษียณอย่างเต็มที่ ขอบคุณผู้บริหารของทางโรงงานที่ให้โอกาสพวกเราครับ”
ลุงหนิวขอบคุณทุกคนที่มีส่วนร่วม แล้วตะโกนเสียงดังว่า “แรงงานแห่งชาติ มาออกกำลังกายเพื่อสุขภาพกันเถอะ”
“เป็นคำปลุกใจที่ยอดเยี่ยมมาก ในอนาคตผู้สูงอายุทุกท่านภายในสหภาพแรงงานเราต้องถือเอาคุณลุงคุณป้าเป็นตัวอย่าง แล้วเริ่มออกกำลังกายด้วยกันนะครับ”
ลำดับต่อไป เป็นสุนทรพจน์ของตัวแทนผู้รับรางวัลจากโรงงานสิ่งทอที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ…
…
“สหายและเพื่อนร่วมงานทุกท่านครับ หลังจากปีใหม่นี้เป็นต้นไป ขอให้พวกเราทุ่มเททำงานหนักต่อไปเพื่อให้บรรลุนโยบายสี่ทันสมัยใหม่(1) ผมขอประกาศ ณ ที่นี้ว่า การแข่งขันศิลปะการแสดงประจำสหภาพแรงงานไห่เฉิงครั้งที่สอง ได้สิ้นสุดลงแล้ว”
หลินเซี่ยวิ่งไปหาเฉินเจียเหอและหู่จือพร้อมกับรางวัลในมืออย่างมีความสุข
รายการแสดงทั้งสองของโรงงานยานยนต์ต่างก็ได้รับรางวัล ทำให้ผู้นำมีความสุขมากจนอดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้าง
หลังจากขึ้นรถบัสแล้ว เลขานุการหลี่พูดด้วยความตื่นเต้นว่า “พวกคุณหิวกันหรือยัง? ไปกันเถอะ วันนี้พวกเราไปกินข้าวฉลองความสำเร็จที่ร้านอาหารของรัฐกัน ผมจะเบิกงบจากทางโรงงานเลี้ยงเอง”
“ว้าว หัวหน้าเป็นเจ้าภาพ”
ที่จริงร้านอาหารของรัฐแห่งนี้ได้รับการว่าจ้างจัดเลี้ยงจากภาคเอกชนอยู่บ่อยครั้ง ทั้งยังตั้งอยู่ใกล้โรงงาน ราคาก็มีความสมเหตุสมผล เวลาทุกคนมีกิจกรรมกลุ่มก็มักจะไปรับประทานอาหารที่นั่นเสมอ
คนกลุ่มหนึ่งจับจองโต๊ะอาหารใหญ่เต็มสองโต๊ะ
พวกเขาสั่งเมนูทั่วไปอันเป็นมาตรฐานความนิยมภายในโรงงาน ในขณะที่อาหารทยอยยกมาเสิร์ฟ เลขานุการหลี่ก็เริ่มพูดอีกครั้ง
เขาขอบคุณอย่างเป็นทางการที่ทุกคนให้ความร่วมมือในการแข่งขัน และตั้งใจทำผลงานเป็นอย่างดี
“เลขาหลี่ คุณเคยบอกว่าถ้าพวกเราได้รับรางวัลกลับมา จะมอบรางวัลให้ไม่ใช่เหรอคะ?”
“ใช่ ไว้พรุ่งนี้หลังจากผมได้รับการอนุมัติแล้ว จะส่งรางวัลไปให้พวกคุณทันที”
เลขาหลี่พูดขอบคุณไม่รู้จักเหนื่อย จนกระทั่งอาหารทุกจานถูกยกออกมาเสิร์ฟจนครบแล้ว เขาก็ยังไม่หยุดพูดพล่ามอีก
หยางเป่าเฉวียนจึงพูดแทรกด้วยน้ำเสียงไม่อดทน “ท่านผู้นำ โปรดหยุดพูดเสียทีเถอะ สหายทุกคนหิวข้าวแล้ว เดี๋ยวกับข้าวมื้อกลางวันของเราจะเย็นชืดจนเสียของหมด พวกเรารีบกินกันดีกว่า”
เลขาหลี่กลอกตามองเขา แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เอาล่ะ มากินอาหารร่วมกันเถอะ วันนี้ผมไม่พูดอะไรแล้ว”
ครอบครัวของเฉินเจียเหอทั้งสามคนนั่งอยู่ร่วมโต๊ะเดียวกันกับหยางเป่าเฉวียน ภรรยาของเขา และเลขานุการหลี่
วันนี้เลขาหลี่รู้สึกภาคภูมิใจมากจริง ๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้บริหารโรงงานท่านอื่น ๆ
รายการแสดงจากโรงงานของเขาได้รับรางวัลทั้งสองรายการ แถมหลินเซี่ยและทีมของเธอที่เต้นแอโรบิกประกอบเพลงยังได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่งอีกด้วย
ขณะนี้ เขาซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ เฉินเจียเหอจึงเอาแต่ยกย่องเฉินเจียเหอไม่หยุดปาก ว่าเขาโชคดีแค่ไหนที่ได้แต่งงานกับภรรยาที่มีความสามารถแบบเธอ
“ทำไมพวกคุณยังไม่ไปจดทะเบียนสมรสกันอีกล่ะ? ไม่รีบจดทะเบียนซะที เดี๋ยวสาวสวยคนนี้ก็หลุดมือไปหรอก”
เฉินเจียเหอดื่มน้ำ ก่อนจะพูดด้วยความมั่นใจ “ผมจะผูกมัดเธอไว้ให้แน่น เธอจะได้หนีไปจากผมไม่ได้”
…………………………………………………………………………………………………………………………
นโยบาย 4 ทันสมัยใหม่ 四个现代化 เป็นนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจจีนของผู้นำเติ้งเสี่ยวผิง ทำให้ระบบเศรษฐกิจจีนเติบโตอย่างรวดเร็วและเข้มแข็ง พลิกโฉมจากความล้าหลัง ก้าวกระโดดสู่การเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกในยุคปัจจุบัน แบ่งออกเป็น อุตสาหกรรมทันสมัย การเกษตรทันสมัย วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทันสมัย และการทหารทันสมัย
สารจากผู้แปล
ถ้ายัยอวี้อิ๋งจะเลวก็ไม่แปลกใจเลยค่ะ ในเมื่อนิสัยแบบนี้ตั้งแต่พ่อยันปู่
พี่เหอจะผูกมัดเซี่ยเซี่ยยังไงเหรอคะ จะใช้คาถามหาเสน่ห์ตัวไหน
ไหหม่า(海馬)