ตอนที่ 129 จุดประสงค์ของผู้อำนวยการ

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

ตอนที่ 129 จุดประสงค์ของผู้อำนวยการ

เหตุการณ์บทความของไป๋เยี่ยจบลงแต่โดยดีเมื่อทางสถาบันแพทย์แผนจีนแห่งชาติได้ออกประกาศรับสมัครอย่างเป็นทางการ

การตรวจสอบความถูกต้องของบทความไม่ใช่เรื่องง่าย มันไม่ใช่แค่ว่าตรวจสอบฐานข้อมูลและพบว่าผู้เขียนบทความคือไป๋เยี่ยจะเท่ากับบทความนั้นเป็นของจริง ถ้ามันง่ายขนาดนั้น ทำไมเรื่องราวถึงบานปลายขนาดนี้ล่ะ

เพราะเป็นการยากที่จะตรวจสอบว่าบทความนี้เขียนขึ้นโดยไป๋เยี่ยจริงๆ หรือไม่

แต่ในช่วงเวลาวิกฤตินั้น บุคลากรระดับสูงจากองค์กรอนามัยโลกก็ได้แถลงและพิสูจน์ให้เห็นว่าบทความเหล่านั้นเขียนโดยไป๋เยี่ยจริงๆ

ตัดภาพมาที่อาจารย์ผู้ปฏิเสธไป๋เยี่ยอย่าง ‘เฮ่ออัน’ เขาดูสงบมากราวกับว่าเรื่องราวทั้งหมดไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อเขามากนัก

เฮ่ออันกล่าวในที่ประชุม “ทั้งไป๋เยี่ยและฟู่ย่าตงต่างมีผลงานยอดเยี่ยมทั้งคู่ ครั้งนี้ที่ผมเลือกปฏิเสธไป๋เยี่ยไปได้ก่อให้เกิดปัญหาตามมามากมาย ทว่าในทางกลับกัน ถ้าผมเลือกปฏิเสธฟู่ย่าตงบ้าง ก็คงเกิดปัญหามากมายเช่นกัน!”

“ผมต้องเลือกหนึ่งในสองคนนี้ ผมถามคำถามเดียวกันกับทั้งไป๋เยี่ยและฟู่ย่าตงว่า ‘จะเต็มใจย้ายไปเรียนปริญญาโทสายวิชาการไหม’ ทั้งสองคนมีคำตอบที่แตกต่างกัน ฟู่ย่าตงยินยอม ส่วนไป๋เยี่ยปฏิเสธ สิ่งที่พวกเขาตอบต่างเป็นความจริง ผมมองว่านี่คือทางเลือกของพวกเขา และแน่นอนว่าผมก็มีตัวเลือกของผมเหมือนกัน”

“สิ่งที่เหล่าอาจารย์ที่ปรึกษาต้องการคือต้องการรับนักศึกษาที่เหมาะกับพวกเขา ต้องเป็นนักศึกษาที่มุ่งมั่นและเต็มใจที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆ จากคุณ ไม่ใช่นักศึกษาที่เก่งอย่างเดียว”

“แน่นอน ไป๋เยี่ยก็เป็นนักศึกษาที่ดีมากคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าผมจะไม่รู้ว่าไป๋เยี่ยมีเอกสารมากมายขนาดนั้น แต่ผมก็กล้าพูดว่าไป๋เยี่ยเป็นคนเก่ง แม้ว่าผมจะไม่ได้คาดหวังและประเมินเขาต่ำไป แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่ผมควรจะเสียใจเลยสักนิด ว่ากันตามตรงคือ ผมไม่รู้สึกเสียใจเลยครับ

“อย่างที่ผมบอกไป ทุกคนมีตัวเลือกเป็นของตนเอง สิ่งที่อาจารย์ที่ปรึกษาพึงปฏิบัติไม่ใช่การพึ่งพานักศึกษาที่มีความโดดเด่นเพื่อปรับปรุงสถานะและชื่อเสียงของเขา แต่ต้องคอยชี้แนะนักศึกษาที่ยินดีเรียนรู้จากคุณและพร้อมพัฒนาตนเอง ใช้ศักยภาพของคุณในการอบรมชี้แนะพวกเขาให้เดินไปได้ไกลยิ่งขึ้น

พูดตามตรง หลังจากที่ผมรู้ว่าไป๋เยี่ยเขียนบทความเหล่านั้น ผมก็รู้สึกว่าผมโชคดีนิดหน่อย ผมไม่ได้กลัวการเยาะเย้ยจากผู้คนเลย ผมเองก็ไม่รู้ว่าผมจะนำทางไป๋เยี่ยไปได้ไกลแค่ไหน เพราะตัวผมเองก็ยังไม่ดีพอ บางทีไป๋เยี่ยอาจจะไปได้ไกลมากขึ้นถ้ามีอาจารย์หลิวคอยชี้แนะ เขาจะต้องโบยบินได้สูงขึ้นอย่างแน่นอน! โปรดอวยพรเขาด้วยนะครับ!”

เฮ่ออันอายุห้าสิบปีแล้ว เขาผ่านประสบการณ์ชีวิตมามากมาย เขามีจุดยืนที่ชัดเจนและรู้จักตนเองดีว่าเขาต้องการนักศึกษาแบบไหน สมกับที่คนอื่นวิจารณ์เขาไว้ว่าเขานั้นเป็นคนแปลกที่มีหลักการจริงๆ!

“สุดท้ายนี้ ผมอยากจะบอกว่าหลังจากที่การสอบรอบสองจบลง ไป๋เยี่ยก็ได้ส่งอีเมล์มาหาผม ผมเผยแพร่เนื้อหาของอีเมล์ได้ แต่ผมจะไม่ทำแบบนั้น เขาเป็นเด็กที่ฉลาดและเป็นคนดีกว่าที่ทุกคนคิด ผมหวังว่าเขาจะไปได้ไกลขึ้นเรื่อยๆ!”

เฮ่ออันพูดทั้งหมดนั้นในการประชุม ทั้งจ้าวลี่ซูและผู้บริหารคนอื่นๆ ในมหาวิทยาลัยก็ต่างยอมรับ

เพราะนี่คือสิ่งที่คนเป็นอาจารย์และมหาวิทยาลัยควรทำ

เฮ่ออันก็ยังคงเป็นเฮ่ออัน คนแปลกที่มีหลักการ และอาจารย์ที่ปรึกษายอดเยี่ยมคนหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ทางมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนไห่ซื่อก็ได้เป็นผู้นำในการริเริ่มนำระบบการรักษาข้อมูลการลงทะเบียนเรียนระดับสูงกว่าปริญญาตรีมาใช้ สิ่งที่พวกเขาทำคือต้องรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับนักศึกษา ไม่ใช่แค่คะแนนสอบเข้า หรือผลงานพิเศษใดๆ…

ต้องบอกว่าความสำเร็จของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนไห่ซื่อนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นเพราะพวกเขาเลือกที่จะเรียนรู้จากข้อผิดพลาดนั่นเอง

มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีกลายเป็นสถานที่ที่มีนักศึกษาจำนวนมากแวะเวียนมาในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ หนุ่มๆ สาวๆ จากวิทยาลัยนิเทศศาสตร์ข้างๆ ก็เริ่มเข้ามาแวะเวียนที่นี่เช่นกัน

ไม่รู้ว่าใครเป็นคนแพร่ข่าวว่าไป๋เยี่ยยังโสด แต่นั่นทำให้สาวๆ จากสถาบันรอบข้างพากันหวั่นไหวไปหมด

เขาคือบุคคลที่ได้รับการยกย่องจากองค์การอนามัยโลก ทั้งยังเป็นชายหนุ่มที่มีอนาคตสดใสและความสามารถอันมากล้น!

ที่สำคัญ ถ้าคุณมียีนความฉลาดล่ะก็ ลูกหลานของคุณก็อาจจะกลายเป็นยอดมนุษย์ได้เหมือนกัน!

แม้ว่าจะไม่ได้คบกัน แต่ยีนดีแบบนี้…ก็ไม่น่าใช่เรื่องน่าปฏิเสธสักเท่าไหร่

ว่ากันว่าสถานที่โปรดของนักวิชาการระดับปรมาจารย์คือห้องสมุด ดังนั้นห้องสมุดของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีจึงกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญสำหรับสาวๆ

การศึกษาในมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว เหล่าหนุ่มสาวรุ่นเยาว์ต่างมุ่งหน้าไปที่ห้องสมุด

ตอนแรกไป๋เยี่ยก็อยากออกไปเดินเล่นอวดสาวบ้าง

ทว่าก่อนจะได้เพลิดเพลินกับผลลัพธ์แห่งความสำเร็จนั้น เขาก็ถูกหูเฟิงอวิ๋นเรียกไปที่ห้องผู้อำนวยการเสียก่อน

ไป๋เยี่ยเดินตัวสั่นเข้าไปในห้องผู้อำนวยการ…

เขาเห็นว่ามีผู้คนกว่าสิบคนกำลังยืนล้อมวงพร้อมกับจ้องมาที่เขาอย่างกระตือรือร้น แววตาพวกเขาเหล่านั้นแฝงไปด้วยความคาดหวังและความตื่นเต้น

พวกเขามาที่นี่ทำไมกัน

ไม่เห็นจะเคย…เจอคนพวกนี้มาก่อนเลย!

หูเฟิงอวิ๋นกล่าวทั้งรอยยิ้ม “ไป๋เยี่ย นี่คือผอ.เจิ้งจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี นี่คือผอ.หลิวจากมหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์ นี่คือผอ.เหอจากวิทยาลัยแพทย์ และนี่ผอ.หยางจากมหาวิทยาลัยจิ้นซี…”

ไป๋เยี่ยรู้สึกสับสนเล็กน้อยหลังจากได้ฟังหูเฟิงอวิ๋นแนะนำคนเหล่านั้น…

ผอ.จากมหาวิทยาลัยทั่วทั้งมณฑลจิ้นซีมาที่นี่หมดเลยเหรอ

หรือว่านี่จะเป็นการประชุมครั้งใหญ่ พวกเขาคิดจะทำอะไรกัน

แต่ก่อนบุคคลเหล่านี้ล้วนเป็นดั่งเทพมังกรที่เห็นหัวแต่ไม่เห็นหาง[1] การพบกันเช่นนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นยากมาก

พวกเขาต้องการอะไร

เฮ้อ…หรือว่านี่จะเป็นไปตามปรัชญาขงจื๊อที่กล่าวว่า ‘ยามที่เหล่าบัณฑิตพูดคุยกัน จะไม่มีคนไร้ปัญญามายุ่มย่าม’

พอได้ยินหูเฟิงอวิ๋นเรียกชื่อพวกนั้นต่อๆ กัน ก็ทำให้คิดว่าแล้วเราจะไปจำชื่อพวกนั้นได้ไงกัน

ไป๋เยี่ยถอนหายใจ คุณป้าหูกำลังทดสอบเราอยู่ชัดๆ

เขาหายใจเข้าลึกๆ ด้วยแววตาเป็นประกาย ก่อนจะก้มศีรษะลงเล็กน้อย

“สวัสดีครับ ผอ.เจิ้ง! ผอ.หลิว! ผอ.เหอ! ผอ.หยาง!…”

ไป๋เยี่ยพูดจบก็ถอนหายใจ…

คิดว่าจำชื่อพวกนี้ได้หรือไง

ทุกคนเห็นดังนั้นก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยก่อนจะพากันหัวเราะออกมา

แม้แต่หูเฟิงอวิ๋นเองก็ประหลาดใจ ชื่อเยอะแยะขนาดนี้ แม้แต่ตัวเธอเองยังสับสนเลย ไป๋เยี่ยจำชื่อพวกนี้ได้อย่างไรกัน

อัจฉริยะช่างแตกต่างจริงๆ…

“สมตามคำร่ำลือ! ฉายาอัจฉริยะหนุ่มนี่ไม่เกินจริงเลย! เรียกผอ.ก็ดูจะห่างเหินกันไปหน่อย ถ้าคุณเรียกผอ.หูว่าป้าหู งั้นก็เรียกผมว่าลุงแล้วกัน”

“ถูกต้อง…เรียกผมว่าลุงหยางนะ เรียกผอ.หยางมันดูห่างเหินไป!”

“ใช่แล้ว ต่อไปว่างๆ ก็มาที่วิทยาลัยแพทย์ได้นะ พวกเราไม่แบ่งแยกแพทย์แผนจีนกับแพทย์แผนปัจจุบันหรอก พวกเราต้องแลกเปลี่ยนสื่อสารกันเข้าไว้ พวกนักศึกษาปีหนึ่งของเราก็หวังว่าเสี่ยวเยี่ยจะมาบรรยายเรื่องทฤษฎีแพทย์แผนปัจจุบันบ้าง!”

“ทุกวันนี้การแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างศาสตร์นั้นสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ เสี่ยวเยี่ย ไว้คุณมาฟังการบรรยายที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีของเราบ้างสิ บางทีคุณอาจจะได้แรงบันดาลใจบางอย่างไปก็ได้นะ”

“ใช่แล้ว! สาขาวิชาคณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยจิ้นซีได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสาขาที่ดีที่สุดในประเทศ เสี่ยวเยี่ย วิชาสถิติก็เป็นคณิตศาสตร์ประยุกต์แขนงหนึ่งเช่นกัน เราต้องมาพูดคุยให้มากขึ้นแล้ว!”

หูเฟิงอวิ๋นยิ้มแล้วจึงขอให้ทุกคนนั่งลง ก่อนจะหันไปทางไป๋เยี่ย

“ที่ผอ.ทุกคนมาที่นี่ก็เพราะป้ามีเรื่องอยากคุยกับหนู”

ไป๋เยี่ยรีบตอบรับ “คุณลุงครับ ถ้ามีคำถามอะไรก็ถามได้เลยนะครับ ผมจะพยายามตอบถ้าตอบได้! พวกคุณเกรงใจผมขนาดนี้ ผมก็ประหม่าเป็นนะครับ”

[1] เทพมังกรเห็นหัวไม่เห็นหาง สำนวนจีน แปลว่าบุคคลที่ชอบทำตัวลึกลับ ไม่เปิดเผยตนเอง